คอสเพลย์ เรื่องบ้าๆ และไร้สาระ จริงหรือไม่?
 
 
    
        เมื่่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว บอร์ดคอสเพลย์ของเว็บเรามีความเคลื่อนไหวใหญ่ เพราะชาว Dek-D.com ผู้สนใจคอสเพลย์ ออกมาตั้งกระทู้ในเชิงพ่อแม่ไม่ให้คอสเพลย์ติดๆ กันหลายกระทู้ และก็ได้รับตอบรับการเป็นอย่างดี มีเพื่อนๆ พี่ๆ ออกมาแนะนำวิธีการคุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจ 
       แต่ผู้เขียนเองก็ยังยอมรับว่า การจะให้ผู้ปกครองหลายท่านยอมรับการแต่งคอสเพลย์คงเป็นเรื่องยากจริงๆ เพราะ ถ้ามองจากสายตาคนนอก คงจะเห็นได้ว่าการคอสเพลย์เป็นเรื่องไร้สาระ และสิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ ไม่ว่าเงินนั้นจะมาจากการเก็บหอมรอมริบเองก็ตาม แต่เหตุนี้ก็เป็นเหตุผลที่วัยรุ่นผู้สนใจคอสเพลย์ต้องยอมรับ และหาเหตุผลและประโยชน์ของการคอสเพลย์ของตนเองมาอธิบายให้ผู้ปกครองเข้าใจ (ลูกจะคิดว่าพ่อแม่จะรู้จักเข้าใจเราตลอดไม่ได้นะ)  
      ส่วนหนึ่งผู้เขียนได้นำเสนอบทความชื่อ "ทฤษฎีเขาว่าไว้ ถ้าหนูโดนขัดใจ หนูจะไม่โต!!" ที่ยกตัวอย่างการคอสเพลย์มาเป็นประเด็น และกล่าวถึงการที่ให้ผู้ใหญ่วางใจให้วัยรุ่นได้ทำสิ่งที่ต้องการบ้าง แม้จะเป็นเรื่องที่ดูไร้สาระในสายตาเรา แต่สิ่งนั้นๆ ก็จะเป็นประโยชน์วัยรุ่นแน่นอน 
   
        ดังนั้น ในครั้งนี้ผู้เขียนขอเป็นผู้นำเสนอมุมหนึ่งของการคอสเพลย์ เพื่อให้ผู้ใหญ่ได้มองเห็นคุณค่าของการคอสเพลย์ผ่านเสื้อผ้าหน้าผมที่ดูแปลกประหลาดของการคอส
รู้จัก Cosplay กันก่อนสักนิด!

● ภาษา Cosplay เบื้องต้น       
          ชาวคอสเพลย์จะพูดกันสั้นๆ เช่น "จะคอสใคร ไปคอสกันเถอะ" 
  "คอส" ที่ว่านี้เป็นคำกริยา แทนการแต่งตัวเลียนแบบนั้นเอง
          ไปคอสที่ไหนดี = ไปแต่งตัวเลียนแบบตัวละครที่ไหนดี 

บางทีถ้าผู้ใหญ่ได้ยินเด็กๆ พูดกันว่า ไปคอสกันเถอะ เขาอาจไม่ได้หมายถึงจะไปเรียนพิเศษนะคะ

● การคอสไม่ใช่เรื่องการละเล่นที่ธรรมดา ต้องหาข้อมูลไม่น้อย และลงมือทำไม่ยั้ง
     อันดับแรก ต้องมีความชอบและรักในตัวละครเรื่องนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นเกมหรือการ์ตูน แล้วต้องศึกษาข้อมูลของตัวละครและค้นคว้าเพิ่มตเมจากอินเทอร์เน็ต
             อันดับสอง คือ ร่างแบบให้เข้ากับตัวเอง จะสูง ต่ำ เตี้ย ล้ำ ผู้หญิง หรือผู้ชาย ก็คอสเป็นตัวการ์ตูนที่ชอบได้ค่ะ ถ้าเป็นน้องผู้หญิง อยากคอสเป็นตัวละครผู้ชายก็ไม่ว่ากัน
            อันดับสาม เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทำชุดและเครื่องประดับ ตั้งแต่(วิก)ผม ชุด อาวุธประจำกาย (ถ้ามี) และลงมือตัดชุด จะสั่งทำหรือตัดเองก็ไม่ว่ากัน ตัวละครไหนมีรายละเอียดการแต่งกายเยอะ ก็ต้องจัดการหาวัสดุให้เหมือนที่สุด ส่วนนี้ต้องใช้เทคนิคในการประยุกต์วัสดุต่างๆ ด้วยตัวเองอย่างมาก ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่น้อยเลยค่ะ
            และสุดท้าย ต้องตรวจสอบความเรียบร้อยของชุด ลองชุด แล้วก็เก็บรายละเอียดต่างๆ
    
          นอกจากนี้ ยังต้องแต่งหน้าให้เหมือนตัวละครด้วย 
ต้องฝึกฝนฝีมือในการแต่งหน้า และยังมีส่วนการร่วมกลุ่มไปคอสตามงานต่างๆ ที่จัดขึ้น ต้องมีการติดตามข่าวสารงานต่างๆ ใครจะไปคอสคนเดียว แล้วไปหาเพื่อนในงานก็ได้ รวมถึงยังนิยมหาเพื่อนไปเป็นตากล้องส่วนตัว เพื่อเก็บรูปเราไว้เป็นความทรงจำด้วยค่ะ (ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ใช้โอกาสนี้ขอไปเป็นตากล้องของกลุ่มลูกๆ เสียเลยก็ได้!) หลังจากนี้แล้ว ส่วนใหญ่ชาวคอสก็จะนำภาพถ่ายตัวเองลงอินเทอร์เน็ตพูดคุยกับเพื่อนๆ ค่ะ


 
       นี่คือรายละเอียดส่วนหนึ่งของการคอสเพลย์ แน่นอนว่าอาจดูมีแต่เรื่องสิ้นเปลือง แต่สิ่งที่แฝงในสิ่งที่ชาวคอสทำ ก็คือ ความตั้งใจ บวกกับความคิดสร้างสรรค์ในการลงมือทำ จริงๆ ก็เหมือนทำงานประดิษฐ์ส่งครูในโรงเรียนนี่แหละค่ะ แต่ก็ยังต้องมีความกล้าในการแต่งกายแปลกๆ ด้วย ความกล้าในเรื่องนี้ ยังดีกว่าการไปกล้าทำผิดทำชั่วมากมาย และก็ยังดีกว่านั่งหน้าคอมพิวเตอร์จมอยู่กับเกมหรือกองการ์ตูนอย่างเดียวด้วยค่ะ
 
      
 
  ที่สำคัญ การคอสเพลย์ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้าบอกให้เด็กวัยรุ่นของเรารู้จักแบ่งเวลา รู้จักการใช้เงิน และควรเป็นเงินที่เขาเก็บหอมรอมริบเอง เมื่อเขาเก็บได้เองก็อย่าลืมให้เขาทำได้ตามที่เขาได้พยายามเก็บมาตลอดนะคะ หลายครั้งที่ผู้ใหญ่จู่ๆ เป็นห่วงเรื่องการใช้เงินเก็บของลูกขึ้นมา ห้ามทำ ห้ามซื้อ หรือกรณีนี้ คือห้ามคอส ขึ้นมาเฉยๆ ภายหลังจากที่อนุญาตและเขาพยายามเก็บเงินมาแล้ว แบบนี้ลูกยิ่งโกรธและไม่เข้าใจพ่อแม่ เพราะเหมือนการผิดสัญญา หรือคุณพ่อคุณแม่จะสนับสนุนพาไปซื้อของ ตัดชุดและไปคอสด้วยกันยิ่งดีค่ะ จะได้เรียนรู้โลกของลูกด้วย ที่สำคัญยังได้บ่มเพาะคุณลักษณะนิสัยของการมีความพยายาม โดยใช้สิ่งที่สนใจเป็นแรงจูงใจ 
 
       และหากผู้ใหญ่จะมีเงื่อนไขให้ลูกสำหรับการอนุญาตให้ไปคอสก็ได้ค่ะ โดยส่วนมากแล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ทำแบบนั้นอยู่แล้ว เช่น ไม่เสียการเรียน ต้องได้เกรด 3.7 ขึ้นไป
        บอกลูกไปเลยค่ะ เช่น  ขอเวลาพิสูจน์ความชอบ 1 เทอม ถ้าเทอมนี้ได้ 3.7 ขึ้นไป จะให้คอสพร้อมแถมวิกผมสีหรือเครื่องประดับหนึ่งชิ้น หากลูกยอมรับเงื่อนไขนี้ นอกจากลูกจะพยายามในการเรียนมากขึ้นแล้ว เขายังได้มีโอกาสติดตามเรื่องชาวคอส วางแผนการคอสของเขาไปด้วย ลูกไม่โกรธพ่อแม่ เพราะยังไม่ได้ถูกห้าม แต่ก็จะตั้งใจเรียนไปพร้อมกันด้วยค่ะ  จะว่า win-win ทั้งสองฝ่ายก็ได้เนอะ
         แต่แน่นอนว่า ต้องเป็นเงื่อนไขที่ลูกของคุณพ่อคุณแม่น่าจะทำได้จริง แม้จะยากก็ตามนะคะ และหากเกิดเหตุได้แค่ 3.69 ก็น่าจะยังให้โอกาสคอสได้ หากดูแล้วว่าลูกก็ตั้งใจเรียนจริงๆ การจะทำตามหรือละเงื่อนไขใดๆ ควรดูที่เจตนาความตั้งใจของลูกเป็นหลักด้วยค่ะ

 
         ผู้เขียนมีแบบอย่างของคนคอสเพลย์ ดีกรีไม่ธรรมดา เรียนจบระดับเกียรตินิยม จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะมาเล่าประสบการณ์การคอส ซึ่งเชื่อได้ว่า ผู้อ่านจะมองคอสเพลย์ในมุมใหม่ ที่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระแต่เพียงด้านเดียว!
 
 - สนใจการคอสเพลย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ เคยคอสตัวละครใดบ้าง                          
    เริ่มสนใจการคอสเพลย์เมื่อช่วงต้นปี 2552 ค่ะ ช่วงแรกๆ ก็ไปตามถ่ายรูปคนอื่น ไม่นานก็หันมาคอสเอง รวมเวลาแล้วก็คอสมาประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว    ตัวละครที่คอสส่วนมากมาจากหนังขบวนการห้าสี(Sentai)ค่ะ เป็นชุดยูนิฟอร์มตอนที่ยังไม่แปลงร่าง แต่ก็จะมีชุดที่ไม่มีตัวละครด้วย เช่น แต่งตัวตามตุ๊กตาแล้วก็มีชุดที่มาจากเกม Project Diva ตัวละครในเกมจะเรียกว่า Vocaloid แต่ละตัวจะมีสีประจำตัว พอจับกลุ่มกันคอสแล้วมาถ่ายรูปรวมกันจะสวยมากค่ะ
- ขอผู้ปกครองอย่างไร 
       ก่อนจะเริ่มแต่งคอสก็มีเอารูปภาพคอสเพลย์ที่เราเคยไปถ่ายมาให้พ่อแม่ดูค่ะ แล้วโชคดีที่พ่อแม่ชอบ ตอนเริ่มแต่งคอสเองเลยไม่มีปัญหาเพราะพ่อแม่เข้าใจว่าเราทำอะไร ตอนกลับจากงานก็จะมีเอารูปภาพให้พ่อแม่ดูด้วย แล้วมีชวนพ่อแม่ไปดูงานด้วย ให้ท่านได้เห็นว่าเพื่อนเราเป็นใคร ถ้าเราไม่ปกปิด ไม่โกหกพ่อแม่ พ่อแม่ก็จะไว้ใจเรามากขึ้นค่ะ
- คิดว่าข้อดี หรือสิ่งที่ได้รับจากการคอสเพลย์คืออะไร
       ข้อดีของการคอสเพลย์คือการผ่อนคลายความเครียดค่ะ ถ้าเราเรียนหรือทำงานแล้วเครียดมากๆ เราก็จะไม่มีความสุขแล้วก็จะทำสิ่งต่างๆได้ไม่เต็มที่ ถ้าจะให้เปรียบเทียบกันแล้วก็เหมือนเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งค่ะ คนอื่นอาจจะชอบช้อปปิ้ง ดูหนัง แต่เราเลือกที่จะคอสเพลย์  
       สิ่งที่เราได้รับจากการคอสเพลย์อีกอย่างก็คือเพื่อนค่ะ กลุ่มเพื่อนที่คอสเพลย์ด้วยกันจะมีความหลากหลายมาก อาจจะต่างวัยกัน เรียนต่าง
โรงเรียนกันหรือแม้แต่อยู่กันคนละจังหวัด ซึ่งพอเรามาอยู่รวมกันแล้วเหมือนกับว่าเราได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด ประสบการณ์ต่างๆ
- ตอนนี้เรียนต่อหรือทำงาน ยังคอสอยู่ไหม แบ่งเวลาอย่างไร
       ตอนนี้ทำงานแล้วค่ะ ยังไปงานคอสอยู่เรื่อยๆ วิธีการแบ่งเวลาคือ ต้องเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิตให้ได้ อย่างตอนเรียนอยู่ ก็ต้อง 
ดูว่า ช่วงนี้มีการบ้านเยอะไหม ต้องอ่านหนังสือหรือเปล่า ถ้าจะไปงานคอส
เพลย์ หรือเดินหาซื้่อวัสดุอุปกรณ์มาทำชุด ก็ต้องดูให้ไม่มาเบียดบังเวลา
ที่เราต้องทำการบ้าน อ่านหนังสือค่ะ ต้องมีระเบียบต่อตัวเองมากๆ  ถ้าเป็นช่วงสอบ ก็จะเลี่ยงไปเลย เอาชนะความอยากให้ได้!
                                                                                                  เก็บจากค่าขนมที่ได้จากพ่อแม่ค่ะ    - มีวิธีในการหาซื้อชุด และเครื่องประดับการคอสอย่างไร  
    ตอนที่เรียนอยู่ก็จะใช้เงินส่วนที่  
อีกส่วนมาจากเงินที่ทำงานสอน
พิเศษสอนภาษาอังกฤษค่ะ  ส่วนตัวไม่ได้ตัดชุุดบ่อย แล้วก็จะพยายามหาเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มีลักษณะคล้ายๆกันมาแทนบ้างจะได้ลดค่าใช้จ่ายด้านการตัดชุดได้บ้างค่ะ 

- แนะนำน้องที่สนใจการคอสเพลย์
      อยากให้น้องๆแบ่งเวลา และ ควบคุมค่าใช้จ่ายในการคอสเพลย์ให้ดี อย่าให้ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ อีกอย่างคือต้องอย่าสนุกจนลืมตัวค่ะ หลายครั้งเด็กคอสเพลย์ถูกสังคมตำหนิเพราะทำอะไรไม่มีขอบเขต เล่นจนเกินพอดี ไม่เคารพสถานที่ ไม่เกรงใจคนรอบข้าง เพราะฉะนั้นต้องสนุกอย่างมีสตินะคะ ถ้าทำได้ สังคมกระแสหลักก็จะยอมรับคอสเพลย์ได้มากขึ้น

- ฝากบอกผู้ปกครองที่ลูกอยากคอส     
      อยากให้ผู้ปกครองทำความเข้าใจกับลูก และลองเปิดใจยอมรับดูค่ะ เด็กสมัยนี้จะถูกอิทธิพลจากคนรอบข้างโดยเฉพาะเพื่อนที่มีความชอบเหมือนๆ กันชักจูงได้ง่ายมาก การยอมรับกิจกรรมที่ลูกชอบเป็นอีกทางหนึ่งที่พ่อแม่จะเข้าถึงโลกส่วนตัวของเด็กค่ะ    ถ้ายิ่งห้ามลูกก็อาจจะยิ่งปกปิด กลายเป็นว่าพ่อแม่จะไม่รู้เลยว่าลูกทำอะไรอยู่ ยิ่งแย่ไปใหญ่ เชื่อว่าเด็กร้อยทั้งร้อยไม่มีใครอยากโกหกพ่อแม่หรอกค่ะ แต่บางครั้งความอยากเล่น อยากเที่ยว อยากทำกิจกรรมกับกลุ่มเพื่อนก็ทำให้เด็กทำแบบนั้นซึ่งไม่ดีเลย สู้พ่อแม่ยอมรับในสิ่งที่ลูกทำแล้วคอยดูแล และให้คำแนะนำกับเด็กดีกว่าค่ะ

           
          Cosplay 
เป็นเรื่องไร้สาระหรือไม่ เชื่อว่าทุกคนคงมีคำตอบอยู่ในใจ แต่สิ่งที่อยากฝากไว้คือ คอสเพลย์เป็นอีกงานอดิเรกหนึ่งที่ไม่ใช่เรื่องเสียหาย อาจสิ้นเปลืองไปบ้าง แต่บางทีคนเราก็ยอมเสียเงินมากมายไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ก็ตาม และคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นก็อยู่ที่ใจเราเองทั้งสิ้น อย่าลืมเปิดหัวใจตนเอง เพื่อมองในมุมของลูกที่รักคอสเพลย์บ้างนะคะ

 
ขอขอบคุณ
น้องฮั้ว และบ้านอินเดียน่าที่ทำให้เราได้พบกัน
น้องๆ จากบอร์ดคอสเพลย์ เจ้าของกระทู้และความคิดเห็นนำเรื่องในครั้งนี้
                                                                        
พี่เกียรติ
พี่เกียรติ - Community Master ถนัดแฝงตัวตามกระทู้เด็กดี มีความสนใจเป็นล้านเรื่องขึ้นอยู่กับดราม่าขณะนั้น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Karine!! et ~KiaT_T~ Community 3 ต.ค. 54 18:57 น. 5
ยาวไปนิด แต่อยากให้อ่านกันน้า จะแบ่งเป็นตอน ก็รู้สึกว่าเรื่องจะไม่สมบูรณ์


อย่าลืมนะจ้า น้องๆ ชาวDek-D.com ทั้งหลาย
ในสายตาผู้ใหญ่ การคอสเพลย์ เป็นงานอดิเรกหรือเรื่องสนุกที่หาประโยชน์ได้น้อย ไม่เหมือนการอ่านหนังสือ หรือกิจกรรมอื่นๆ เพราะฉะนั้น เราจะโกรธพ่อแม่ฝ่ายเดียว แล้วหาว่าพวกท่านไม่เข้าใจเราอย่างเดียวไม่ได้!

หากเราสนใจและรักการคอสจริงๆ ควรจะพยายามอธิบายให้ท่านเข้าใจ
หรือหากพ่อแม่ไม่เห็นด้วยอย่างไร
ลองเสนอเงื่อนไขหรือสัญญาของตัวเองได้ ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่เสนอก่อนก็ได้นะ เช่น หนูสัญญาว่าเทอมนี้หนูจะเอาเกรด 4.00 มาให้ได้ แต่หนูขอคอสนะคะ แล้วให้แม่ตามไปดูพวกหนูกับเพื่อนๆ ด้วยค่ะ

แต่ต้องเสนออย่างมีใจเย็นๆ น้า หากไปเสนอเงื่อนไขอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ผิดเวลา หรือสวนไปทั้งโกรธๆ แทนที่จะได้ผลดี คือ พ่อแม่หันมาสนใจข้อสัญญาของเรา จะกลายเป็นยิ่งทะเลาะกัน พ่อแม่จะหาว่าเราต่อรอง (ซึ่งใกล้เคียงกับต่อล้อต่อเถียง) มากๆ จ้า


ถ้ามีปัญหาเรื่องนี้ ต้องใจเย็นๆ จ้า
พี่เกียรติหวังว่า หากคุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่ ได้อ่านบทความนี้ อาจเห็นมุมมองใหม่และเปิดโอกาสให้วัยรุ่นผุ้รักคอสเพลย์มากขึ้นค่ะ ...เนอะ

0
กำลังโหลด
ซ่อนนาม Member 3 ต.ค. 54 20:06 น. 12
ผู้ใหญ่ก็คอสเพลย์เหมือนกันนะเอ้อ
เช่นเอลวิส หรือบีทเทิล แถมแต่ละคนแก่ ๆ กันทั้งนั้น
ทว่าพอเด็กจะคอสบ้างกับถูกมองว่าไร้สาระ ไร้ประโยชน์เสียนี่

ซึ่งที่จริงมันก็ปรกติล่ะนะ สิ่งที่คนผู้นั้นไม่สนใจจะถูกเรียกว่าไร้สาระหมดนั่นแหละ
ไม่ว่ามันจะมีสาระมากแค่ไหนก็ตามเหอะ

เช่นสร้างเครื่องวิทยุเอง สร้างบอลลูนไปถ่ายรูปเมฆบนฟ้า
ถ้าผู้ปกครองหัวล้าสมัยติดกับในระบบการศึกษาที่เน้นเกรดเน้นวุฒิ
ก็จะเห็นว่ามันไร้สาระ แล้วจะไล่ให้เด็กไปอ่านหนังสือที่แสนจะไร้สาระต่อ
ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นนั่นแหละจะสร้างเสริมความสามารถให้เด็กมากกว่าการอ่านหนังสือเสียอีก

บางทีอาจเพราะระบบการศึกษาไทย(ของประถมและมัธยม)ในปัจจุบัน
เป็นค้นหาเป็ด ที่เก่งและรอบรู้ไปทุกอย่าง แต่ไม่เจ๋งจริงสักอย่างเดียว
ส่วนพญาราชสีห์ หรืออินทรีย์ที่เจ๋งเฉพาะด้าน ก็จะถูกหาว่าต่ำค่ากว่าเป็ดไปซะงั้น


หวังว่าพ่อแม่ผู้ปกครองคงจะเข้าใจนะว่าเป็ดกับพญาราชสีห์และอินทรีย์มันต่างกันอย่างไร
เป็ดมันทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งจริงเลยสักอย่าง
ก็เหมือนกับการศึกษาไทยนั่นแหละที่ยัดเยียดมาให้รู้ทุกอย่าง ถ้าไม่ใช่เป็ดก็ทำไม่ได้หรอก
แน่นอนว่าความรู้มันก็พื้น ๆ ทั้งนั้น พอไปมหาลัยมันจะใช้ความรู้คนละระดับเลย

ส่วนพญาราชสีห์กับอินทรีย์เก่งแค่บางอย่าง ทว่าไม่สามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนเป็ด
ดังนั้นความรู้ทั้งหลายจึงไม่สามารถรับไปได้หมด มีแต่จะเลือกแค่เฉพาะอย่างแล้วทำอย่างนั้นไป
บทความที่แล้ว ค้นหาอาชีพที่ใช่ นอกจากความชอบ ยังต้องดูอะไรอีกบ้าง?
ที่เด็กส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดแม้แต่ความชอบของตนเอง
ก็เพราะผู้ปกครองแบบนี้แหละ ปิดกั้นการค้นหาตัวเองของเด็กเอง
ถ้ามีประสบการณ์มาก ๆ ก็จะรู้เองแหละว่าตัวเองเหมาะกับอะไรสมควรที่จะเรียนอะไร
แต่พอไปปิดกั้น ถึงจะเป็นพญาราชสีห์หรืออินทรีย์ ก็จะคิดว่าตัวเองเป็นเป็ดอยู่ดี

และถึงทำกิจกรรมนั้น ก็ใช่ว่าจะรู้ตัวว่าชอบแล้วรีบไปทำประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับกิจกรรมนั้นนะ
เชื่อเลยว่าคนที่ค้นพบตัวเองจริง ๆ จะไม่ใช่เช่นนั้นหรอก
ถึงจะชอบอย่างหนึ่งแต่จะสามารถโดดไปทำในสายอื่นได้
เพราะรู้ทั้งตัวเองว่ามีความสามารถแค่ไหน และรู้ดีว่าสิ่งที่ชอบมันยั่งยืนได้มากเท่าไหร่
ดังนั้นจึงเลือกที่จะทำอีกสิ่งที่รู้ว่าเหมาะสมกับตัวเองอย่างที่สุดได้จริง ๆ แทน
ส่วนคนที่พบเจอแค่ไม่เท่าไหร่แล้วจะโดดไปทำสิ่งนั้นทันที แปลว่ายังไม่ค้นพบตัวเองกันหรอก


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 3 ตุลาคม 2554 / 20:09
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กรรมกร_ออฟ_ฟิส Member 14 ก.ค. 59 17:18 น. 74

เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบถ่ายรูปคนแต่คอสเพลย์  เห็นได้เลยถึงความตั้งใจ ความพยายาม เพราะชุดแต่ละชุด ตัวละครแต่ละตัวต้องใช้ความพยายามในการสร้างสรรค์ ทั้งชุด ทั้งทีมชุด  อุปกรณ์ในการทำชุดและอุปกรณ์ประกอบต่างๆ (โดยเฉพาะพวกพร๊อบดาบ-เคียวอลังการมาก!!) ไม่ใช่หาได้โดยทั่วๆไป  เป็นกำลังใจให้นะคะ ชาวคอส เราชอบในการสร้างสรรค์ของคุณ!!

0
กำลังโหลด

74 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
พันธุ์ไทยหลังอาน Member 3 ต.ค. 54 18:30 น. 2
อืม..มันไม่เสียหายๆ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน..ก็ว่าอย่าให้ถือทิฐิแล้วมองดูใหม่
มันอาจจะเป็นเรื่องดีๆที่สามารถทำให้ลูกๆของคุณๆมีเพื่อนมากขึ้นก็ได้...ใครจะไปรู้?
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
นินจาจอมแสบซูยายะ เซน Member 3 ต.ค. 54 18:39 น. 4
 อยากคอสนะคะ..

ทุกอย่างเกือบพร้อม ขาดอย่างเดียวคือ..

ไม่มีเพื่อนนนTT[  ]TT!!!!
1
กำลังโหลด
Karine!! et ~KiaT_T~ Community 3 ต.ค. 54 18:57 น. 5
ยาวไปนิด แต่อยากให้อ่านกันน้า จะแบ่งเป็นตอน ก็รู้สึกว่าเรื่องจะไม่สมบูรณ์


อย่าลืมนะจ้า น้องๆ ชาวDek-D.com ทั้งหลาย
ในสายตาผู้ใหญ่ การคอสเพลย์ เป็นงานอดิเรกหรือเรื่องสนุกที่หาประโยชน์ได้น้อย ไม่เหมือนการอ่านหนังสือ หรือกิจกรรมอื่นๆ เพราะฉะนั้น เราจะโกรธพ่อแม่ฝ่ายเดียว แล้วหาว่าพวกท่านไม่เข้าใจเราอย่างเดียวไม่ได้!

หากเราสนใจและรักการคอสจริงๆ ควรจะพยายามอธิบายให้ท่านเข้าใจ
หรือหากพ่อแม่ไม่เห็นด้วยอย่างไร
ลองเสนอเงื่อนไขหรือสัญญาของตัวเองได้ ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่เสนอก่อนก็ได้นะ เช่น หนูสัญญาว่าเทอมนี้หนูจะเอาเกรด 4.00 มาให้ได้ แต่หนูขอคอสนะคะ แล้วให้แม่ตามไปดูพวกหนูกับเพื่อนๆ ด้วยค่ะ

แต่ต้องเสนออย่างมีใจเย็นๆ น้า หากไปเสนอเงื่อนไขอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ผิดเวลา หรือสวนไปทั้งโกรธๆ แทนที่จะได้ผลดี คือ พ่อแม่หันมาสนใจข้อสัญญาของเรา จะกลายเป็นยิ่งทะเลาะกัน พ่อแม่จะหาว่าเราต่อรอง (ซึ่งใกล้เคียงกับต่อล้อต่อเถียง) มากๆ จ้า


ถ้ามีปัญหาเรื่องนี้ ต้องใจเย็นๆ จ้า
พี่เกียรติหวังว่า หากคุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่ ได้อ่านบทความนี้ อาจเห็นมุมมองใหม่และเปิดโอกาสให้วัยรุ่นผุ้รักคอสเพลย์มากขึ้นค่ะ ...เนอะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Cola D Oxygen★ Member 3 ต.ค. 54 19:36 น. 9
ผมปลื้มบทความนี้มากๆเลยคร๊าบผม!
แต่ผมเดินทางไปไม่ได้น่ะสิ เรื่องพ่อแม่เงินมันเคลียร์หมดแล้วยกเว้นระยะทาง -_-
0
กำลังโหลด
The_Starry_Sky Member 3 ต.ค. 54 19:48 น. 10
คนที่จะเเต่ง Cosplay ต้องเตรียมอะไรหลายอย่างจริงๆ นะคับ ทั้งวิธีทำชุด คอนเซป อะไรหลายๆอย่าง ก็เคยมีเพื่อนมาถามอยู่  เราก็เเนะนำตามที่เราช่วยได้ ^^

Cosplay ก็คือการเเสดงอย่างหนึ่ง เหมือนกับกับการเต้น ร้องเพลง การเเสดงอื่นๆ ดังนั้น Cosplay ไม่ไร้สาระเเน่นอนคับ ^^


0
กำลังโหลด
` ต.เตย สีเขียว Member 3 ต.ค. 54 19:57 น. 11
แต่บางคนก็ห่วงคอสจนลืมเรื่องเรียน
เช่นเพื่อนของหนู วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย เพื่อนหนูเปิดยูทูปดูแล้วก็เต้นตามตลอดในขณะที่เพื่อนในห้องต่างอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบวิชาถัดไป เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วตั้งแต่เริ่มสอบ ไม่เคยเห็นเขาอ่านเลยค่ะ แล้วเขาก็สอบได้ที่สุดท้ายของห้องด้วย ตอนสอบมิดเทอมเขาก็เอาชุดมานั่งเย็บระหว่างที่ครูสอน เฮ้ออออ พูดยากนะคะ




แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 3 ตุลาคม 2554 / 22:25
0
กำลังโหลด
ซ่อนนาม Member 3 ต.ค. 54 20:06 น. 12
ผู้ใหญ่ก็คอสเพลย์เหมือนกันนะเอ้อ
เช่นเอลวิส หรือบีทเทิล แถมแต่ละคนแก่ ๆ กันทั้งนั้น
ทว่าพอเด็กจะคอสบ้างกับถูกมองว่าไร้สาระ ไร้ประโยชน์เสียนี่

ซึ่งที่จริงมันก็ปรกติล่ะนะ สิ่งที่คนผู้นั้นไม่สนใจจะถูกเรียกว่าไร้สาระหมดนั่นแหละ
ไม่ว่ามันจะมีสาระมากแค่ไหนก็ตามเหอะ

เช่นสร้างเครื่องวิทยุเอง สร้างบอลลูนไปถ่ายรูปเมฆบนฟ้า
ถ้าผู้ปกครองหัวล้าสมัยติดกับในระบบการศึกษาที่เน้นเกรดเน้นวุฒิ
ก็จะเห็นว่ามันไร้สาระ แล้วจะไล่ให้เด็กไปอ่านหนังสือที่แสนจะไร้สาระต่อ
ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นนั่นแหละจะสร้างเสริมความสามารถให้เด็กมากกว่าการอ่านหนังสือเสียอีก

บางทีอาจเพราะระบบการศึกษาไทย(ของประถมและมัธยม)ในปัจจุบัน
เป็นค้นหาเป็ด ที่เก่งและรอบรู้ไปทุกอย่าง แต่ไม่เจ๋งจริงสักอย่างเดียว
ส่วนพญาราชสีห์ หรืออินทรีย์ที่เจ๋งเฉพาะด้าน ก็จะถูกหาว่าต่ำค่ากว่าเป็ดไปซะงั้น


หวังว่าพ่อแม่ผู้ปกครองคงจะเข้าใจนะว่าเป็ดกับพญาราชสีห์และอินทรีย์มันต่างกันอย่างไร
เป็ดมันทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งจริงเลยสักอย่าง
ก็เหมือนกับการศึกษาไทยนั่นแหละที่ยัดเยียดมาให้รู้ทุกอย่าง ถ้าไม่ใช่เป็ดก็ทำไม่ได้หรอก
แน่นอนว่าความรู้มันก็พื้น ๆ ทั้งนั้น พอไปมหาลัยมันจะใช้ความรู้คนละระดับเลย

ส่วนพญาราชสีห์กับอินทรีย์เก่งแค่บางอย่าง ทว่าไม่สามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนเป็ด
ดังนั้นความรู้ทั้งหลายจึงไม่สามารถรับไปได้หมด มีแต่จะเลือกแค่เฉพาะอย่างแล้วทำอย่างนั้นไป
บทความที่แล้ว ค้นหาอาชีพที่ใช่ นอกจากความชอบ ยังต้องดูอะไรอีกบ้าง?
ที่เด็กส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดแม้แต่ความชอบของตนเอง
ก็เพราะผู้ปกครองแบบนี้แหละ ปิดกั้นการค้นหาตัวเองของเด็กเอง
ถ้ามีประสบการณ์มาก ๆ ก็จะรู้เองแหละว่าตัวเองเหมาะกับอะไรสมควรที่จะเรียนอะไร
แต่พอไปปิดกั้น ถึงจะเป็นพญาราชสีห์หรืออินทรีย์ ก็จะคิดว่าตัวเองเป็นเป็ดอยู่ดี

และถึงทำกิจกรรมนั้น ก็ใช่ว่าจะรู้ตัวว่าชอบแล้วรีบไปทำประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับกิจกรรมนั้นนะ
เชื่อเลยว่าคนที่ค้นพบตัวเองจริง ๆ จะไม่ใช่เช่นนั้นหรอก
ถึงจะชอบอย่างหนึ่งแต่จะสามารถโดดไปทำในสายอื่นได้
เพราะรู้ทั้งตัวเองว่ามีความสามารถแค่ไหน และรู้ดีว่าสิ่งที่ชอบมันยั่งยืนได้มากเท่าไหร่
ดังนั้นจึงเลือกที่จะทำอีกสิ่งที่รู้ว่าเหมาะสมกับตัวเองอย่างที่สุดได้จริง ๆ แทน
ส่วนคนที่พบเจอแค่ไม่เท่าไหร่แล้วจะโดดไปทำสิ่งนั้นทันที แปลว่ายังไม่ค้นพบตัวเองกันหรอก


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 3 ตุลาคม 2554 / 20:09
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Princess_N Member 3 ต.ค. 54 20:44 น. 14
หลังจากให้คุณแม่อ่านบทความนี้ เขาก็เข้าใจเรามากขึ้นนะคะไม่ได้สนับสนุนอะไรมากแต่ก็ไม่ได้ห้ามเหมือนตอนแรก แถมบอกตอนที่ไปงานคอสครั้งแรกคุรแม่ก็ยอมออกเงินค่าชุดให้ด้วยค่ะ บอกว่าให้ 'เอาเงินนี้ไปซื้อความทรงจำกับเพื่อนๆไม่ได้ให้เอาไปซื้อชุด'ตอนนั้นซึ้งมากเลยค่ะไม่นึกว่าคุณแม่จะเข้าใจเราขนาดนี้
ขอขอบคุณบทความนี้จริงๆนะคะ
0
กำลังโหลด
Fenejung Member 3 ต.ค. 54 20:53 น. 15

คอสก็ดีนะคะ  แต่บางคนไม่เหมาะที่จะคอสอ่ะค่ะ   แต่บางคนคอสแล้วก็น่าร๊ากกกก >< คหสต

อย่างไงก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะคอสหรือไม่คอส ชอบทำเหมือนตัวเองอยู่ในโลกการ์ตูน

เราไม่ค่อยชอบอ่ะ



0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เจ้าหญิงแห่งดาบ Member 3 ต.ค. 54 21:20 น. 18
แต่ก็ขอ ปักหมุด เลยค่ะ  กระทู้ดีๆแบบนี้ หนูขอสนับสนุน  ไม่ใช่แค่ คอสเพลย์ อย่างเดียวนะคะ  ยังรวมไปถึง งานอดิเรกอย่างอื่นด้วย  ซึ่งจริงๆอย่างที่พี่เกียรติพูดนั่นแหละค่ะ  พี่คิดเหมือนหนูเลย


ไม่ว่างานอดิเรกไหนๆ  ก็ไม่ไร้สาระ  และไม่มีข้อเสียเลย ถ้าหากรู้จักแบ่งเวลาให้ถูก  เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้พัฒนาตนเอง  มันจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากค่ะ ^^
0
กำลังโหลด
Uni εїз Member 3 ต.ค. 54 21:28 น. 19
เอ่อ....ด้วยความที่เราเป็นคอสเพลย์เยอร์นะคะ เรื่องที่ไม่เห็นด้วยเรื่องการคอสมีเยอะแยะมากๆค่ะ

ที่โรงเรียนชมรมเราก็มีคอสเพลย์ค่ะ แต่บางคนก็มองว่า งี่เง่า เปลือง ไร้สาระ

ทําให้มีการขัดแย้งกันมาก^ ^

สําหรับเรา คอสคือชีวิตค่ะ^ ^ ใครอยากคอสมาขอคําปรึกษาได้นะคะ^ ^

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 3 ตุลาคม 2554 / 23:34
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด