คอสเพลย์ เรื่องบ้าๆ และไร้สาระ จริงหรือไม่?
เมื่่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว บอร์ดคอสเพลย์ของเว็บเรามีความเคลื่อนไหวใหญ่ เพราะชาว Dek-D.com ผู้สนใจคอสเพลย์ ออกมาตั้งกระทู้ในเชิงพ่อแม่ไม่ให้คอสเพลย์ติดๆ กันหลายกระทู้ และก็ได้รับตอบรับการเป็นอย่างดี มีเพื่อนๆ พี่ๆ ออกมาแนะนำวิธีการคุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจ
แต่ผู้เขียนเองก็ยังยอมรับว่า การจะให้ผู้ปกครองหลายท่านยอมรับการแต่งคอสเพลย์คงเป็นเรื่องยากจริงๆ เพราะ ถ้ามองจากสายตาคนนอก คงจะเห็นได้ว่าการคอสเพลย์เป็นเรื่องไร้สาระ และสิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ ไม่ว่าเงินนั้นจะมาจากการเก็บหอมรอมริบเองก็ตาม แต่เหตุนี้ก็เป็นเหตุผลที่วัยรุ่นผู้สนใจคอสเพลย์ต้องยอมรับ และหาเหตุผลและประโยชน์ของการคอสเพลย์ของตนเองมาอธิบายให้ผู้ปกครองเข้าใจ (ลูกจะคิดว่าพ่อแม่จะรู้จักเข้าใจเราตลอดไม่ได้นะ)
ส่วนหนึ่งผู้เขียนได้นำเสนอบทความชื่อ "ทฤษฎีเขาว่าไว้ ถ้าหนูโดนขัดใจ หนูจะไม่โต!!" ที่ยกตัวอย่างการคอสเพลย์มาเป็นประเด็น และกล่าวถึงการที่ให้ผู้ใหญ่วางใจให้วัยรุ่นได้ทำสิ่งที่ต้องการบ้าง แม้จะเป็นเรื่องที่ดูไร้สาระในสายตาเรา แต่สิ่งนั้นๆ ก็จะเป็นประโยชน์วัยรุ่นแน่นอน
ดังนั้น ในครั้งนี้ผู้เขียนขอเป็นผู้นำเสนอมุมหนึ่งของการคอสเพลย์ เพื่อให้ผู้ใหญ่ได้มองเห็นคุณค่าของการคอสเพลย์ผ่านเสื้อผ้าหน้าผมที่ดูแปลกประหลาดของการคอส
รู้จัก Cosplay กันก่อนสักนิด!
นี่คือรายละเอียดส่วนหนึ่งของการคอสเพลย์ แน่นอนว่าอาจดูมีแต่เรื่องสิ้นเปลือง แต่สิ่งที่แฝงในสิ่งที่ชาวคอสทำ ก็คือ ความตั้งใจ บวกกับความคิดสร้างสรรค์ในการลงมือทำ จริงๆ ก็เหมือนทำงานประดิษฐ์ส่งครูในโรงเรียนนี่แหละค่ะ แต่ก็ยังต้องมีความกล้าในการแต่งกายแปลกๆ ด้วย ความกล้าในเรื่องนี้ ยังดีกว่าการไปกล้าทำผิดทำชั่วมากมาย และก็ยังดีกว่านั่งหน้าคอมพิวเตอร์จมอยู่กับเกมหรือกองการ์ตูนอย่างเดียวด้วยค่ะ
และหากผู้ใหญ่จะมีเงื่อนไขให้ลูกสำหรับการอนุญาตให้ไปคอสก็ได้ค่ะ โดยส่วนมากแล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ทำแบบนั้นอยู่แล้ว เช่น ไม่เสียการเรียน ต้องได้เกรด 3.7 ขึ้นไป
บอกลูกไปเลยค่ะ เช่น ขอเวลาพิสูจน์ความชอบ 1 เทอม ถ้าเทอมนี้ได้ 3.7 ขึ้นไป จะให้คอสพร้อมแถมวิกผมสีหรือเครื่องประดับหนึ่งชิ้น หากลูกยอมรับเงื่อนไขนี้ นอกจากลูกจะพยายามในการเรียนมากขึ้นแล้ว เขายังได้มีโอกาสติดตามเรื่องชาวคอส วางแผนการคอสของเขาไปด้วย ลูกไม่โกรธพ่อแม่ เพราะยังไม่ได้ถูกห้าม แต่ก็จะตั้งใจเรียนไปพร้อมกันด้วยค่ะ จะว่า win-win ทั้งสองฝ่ายก็ได้เนอะ
แต่แน่นอนว่า ต้องเป็นเงื่อนไขที่ลูกของคุณพ่อคุณแม่น่าจะทำได้จริง แม้จะยากก็ตามนะคะ และหากเกิดเหตุได้แค่ 3.69 ก็น่าจะยังให้โอกาสคอสได้ หากดูแล้วว่าลูกก็ตั้งใจเรียนจริงๆ การจะทำตามหรือละเงื่อนไขใดๆ ควรดูที่เจตนาความตั้งใจของลูกเป็นหลักด้วยค่ะ ผู้เขียนมีแบบอย่างของคนคอสเพลย์ ดีกรีไม่ธรรมดา เรียนจบระดับเกียรตินิยม จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะมาเล่าประสบการณ์การคอส ซึ่งเชื่อได้ว่า ผู้อ่านจะมองคอสเพลย์ในมุมใหม่ ที่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระแต่เพียงด้านเดียว!
Cosplay เป็นเรื่องไร้สาระหรือไม่ เชื่อว่าทุกคนคงมีคำตอบอยู่ในใจ แต่สิ่งที่อยากฝากไว้คือ คอสเพลย์เป็นอีกงานอดิเรกหนึ่งที่ไม่ใช่เรื่องเสียหาย อาจสิ้นเปลืองไปบ้าง แต่บางทีคนเราก็ยอมเสียเงินมากมายไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ก็ตาม และคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นก็อยู่ที่ใจเราเองทั้งสิ้น อย่าลืมเปิดหัวใจตนเอง เพื่อมองในมุมของลูกที่รักคอสเพลย์บ้างนะคะ ขอขอบคุณ น้องฮั้ว และบ้านอินเดียน่าที่ทำให้เราได้พบกัน น้องๆ จากบอร์ดคอสเพลย์ เจ้าของกระทู้และความคิดเห็นนำเรื่องในครั้งนี้ |
แสดงความคิดเห็น
ถูกเลือกโดยทีมงาน
ยอดถูกใจสูงสุด
ยาวไปนิด แต่อยากให้อ่านกันน้า จะแบ่งเป็นตอน ก็รู้สึกว่าเรื่องจะไม่สมบูรณ์
อย่าลืมนะจ้า น้องๆ ชาวDek-D.com ทั้งหลาย
ในสายตาผู้ใหญ่ การคอสเพลย์ เป็นงานอดิเรกหรือเรื่องสนุกที่หาประโยชน์ได้น้อย ไม่เหมือนการอ่านหนังสือ หรือกิจกรรมอื่นๆ เพราะฉะนั้น เราจะโกรธพ่อแม่ฝ่ายเดียว แล้วหาว่าพวกท่านไม่เข้าใจเราอย่างเดียวไม่ได้!
หากเราสนใจและรักการคอสจริงๆ ควรจะพยายามอธิบายให้ท่านเข้าใจ
หรือหากพ่อแม่ไม่เห็นด้วยอย่างไร
ลองเสนอเงื่อนไขหรือสัญญาของตัวเองได้ ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่เสนอก่อนก็ได้นะ เช่น หนูสัญญาว่าเทอมนี้หนูจะเอาเกรด 4.00 มาให้ได้ แต่หนูขอคอสนะคะ แล้วให้แม่ตามไปดูพวกหนูกับเพื่อนๆ ด้วยค่ะ
แต่ต้องเสนออย่างมีใจเย็นๆ น้า หากไปเสนอเงื่อนไขอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ผิดเวลา หรือสวนไปทั้งโกรธๆ แทนที่จะได้ผลดี คือ พ่อแม่หันมาสนใจข้อสัญญาของเรา จะกลายเป็นยิ่งทะเลาะกัน พ่อแม่จะหาว่าเราต่อรอง (ซึ่งใกล้เคียงกับต่อล้อต่อเถียง) มากๆ จ้า
ถ้ามีปัญหาเรื่องนี้ ต้องใจเย็นๆ จ้า
พี่เกียรติหวังว่า หากคุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่ ได้อ่านบทความนี้ อาจเห็นมุมมองใหม่และเปิดโอกาสให้วัยรุ่นผุ้รักคอสเพลย์มากขึ้นค่ะ ...เนอะ
กำลังโหลด
ผู้ใหญ่ก็คอสเพลย์เหมือนกันนะเอ้อ
เช่นเอลวิส หรือบีทเทิล แถมแต่ละคนแก่ ๆ กันทั้งนั้น
ทว่าพอเด็กจะคอสบ้างกับถูกมองว่าไร้สาระ ไร้ประโยชน์เสียนี่
ซึ่งที่จริงมันก็ปรกติล่ะนะ สิ่งที่คนผู้นั้นไม่สนใจจะถูกเรียกว่าไร้สาระหมดนั่นแหละ
ไม่ว่ามันจะมีสาระมากแค่ไหนก็ตามเหอะ
เช่นสร้างเครื่องวิทยุเอง สร้างบอลลูนไปถ่ายรูปเมฆบนฟ้า
ถ้าผู้ปกครองหัวล้าสมัยติดกับในระบบการศึกษาที่เน้นเกรดเน้นวุฒิ
ก็จะเห็นว่ามันไร้สาระ แล้วจะไล่ให้เด็กไปอ่านหนังสือที่แสนจะไร้สาระต่อ
ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นนั่นแหละจะสร้างเสริมความสามารถให้เด็กมากกว่าการอ่านหนังสือเสียอีก
บางทีอาจเพราะระบบการศึกษาไทย(ของประถมและมัธยม)ในปัจจุบัน
เป็นค้นหาเป็ด ที่เก่งและรอบรู้ไปทุกอย่าง แต่ไม่เจ๋งจริงสักอย่างเดียว
ส่วนพญาราชสีห์ หรืออินทรีย์ที่เจ๋งเฉพาะด้าน ก็จะถูกหาว่าต่ำค่ากว่าเป็ดไปซะงั้น
หวังว่าพ่อแม่ผู้ปกครองคงจะเข้าใจนะว่าเป็ดกับพญาราชสีห์และอินทรีย์มันต่างกันอย่างไร
เป็ดมันทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งจริงเลยสักอย่าง
ก็เหมือนกับการศึกษาไทยนั่นแหละที่ยัดเยียดมาให้รู้ทุกอย่าง ถ้าไม่ใช่เป็ดก็ทำไม่ได้หรอก
แน่นอนว่าความรู้มันก็พื้น ๆ ทั้งนั้น พอไปมหาลัยมันจะใช้ความรู้คนละระดับเลย
ส่วนพญาราชสีห์กับอินทรีย์เก่งแค่บางอย่าง ทว่าไม่สามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนเป็ด
ดังนั้นความรู้ทั้งหลายจึงไม่สามารถรับไปได้หมด มีแต่จะเลือกแค่เฉพาะอย่างแล้วทำอย่างนั้นไป
บทความที่แล้ว ค้นหาอาชีพที่ใช่ นอกจากความชอบ ยังต้องดูอะไรอีกบ้าง?
ที่เด็กส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดแม้แต่ความชอบของตนเอง
ก็เพราะผู้ปกครองแบบนี้แหละ ปิดกั้นการค้นหาตัวเองของเด็กเอง
ถ้ามีประสบการณ์มาก ๆ ก็จะรู้เองแหละว่าตัวเองเหมาะกับอะไรสมควรที่จะเรียนอะไร
แต่พอไปปิดกั้น ถึงจะเป็นพญาราชสีห์หรืออินทรีย์ ก็จะคิดว่าตัวเองเป็นเป็ดอยู่ดี
และถึงทำกิจกรรมนั้น ก็ใช่ว่าจะรู้ตัวว่าชอบแล้วรีบไปทำประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับกิจกรรมนั้นนะ
เชื่อเลยว่าคนที่ค้นพบตัวเองจริง ๆ จะไม่ใช่เช่นนั้นหรอก
ถึงจะชอบอย่างหนึ่งแต่จะสามารถโดดไปทำในสายอื่นได้
เพราะรู้ทั้งตัวเองว่ามีความสามารถแค่ไหน และรู้ดีว่าสิ่งที่ชอบมันยั่งยืนได้มากเท่าไหร่
ดังนั้นจึงเลือกที่จะทำอีกสิ่งที่รู้ว่าเหมาะสมกับตัวเองอย่างที่สุดได้จริง ๆ แทน
ส่วนคนที่พบเจอแค่ไม่เท่าไหร่แล้วจะโดดไปทำสิ่งนั้นทันที แปลว่ายังไม่ค้นพบตัวเองกันหรอก
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 3 ตุลาคม 2554 / 20:09
เช่นเอลวิส หรือบีทเทิล แถมแต่ละคนแก่ ๆ กันทั้งนั้น
ทว่าพอเด็กจะคอสบ้างกับถูกมองว่าไร้สาระ ไร้ประโยชน์เสียนี่
ซึ่งที่จริงมันก็ปรกติล่ะนะ สิ่งที่คนผู้นั้นไม่สนใจจะถูกเรียกว่าไร้สาระหมดนั่นแหละ
ไม่ว่ามันจะมีสาระมากแค่ไหนก็ตามเหอะ
เช่นสร้างเครื่องวิทยุเอง สร้างบอลลูนไปถ่ายรูปเมฆบนฟ้า
ถ้าผู้ปกครองหัวล้าสมัยติดกับในระบบการศึกษาที่เน้นเกรดเน้นวุฒิ
ก็จะเห็นว่ามันไร้สาระ แล้วจะไล่ให้เด็กไปอ่านหนังสือที่แสนจะไร้สาระต่อ
ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นนั่นแหละจะสร้างเสริมความสามารถให้เด็กมากกว่าการอ่านหนังสือเสียอีก
บางทีอาจเพราะระบบการศึกษาไทย(ของประถมและมัธยม)ในปัจจุบัน
เป็นค้นหาเป็ด ที่เก่งและรอบรู้ไปทุกอย่าง แต่ไม่เจ๋งจริงสักอย่างเดียว
ส่วนพญาราชสีห์ หรืออินทรีย์ที่เจ๋งเฉพาะด้าน ก็จะถูกหาว่าต่ำค่ากว่าเป็ดไปซะงั้น
หวังว่าพ่อแม่ผู้ปกครองคงจะเข้าใจนะว่าเป็ดกับพญาราชสีห์และอินทรีย์มันต่างกันอย่างไร
เป็ดมันทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งจริงเลยสักอย่าง
ก็เหมือนกับการศึกษาไทยนั่นแหละที่ยัดเยียดมาให้รู้ทุกอย่าง ถ้าไม่ใช่เป็ดก็ทำไม่ได้หรอก
แน่นอนว่าความรู้มันก็พื้น ๆ ทั้งนั้น พอไปมหาลัยมันจะใช้ความรู้คนละระดับเลย
ส่วนพญาราชสีห์กับอินทรีย์เก่งแค่บางอย่าง ทว่าไม่สามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนเป็ด
ดังนั้นความรู้ทั้งหลายจึงไม่สามารถรับไปได้หมด มีแต่จะเลือกแค่เฉพาะอย่างแล้วทำอย่างนั้นไป
บทความที่แล้ว ค้นหาอาชีพที่ใช่ นอกจากความชอบ ยังต้องดูอะไรอีกบ้าง?
ที่เด็กส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดแม้แต่ความชอบของตนเอง
ก็เพราะผู้ปกครองแบบนี้แหละ ปิดกั้นการค้นหาตัวเองของเด็กเอง
ถ้ามีประสบการณ์มาก ๆ ก็จะรู้เองแหละว่าตัวเองเหมาะกับอะไรสมควรที่จะเรียนอะไร
แต่พอไปปิดกั้น ถึงจะเป็นพญาราชสีห์หรืออินทรีย์ ก็จะคิดว่าตัวเองเป็นเป็ดอยู่ดี
และถึงทำกิจกรรมนั้น ก็ใช่ว่าจะรู้ตัวว่าชอบแล้วรีบไปทำประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับกิจกรรมนั้นนะ
เชื่อเลยว่าคนที่ค้นพบตัวเองจริง ๆ จะไม่ใช่เช่นนั้นหรอก
ถึงจะชอบอย่างหนึ่งแต่จะสามารถโดดไปทำในสายอื่นได้
เพราะรู้ทั้งตัวเองว่ามีความสามารถแค่ไหน และรู้ดีว่าสิ่งที่ชอบมันยั่งยืนได้มากเท่าไหร่
ดังนั้นจึงเลือกที่จะทำอีกสิ่งที่รู้ว่าเหมาะสมกับตัวเองอย่างที่สุดได้จริง ๆ แทน
ส่วนคนที่พบเจอแค่ไม่เท่าไหร่แล้วจะโดดไปทำสิ่งนั้นทันที แปลว่ายังไม่ค้นพบตัวเองกันหรอก
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 3 ตุลาคม 2554 / 20:09
กำลังโหลด
หนูนี่กดแชร์ให้แม่เลยค่ะ เพื่อแม่จะเปลี่ยนใจบ้าง
กำลังโหลด
เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบถ่ายรูปคนแต่คอสเพลย์ เห็นได้เลยถึงความตั้งใจ ความพยายาม เพราะชุดแต่ละชุด ตัวละครแต่ละตัวต้องใช้ความพยายามในการสร้างสรรค์ ทั้งชุด ทั้งทีมชุด อุปกรณ์ในการทำชุดและอุปกรณ์ประกอบต่างๆ (โดยเฉพาะพวกพร๊อบดาบ-เคียวอลังการมาก!!) ไม่ใช่หาได้โดยทั่วๆไป เป็นกำลังใจให้นะคะ ชาวคอส เราชอบในการสร้างสรรค์ของคุณ!!
กำลังโหลด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?
74 ความคิดเห็น
อยากคอสJBF!!!!!
มันอาจจะเป็นเรื่องดีๆที่สามารถทำให้ลูกๆของคุณๆมีเพื่อนมากขึ้นก็ได้...ใครจะไปรู้?
ทุกอย่างเกือบพร้อม ขาดอย่างเดียวคือ..
ไม่มีเพื่อนนนTT[ ]TT!!!!
อย่าลืมนะจ้า น้องๆ ชาวDek-D.com ทั้งหลาย
ในสายตาผู้ใหญ่ การคอสเพลย์ เป็นงานอดิเรกหรือเรื่องสนุกที่หาประโยชน์ได้น้อย ไม่เหมือนการอ่านหนังสือ หรือกิจกรรมอื่นๆ เพราะฉะนั้น เราจะโกรธพ่อแม่ฝ่ายเดียว แล้วหาว่าพวกท่านไม่เข้าใจเราอย่างเดียวไม่ได้!
หากเราสนใจและรักการคอสจริงๆ ควรจะพยายามอธิบายให้ท่านเข้าใจ
หรือหากพ่อแม่ไม่เห็นด้วยอย่างไร
ลองเสนอเงื่อนไขหรือสัญญาของตัวเองได้ ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่เสนอก่อนก็ได้นะ เช่น หนูสัญญาว่าเทอมนี้หนูจะเอาเกรด 4.00 มาให้ได้ แต่หนูขอคอสนะคะ แล้วให้แม่ตามไปดูพวกหนูกับเพื่อนๆ ด้วยค่ะ
แต่ต้องเสนออย่างมีใจเย็นๆ น้า หากไปเสนอเงื่อนไขอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ผิดเวลา หรือสวนไปทั้งโกรธๆ แทนที่จะได้ผลดี คือ พ่อแม่หันมาสนใจข้อสัญญาของเรา จะกลายเป็นยิ่งทะเลาะกัน พ่อแม่จะหาว่าเราต่อรอง (ซึ่งใกล้เคียงกับต่อล้อต่อเถียง) มากๆ จ้า
ถ้ามีปัญหาเรื่องนี้ ต้องใจเย็นๆ จ้า
พี่เกียรติหวังว่า หากคุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่ ได้อ่านบทความนี้ อาจเห็นมุมมองใหม่และเปิดโอกาสให้วัยรุ่นผุ้รักคอสเพลย์มากขึ้นค่ะ ...เนอะ
เห็นด้วยกับ คห.6
แต่ผมเดินทางไปไม่ได้น่ะสิ เรื่องพ่อแม่เงินมันเคลียร์หมดแล้วยกเว้นระยะทาง -_-
Cosplay ก็คือการเเสดงอย่างหนึ่ง เหมือนกับกับการเต้น ร้องเพลง การเเสดงอื่นๆ ดังนั้น Cosplay ไม่ไร้สาระเเน่นอนคับ ^^
เช่นเพื่อนของหนู วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย เพื่อนหนูเปิดยูทูปดูแล้วก็เต้นตามตลอดในขณะที่เพื่อนในห้องต่างอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบวิชาถัดไป เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วตั้งแต่เริ่มสอบ ไม่เคยเห็นเขาอ่านเลยค่ะ แล้วเขาก็สอบได้ที่สุดท้ายของห้องด้วย ตอนสอบมิดเทอมเขาก็เอาชุดมานั่งเย็บระหว่างที่ครูสอน เฮ้ออออ พูดยากนะคะ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 3 ตุลาคม 2554 / 22:25
เช่นเอลวิส หรือบีทเทิล แถมแต่ละคนแก่ ๆ กันทั้งนั้น
ทว่าพอเด็กจะคอสบ้างกับถูกมองว่าไร้สาระ ไร้ประโยชน์เสียนี่
ซึ่งที่จริงมันก็ปรกติล่ะนะ สิ่งที่คนผู้นั้นไม่สนใจจะถูกเรียกว่าไร้สาระหมดนั่นแหละ
ไม่ว่ามันจะมีสาระมากแค่ไหนก็ตามเหอะ
เช่นสร้างเครื่องวิทยุเอง สร้างบอลลูนไปถ่ายรูปเมฆบนฟ้า
ถ้าผู้ปกครองหัวล้าสมัยติดกับในระบบการศึกษาที่เน้นเกรดเน้นวุฒิ
ก็จะเห็นว่ามันไร้สาระ แล้วจะไล่ให้เด็กไปอ่านหนังสือที่แสนจะไร้สาระต่อ
ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นนั่นแหละจะสร้างเสริมความสามารถให้เด็กมากกว่าการอ่านหนังสือเสียอีก
บางทีอาจเพราะระบบการศึกษาไทย(ของประถมและมัธยม)ในปัจจุบัน
เป็นค้นหาเป็ด ที่เก่งและรอบรู้ไปทุกอย่าง แต่ไม่เจ๋งจริงสักอย่างเดียว
ส่วนพญาราชสีห์ หรืออินทรีย์ที่เจ๋งเฉพาะด้าน ก็จะถูกหาว่าต่ำค่ากว่าเป็ดไปซะงั้น
หวังว่าพ่อแม่ผู้ปกครองคงจะเข้าใจนะว่าเป็ดกับพญาราชสีห์และอินทรีย์มันต่างกันอย่างไร
เป็ดมันทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งจริงเลยสักอย่าง
ก็เหมือนกับการศึกษาไทยนั่นแหละที่ยัดเยียดมาให้รู้ทุกอย่าง ถ้าไม่ใช่เป็ดก็ทำไม่ได้หรอก
แน่นอนว่าความรู้มันก็พื้น ๆ ทั้งนั้น พอไปมหาลัยมันจะใช้ความรู้คนละระดับเลย
ส่วนพญาราชสีห์กับอินทรีย์เก่งแค่บางอย่าง ทว่าไม่สามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนเป็ด
ดังนั้นความรู้ทั้งหลายจึงไม่สามารถรับไปได้หมด มีแต่จะเลือกแค่เฉพาะอย่างแล้วทำอย่างนั้นไป
บทความที่แล้ว ค้นหาอาชีพที่ใช่ นอกจากความชอบ ยังต้องดูอะไรอีกบ้าง?
ที่เด็กส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดแม้แต่ความชอบของตนเอง
ก็เพราะผู้ปกครองแบบนี้แหละ ปิดกั้นการค้นหาตัวเองของเด็กเอง
ถ้ามีประสบการณ์มาก ๆ ก็จะรู้เองแหละว่าตัวเองเหมาะกับอะไรสมควรที่จะเรียนอะไร
แต่พอไปปิดกั้น ถึงจะเป็นพญาราชสีห์หรืออินทรีย์ ก็จะคิดว่าตัวเองเป็นเป็ดอยู่ดี
และถึงทำกิจกรรมนั้น ก็ใช่ว่าจะรู้ตัวว่าชอบแล้วรีบไปทำประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับกิจกรรมนั้นนะ
เชื่อเลยว่าคนที่ค้นพบตัวเองจริง ๆ จะไม่ใช่เช่นนั้นหรอก
ถึงจะชอบอย่างหนึ่งแต่จะสามารถโดดไปทำในสายอื่นได้
เพราะรู้ทั้งตัวเองว่ามีความสามารถแค่ไหน และรู้ดีว่าสิ่งที่ชอบมันยั่งยืนได้มากเท่าไหร่
ดังนั้นจึงเลือกที่จะทำอีกสิ่งที่รู้ว่าเหมาะสมกับตัวเองอย่างที่สุดได้จริง ๆ แทน
ส่วนคนที่พบเจอแค่ไม่เท่าไหร่แล้วจะโดดไปทำสิ่งนั้นทันที แปลว่ายังไม่ค้นพบตัวเองกันหรอก
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 3 ตุลาคม 2554 / 20:09
ขอขอบคุณบทความนี้จริงๆนะคะ
คอสก็ดีนะคะ แต่บางคนไม่เหมาะที่จะคอสอ่ะค่ะ แต่บางคนคอสแล้วก็น่าร๊ากกกก >< คหสต
อย่างไงก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะคอสหรือไม่คอส ชอบทำเหมือนตัวเองอยู่ในโลกการ์ตูน
เราไม่ค่อยชอบอ่ะ
ไม่ว่างานอดิเรกไหนๆ ก็ไม่ไร้สาระ และไม่มีข้อเสียเลย ถ้าหากรู้จักแบ่งเวลาให้ถูก เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้พัฒนาตนเอง มันจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากค่ะ ^^
ที่โรงเรียนชมรมเราก็มีคอสเพลย์ค่ะ แต่บางคนก็มองว่า งี่เง่า เปลือง ไร้สาระ
ทําให้มีการขัดแย้งกันมาก^ ^
สําหรับเรา คอสคือชีวิตค่ะ^ ^ ใครอยากคอสมาขอคําปรึกษาได้นะคะ^ ^
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 3 ตุลาคม 2554 / 23:34