ใครอยากไปญี่ปุ่น ยกมือขึ้น!! พี่แนนขอชูแขนสุด ตัวด้วยคนค่ะ เพราะเป็นประเทศในฝันที่อยากจะไป สักครั้งในชีวิต อยากไปเห็นสภาพบ้านเมือง ไปดูผู้ คน อยากรู้จักวัฒนธรรมของเค้า และอยากไปถิ่นกำเนิดการ์ตูนดังๆ สักครั้งในชีวิต อิอิ  

  หลายคนที่มีความฝันในประเทศญี่ปุ่น อยากเรียนรู้ วัฒนธรรม อยากฟังเพลงเข้าใจ อยากดูละครเค้ารู้เรื่อง ทำให้การเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นที่นิยมมาตลอด วันนี้ พี่แนนเลยมีโอกาสดี  ได้คุยกับอาจารย์ 2 ท่าน ที่คลุกคลีกับภาษาญี่ปุ่นมากว่า 10 ปี จนมีโรงเรียนสุดอบอุ่น "โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น We" ทั้ง 2 ท่าน คือ อ.เรย์ - เอกวิชญ์ นราวุฒิกุล และ อ.ปุ๊
ปภาภรณ์ ปิ่นจุฑารัตน์
กับระบบการสอนที่ไม่เหมือนใคร ชื่อว่า "ซามูไร" SA-MU-RA-I ชื่อฟัง
ดูโหดๆ แต่จะเป็นยังไง ไปฟังกันเลยค่ะ

พี่แนน :
สวัสดีค่ะ อ.เรย์ กับ อ.ปุ๊ นะคะขอถามก่อนเลยค่ะว่า โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น We นี่เปิดมา นานหรือยังคะ ? 

อ.เรย์ :
โรงเรียนเปิดมา 6 ปีแล้วครับ เราเริ่มตั้งแต่ สอนเดี่ยวๆ สอนคนรู้จัก หรือสอนสมาคม สอนสถาบัน ใหญ่ พอสอนมากๆ เราก็รู้สึกว่า เราอยากจะทำอะไร ให้มันดีขึ้น อยากทำโรงเรียนให้ดีขึ้น

     ในแง่ของการดูแลนักเรียน การบริการ บางครั้งเราพบว่า เวลาเราสอนนักเรียนเยอะ บางคนช้า บางคนเร็ว บางคนไม่เข้าใจ เราก็ไม่สามารถไปรองรับเค้าได้ เลยคิดว่า เรามาทำเองดีกว่า เลยเริ่มจากโรงเรียนเราก่อน โดยการสร้างบรรยากาศ ลักษณะของโรงเรียน ไม่ให้เหมือนที่ไหน จากตึกห้องแถวธรรมดา ให้มีความรู้สึกอบอุ่น

อ.ปุ๊ :
ที่นี่เราจะมีอาจารย์เป็นคนญี่ปุ่น ที่เป็นอาจารย์ จริงๆ สอนอยู่ในมหาวิทยาลัย หรือโรงเรียนต่างๆ บ้าง เพราะฉะนั้น น้องๆ ที่มาเรียนก็จะรู้สึกว่า เค้ามาเรียนเหมือนที่โรงเรียน เรียนแบบจริงจังค่ะ ซึ่งจะมีอยู่กว่าครึ่งของอาจารย์ที่สอนทั้งหมด
พี่แนน : หลักสูตรเด็ดๆ ของที่โรงเรียนมีอะไรบ้างคะ?

อ.เรย์ :
ปกติถ้าอยากเรียนภาษาญี่ปุ่น อย่างแรกก็ต้องมา เรียนหลักสูตรก่อน ซึ่งเป็นการเรียนเป็นขั้น ตั้งแต่ไม่เป็นอะไรเลย ไปจนเก่ง แล้วหลักสูตรของเรา จะมีการอ้างอิงหลักตามกระทรวงศึกษาธิการด้วย  

     หลักสูตรเราแต่งเอง เพราะเรามองว่า ตัวหลักสูตรสำคัญสำหรับคนไทย คนไทยอยากจะสนทนาให้ได้ พูดให้เป็นเร็วๆ แต่เราอาจไม่อยากท่องศัพท์ หรือถ้าเป็นคนญี่ปุ่นอย่างเดียวอาจจะไม่รู้ว่า คนไทยไม่ถนัดอะไร เช่น เรื่อง Tense พวกนี้ก็เป็นสิ่งที่หล่อหลอมมา เพราะฉะนั้น หลักสูตรแรกคือ หลักสูตรการสนทนา เรียกว่า ภาษาญี่ปุ่นเพื่อการสนทนา เรามีเริ่มต้นตั้งแต่ Beginner ไปถึง Expression เพราะเมื่อมาเรียนแล้ว เราอยากให้นักเรียนสามารถได้พูดหรือสื่อสารได้แบบทันใจ ไปถึงระดับ Professional คือสามารถพูดสนทนากับคนญี่ปุ่นเข้าใจ

     อีกหลักสูตรหนึ่งคือ หลักสูตรสำหรับ ม.ปลาย ที่ตอนนี้ เราให้ความสำคัญกับตรงนี้มาก เพราะเราเห็นว่า ตอนนี้น้อง ม.ปลาย มีปัญหาในการเรียนภาษาญี่ปุ่น ทั้งในเรื่อง ความพร้อมของตัวอาจารย์ บุคลากร  ปัจจัยความต้องการ หลายอย่าง เช่น บางคนเลือกเรียนญี่ปุ่นตามเพื่อน หรือบางคนเข้าอะไรไม่ได้ ก็เข้าญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นในห้องหนึ่งจะมีหลายๆ ประเภท ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ซึ่งทั้งหมดส่งผลให้คะแนนน้องๆ ออกมาไม่ดีเท่าไหร่ หลายอย่างทำให้เรารู้สึกว่าพัฒนาได้ อย่างตอนนี้ ผมยังไม่แก่ เราสามารถที่จะสอนคนได้อีก เลยสร้างเป็นระบบที่เรียกว่าระบบซามูไร (SA-MU-RA-I) ขึ้นมา

     ระบบซามูไรนี้จะตอบสนองน้องๆ ที่มีความเร็วหรือช้า ไม่เท่ากัน  โดยจะเรียนด้วยหนังสือที่เรียกว่า อะกิโกะ (Akiko)  มีทั้งหมด 6 เล่ม ซึ่งน้องๆ ก็จะเรียนกันเทอมละเล่ม เราสร้างหลักสูตรตัวนี้ขึ้นมา คือมีการเรียนการสอนตามหนังสือ แล้วมีเทคนิคพิเศษขึ้นมาเสริมนอกเหนือจากในหนังสือ แล้วในระบบ เราสามารถที่จะทำแบบฝึกหัดเพิ่ม เล่นเกมส์คำศัพท์ ได้หลายหลาก ทำให้น้องๆ มีทักษะมากขึ้น

พี่แนน :
โอ้ หลักสูตรซามูไร ชื่อฟังโหดๆ นะคะ (ฮ่าๆ) ว่าแต่ ลักษณะการเรียนเป็นยังไงคะ ?

อ.ปุ๊ : หลักสูตรนี้เป็นการเรียนผ่านวิดิโอคอมพิวเตอร์ แต่วิดิโอภาพการสอนเป็นเพียงแค่ 40% ของระบบทั้งหมดเพราะนอกจากจะมีวิดิโอการสอน เรายังสร้างช่องทางในการติดต่อมาที่เรา เรียกว่า My Sensei เพียงกดที่รูป อาจารย์ก็ส่งข้อความถามได้เลย

    และยังมีแบบฝึกหัดตามบท ฝึกฟัง ฝึกการโต้ตอบ มีการประเมินเป็น % ให้นักเรียนว่า ใช้เวลาต่อข้อเท่าไหร่ ผิดกี่ % สามารถทำซ้ำได้ทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน ไม่มีการจำกัด ชั่วโมง ขอแค่มีอินเทอร์เน็ต ว่างเมื่อไหร่ทวนได้ทุกที่ แล้วก็มีดิกชันนารี่ เป็นแสนคำอยู่ในระบบนั้น ถ้าไม่เข้าใจ ก็หยุดเทป แล้วก็ดูคำแปลจากดิกชั่นนารี่

    ดังนั้นระบบซามูไร ไม่ใช่แค่ระบบวิดิโอสอน แต่เป็น ระบบซัพพอตที่เป็นรูปธรรม อยากฉีกกฎตรงที่ว่า อยู่ตรงไหนต้องได้เรียน อยากซ้ำทวนก็ทำได้โดย ไม่ต้องคำนึงว่ากี่บาทๆ

อ.เรย์ : ในลักษณะของการเรียนแบบซามูไร เราเรียนเพิ่มเพิ่มเกรดเพื่อสอบ ถ้าจะเรียนในลักษณะการสนทนา ก็ต้องมาเรียนแบบสอนสด แล้วก็จะมีหลักสูตรสำหรับเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย คือจะมีการนำข้อสอบมาเฉลย แต่ไม่ได้เฉลยเฉพาะคำตอบ แต่บอกว่าเทคนิคว่าทำไมข้อนี้ถึงไม่ได้ ไม่ได้เพราะอะไร      

     ในหลักสูตรทั้งหมดก็จะมีอาจารย์หลายๆ ท่าน อย่างคอร์สอะกิโกะ ผมจะเป็นคนสอน ส่วนคอร์สเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็จะเป็น อ.ปุ๊ สอน ส่วนคอร์สสนทนา จะมีทีมงานของเรามาจากมหาวิทยาลัย มีอาจารย์จาก คนญี่ปุ่นมาสอนเลย
พี่แนน : มีคนมาบอกว่า เรียนเพราะชอบนักร้อง หรือชอบละครญี่ปุ่นไหมคะ ?

อ.ปุ๊ : มีค่ะ ครูก็เป็น (ฮ่าๆ) พ่อแม่บางคนมองว่า มาเรียนด้วยความไร้สาระ การที่เรียนเพราะรักมันไม่มีคำว่า รักดีหรือไม่ดีค่ะ มีเด็กคนนึ่งมาเรียนกับเราตั้งแต่ ป.ตรี ทุกนี้จบ ป.โทแล้ว สอบวัดระดับได้ชั้นกลาง เรียนเพื่อไปฟังคอนเสิร์ต ตอนนี้ทำไปทำมาทำงานกับริษัทญี่ปุ่นแล้ว
    จากความรักอะไรสักอย่าง มันกลายมาเป็นแรงผลักดันตัวเอง ไม่ใช่แค่ภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียวนะคะ แต่เค้าจะผลักดันตัวเองได้ในหลายๆ เรื่อง อย่าง อ.ปุ๊เอง มาเรียนญี่ปุ่น ก็เพราะชอบโดราเอม่อน แต่ก็มาถึงวันนี้ได้ เพราะฉะนั้นอยากให้มองว่า เราเรียนภาษาญี่ปุ่นเพราะดารา หรือเพราะอะไร มันดีกว่าเรียนเพราะต้องเรียนนะคะ มันเป็นจุดเริ่มที่ดี และก็มีความสุขในการสอน เพราะเราอยูท่ามกลาง คนที่มาด้วยความรัก

พี่แนน : ขอถามถึงแนวข้อสอบ PAT ภาษาญี่ปุ่น ที่ผ่านมาสักนิดค่ะ อาจารย์ว่ายากหรือง่ายคะ ?

อ.เรย์ :
ส่วนตัวข้อสอบเท่าที่เห็นมา เนื้อหาจะเป็นภาษาญี่ปุ่น 2 ระดับ แต่น้องมักจะลือไปว่าออก 3-4 ระดับ จริงๆ แค่ 2 ระดับ อาจจะมีเกินๆ มาบ้าง แต่อยู่ในหนังสือ อะกิโกะอยู่แล้ว ซึ่ง 2 ระดับตรงนี้จะไม่ได้เฉลี่ยดิบๆ มาออก แต่จะเอาเรื่องสุดขั้วของแต่ละเรื่องมาออก ทำให้มันยาก ถ้าใครเรียนในระดับเฉลี่ยๆ จะทำไม่ค่อยได้ และเป็นข้อสอบการอ่านเกือบ 60% ก็จะทำกันไม่ทัน

อ.ปุ๊ :
เนื้อหาไม่ยากค่ะ ไม่ใช่เนื้อหาเกินเลย แต่เป็นเนื้อหาที่ต้องรู้จริง ปัญหาของน้องๆ ตอนนี้คือ ไม่ได้เรียนครบหลักสูตร คือ จบ ม.6 แล้วต้องมาสอบแอดมิชชั่นเดือน ต.ค.ก่อน คือไม่ได้เรียนอะกิโกะเล่ม 6 ซึ่งทำให้เด็กคิดว่ามันยาก แต่จริงๆ แล้วคือยังเรียนไม่จบ
    ดังนั้นแนะนำน้องๆ ว่าการเตรียมสอบ PAT ไม่ใช่แค่ความรู้อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องจังหวะ ในการเตรียมสำคัญที่สุด เช่น ช่วงปิดเทอมของ ม.5 ก่อนขึ้น ม. 6 ให้มาเรียน อะกิโกะเล่ม 5,6 ก่อน
พี่แนน : น้องๆ ที่เรียนผ่านวิดิโอ เคยได้เจอตัวจริง อาจารย์กันไหมคะ ?

อ.ปุ๊ :
เราวางตัวเป็นคุณครูที่อยู่ใกล้นักเรียน ไม่ใช่ ติวเตอร์ที่อยู่บนหอคอย ดังนั้น เราจะอยู่กับนักเรียน
เลิกเรียนแล้วก็เดินลงมาส่ง เสาร์อาทิตย์ก็ไปสาขาบางกะปิ เพราะเค้าจะเรียนแต่วิดิโอ บางคนเจอตัวจริงจะตื่นเต้น คืออยากเป็นอาจารย์ที่เค้าสัมผัสได้ บางคนก็อยากรู้ว่า เข้ามหาวิทยาลัยเอกญี่ปุ่น เรียนอะไร ก็มาถาม อันนี้นอกเหนือจากการเรียนแล้ว ต้องให้แนวคิดเค้าได้
    โดยเฉพาะน้องๆ ที่เรียนกับคอมพิวเตอร์ ต้องให้ ความสำคัญมากๆ เพราะเค้าไม่ได้เจอเรา จึงต้องเป็นอาจารย์ที่สัมผัสได้ อย่างที่บอกว่า คนที่มาเรียนญี่ปุ่นมาเพราะรัก การได้คุยกับคนที่รักเหมือนๆ กัน มันต้องสร้างกำลังใจ ซึ่งสำคัญมาก เพราะภาษาญี่ปุ่นไม่ใช่ภาษาที่ง่าย ดังนั้นการให้กำลังใจระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนสำคัญมากค่ะ 

พี่แนน : สุดท้ายนี้ อยากให้อาจารย์ฝากอะไร ถึงน้องๆ ชาว Dek-D ที่เข้ามาอ่านกันสักนิดค่ะ

อ.ปุ๊ :
หลักการเรียนคือการซ้ำทวน ซ้ำทวนด้วยตัวเองเรื่อยๆ ภาษาชอบคนอึดค่ะ ไม่ได้ชอบคนเก่ง ^_^

อ.เรย์ :
ถ้าเกิดว่าตั้งใจเรียนภาษาญี่ปุ่น อย่างแรกที่ สำคัญมากกว่าเรื่องของความรู้ คือเรื่องของแนวทาง ต้องศึกษาก่อนว่า ภาษาญี่ปุ่น มีระดับของมัน หนึ่งระดับอาจใช้เวลาประมาณ 1 ปี หรืออย่างช้า 2 ปี ดังนั้น ถ้าเราจะเรียนเข้ามหาวิทยาลัย หลักๆ จะใช้เวลาประมาณ 2 - 5 ปี ถ้าเริ่มเร็วก็สำเร็จเร็ว ดังนั้นถ้ารู้ตัวให้รีบเริ่มต้น
    ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ยากเกินไป มันมีระดับขั้นอยู่ ถ้าเรา รู้แนวทางขั้นตอน และมีแผนการเรียน มันจะทำให้เรา วางแผนการเรียนไม่พลาด ส่วนเวลาที่เหลือเราก็ทำ ข้อสอบ จะดีจะแย่ต้องทำข้อสอบ เพราะถึงจะอ่านมา เต็มที่ แต่ถ้าไม่ทำข้อสอบเลย จะทำไม่ได้ เพราะเรา ไม่เข้าใจแนวทางว่าออกยังไง แล้วถ้าเราเรียนไปแล้ว ไม่เข้าใจ ก็ควรจะถามผู้รู้ ไม่ต้องกลัวหรือเกรงใจครับ
     ยิ่งได้เห็นบรรยากาศการเรียน และได้คุยกับอาจารย์ทั้งสองท่านแล้ว  พี่แนนยิ่งรู้สึกอยากเรียนไปใหญ่ และที่สำคัญยังได้กำลังใจดีๆ ในการเริ่มต้นอะไรหลายอย่าง ที่ไม่ใช่แค่การเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยนะคะ นั่นคือ ทำในสิ่งที่รัก สักวันก็จะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอนค่ะ!!
พี่แนน
พี่แนน - Columnist พี่ใหญ่ฝ่ายกิจกรรมด้านการศึกษา และฝ่ายดูแลสุขภาพจิตของน้องๆ ในทีมให้เป็นปกติ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

35 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
(:NuGi:) Member 7 มิ.ย. 55 21:07 น. 7
เราเรียนอยู่สาชาบางกะปิ
ได้เจอคุณครูทั้งสองคนเลย
มาเยี่ยมสาขาบางกะปิบ่อยมาก><
สอนดีมากๆคะแนะนำว่าให้เรียนเลย ใครที่ไม่เข้าไม่มีพื้นฐาน
มาเรียนตรงนี้บอกได้ว่าเป๊ะมากเลย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
น้ำไนล์ Member 8 มิ.ย. 55 17:37 น. 11
 อ๊ากกกกกก>< เป็นคนนึงที่คลั่งญี่ปุ่นมากชอบทุกอย่างทั้งอาหาร ขนม ของฝาก สภาพอากาศ ผู้คน ที่อยู่อาศัย ต้นซากุระ การ์ตูน โรงเรียน นักเรียนญี่ปุ่น ที่ท่องเที่ยว ออนเซ็น ภาษา นักร้อง ละคร ไอดอล ซากุระ ภูเขาฟูจิ ชุดยูคาตะ ชุดกิโมโน อคารสถานที่ การดำรงชีวิต วัฒนธรรม งานวัด วันทานาบาตะ วันสำคัญอื่นๆ ธงปลาคาร์พ สวนญี่ปุ่น ตำนานญี่ปุ่น ฯลฯ

อ๊ากกกกกก ช้านอยากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนนนนน>O<// 
0
กำลังโหลด
Rarara~ Member 8 มิ.ย. 55 18:37 น. 12
...เราอยากเรียนที่นี้จังแต่บ้านเราอยู่ศรีราชาคงไปเรียนไม่ได้TT...
ปล. เราก็ชอบ(คลั่ง)ทุกอย่างของญี่ปุ่นที่คห.ที่11บอกเหมือนกันค่ะ!! แล้วเราก็อยากรู้ภาษาญี่ปุ่นมากๆเลยอ่ะT^T



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 8 มิถุนายน 2555 / 18:37
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
... 10 มิ.ย. 55 19:56 น. 16
ตอนนี้เราเรียนอยู่ที่นี่แหละ สอนดีเอาใจใส่เด็กมากๆเลย แต่ที่เราปลื้มที่สุดก็พี่ที่นั่งข้างๆในคอร์สเนี่ยะแหละ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ธารานันท์ Member 11 มิ.ย. 55 18:09 น. 18
 เคยเรียนที่อนุเสาวรีย์ เรียนกับครูเรย์ สอนใจดีมากๆ ชอบเวลาครูเรย์พูดท่าทางนุ่มจนเกือบเคลิ้ม(หลับ เอร๊ยยย) ครูพูดเพราะมากค่ะ! ส่วนครูคนญี่ปุ่นอีกคนก็น่ารัก จำชื่อไม่ได้ แต่จำได้ว่าเจอแว๊บแรกแอบคิดถึงโดเรม่อน 55 
ส่วนพี่ๆคนอื่นก็ใจดี ตอนไปสอบจบคลาสแบกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาก(มีแต่หนังสือที่ไปซื้อตอนงานหนังสือ)ไปขอฝากไว้ พี่เค้าก็ไม่ว่าอะไร ถ้ามีโอกาสก็อยากไปเรียนอีกนะ! >w< 
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด