เมื่อเริ่มต้นปีการศึกษาของแต่ละปี มักเกิดข่าวการรับน้องใหม่แบบวิตถารของสถานศึกษาบางแห่งที่แข่งกันขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวันเสมอ ยิ่งได้อ่านข่าวพวกนี้ ก็ยิ่งชวนให้นึกสงสัยว่า ทำไมกันนะ ประเพณีรับน้องใหม่ที่แสนจะอบอุ่นนั้น จึงได้กลับกลายแปรเปลี่ยนไปทุกที... น้องๆ ชาว Dek-D.com รู้หรือไม่คะว่า... จุดเริ่มต้นของประเพณีรับน้องใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2475 นั้น ต่างกับปัจจุบันนี้เพียงว่า เริ่มต้นจากรอยน้ำตาและจบลงด้วยความอบอุ่นและภาคภูมิใจเท่านั้นเอง ซึ่งทำให้นับตั้งแต่นั้นมา ประเพณีรับน้องใหม่ก็เกิดขึ้นอย่างน่ารักและมีความหมายที่น่ายึดถือเป็นแบบฉบับเป็นต้นมา หลายๆ คนคงเคยได้เห็นบอร์ดจารึกการกำเนิดต้นแบบประเพณีรับน้องใหม่ในประเทศไทยที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การแพทย์ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเริ่มขึ้นโดยนิสิตแพทย์ศิริราชว่า...
สาเหตุของประเพณีรับน้องใหม่นี้เกิดขึ้นจากการแข่งขันฟุตบอลระหว่างคณะแพทยศาสตร์กับคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2474 โดยผู้เล่นคนหนึ่งของคณะแพทยศาสตร์ ถูกฝ่ายตรงข้ามสองคนรุมชกต่อยโดยไม่มีเหตุยั่วยุแต่อย่างใด ฝ่ายแพทย์โกรธยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าตัวการเป็นเตรียมแพทย์ ซึ่งจะข้ามฟากไปเรียนที่ศิริราช ใน พ.ศ. 2475 นั้น คณะกรรมการจึงได้ประชุมหาทางลงโทษเสียให้หายแค้น บ้างก็ให้จับโยนลงน้ำ บ้างก็ให้คลานขึ้นจากน้ำมาขอโทษ บ้างก็ให้คว่ำบาตร (หมายถึง ไม่ยอมคบค้าสมาคมด้วย : พี่จูน) แต่เลขานุการได้ให้ความเห็นว่า การแก้แค้นจะทำให้ผูกใจเจ็บและเสียความสามัคคี ทางที่ดีควรยกโทษให้รุ่นน้อง และแสดงน้ำใจด้วยการต้อนรับอย่างอบอุ่น ที่ประชุมเห็นชอบด้วย ผู้ที่ถูกต่อยตีก็ไม่ติดใจแก้แค้นอีกต่อไป
พิธีรับน้องใหม่เริ่มด้วยรุ่นพี่แจวเรือข้ามไปรับน้องใหม่มาจากท่าพระจันทร์ พอถึงฝั่งศิริราชก็มีรุ่นพี่กลุ่มใหญ่มาต้อนรับ แห่พาน้องไปกราบพระพุทธรูปที่หน้าหอพักเป็นการอโหสิกรรม หลังจากสังสรรค์และลบรอยร้าวในหัวใจแล้ว รุ่นพี่กับรุ่นน้องกฌรับประทานข้าวราดแกงด้วยกัน มีอนุศาสก (หมายถึง อาจารย์ผู้ควบคุมดูแลนักเรียนในหอพักของวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย : พี่จูน) คือ จ.อ.นพ.แดง กาญจนารัณย์ เป็นประธานพวกน้องแสดงตนเป็นรายตัว ลงท้ายด้วยการร้องเพลงปลุกใจให้รักหมู่คณะเป็นการเชื่อมความสามัคคี รอยช้ำในดวงใจของทุกคนก็เหือดหาย คณะแพทยศาสตร์ก็เป็นปึกแผ่นเหนียวแน่นดังประเพณีที่มีมาแต่เดิม งานรับน้องใหม่ครั้งนี้สร้างความประทับใจให้แก่ทุกคน ในปีต่อๆ มาจึงได้จัดขึ้นอีกแม้จะไม่มีเหตุการณ์กระตุ้นให้จัดจนเป็นประเพณีสืบมาและค่อยๆ กระจายไปทั่วประเทศ และนี่เองเป็นที่มาของประเพณีรับน้องใหม่ที่น่าประทับใจแบบสุดๆ สำหรับน้องๆ ชาว Dek-D.com ก็ติดตามดูต้นแบบของประเพณีดีงามกันไว้นะคะ ส่วนเรื่องใดที่ไม่เหมาะสมก็ถือเป็นเยี่ยงอย่างพี่จูนขอเตือนว่าอย่าไปทำตามเชียว เพราะเบื้องหลังความสำเร็จทางการศึกษาของเรานั้น ไม่เพียงมีพ่อแม่ที่เหนื่อยยาก แต่ยังมีความภาคภูมิใจของครอบครัวและสถาบันที่เชิดชูรออยู่ด้วยค่ะ ^^ ขอขอบคุณเนื้อหาจาก หนังสือชุดบันทึกของแผ่นดิน ตอน 100 เรื่องเก่าเล่าสนุก โดย โรม บุนนาค
|
15 ความคิดเห็น
อ่อ.....ที่มาเป็นแบบนี้นี่เอง
อ้อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
แล้วการว๊ากมันเริ่มมาจากอะไรอ่ะคะ
เพราะเค้าอยากในน้องๆเชื่อฟังหรอ?
http://www.tantee.net/board/user/attach/board_attach/si115/0010030510001/Siriraj%20Freshy%20-%20First%20time%20in%20Siam.pdf
ส่วนสาเหตุของการว้าก เป็นความเข้าใจผิดของรุ่นพี่ที่รับประเพณีรับน้องมาปฏิบัติในระยะหลังนี้เอง ในครั้งแรกที่ศิริราชจัดงานรับน้องขึ้นในปี พ.ศ. 2475 นั้นมีการจัดประชุมรุ่นน้องทุกคนเพื่อ "อบรม" โดยต้องการชี้แจงเรื่องราวบาดหมางที่เกิดขึ้น เปิดโอกาสให้น้องได้สารภาพความผิดที่กระทำไป และเปิดใจอาจารย์และรุ่นพี่ซึ่งพร้อมจะให้อภัยแก่รุ่นน้องซึ่งกระทำผิดไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งยังได้ถือโอกาสนี้แนะนำสิ่งที่ควรปฏิบัติในฐานะ "นักเรียนแพทย์" ผู้จะเจริญเป็นแพทย์ต่อไปในอนาคต
ในปีต่อๆ มา เหตุผลในการ "อบรม" ไม่ใช่เพื่อแก้ไขความบาดหมางระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องอีกแล้ว คงเหลือแต่การชี้แจงแนะนำสิ่งที่น้องควรรู้ควรปฏิบัติ ทั้งในฐานะนักศึกษามหาวิทยาลัย และในฐานะนักเรียนแพทย์ศิริราช เพื่อให้น้องได้รับทราบและนำไปปฏิบัติให้ถูกต้อง สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ อาชีพแพทย์ - ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน - เป็นวิชาชีพเฉพาะที่มีความแตกต่างไปจากอาชีพอื่นๆ ในสังคม จึงต้องฝึกฝนความเป็นแพทย์นับแต่วันแรกที่ข้ามฟากมา และจุดเริ่มต้นอย่างช้าที่สุดในการฝึกฝนก็คือวันที่ได้เป็นนักเรียนแพทย์เต็มตัวนั่นเอง
ปัจจุบัน การ" อบรม" ที่ว่านี้ยังคงถือปฏิบัติการสืบมาในคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
แต่เมื่อการ "อบรม" นี้แพร่หลายไปยังคณะต่างๆ ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เมื่อก่อน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คือ คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ล่วงเลยไปจนถึงสถาบันอุดมศึกษาอีกหลายแห่งที่เปิดสอนกันต่อมา - ด้วยความไม่เข้าใจในต้นเค้าประเพณีที่แท้จริง เมื่อรับเอาการ "อบรม" นี้ไปใช้จึงทำกันอย่างผิดๆ เข้าใจไปเองว่าการ "อบรม" คือโอกาสที่พี่ได้แสดงศักดานุภาพต่อรุ่นน้อง พี่มีสิทธิ์ที่จะกระทำการใดๆ ต่อน้องก็ได้ เหตุเพียงเพราะน้องคือผู้มาใหม่ และพี่คือผู้จะไปก่อน - ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลย - แม้ระบบ SOTUS ซึ่งเริ่มใช้ในประเทศไทยครั้งแรกที่คณะแพทย์ศิริราช (ไม่ใช่คณะวิศวฯ อย่างที่เข้าใจ) เมื่อคณะอื่นๆ นำไปใช้ก็ยังผิดเพี้ยนไปจากเนื้อแท้ที่ควรจะเป็น
ด้วยเหตุนี้เอง การ "อบรม" ที่ดีงาม จึงกลายเป็นการ "ว้าก" ที่ชวนต่อต้าน และระบบ SOTUS ซึ่งเป็นแก่นแกนความสัมพันธ์ที่แสนอบอุ่นในศิริราช จึงกลายเป็นสิ่งที่คนทั้งประเทศต้องการทำลายให้หมดสิ้นไป
ถ้าเพียงแต่รุ่นพี่ทุกคนหันกลับมามองถึงความหมายที่แท้ของการรับน้องและการอบรมเสียบ้าง เรื่องน่าเศร้าทั้งหลายก็คงไม่เกิดขึ้นหรอกครับ
ขอบคุณน้อง คห.3 มากเลยค่ะ ที่มาเพิ่มเติมรายละเอียด
น่าเสียดายจริงๆ นะคะ ที่ปัจจุบันรุ่นพี่บางกลุ่มรับน้องกันด้วยความคึกคะนอง ทำให้ประเพณีดีงามเสื่อมถอยไป
อย่างไรก็ดี ยังน่าภูมิใจที่หลายๆ สถาบันยังคงให้ความสำคัญ และรับน้องใหม่กันอย่างอบอุ่น
ตามที่เคยมีปรากฏไว้ในครั้งแรก ^^
คห. 2 พี่จูนไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเริ่มต้นมาอย่างไร
ส่วนเหตุผลก็น่าจะเป็นอย่างที่เข้าใจ ด้วยระบบ SOTUS ทำให้การให้ความสำคัญเรื่องรุ่นพี่รุ่นน้องมีมากขึ้น
แต่การว้ากน้องนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าจะดุหรือขู่ให้น้องกลัวจนไม่กล้าทำอะไร
เพียงแต่เน้นย้ำให้เข้าใจระบบว่า มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้อง มาพร้อมเป็นเพื่อนเท่านั้นเองค่ะ ^^
ไม่สิเป็นการตัดสินใจที่น่ายกย่องจริงๆ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลใหม่ๆค่ะ
ขอบคุณความเ็นที่สามมากๆค่ะ
เป็นแบบนี้นี่เอง จาก "อบรม" เป็น "ว้าก"
ปีนี้ืที่คณะของหนูไม่มีว้าก เป็นธีม เอื้ออาธรณ์ อบอุ่นดีค่ะ
รับน้องน่ากลัวอ่า ปีนี้ข่าวออกกันโคมๆ ไม่ยากเข้ามหาลัยเลย กลัวจาโดนอย่างเค้ามั่ง
เนี่ยม.4เอง ม.5รับน้อง
มีสายรหัส ละวันเฉลยรหัส
เขาเอาเชือกมากลิ้งกับน้ำตาเทียนให้เป็นสี
แต่ทีนี้เขาเอาไปลนไฟด้วย แล้วเอามาถูแขนน้อง
แต่ที่เค้าโดนอ่ะ ไม่ถูอย่างเดียว จี้เลยแล้วมัดแน่นอ่ะ ติดกับแขนเลย
พอแกะเชือกออก ไหม้เลยแขนอ่ะ เป็นตุ่มๆมีน้ำ แล้วก็สีดำด้วย
แขนที่ไม่มีแผลกลับต้องมีแผลเพราะรุ่นพี่ชั่วๆพวกนั้นอ่ะ เศร้ามากเลย ToT
สัญญากับตัวเองเลยว่าถ้ามีรุ่นน้องจะไม่ทำกับรุ่นน้องอย่างนี้
เหมือนจะเป็นภาพกีฬาเฟรชชีหรือไม่ก็คงกีฬาสีของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
หรือเปล่าคะ ไม่แน่ใจ
มีไรที่สถาบันนี้ยังไม่ได้ทำให้ราชมงคลเสื่อมเสียอีก
เหนธัญญะเค้าแค่ดื่มน้ำมนกัน
แล้วสถาบันอุเทนมันจะเอาไรกะรุ่นน้องนักหนา
เออ...เหนข่าววันนี้พึ่งคิดได้รึไงก้อไม่รุ
มาทำพิธีครอบครูกันออกข่าวกันยกใหญ่
จะทำดีล่างชั่วที่ทำไว้กับรุ่นน้อง........รึไง
แล้วสิ่งที่พวกเค้าเสียไปมันเรียกกับมาได้ไหม
คิดนิดนึง
เมื่อหลายปีที่แล้วเหนว่ามีเล่นกันจนตายก้อมีนี้
ขออภัยในความผิดพลาดด้วยค่ะ ว้า...อายจัง ^ ^
โรงเรียนผมรับน้องสนุกครับ มันส์ เหนื่อยดี ระบบโซตัสรุ่นแรงมากครับโรงเรียนนี้
คนที่อาวุโสมากกว่า ใหญ่กว่าคนที่อาวุโสน้อยกว่าครับ ทำผิดก็ลงโทษได้เต็มที่ครับ
หมอบ ยึดพื้น พุ่งหลัง ปล่อยม้า ช่วงรับน้องแรกๆ นี่เป็นลมกันเยอะเลยครับ
แต่ว่าเค้าก็ใจดีนะครับเห็นเป็นลมกันเยอะเลยไม่ รับน้องตอนกลางวัน
เปลี่ยนมาปลุกตอนกลางคืนแล้วรับน้องกันแทน มืดๆ สนุกดี
เอ่อสงสัยครับประเพณีรับน้องนี่ไม่ได้มาจากทหารหรอครับ