ยินดีต้อนรับน้องๆ เข้าสู่คอลัมน์"แนะกันให้ติดชัวร์ '50" ของกลุ่ม"นิติศาสตร์"ทุกมหาวิทยาลัยและสถาบันนะขอรับ ในคอลัมน์นี้จะทำหน้าที่คอยเป็นศูนย์กลางระหว่างน้องๆ ที่สนใจคณะในกลุ่มนี้ได้มาพบปะและพูดคุยกัน นอกจากนั้นยังเป็นพื้นที่ให้น้องๆ ได้พูดคุยและซักถามข้อสงสัยกับรุ่นพี่ในกลุ่มคณะนี้ และรุ่นพี่ของคณะนี้ยังจะได้มาพบปะ พูดคุย แนะนำ (หรือขู่)แก่น้องๆ ที่สนใจจะไปเป็นนิสิต/นักศึกษาใหม่ของคณะอีกด้วย
น้องคนไหนที่สนใจจะพูดคุยหรือสักถามเพื่อนๆ พี่ๆ ก็สามารถโพสกันเข้ามาได้เลยนะขอรับ ส่วนพี่คนไหนอยากคุยหรือแนะนำอะไรแก่น้องๆ ก็เต็มที่ได้เลยเช่นกัน พูดคุยกันอย่างสุภาพและสร้างสรรค์นะขอรับ และก็ขอความร่วมมือไม่ใส่โค้ดต่างๆ (เกินความจำ)เป็นนะขอรับ เพื่อจะเป็นรูปแบบเดียวกันและความสบายตาในการอ่านนะขอรับ
ปล.ขอความกรุณาทุกคนที่โพส ถ้าคัดลอกข้อความมาจากที่อื่นช่วยไปล้างฟอร์แมทต่างๆ โดยการไปวางข้อความที่คัดลอกมาในโปรแกรม Notepad ก่อน แล้วจึงคัดลอกมาจากในโปรแกรม Notepad อีกที และอย่าลืมให้ Credit เจ้าของข้อมูลด้วยนะขอรับ
552 ความคิดเห็น
ไม่แน่นอนครับ เพราะถ้าน้องจะมาทำงานที่ไทยคุณก็ต้องรู้กฎหมายของไทยด้วย ถ้าเรียนไทยอีกใบจะดีกว่าครับ คือเรียนไทยก่อนแล้วไปต่อนอกจะดีมากๆ
ตอบความเห็นที่ 78-83
มีโอกาส แต่รอดูโอเน็ตอีกทีนะ นิติที่ไหนก็ดีนะน้องขึ้นอยู่กับน้องมากกว่า(จิงๆ)
ตอบความเห็นที่ 62
ไม่มีนะ กลับไปดูรายละเอียดหน้าแรกได้ ที่ความคิดเห็นที่ 9 ครับ
"นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์"
ถามได้นะ ว่างๆพี่จะมาตอบให้คับ
สำหรับคนที่จะเข้าไม่ว่ารัฐหรือเอกชน จะต้องตัดสินใจให้ดี เพราะการเรียนนิติศาสตร์ซี่งเป็นวิชาชีพโดยพื้นฐานแล้ว เนื้อหาวิชาหนักมาก ใครไม่ชอบพอเข้ามาก็เรียกได้ว่านรก ส่วนใครชอบในกม ชอบอ่านหนังสือมากๆ หรือมีความใฝ่ฝันทางด้านนี้ก็คงได้เปรียบ เพราะบางวิชาหนังสือก็เกือบพันหน้า บางวิชาก็หลายเล่ม พูดง่ายๆก็คือถ้าต้องการคะแนนดีก็ต้องอาศัยใจรัก+ความขยันอดทน เพราะคะแนนไม่ว่าตอนเรียน ตอนสอบเนติ หรือลำดับในการสอบเข้าผู้พิพากษา อัยการล้วนสำคัญกับอนาคตโดยตรง ส่วนใหญ่น้องๆอาจจะมุ่งหวังกันเพื่อสอบเข้าให้ติดก่อน ก็เข้าใจ แต่เมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว ก็ควรวางแผนเส้นทางแต่เนิ่นๆก็ดี คือไม่จำเป็นต้องรู้ว่าต่อไปจะเป็นอะไร แต่ต้องรู้ให้ได้ว่าชีวิตนี้ชอบที่จะอยู่กับกม บางคนที่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพนี้ถึงกับพูดว่าหายใจเป็นกม (ฟังแล้วเวอรสุดๆ อยากอ้วก) อะนะ แต่ก็อย่าประมาท พี่เคยเห็นประเภทอยากเข้าเรียนนิติมาก แต่พอเข้าได้แบบว่าไม่ชอบสุดๆ เห็นนิติเป็นแมลงสาบ จิ้งจกเลยก็มี แล้วก็ต้องซิ่วออกไป หรือบางคนก็ทนแต่ไม่happy
สำหรับจุฬา ธรรมศาสตร์ ไม่มีความแตกต่างกันมาก เนื้อหาวิชาบังคับก็เหมือนกันๆ เรียนกมคล้ายๆกัน บางวิชาอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน เพียงแต่จะแตกต่างกันที่ 1.จุฬาแบ่งสอบเป็นมิดเทอม และไฟนอล เวลาโดยรวมเลยมากกว่าเล็กน้อย ส่วนธรรมศาสตร์ สอบไฟนอลอย่างเดียว5ข้อ 3ชม คือ4เดือนสอบครั้งเดียว เหมือนจะสบายแต่ไม่เป็น ผลดีกับคนที่ไม่สมำสมอและควบคุมตัวเองไม่ได้ 2.การแต่งกาย จุฬาใส่ชุดนิสิตโดยเฉพาะปี1จะเข้มงวดมาก ธรรมศาสตร์แต่งไปรเวท ตั้งแต่ต้นเทอม จนปิดเทอม ยกเว้นตอนสอบ ไม่เคยผูกไทยกเว้นตอนฝึกงาน 3.จำนวนธรรมศาสตร์500จุฬาประมาณ200คน 4.สถานที่อันนี้ค่อนข้างแตกต่าง และบางคนอาจถือเป็นสาระสำคัญในการเลือกสถาบันเลยก็ได้ ธรรมศาสตร์จะต้องอยู่campusรังสิต4ปีเต็ม ไม่กลับมาท่าพระจันทร์แล้ว พูดง่ายๆก็คืออยู่หอ4ปี แต่หอธรรมศาสตร์เป็นหอเอเชียนเกมส์ เป็นหอมหาลัยรัฐที่ดีที่สุด ส่วนจุฬาคงไม่ต้องอยู่หอกัน ถ้าจะอยู่ก็มีU-centerตรงสามย่านดีมาก แต่ก็แพงมาก
ธรรมศาสตร์(ต่อ)ที่วิทยาเขตรังสิตก็เรียกได้ว่ามีทุกอย่าง กีฬามีครบ อาหารอร่อย(ไม่ทุกที) หอดีมาก ตลาดนัดมี2วัน ตลาดก็คล้ายๆที่จุฬานั้นแหละ ที่เที่ยวมีมากแต่ร้านเหล้า เดี๋ยวนี้ไม่มีเต้นแล้ว นั่งดื่มได้อย่างเดียว ส่วนความชิวนี่สุดๆขอบอก อยู่แล้วhappyมาก เป็นที่ทำให้ๆรู้จักเพื่อนใหม่มาก และสนิทกันมาก ใครอยากหาแฟนที่นี่ใช่เลยโลกส่วนตัวปั่นจักรยานหรือไม่ก็รถป็อบอย่างที่บอกมันสุดๆ และก็การอยู่หอมันจะทำให้เราเข้มแข็งเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย การเดินทางมีรถเมลเข้ามาในมหาวิทยาลัย แต่รถตู้จะสะดวกกว่า มีทั้งไปอนุเสาวรีย ท่าพระจันทร จตุจักร ใช้เวลาแปบเดียวขึ้นทางด่วน
ส่วนจุฬานะ ก็ดีไปอีกแบบ ถ้าเด็กกรุงเทพเข้าจุฬาก็ได้อยู่บ้านตนเองก็แล้วแต่คนชอบ โรงอาหารนิติ นิเทศก็อร่อยถูก ไม่ชอบก็ไปสามย่านอาหารก็ กลางคืนเสต็กชั้น2อร่อยนะ แต่ระวังไข่แมลงสาบด้วยอะ นิติจุฬาอยู่ใกล้หอกลางด้วยอ่านหนังสือสะดวก ถ้าชิวๆก็เดินเล่นในสาธิตจุฬาก็ได้ ส่วนพวกสยาม มาบุญ 29 โบนันซ่า พารากอน คงเที่ยวกันตั้งแต่ขึ้น มต้นนะ ไม่มีไรให้พูด สรุปเคยอยู่มา2ที่ดีทั้งคู่แต่ส่วนตัวชอบรังสิตเพราะเป็นคนชิว (เกี่ยวกันไหมเนี่ย) 5.ต่างกันที่การคิดคะแนนจุฬาเป็นgrade มธเป็นเปอรเซ็น ลืมบอกการรับน้องมธ กับจุฬาก็ไม่ค่อยเหมือนกัน มธบางโต๊ะนี่จะโหดนิดนึงนะ จุฬามีเป็นบ้านแทน รับรวมมั่งไม่เคยไปพูดไม่ถูก
ชีวิตจริงหลังจบมหาลัย(หลังความสุขจบลง) ไม่ขอพูดถึงเส้นทางอื่นนะ เพราะจริงๆจบนิติจะเปนไรก็ได้ ดารา นักร้อง ขายปุ๋ย ไรก็ได้แล้วแต่คุณ แต่ไม่คิดจะทำสายกม ก็ไม่ควรเรียนแต่แรกใช่ม่ะ แต่ไม่ว่ากัน
สายกฎหมายโดยตรง โดยมากพอจบจะไปเรียนต่อเนติ กันนะ เพื่อเสริมความรู้ให้แน่น ส่วนปยโดยตรงก็รู้ๆกันอยู่สอบผู้พิพากษา อัยการ นั่นเอง บางคนก็อาจไปต่อโทด้วย เมืองไทยเดียวนี้2ปีครึ่ง เมืองนอก1ปี หลักสูตรL.L.M
ส่วนต่อเอกนี่จะเป็นสายอาจารย์มากกว่า อยางlawfirmเอาโทนอก2ใบจะคุ้มกว่า ขอพูดถึงการเรียนต่อเมืองนอกนิดนึง จริงๆแล้วบอกได้เลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด ข้อสอบก็เป็นพวกtake home หรือเปิดหนังสือก็เยอะ ส่วนเพื่อนนี่เอเชียด้วยกันfreindlyมาก แต่ใครจะสนิทกับฝรั่ง คนดำ ก็แล้วแต่ความสามารถละนะ ค่าใช้จ่ายปีละประมาณ2ล้านบาท รวมหมดทุกอย่างนะ แต่ต้องประหยัด บางแห่งก็อาจถูกกว่านี้นิดหน่อย ส่วนเรื่องทุนถ้าไม่นับทุน พก มก (พ่อกู แม่กู) จริงๆแล้วมีทุนอยู่มากมาย ถ้าคนตั้งใจจริงก็หาไน่นอน เช่น ทุนอานัน.. ทุนฟูลไปรท ทุนกพ ทุนรัฐบาลต่างประเทศ
ทุนมหาวิทยาลัยต่างประเทศโดยตรง ทุนอาจารย์(ทุนคณะ) ทุนlawfirmก็มี แต่แนะนำหน่อยตรงที่การที่มหาวิทยาลัย
นอกชื่อดัง (Harvard Yale Berkley Stanford Columbia Chicago Cornell Oxford Cambridge)เค้าจะรับเรามันจะพิจารณาพิเศษด้วยน่ะ เช่นถ้าเราเป็นอาจารย์หรือสายงานทีทำประโยชน์ให้ประเทศเราได้ หรือได้ทุนดีๆที่แสดงถึงความสามรถของคนที่สอบได้ทุน เราก็จะมีโอกาสมากกว่าคนอื่น แต่ใครไม่ซีเรียสชื่อมหาลัยก็รับรองมีที่เรียนแน่นอน การต่อนอกเป็นอะไรที่ทำให้เราได้เปรียบเหนือคนอื่น ปัจจุบันทั้งมธ จุฬา ก็ไปต่อเมืองนอกกันน้อยมาก
อาชีพโดยตรงในอนาคต
-อัยการ ผู้พิพากษา อันนี้ก็ยอดฮิต ความใฝ่ฝันของหลายคนที่เลือกเรียนคณะนี้สอบเป็นผู้พิพากษาได้แล้วเค้าจะเรียกกันว่า ท่าน (เท่ใช่ม่ะ) สอบเป็นผู้ช่วย เงินเดือนก็สตารตประมาณ3หมื่น ประมาณ10-15ปีก็อาจได้เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนฎีกาแล้วแต่ความสามารถนะ บอกได้เลยว่าคะแนนเฉลี่ยปริญญาตรีไม่มีผลมาก แต่คะแนนที่ได้ตอนสอบผู้ช่วยจะมีผลต่อความก้าวหน้านะ เช่นได้ที่หนึ่งตอนสอบก็อาจจะเป็นตัวเก็งประธานศาลฎีกา หรือลำดับดีๆ ประกอบกับความสามารถตอนทำงานก็จะได้ทำหน้าที่พวกบริหารงานในศาล
ส่วนการสอบผู้พิพากษา มีสนามใหญ่ เล็ก จิ๋ว (ถ้าต้องการเป็นประธานศ่าลฎีกาต้องมาจากสนามใหญ่) อัยการมีแค่ใหญ่กับเล็กนะ สนามเล็กก็คือโทไทย จิ๋วโทนอก2ใบ แต่โอกาสติดเยอะมากมาย ต่างกับใหญ่ประมาณ5000ได้100คน ส่วนอัยการบางปี5000ได้ไม่ถึง50ก็มี เพราะ สอบพวกนี้เค้าวัดผ่านเกณฑ์ ถ้าไม่ผ่านก็หมดสิทธิเพราะข้อสอบยากมากมายครับ ก่อนจะสอบก็ต้องอายุครบ25 แล้วมีประสบการณ์นิติกร2ปี หรือผ่านคดีไม่ตำกว่า15 หรือ20คดีไม่รู้ จำมะได้แล้ว แต่หลักก็คือต้องแม่นwording มาก ภาษากมต้อง เป๊ะ ต้องเขียนคำสั่งคำร้อง คำพิพากษา ส่วนอัยการก็คำฟ้อง คำให้การ เพราะฉะนั้นทางที่ดีตอนเก็บประสบการณ์2ปีก่อนอายุ25 ไปสอบสำนักงานกฤษฎีกาแล้วลองทำงานดูจะดีมาก
-สายอาจารย์ ไม่ต้องพูดไรมากสายนี้อาศัยใจรัก ส่วนใหญ่ต้องได้เกียรตินิยมหรือจบโท
-สายlawfirmอันนี้ก็ยอดฮิตมากมาย เพราะอะไรหรอจ๊ะ เงินนั้นเอง ลืมบอกไปว่าตอนจบปี3ก็ไปลองwalk in สมัครพวกlawfirmดูนะ จะได้รู้ว่าชอบไม่ชอบ เพราะงานหนัก อยากก้าวหน้าในสายนี้คะแนนเฉลี่ยตอนตรี +ความสามารถภาษาอังกฤษ+การต่อเมืองนอก ค่อนข้างสำคัญ ซึ่งlaw firmที่top4ของโลกและของไทย 4อันดับ ไม่ขอเรียงนะ เพราะเปลี่ยนไปมาเรื่อยๆ ดังนี้Baker and Mckensie ,Clifford Chance,White and Case ,Linklater ถ้าอยากก้าวหน้าทางนี้ก็ทำตัวเราให้เก่งหน่อยนะ เค้าจะได้รับ ขนาดฝึกงานพี่เคยฝึกยังได้ประมาณหมื่นห้าเลยนะ เคยคุยกับรุ่นพี่ที่เป็นpartner ที่ clifford chance เค้าได้เดือนละล้านเลย นะ
สายอื่นก็มียิบย่อยนิดหน่อย เช่น
-สายทนายอันนี้ไม่มีไร คงรู้ๆกันอยู่ก็เปิดสำนักทนายความ
-สายตำรวจหมายถึง จบตรีนิติ ไปสอบบรรจุนะ ก็จะได้ร้อยตรี จบโทก็ร้อยตรี(ไม่ผ่านนายร้อย) สายนี้ผู้หญิงอย่าคิดเลยนะไม่ก้าวหน้า ส่วนผู้ชายจบนิติไปเปนตำรวจ มีปัญหาว่าจะแข่งกับสายนายร้อยได้ไหม ซึ่งเฉพาะตำรวจนะ ถ้าเรามีความสามารถ โดยเฉพาะ แนวสอบสวน ก็มีโอกาสด้เป็นนายพลได้ เป็นผบตร ยังได้ เคยมมาแล้วที่ไม่ได้มาจากนายร้อย แต่ยำว่าตัวเราเองต้องมีความสามรถจริงๆ ส่วนสายทหารนะ หมดสิทธิต้องไปเรียนเตรียมทหารเท่านั้น จบนิติหวังเป็นทหารก็เจ๊ง
เอาไว้ต่อวันหลังนะ เหนื่อย พอดีเห็นน้องๆมีความตั้งใจ เลยช่วยให้เห็นภาพ ยังไงก็ขอให้สมหวังกันถ้วนหน้านะครับ
ส่วนน้องที่ได้คะแนน เลข 26 วิทย์ 34.5 พี่แนะนำว่าน้องควรใช้วิทย์มากกว่า เพราะคะแนนนี้ไม่ได้แย่มากมายถ้าน้องได้โอเนตไทยสังคม 80 ขึ้นไปอังกฤษ 60-70 น้องก็พอมีลุ้นทั้งธรรมศาสตร์ และจุฬา แต่ถ้าน้องจะเลือกยื่นแบบเลข หรือวิทย์นั้นควรจะดูจำนวนรับของแต่ละที่ด้วยเพราะ ธรรมศาสตร์รับวิทย์มากกว่าเลข แต่จุฬารับเลขมากกว่าวิทย์ เป็นต้น ส่วนถ้าน้องพลาดทั้ง 2 ที่นี้ รามก็เป็นสถาบันหนึ่งที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับไม่แตกต่างกัน ยิ่งผู้พิพากษา อัยการ รุ่น 20 ปีที่แล้วเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน กีมีคนที่จบรามสอบผ่านเป็นจำนวนมาก ดังนั้นน้องจะเลือกที่ไหนก็ได้แล้วแต่ตัวน้องครับ
พี่ครับ เอบลืม สอบตรงนี่ วิชา SAT อ่ะมานคือวิชาแบบไหนหรอคับ ((เหอะๆมะรุจิงๆอ่ะ))
ดูจากคะแนนที่น้องบอกมา น้องยังมีโอกาสสูงอยู่นะค่ะ เดี๋ยวตอนเย็นพี่จะคำนวณคะแนนแล้วมาบอกอีกทีนะจ๊ะถ้าน้องได้คะแนนเอเน็ตแล้วจะให้ดีส่งเข้าเมล์พี่ที่ lawchula47@yahoo.com ได้จ๊ะ แล้วพี่จะตอบเมล์กลับ ถ้าน้องจะยื่นของนิติ จุฬาฯ น้องจะเลือกยื่นได้แบบเดียวคือ แบบเลข2 ซึ่งปีนี้จุฬาฯรับจำนวน 90 คนนะค่ะ ถ้าน้องสนใจอยากเรียนจริงๆพี่แนะนำให้ลงเลือกไปเลยค่ะ ส่วนคณะที่จะเลือกกันเหนียวไว้ลงอันดับ 3 หรือ 4 ก็ได้จ๊ะ ไว้ตอนเย็นพี่จะคำนวณถ่วงคะแนนคร่าวๆให้นะค่ะ
พี่ฬ47
ก่อนอื่นต้องถามน้องก่อนว่าจบต่างประเทศหมายถึง น้องจะเรียนกฎหมายแต่ที่ต่างประเทศแล้วมาทำงานที่ไทย หรือน้องเรียนจบป.ตรีในไทยแล้วเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งผลของสองแบบนี้จะแตกต่างกันนะค่ะ เพราะแบบแรกน้องๆจะได้เรียนกฎหมายเฉพาะของต่างประเทศ ซึ่งน้องก็จะไม่ทราบว่ากฎหมายไทยบัญญัติไว้เช่นไร ซึ่งของไทยจะใช้ระบบแบบ Civil lawดังนั้นจะต้องยึดตัวบทบัญญัติกฎหมายเป็นสำคัญ รวมทั้ง น้องจะต้องทราบถึงวิธีการร่างสัญญา ฯลฯ แบบไทย ซึ่งต่างจากต่างประเทศนะค่ะ โดยเฉพาะหากน้องต้องการจะทำงานทางด้าน อัยการ ผู้พิพากษาแล้ว น้องยิ่งต้องมีความเข้าใจกฎหมายไทยเป็นอย่างดีค่ะ โดยน้องต้องสอบเนฯเป็นเบื้องต้น ซึ่งก็จะอิงกฎหมายไทยทั้งหมดค่ะ และถึงแม้วิชากฎหมายระหว่างประเทศก็จะเรียนในมิติของกฎหมายไทย และโดยมากก็จะเรียนเฉพาะที่ไทยเป็นภาคีอยู่นะค่ะ แต่หากน้องจะกลับมาเป็นที่ปรึกษา หรือทำงานตาม International law firm แล้วน้องอาจจะสามารถทำงานตรงส่วนนั้นได้ค่ะ หากไม่มีประเด็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายไทยมากนัก แต่จะให้ดีก็เหมือนกับที่พี่ในโพสด้านบนได้แนะนำไว้นะค่ะ คือ ให้เรียนจบที่ไทยก่อนแล้วค่อยไปต่อนอกดีกว่าจ๊ะ เพราะอย่างน้อยน้องจะได้ทำงานในไทยได้กว้างขึ้น ส่วนเรื่องต่อโทนอก หรือไทยดีกว่ากัน ตรงนี้ก็ขึ้นกับมหาวิทยาลัยที่น้องไปเรียนต่อแล้วล่ะจ๊ะ เพราะแต่ละมหาลัยของต่างประเทศมีความถนัดทางวิชากฎหมายสาขาต่างกันออกไป แต่ที่สำคัญที่สุดก็ต้องขึ้นกับตัวผู้เรียนเองเป็นสำคัญนะค่ะว่าจะเอาใจใส่และพยายามมากน้อยแค่ไหน ยังไงก็ขอเอาใจช่วยนะจ๊ะ
พี่ฬ47
ปล.เดี๋ยวที่เหลือพี่จะกลับมาช่วยตอบนะจ๊ะ
แล้วถ้าเกิดเอนตรงเกรดต้องเท่าไรคับ
1.หนูเห็นว่าคนที่เขาเป็นปลัดแล้วไปสอบเป็นนายอำเภอเขาก็ศึกษาเรื่องกฏหมายเช่นกันแล้วถ้าเป็นเช่นนั้นคนที่จบจากคณะนิติศาสตร์สามารถไปสอบเป็นปลัดหรือนายอำเภอได้รึเปล่าคะ
2.คะแนน O-net และ A-net สำคัญกว่า GPAX รึป่าวคะ
3.คะแนนวิชาสังคมของหนู4เทอมได้ 4,3.5,4,3 พี่ว่าเกณฑ์นี้ถือว่าเป็นยังไงคะเพราะหนูเห็นว่าเขาจะเอาเกรดของวิชาที่ใช้ด้วยเรียกว่าGPAของกลุ่มสาระใช่ไหมคะแล้วเขาคิดแบบไหนหลอคะอย่างเอาวิชาสังคม10%อะไรประมาณนี้อะค่ะเอา6ภาคเรียนอะไรยังไงช่วยอธิบายให้หนูหน่อยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
เเล้วคือว่าผมอยากจาทราบรายละเอียดการสอบตรงของมหาลัยธรรมศาสตร์ คณะนิติอะครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เเล้วก็สอบaddmissionปีนี้เค้าใช้คะเนนอารายบ้างหรอคับ
ขอบคุนครับ
อยากเข้านิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างค่ะ
เเล้วต้องเน้นวิชาอะไรเป็นพิเศษ คะ