สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และคอลัมน์เล่าประสบการณ์เด็กนอกอีกเช่นเคย !! ช่วงนี้หลายคนคงทยอยปิดเทอมกันแล้ว ยังไงถ้าอยู่บ้านเหงาๆ ไม่รู้จะทำอะไร ก็มาลองอ่านเรื่องประสบการณ์ต่างแดนสนุกๆ จากเพื่อนๆ ของเราดีกว่าเนาะ ^^ สำหรับวันนี้เรื่องราวถูกส่งตรงมาจากดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืนหรือนอร์เวย์นั่นเองค่ะ


       

                    สวัสดีค่ะ ก่อนจะบ่นอะไรยืดยาว  ขอแนะนำตัวก่อนนะ เราชื่อ "เก๊ะ" ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ AFS รุ่น 48 ไปประเทศนอร์เวย์ ซึ่งตอนนี้เราก็อยู่ที่นอร์เวย์มาได้ 5 เดือนแล้ว ถ้าพูดถึงนอร์เวย์ หลายๆ คนก็คงจะนึกถึงพระอาทิตย์เที่ยงคืน แสงเหนือ ฟยอร์ด อากาศเย็นๆ กับหิมะสีขาว นั่นก็เป็นสิ่งที่เรานึกถึงตอนที่เราเลือกประเทศนี้เหมือนกัน                      

                    เราเดินทางมานอร์เวย์ช่วงปลายเดือนสิงหาคม  เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง อากาศไม่หนาวเท่าไหร่ ประมาณ 20 องศา (หน้าหนาวบ้านเรานั่นเอง) เด็กไทยที่มานอร์เวย์รุ่นนี้มี 19 คน แต่กระจายกันอยู่ทั่วประเทศและไม่มีคนอยู่เมืองเดียวกับเราเลย เราอยู่เมืองทีชื่อว่า ELVERUM อยู่ทางตะวันออกของประเทศ ห่างจาก Oslo (ออสโล) ที่เป็นเมืองหลวงประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงแม้ว่าเมืองเราจะไม่ได้อยู่ทางเหนือ แต่อากาศหน้าหนาวนี่เทียบเท่ากันได้เลยเพราะเคยต่ำถึง -33 องศาแน่ะ (เวลาออกจากบ้านต้องใส่เสื้อหนาๆ ทำให้เวลาเราเดินรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเพนกวิน)

                    โฮสท์แฟมิลี่ของเราประกอบไปด้วยพ่อ แม่ และน้องสาว 2 คน บ้านเราเป็นนักกีฬาทั้งบ้าน คือเวลาว่างต้องออกไปเทรนนิ่งหรือไม่ก็ไปวิ่ง ด้วยความที่ว่าประเทศนอร์เวย์ใช้ภาษานอร์วีเจี้ยนในการสื่อสาร ทำให้แรกๆ เราไม่สามารถสื่อสารกับคนอื่นๆ รู้เรื่อง ภาษานอร์วีเจี้ยนจะคล้ายๆ กับภาษาสวีเดนและเดนมาร์ก แต่ใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเหมือนกันจึงไม่ต้องจำอะไรมากมาย (ไม่เหมือนภาษาไทย ใส่บน ใส่ล่าง ใส่เสียง 555) แต่โฮสท์เราใจดีกับเรามาก  มาถึงก็พาเราไปเที่ยวออสโลก่อนเลย สถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ในออสโลก็จะมี  Opera house (วิวสวย ติดทะเล), Vigeland Park (มันเป็นสวนรูปปั้น แต่เราเรียกสวนคนโป๊), พระราชวัง, พิพิธภัณฑ์ต่างๆ และที่ขาดไม่ได้ ถนนชอปปิ้ง (ยิ่งถ้าไปวันหยุดของจะเยอะมาก) แล้วเรายังได้นั่งเรือสำราญไปเดนมาร์กอีกด้วย (การไปต่างประเทศให้คุ้ม ต้องไปหลายๆ ประเทศนะคะ 555)

 

     
     
 
  

 

      เอาล่ะ พูดเรื่องเที่ยวกับเรื่องโฮสท์มาเยอะแล้ว มาพูด
 ถึงเรื่องเรียนบ้างดีกว่า โรงเรียนที่เราต้องไปเป็นมัธยม
 ปลายของเมืองชื่อ ELVERUM VIDEREGÅENDE
 SKOLE
 มีทั้งสายสามัญและสายอาชีพรวมกัน แต่เราได้
 เรียนปี 2 สายสามัญ และโรงเรียนที่นี่ไม่มีเครื่องแบบนัก
 เรียนค่ะ ถ้าจะมีก็จะเป็นโรงเรียนนานาชาติ (สลับกับของ
 ไทยเลยเนอะ)

    เมื่อไปถึงก็ต้องลงวิชาเรียนซึ่งวิชาบังคับก็จะมี พละ,
 ประวัติศาสตร์, สังคม แล้วเราก็เลือกวิชาเพิ่มคือ
 คณิตศาสตร์ (วิชาหากิน), ชีววิทยา และภาษาอังกฤษ

 ในห้องเรียนเรามีอยู่ประมาณ 20 คน ในการเรียนแต่ละ
 ครั้งเราต้องเดินเรียนตามห้อง คือบางวิชาก็จะเจอเพื่อนใน
 ห้องบ้างปนๆ กันไป

    ก่อนที่เราจะมาที่นี่ เราได้ฟังคำแนะนำในการหาเพื่อน
 จากรุ่นพี่มากมาย  เช่น ลองเขียนภาษาไทยเล่นๆ เดี๋ยว
 เขาก็จะสนใจ  หรืออาจจะเป็นลองเปิดรูปภาพให้ดูเพื่อดึง
 ความสนใจ เราก็ลองใช้กับเพื่อนเราในห้อง ปรากฏว่าไม่
 ประสบความสำเร็จ เราก็พยายามชวนคุย พยายามยิ้มให้
 พยายามเสนอหน้าทุกโอกาส ชนิดที่ว่าเธอไปไหนเราไป
 ด้วย แต่ยอมรับเลยว่าจะมีเพื่อนสนิทเป็นคนนอร์เวย์นั้น
 ยากจริงๆ
ตอนแรกเราคาดหวังว่าเขาน่าจะให้การต้อนรับ
 เราดีๆ เพราะเราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาศึกษา
 วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของพวกเขา ไม่ได้มาเพื่อแย่ง
 ประเทศเขาสักหน่อย แต่มันเป็นการหวังที่ผิดคาด จนบาง
 ครั้งเรารู้สึกท้อว่าเราจะสอบมาทำไมให้มาเจอเรื่องแบบนี้?
 
โดยเฉพาะเขตที่เราอยู่นับได้ว่าเป็นเขตที่คนเย็นชาที่สุด
 (เราว่าเพราะอากาศมันเย็นมากน่ะ คนเลยเย็นตาม)

    เราเคยยืนรอรถเป็นเพื่อนคนในห้อง พอเราขอตัวกลับ
 เขากลับบอกว่าก็ไม่ได้ให้รอเป็นเพื่อนนี่นา OoO~ อีก
 เหตุการณ์หนึ่ง เราคุยกับเพื่อนเรื่องภาษาที่สาม เพื่อนเรา
 เรียนเยอรมัน เราก็บอกเราเคยเรียนญี่ปุ่นนะ เขาก็บอกว่า
 ก็แน่นอน มันเป็นประเทศแถบเธอ ไม่เห็นแปลก OoO~
 เรานี่เงียบเลย หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะภาษาต่างๆ มัน
 ไม่มีระดับความสุภาพเหมือนภาษาไทยล่ะมั้ง เลยทำให้
 การพูดการจาในแต่ละที ทำร้ายจิตใจกันเหลือเกิน เผลอๆ
 ตอนนี้เรากำลังเย็นชาตามสภาพอากาศไปแล้ว ... แล้ว
 ถ้าเขาเห็นเรามีกลุ่ม เขาก็จะปล่อยเราเฉยๆ เลยนะ คือ
 เหมือนกับว่ามีเพื่อนแล้วนี่ งั้นฉันเลิกสนใจเธอล่ะกัน เรา
 ตอนนี้ก็เลยทำตัวเป็นผีไม่มีหลุม เจอใครก็ทัก ไม่ฝักใฝ่
 ฝ่ายใด 555

                        โรงเรียนเรามีคนต่างชาติมาเรียนเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่จะแบ่งแยกกันระหว่างคนนอร์เวย์กับคนต่างชาติ เราเชื่อว่าคนต่างชาติกลัวที่จะคุย กลัวพูดไปแล้วผิด แต่ถ้าเราพูดในกลุ่มชาวต่างชาติด้วยกัน เราจะช่วยกันไม่มีคนมานั่งจับผิด ภาษานอร์วีเจี้ยนมีการกระดกลิ้น มีการออกเสียงในลำคอ ถ้าไม่ทำ ก็กลายเป็นคนละคำ เหมือน ร.เรือ กับ ล.ลิง ถ้าคนไทยไม่กระดกลิ้นเรายังเข้าใจ แต่คนที่นี่ไม่เข้าใจเลย (มันแย่ตรงนี้แหละ เลยไม่อยากจะคุยภาษาเขาเท่าไหร่) แต่บางครั้งเดินสวนกันกับเพื่อนที่เรียนวิชาเดียวกัน จำชื่อได้บ้างไม่ได้บ้างเราก็พยายามยิ้มนะ อย่างน้อยให้เห็นว่าเราไม่ได้หยิ่ง บางคนก็ยิ้มตอบทักตอบ มันก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาบ้าง  

                             ส่วนเรื่องเรียนนั้น .....วิชาที่เราชอบมากก็คือคณิตศาสตร์ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเรียนมาแล้ว และเขายังอนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขได้อีกด้วย คราวนี้ล่ะกดกันสนุกเลย ส่วนวิชาน่าหลับเราคือประวัติศาสตร์ แต่ที่สนุกและไม่ต้องใช้หัวคิดก็คือพละ  คนนอร์เวย์ชอบเล่นกีฬา (มากถึงมากที่สุด) มาถึงแรกๆ เจอวิ่งกลางสายฝนเกือบสองชั่วโมงเราแทบอ้วก  แต่มาอยู่ที่นี่ทำให้เราได้เล่นกีฬาแปลกๆ  ที่เราไม่เคยเล่นอย่างอเมริกันฟุตบอล, วอลเลย์บอล, ไอซ์สเก๊ต, ฮอกกี้ ซึ่งเขาจะไม่แยกผู้หญิงผู้ชาย คือเล่นรวมๆ กันไป ผู้ชายก็จะไม่มีการอ่อนข้อให้ผู้หญิงด้วย (โหดมาก) 

                              คนที่นี่จะกินขนมปังเป็นหลัก คือเช้ากับกลางวันและจะหนักมื้อเย็น  บางครอบครัวอาจจะชอบทำอาหารนอร์เวย์ แต่กับครอบครัวเรา (ถือว่าโชคดี) ที่เขาชอบทำอาหารหลายๆ แบบ คือบางวันก็มีทาโก้ (อาหารเม็กซิกัน), สเต๊ก, สปาเกตตี้ปนๆ กันไป แต่ของที่นี่นับว่าราคาแพงมาก นอร์เวย์ใช้ค่าเงิน Norwegian Krone (NOK) คือ 1 โครน ตกประมาน 6 บาทไทย ดังนั้นคนส่วนใหญ่จะห่อขนมปังไว้กินตอนกลางวันแทนการซื้อ และห้างแต่ละเมืองก็จะไม่ได้ใหญ่โตมโหฬาร คือจะเดินให้ทั่วก็แค่สิบนาทีและจะไม่มีตลาดนัดเหมือนบ้านเรา ของทุกอย่างจะเป็นแบรนด์เนมหมด อย่าง LINDEX, H&M ซึ่งก็ไม่ได้หลากหลายเหมือนเสื้อผ้าบ้านเรา สไตล์การแต่งตัวก็จะคล้ายๆ กันเกือบทุกคน 555 และคนนอร์เวย์ชอบมีปาร์ตี้  กินเหล้า เมา เต้นกันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วเขาจะทำอะไรที่เปิดเผย ถ้าเห็นคนจูบกันในโรงเรียนก็อย่าตกใจ หรือถ้าเห็นเด็กวางเท้าบนโต๊ะต่อหน้าอาจารย์ ก็อย่ามองเขาไม่ดี เพราะคนที่นี่เขาไม่แคร์อะไรแบบนั้น

                    และที่ทุกคนรอคอยคือช่วงคริสต์มาส โรงเรียนจะหยุดประมาณ 2 อาทิตย์ เราได้ไปเล่นสกีครั้งแรกวันคริสต์มาสอีฟ พอกลับมาก็มีปาร์ตี้ในครอบครัว มีการทานอาหารวันคริสต์มาส (เป็นเนื้อหมักเกลือ ไส้กรอกยักษ์แล้วก็มันฝรั่งบด) มีการร้องเพลงรอบต้นคริสต์มาส และสุดท้ายแกะของขวัญ ของขวัญที่นี่จะไม่เหมือนที่ไทย คือที่ไทยเราอาจจะให้ของสวยๆงามๆ แต่คนที่นี่เน้นถุงเท้า ถุงมือ ผ้าพันคอและครีม (เราดีใจมากที่ได้ครีม เพราะครีมราคาแพง 555) 

                             แต่ก็ถือว่าในความเหงายังไม่น่าเบื่อซะทีเดียว มันยังแอบมีช่วงเวลาดีๆ ที่ชีวิตนี้เราไม่คิดว่าจะได้เจอมัน ใครจะไปคิดว่าเกิดมาจะได้อยู่ในสภาพอากาศติดลบ จะได้เล่นสกี จะได้เล่นไอซ์สเก๊ต (แบบน้ำแข็งของจริง ไม่อิงพื้นที่ในร่ม) จะต้องแบ็กแพ็กขึ้นเขาห้ากิโลเมตรเพื่อไปค่าย เราเคยดูหนังเกาหลีมีฉากหนึ่ง ผู้หญิงต้องไปเมืองนอก ผู้ชายก็บอกว่าไปเถอะ ลองใช้ชีวิตลำพังดูให้รู้ว่าต้องการอะไรและไม่ต้องการอะไร พิสูจน์หัวใจตัวเองดู ต่อให้เหงาขนาดไหน ต่อให้ไม่มีคนคุยด้วย ก็อย่ากลับมา จนกว่าจะถึงเวลา ลองอยู่คนเดียวให้ถึงที่สุดนะ ! เราว่าก็จริง มันอาจจะมีบ้างที่โฮมซิก (เราเป็นตอนเดือนที่สอง เหงามากและไม่มีเพื่อน นั่งฟังเพลงคนเดียว น้ำตาก็ไหลไม่หยุด) อาจจะมีบ้างที่ท้อ อยากกลับบ้าน แต่มันก็ต้องสู้ ถ้ายอมแพ้อะไรง่ายๆ แล้วอนาคตจะทำอะไรได้?

 

                            ตอนนี้เราก็เหลืออีกครึ่งทางล่ะ สำหรับคนที่อยากมานอร์เวย์ให้เตรียมใจไว้ก่อนเลยเพราะจะได้ลองอะไรแปลกๆ แน่ๆ เปิดใจยอมรับเข้าไว้อย่าไปยึดว่าเราไม่เคยทำก็จะไม่ทำ อย่าไปกังวลเรื่องภาษา มาที่นี่ถ้าได้พูดทุกวันต่อให้โง่มากๆ ก็ต้องพอฟังออก ไม่ต้องตั้งเป้าว่าเราจะต้องได้เกรดดีๆ พูดภาษาได้คล่อง ให้รู้ไว้ว่าเรามาเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ นอร์เวย์เป็นประเทศที่สวย เงียบสงบ อากาศดีจริงๆ ประสบการณ์ที่เราเอามาเล่ามันเทียบเท่าไม่ได้กับการมาเจอเอง ต่อให้ศึกษาหนังสือเป็นพันเล่ม ฟังคำแนะนำจากคนอีกร้อยคนก็ไม่ช่วยอะไร ถ้าเราไม่ได้มาเจอเหตุการณ์นั้นๆ ด้วยตัวเองนะ

 

 

{pic-desc}

                                      คิดไปคิดมาก็ไม่น่าแปลกใจที่จะอยู่แล้วเหงา เพราะอากาศหนาวๆ ฟ้ามืดๆ อย่างนี้ เป็นใครก็ต้องเหงาจริงมั้ย T^T ยังไง พี่เป้ และเพื่อนๆ ชาวเด็กดีดอทคอมขอเอาใจช่วยให้น้องเก๊ะใช้ชีวิตในนอร์เวย์ให้มีความสุขนะคะ สำหรับสัปดาห์หน้า ประสบการณ์เด็กนอกจะกลับมาพบกับน้องๆ อีกเช่นเคย ขอบอกว่าห้ามพลาดเด็ดขาด พี่เป้ แอบอ่านก่อนแล้วสุดยอดจริงๆ

 

 

 

 
 
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

55 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
bokiezz 11 ก.พ. 53 19:36 น. 5
ชั้นคิดถึงแกร๊!!! ได้โล่
อันที่จิงนานๆเข้าดูบอร์ดนี้ที บังเอิญเหลือบไปเห็นใบหน้าของหญิงนางหนึ่งซึ่งเหมือนเพื่อนสนิทชั้นสมัยประถม และชื่อนอร์เวย์ ก็เลยแวะเข้ามาดู รูปสวยนะแกรรรร!!! ดูเด็กดีอ่ะ ชั้นแอบอิจฉาหน้าใสๆของแก เพราะ ณ จุดๆนี้ หน้าชั้นดำยังกับลูกคนขายถ่านเพราะ o-net ,gat ,pat นี่แหละ

อยากเม้นในนี้ เพราะแกจะได้รู้ว่าชั้นสนใจแก 5555+ ชั้นเป็นคนแรกของเพื่อนแกที่เม้นในนี้เลยนะเนี่ยะ
เม้นไว้เผื่อแกมาอ่าน แกจะได้ซาบซึ้งในมิตรภาพของเราตั้งแต่อนุบาลจวบจบปัจจุบันนี้

ดูๆแล้วการดำรงชีวิตของแกดูลำบากน่าดูเลย...ชั้นก็จะเป็นกำลังใจให้แกนะ สู้ๆ ^ ^
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เพลง 11 ก.พ. 53 20:02 น. 7
โอ้วววววววววว

สู้ ๆ มาก กกกกกก นะ

เธอช่างอดทนจริง ๆเลย ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม่ไหวขอกลับบ้านก้ได้

เเต่เธอ ยังอยู่ เก่งจริง ๆเลย

ยังไงก้สู้ ๆต่อไปนะจ๊ะ อย่ายอมเเพ้

เป็นกำลังใจให้
0
กำลังโหลด
WhiteCrystal Member 11 ก.พ. 53 21:12 น. 8
เขียนได้ดีมากๆเลยนะเนี่ย เราก็คงจะหาโอกาสไปต่างประเทศให้ได้ซักวันนึง ตอนนี้ก็นึกเบื่อนึกเซ็งอะไรหลายๆอย่างในชีวิตนะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไปเมืองนอกเพราะหนีปัญหาหรอก 

เผื่อมันจะเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่แล้วบ้าง 

ประโยคที่มาจากหนังเกาหลีชอบแฮะ ^^ อยากรู้ลิมิตของตัวเองว่าจะมีมากแค่ไหน 

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ ทดสอบตัวเราดูว่าจะผ่านมันไปได้มั้ยเนอะ สู้ๆ

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2553 / 21:13
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2553 / 21:14
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
minarijang Member 12 ก.พ. 53 03:47 น. 13
เท่าที่อ่านมาก้อ คล้ายๆกันกับคนที่สวีเดนเลยละ ทั้งธรรมเนียม วัฒนธรรม อะไรก้อไม่แตกต่างเลย ความเย็นชาของคน ฝรั่งจะเปนอะไรที่ไม่ค่อนแคร์ ถ้ามีเพื่อนก้อจะมีส่วนมากแค่2-3 เค้าไม่ค่อนคบเปนกลุ่มเปนก้อน เหมือนคนไทยนะ ยังไงคนที่จะมาก้ออย่าร้องไห้กลับบ้านละ เพราะมันไม่ใช่อย่างที่คุนคิดนะ อิอิ
0
กำลังโหลด
บิว 12 ก.พ. 53 04:03 น. 14
ได้อ่านประเทศนอร์เวย์สักที....รออ่านมานานล่ะ อิอิ

ตอนนี้เราก็อยู่นอร์เวย์เหมือนกัน...(มาอยู่ถาวรเลยอ่ะนะ)

เราอยู่ทางภาคเหนือของนอร์เวย์...Tromsø นั่นเอง

อย่างไงก็เป็นกำลังใจไห้นะค่ะ...สู้ๆๆ

อย่าท้อ...อีกไม่นานเดี๋ยวก็จบแล้ว
0
กำลังโหลด
vet ikke 12 ก.พ. 53 05:01 น. 15
เราก็เป็นอีกคนหนึ่งทีอยู่นอร์เวย์(แบบถาวร) แต่เราอยู่เมืองทางใต้ ล่างสุดๆของนอร์เวย์เลยล่ะ
อากาศเลยไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่มากสุดไม่เคยเกิน -20 และก็ประมาณแค่เดือนกว่าที่จะนานประมาณติดลบ
นอกนั้นอากาศก็สบายๆ เหมือนตอนนี้เริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว อากาศก็อยู่ประมาณที่ 5 องศา
และอีกอย่างเราเห็นด้วยกับพี่เก๊ะตรงที่เด็กนอร์สส่วนใหญ่จะสนิทด้วยค่อนข้างยากหน่อย
แต่ไม่ใช่ว่าเด็กนอร์สส่วนใหญ่จะเย็นชาหรอกนะ เราว่าส่วนใหญ่ดูเป็นมิตรดีแต่เหมือนกับว่าเราต้องเป็นฝ่ายเข้าหาคนอื่นก่อนเสมอ(ต้องเฟรนลี่มากพอสมควรล่ะ)และถ้าเราไม่ถึงขั้นสนิทเป็นเพื่อนซี้ของเค้าส่วนใหญ่เค้าก็จะไม่ค่อยแคร์กันเท่าไหร่ เราก็เจอมาแล้วตอนแรกๆ เรายิ่งเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงนิดนึง สบายๆเรื่อยๆ (=_=);
ชวนคุยไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ยิ่งเป็นภาษานอร์สแล้ว(ซึ่งก็ไม่ได้เก่งอะไรมาก)แทบจะเงียบเป็นเป่าสากเลยล่ะเวลาคนอื่นเค้าคุยกัน ยิ้มเป็นอย่างเดียว ^^. เขียนซะยาวเพราะรอกระทู้นอร์เวย์มาตั้งนาน ฮ่าๆ

สุดท้ายก็ขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ
0
กำลังโหลด
vet ikke 12 ก.พ. 53 05:05 น. 16
โพสเสร็จแล้วงงอย่างหนึ่งทำไม ip เรามันตรงกับของข้างบนต้องสองคนอ่ะ
ปกติมันจะโชว์ ip อื่นหนิไม่ใช่เบอร์นี้ สรุปงง = =? ไม่มีอะไรหรอแค่สงสัย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
K.z ( : Member 12 ก.พ. 53 16:29 น. 18
ใช่จ้า ตอนนี้มันเริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว อากาศอุ่น ๆ ขึ้น .. ไม่ใช่แต่ทางใต้หรอก ทางเหนือหน่อย ๆ ก็เริ่มอุ่นแล้ว อย่างมากก็ไม่เกิน -5 แต่เมืองเรายังคงไว้ซึ่งความเย็น 5555

แต่ก็จริงเหมือนที่ คห. 15 พูด
คือไม่ใช่ทุกคนจะเย็นชาขนาดนั้น .. มันแล้วแต่คลาส แล้วแต่โรงเรียนด้วย
แต่เจอกันบ่อย ๆ ยิ้มบ่อย ๆ ซักวันเค้าคงใจอ่อนเองแหละ 555

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด