ฝันของใครหลายคนอาจอยากขึ้นเครื่องบินได้เห็นก้อนเมฆแค่เอื้อมมือด้วยตาตัวเอง แต่อีกไม่น้อยที่ฝันอยากไปท่องอวกาศ แต่ความฝันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายนัก เพราะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ต้องมีความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจ และไหนจะต้องผ่านการทดสอบสุดโหดก่อนขึ้นไปในอวกาศอีกด้วย ดังนั้นหลายคนจึงได้แค่ฝันและมองภาพโลกใบนี้ผ่านรูปภาพ  แต่สำหรับพี่มิ้ง พิรดา เตชะวิจิตร์ หญิงไทยใจกล้าที่มีความฝันอยากไปอวกาศและมองกลับมาที่โลกด้วยสายตาตัวเอง ได้ทำตามความฝันจนสามารถเป็น 1 ใน 23 คนที่ได้ไปตะลุยอวกาศพร้อมเครื่องบิน ลิงซ์ มาร์ค ทู (LYNX MARK II) ได้สำเร็จ
 

         พี่มิ้ง พิรดา เตชะวิจิตร์ วิศวกรดาวเทียมของ GISTDA (สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน)) ถือได้ว่าเป็นตัวแทนประเทศไทยและเป็นหญิงไทยคนแรกที่จะได้เดินทางไปสู่อวกาศจากการคัดเลือกในโครงการแอกซ์ อพอลโล สเปซ อะคาเดมี (AXE Apollo Space Academy) ซึ่งก่อนหน้านี้มีการคัดเลือกถึง 62 ประเทศทั่วโลก และมีตัวแทนจากประเทศไทย 3 คนให้ไปเข้าร่วมค่ายอวกาศ (Space camp) ที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อทดสอบความพร้อมต่างๆ ก่อนจะประกาศผล 23 คนสุดท้ายที่จะได้เดินทางสู่อวกาศจริงในปลายปีนี้ ซึ่งพี่มิ้งก็ได้เป็น 1 ใน 23 คน จากจำนวนผู้เข้าร่วมค่าย 107 คน เรียกได้ว่ากว่าจะได้เป็น 23 คนสุดท้ายต้องผ่านอะไรมามากมาย แต่พี่มิ้ง พิรดา ก็สามารถทำตามความฝันได้สำเร็จ

        วันนี้พี่มิ้นท์ได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่มิ้ง พิรดา ลองไปดูกันว่าความฝันและการทำตามความฝันของพี่มิ้งจะน่าทึ่งแค่ไหน รับรองได้ว่าชาว
Dek-D.com อ่านแล้วต้องร้องว้าวแน่ๆ^^
    

  Dek-D.com : รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้เป็นเจ้าของวลีว่า "เป็นผู้หญิงไทยคนแรกที่ได้ไปอวกาศ"
  พี่มิ้ง พิรดา : จริงๆ ก็ภูมิใจนะคะ เพียงแต่ว่าใจจริงพี่อยากไปอวกาศอย่างเดียว พี่ไม่ได้สนว่าตัวเองจะได้เป็นคนแรก คนที่สอง หรือคนที่เท่าไหร่ เพราะผลสุดท้ายคือพี่ได้ไปอวกาศก็ภูมิใจแล้วค่ะ
 
  Dek-D.com : พี่มิ้งเป็นวิศวกรดาวเทียม ตรงนี้เป็นเหตุผลด้วยหรือเปล่าคะที่ทำให้พี่มิ้งอยากไปลองสัมผัสอวกาศดูสักครั้ง
  พี่มิ้ง พิรดา : ใช่ค่ะ พี่ทำงานเป็นวิศวกรดาวเทียม แล้วทีนี้พี่มีโอกาสได้ไปประชุมวิชาการที่ต่างประเทศหลายครั้ง ในการประชุมก็จะได้เจอผู้ที่ทำงานด้านนี้บ่อยๆ รวมถึงได้พบกับนักบินอวกาศของนาซ่าหรือของรัสเซีย ก็เลยมีความรู้สึกว่าประเทศไทยยังไม่เคยมีการส่งคนไปอวกาศเลย ก็รู้สึกอยากให้มีการส่งไปบ้าง และพี่เองก็อยากจะไปอวกาศบ้าง

 

 
   Dek-D.com : เป็นความฝันตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่าคะ
   พี่มิ้ง พิรดา : ไม่ถึงกับตั้งแต่เด็กนะคะ ความฝันตั้งแต่แรกของพี่คืออยากเป็นนักบินมาก่อน แต่ทีนี้พี่ไม่ได้เรียนตรงสาย คือมาเรียนสายวิศวกร พี่ก็รู้สึกว่าโอเค ไมได้เป็นนักบินก็ไม่เป็นไร ก็ทำพวกเครื่องยนต์อะไรแบบนี้ก็ได้ จะเป็นแนวของวิศวะแทน แต่พอมาเรื่อยๆ ตอนที่ใกล้จะจบ ป.ตรีที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง ก็ได้เจอทุนตัวนึงที่เขาเสนอมา เป็นทุนศึกษาต่อปริญญาโทที่ฝรั่งเศส จะเรียนได้เกี่ยวกับวิศวกรรมอวกาศ รู้สึกน่าสนใจ อยากรู้ว่าอะไรคือวิศวะอวกาศ ก็เลยสมัครไปและก็ได้ทุนตัวนี้จนได้ไปเรียนที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลาปีกว่า แล้วก็กลับมาทำงานให้กับ GISTDA 
         ซึ่งตอนที่เริ่มเรียนเกี่ยวกับวิศวกรรมอวกาศพี่ก็มีความรู้สึกว่าเทคโนโลยีทางด้านอวกาศมันน่าหลงใหล เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ไฮเทค คือต้องคิดคำนึงคิดคำนวณหลายอย่าง เช่น การจะเอาดาวเทียมขึ้นไป ดาวเทียมจะต้องเป็นยังไงบ้าง หรือว่าถ้ายิ่งเป็นมนุษย์ จะเอามนุษย์ขึ้นไปมันยิ่งยากกว่า เพราะว่ามนุษย์มีเงื่อนไขหลายอย่างที่จะอยู่นอกโลก ดังนั้นเทคโนโลยีพวกนี้บอกว่ามนุษย์ฉลาดในการที่จะสร้างของพวกนี้ขึ้นมา พี่ก็เลยชอบและหลงรักเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เริ่มทำงาน และยิ่งได้ไปเจอกับนักบินอวกาศหลายคนก็เหมือนยิ่งได้แรงบันดาลใจว่า เขาเคยไปทำภารกิจนอกโลกมา รู้สึกว่ามันน่าสนใจ ก็เลยจุดประกายความฝันตรงนั้น

 

 
   Dek-D.com : การออกไปอวกาศเป็นเรื่องที่ไกลมาก พี่มิ้งไม่กลัวหรอคะ
   พี่มิ้ง พิรดา : จริงๆ คือความชอบของคนเราไม่เหมือนกันนะคะ อย่างนึงเลยคือพี่ชอบความสูงอยู่แล้ว คือชอบไปที่สูงๆ หรือไปเล่นรถไฟเหาะ ตีลังกา ยิ่งพี่ชอบเทคโนโลยีพวกนี้ พอมันบวกกันเข้ามา พี่ก็เลยรู้สึกว่าเออครั้งนึงถ้าได้ออกไปนอกโลก มันคงสุดๆ แล้ว คืออยากไปมาก
 
   Dek-D.com : พอโครงการ AXE Apollo Space Academy ออกแคมเปญมาใช้เวลาตัดสินใจนานมั้ยคะกว่าจะเข้าร่วมโครงการ
   พี่มิ้ง พิรดา : ไม่นานเลย พอได้ยินปุ๊บแคมเปญเค้าออกมาว่าจะหาคนไทยคนแรกไปอวกาศพี่ก็เสิร์ชหาเลยว่ามันมีช่องทางไหนบ้าง รับกี่คน ต้องทำอะไรยังไง คือพยายามหาตลอด แคมเปญนี้ออกมาตอนแรกข้อมูลยังออกมาไม่ครบ เพียงแต่ว่าบอกว่าให้ทำวีดีโอโหวตในเว็บไซต์อย่างเดียว พี่ก็โหวตใหญ่เลย ให้เพื่อนทุกคนช่วยโหวต เพื่อนก็จะมาถามๆ กันว่าพี่จะไปอวกาศหรอ ซึ่งจริงๆ แล้วช่องทางในการเข้าร่วมโครงการจะมี 3 ช่องทาง โดยทำคลิปและโหวตจะเป็นช่องทางแรก หลังจากนั้นก็จะเป็นเรื่องของแฟนพันธุ์แท้พี่ก็ส่งอีเมล์ไปสมัครแฟนพันธุ์แท้ อีกส่วนหนึ่งจะเป็นการจับฉลาก พี่ก็ซื้อผลิตภัณฑ์ด้วย สรุปคือทำทั้ง 3 ทาง
    
  
Dek-D.com : เรียกว่าพี่มิ้งลงทั้งแรงกาย แรงใจ ทุ่มเทมากๆ เลยใช่ไหมคะ
   พี่มิ้ง พิรดา : ใช่ค่ะ เพราะว่าบางคนอาจจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องทำ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องงานหลัก แต่สำหรับพี่มันเป็นความฝัน คือพี่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงนะคะ พี่ชอบพูดว่าอยากไปอวกาศ แต่ว่าพอมีแคมเปญนี้ออกมามันรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้จริงๆ พี่ก็เลยทำเต็มที่ทุกอย่างแม้ว่าคนรอบข้างอาจจะไม่เข้าใจ หรือพูดไม่ค่อยดีก็มีบ้าง แต่พี่ก็ไม่คิดอะไร ทำเต็มที่
 

 
   Dek-D.com : ตอนไปแข่งขันแฟนพันธุ์แท้ Apollo  ต้องเตรียมตัวมากกว่าเดิมมากไหมคะ
   พี่มิ้ง พิรดา : ตอนที่แข่งแฟนพันธุ์แท้ก็ต้องเตรียมตัวเยอะ คือรายการแฟนพันธุ์แท้มันเป็นเกมโชว์ มันมีความผิดพลาดได้ พี่ก็ต้องเตรียมตัวให้ดี อย่างเช่น การจำหน้านักบิน สามวิก็ต้องตอบให้ได้ พี่ก็เตรียมตัวค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ซึ่งพอได้เป็นแชมป์แฟนพันธุ์แท้ก็ดีใจมาก เพราะว่ายังไงก็ได้ไปแคมป์แล้ว
 
   Dek-D.com : เมื่อผ่านการคัดเลือกจนได้ไปค่ายอวกาศที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องเจอบททดสอบอะไรบ้างคะ
   พี่มิ้ง พิรดา : ในค่ายเขาจะวัดหลายอย่างเพื่อดูว่าเราจะไปอวกาศได้มั้ย เรากลัวความสูงมั้ย เราจะทนแรง G ได้มั้ย ซึ่งเวลาเครื่องบินมันเหวี่ยงแรงๆ มันก็จะมีแรง G กดมา คือเลือดมันจะตกจากหัวไปที่เท้า เราจะต้องเกร็ง ต้องอดทน หรือว่าดูว่าเรามีสติพร้อมเหรือเปล่า ซึ่งมันจะมีหลายภารกิจให้เราทำ เช่น การทดลองนั่งในห้องนักบินเพื่อทดสอบร่างกาย การทดลองบินจริงบนเครื่องบินความเร็วมากกว่าความเร็วเสียง หรือการทดลองสัมผัสสภาวะ Zero G คือ สภาวะไร้น้ำหนัก และก็จะมีการทดสอบทางกายภาพเหมือนฝึกทหารด้วย และในแต่ละภารกิจก็จะมีเก็บคะแนนตลอด ซึ่งเวลาเก็บคะแนนเค้าก็จะวัดจาก 3 อย่างว่าคุณมีการทำงานเป็นทีมเวิร์คมั้ย  คุณมีความกล้าหาญ และมีความกระตือรือร้นมั้ย ซึ่ง 3 อย่างหลักๆ ของนักบินอวกาศที่จะต้องมีค่ะ
 

ก่อนไป Space camp ที่สหรัฐอเมริกา พี่มิ้งได้เตรียมความพร้อมที่กองทัพไทย


ฝึกบินกันจริงๆ แบบนี้เลย



ภารกิจ Zero G Flight สัมผัสภาวะไร้น้ำหนักที่ Space camp
 
   Dek-D.com : ส่วนตัวคิดว่าภารกิจไหนที่ได้ลองทำแล้วโหดที่สุด
   พี่มิ้ง พิรดา : คิดว่าเป็นส่วนของ Astronaut Assault Course ซึ่งเป็นคอร์สที่ใช้ทางด้านการทหารค่ะ เขาจะมีให้ปีนผาจำลอง กระโดดข้ามรั้ว  วิดพื้น ซิตอัพ ต่อๆ กัน เป็นทางด้านกายภาพล้วนๆ อันนี้ก็รู้สึกว่าจะโหดสุดแล้ว
 
   Dek-D.com : ตอนไปกังวลมั้ยคะว่าเป็นผู้หญิง ต้องมาเจอการทดสอบที่ต้องแข่งกับอีกหลายประเทศทั่วโลกเลย
   พี่มิ้ง พิรดา : กังวลนิดหน่อยค่ะ ยิ่งพอไปเจอที่แคมป์ก็ได้เจอว่ามีผู้หญิงแค่ 4 คน ก็รู้สึกนิดหน่อยว่าจะมีเรื่องของพละกำลังร่างกายมั้ย ซึ่งเป็นเรื่องเดียวเลยที่พี่คิดว่าจะเสียเปรียบ แต่เรื่องอื่นๆ คิดว่าถ้าเทียบๆ กันก็ยังพอทำได้
 
   Dek-D.com : วินาทีที่ประกาศว่าเป็น  1 ใน 23 คน รู้สึกอย่างไรบ้างคะ
   พี่มิ้ง พิรดา : ดีใจมากกก คือตอนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้สำหรับพี่มันก็ยากมากระดับนึงแล้ว แต่พอได้มาค่ายพี่ก็รู้สึกเหมือนกันนะว่ามันต้องยาก แต่ว่ามันเป็นบันไดขั้นสุดท้ายแล้ว ต้องเดินข้ามผ่านไปให้ได้ ซึ่งพอทำได้ก็ดีใจค่ะ
 

 
   Dek-D.com : ในการขึ้นไปในอวกาศครั้งนี้ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงแต่จะมี 6 นาทีที่ได้ล่องลอยอยู่ในอวกาศ พี่มิ้งคิดหรือยังว่าจะทำอะไร
   พี่มิ้ง พิรดา : พี่คิดว่าจะเอาของขึ้นไปค่ะ เช่น พระบรมฉายาลักษณ์ ธงชาติไทย หรือของที่เป็นตราสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ของโครงการ AXE apollo ของ Gistda ที่พี่ทำงานอยู่ รวมถึงสัญลักษณ์ของสถาบันพระจอมเกล้าลาดกระบัง คืออะไรก็ตามที่แสดงความเป็นคนไทยก็จะเอาไปด้วย นอกจากนี้พี่คิดว่าอาจจะเอาอาหารไทยไปด้วย  แล้วเมื่อขึ้นไปแล้วก็จะมองลงมาดูโลก เขาบอกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่นักบินอวกาศหลายคนไม่เคยลืม พี่ก็เลยอยากรู้ว่ามันจะเป็นความรู้สึกแบบไหน ทำไมถึงแบบใครไปก็จะจดจำเวลาเหล่านั้นได้ไม่มีลืม
 
   Dek-D.com : หลังจากนี้ยังต้องมีการเตรียมตัวอะไรเพิ่มเติมไหมคะ
   พี่มิ้ง พิรดา : เรื่องของการทดสอบก็ผ่านการทดสอบหมดแล้วค่ะ แต่ว่าในเรื่องของร่างกาย มีคนแนะนำให้พี่ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ ให้ออกไปวิ่ง ให้มีการสร้างกล้ามเนื้อ เพราะเวลาที่เจอ G force มันจะได้ช่วยได้ ไม่หน้ามืดได้ง่าย
 
   Dek-D.com : หากภารกิจท่องอวกาศเสร็จสิ้น มีเป้าหมายต่อไปไหมคะ เช่น ดาวอังคาร ฯลฯ
   พี่มิ้ง พิรดา : คือจริงๆ พี่ก็อยากไปนะ แต่แม่พี่เบรกไว้นิดนึง (555) ไปแค่อวกาศก็พอ ไม่ต้องไปถึงดาวอื่น แต่ว่าจริงๆ พี่ก็ไม่ได้วางเป้าหมายไว้ขนาดนั้นนะ เพราะว่าการที่จะไปถึงดาวอื่นอย่างดาวอังคารก็ต้องไปเปลี่ยนสัญชาติเป็นนักบินของนาซ่า ของอเมริกา ซึ่งพี่ก็ไม่อยากบินในฐานะนักบินของอเมริกา อยากบินในฐานะนักบินของคนไทยมากกว่า และถ้าเป็นเป้าหมายอื่นๆ ตอนนี้พี่ก็ทำงานวิจัยมาระดับนึงแล้ว ก็เลยคิดว่าเป้าหมายก็คือเรียนต่อ อยากได้คำว่าด็อกเตอร์นำหน้าค่ะ
 

 
   Dek-D.com : เชื่อว่าพี่มิ้งกลายเป็นไอดอลของน้องๆ หลายคน อยากให้พี่มิ้งฝากอะไรถึงน้องๆ เกี่ยวกับการทำตามความฝันหน่อยค่ะ
   พี่มิ้ง พิรดา : พี่ว่าทุกคนมีความฝันอยากทำนู่นทำนี่ เพียงแต่ว่าหลายคนอาจจะเลื่อนมันออกไป แบบว่าเออไม่เป็นไร ไม่ทำปีนี้เดี๋ยวก็ทำปีหน้าก็ได้ไรงี้ใช่มั้ยคะ แต่พี่ว่าบางทีเวลาก็ไม่ได้รอเรานะ บางทีถ้าเรามีโอกาสก็อยากให้ทำให้เต็มที่ อย่างความฝันของพี่มันก็จะดีนิดนึงตรงที่ว่าพอมันมาแล้วเนี่ย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ณ ช่วงนั้นพี่ถอยไม่ได้ เพราะมันมีแค่ช่วงเวลาเดียว ก็เลยต้องสู้เต็มที่เลย แต่ถึงสุดท้ายถ้าไม่ได้จริงๆ แล้วพี่มองกลับมาก็โอเคว่าพี่ได้ทำเต็มที่แล้ว ซึ่งถ้าเราทำไม่เต็มที่แต่แรก เวลามองกลับมาเราก็จะเสียใจ ที่วันนั้นที่ไม่ได้ทำเต็มที่
        ดังนั้นก็ฝากน้องๆ ที่มีความฝัน ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ทำให้เต็มที่ อย่าไปเลื่อนมาก มีอ้ออ้างหรือผัดวันประกันพรุ่ง ให้สู้ๆ ละกัน เพราะความฝันของทุกคนสำคัญหมด อย่าคิดว่าไร้สาระ

 

 
         เป็นอย่างไรบ้างคะน้องๆ สุดยอดเลยใช่ไหมล่ะคะ เชื่อว่าตอนนี้หลายคนมีพี่มิ้งเป็นไอดอลแล้ว เพราะทั้งเก่ง ทั้งสวย และเป็นแรงบันดาลด้านการทำความฝันให้สำเร็จ ซึ่งจากการสัมภาษณ์มาพี่มิ้นท์เห็นสิ่งที่พี่มิ้งมีอยู่ 1 อย่างที่สำคัญมากๆ นั่นก็คือ มีเป้าหมายแล้วลุย! ลงมือทำอย่างเต็มที่ แค่นี้ต่อให้ความฝันอยู่ไกลแค่ไหนก็สำเร็จได้สักวัน ถ้าไม่เชื่อขอให้อ่านบทความนี้อีกรอบแล้วจะรู้ว่า ขนาดความฝันที่จะไปถึงอวกาศ พี่มิ้งก็ยังทำสำเร็จเลย
        สุดท้ายนี้ ทีมงาน Dek-D.com ต้องขอขอบคุณ พี่มิ้ง พิรดา เตชะวิจิตร์ ที่ให้เกียรติในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ด้วยนะคะ :D
พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Herz<3 Member 12 มี.ค. 57 19:35 น. 10

สุดยอดเลยค่ะพี่ ซึ้งรักเลย
อยากลองไปสัมผัสภาวะซีโร่จีแล้วมองลงมายังโลกบ้าง 
วินาทีนั้นทุกอย่างในหัวมันคงโล่งแน่ๆเลยค่ะ //เพ้อ รักเลย

เคยอ่านบทความเกี่ยวกับนักบินอวกาศคนนึง เขาบอกทำนองว่า

'ตอนที่มองมายังโลกนั้นทุกอย่างมันแลสงบ สวยงามมาก อยากบอกคนบนโลกเหลือเกินว่า

'ดูสิ ทำไมเราไม่เลิกสู้กันเองแล้วหันมาจับมือกันล่ะ' 

เราควรรักใคร่กันให้บ้านสีน้ำเงินใบนี้สงบสุขเถอะ ยิ้ม

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
noname 12 มี.ค. 57 20:41 น. 12
พี่เขาเก่งมากๆเลย ตอนนั้นดูรายการแฟนพันธ์แท้ตอนยานอพอลโอ(ประมาณนั้นนะจำไม่ได้) พี่เขาเก่งมากเลยตอบได้ทุกคำถาม ในวันนนี้พี่เขาได้ทำในสิ่งที่ตนเองฝันฏ้แสดงความยินดีด้วยค่ะ
0
กำลังโหลด

34 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Herz<3 Member 12 มี.ค. 57 19:35 น. 10

สุดยอดเลยค่ะพี่ ซึ้งรักเลย
อยากลองไปสัมผัสภาวะซีโร่จีแล้วมองลงมายังโลกบ้าง 
วินาทีนั้นทุกอย่างในหัวมันคงโล่งแน่ๆเลยค่ะ //เพ้อ รักเลย

เคยอ่านบทความเกี่ยวกับนักบินอวกาศคนนึง เขาบอกทำนองว่า

'ตอนที่มองมายังโลกนั้นทุกอย่างมันแลสงบ สวยงามมาก อยากบอกคนบนโลกเหลือเกินว่า

'ดูสิ ทำไมเราไม่เลิกสู้กันเองแล้วหันมาจับมือกันล่ะ' 

เราควรรักใคร่กันให้บ้านสีน้ำเงินใบนี้สงบสุขเถอะ ยิ้ม

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
noname 12 มี.ค. 57 20:41 น. 12
พี่เขาเก่งมากๆเลย ตอนนั้นดูรายการแฟนพันธ์แท้ตอนยานอพอลโอ(ประมาณนั้นนะจำไม่ได้) พี่เขาเก่งมากเลยตอบได้ทุกคำถาม ในวันนนี้พี่เขาได้ทำในสิ่งที่ตนเองฝันฏ้แสดงความยินดีด้วยค่ะ
0
กำลังโหลด
mai 13 มี.ค. 57 13:57 น. 13
พี่เก่งจังเลย <3 ตอนเด็กๆหนูฝันไว้ว่าอยากเป็นนักบินอวกาศ แต่พอโตมาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่พี่ทำได้ด้วยยยยยยย!! อยากเห็นจังว่าโลกเราจะเป็นยังไงงงง ขอให้สนุกนะคะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
poppoka Member 13 มี.ค. 57 20:54 น. 15

เยี่ยมพี่เก่งคะ ดีใจกับพี่ด้วยที่ได้ทำตามความฝัน

ได้แรงบันดาลใจเลยแต่ตอนนี้ขอไปตามหาฝันของตัวเองก่อน

จะได้ทำตามความฝันของตัวเองสักที

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
oast 15 มี.ค. 57 01:31 น. 19
พี่เจ๋งมากเลย พี่เป็นคนเปิดทางอีกทางหนึ่งให้รู้ว่า เด็กไทยก็ไปอวกาศได้ ไม่ใช่ อะไรๆ ก้ต้องหมอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
0
กำลังโหลด
NatLight Member 15 มี.ค. 57 12:14 น. 20

พี่เท่อ่ะ เย้

ช่วงเวลาที่ขึ้นไปแล้วมองดูโลกอะ ผมสัมผัสมาบ่อยแล้ว แน่นอน

(ในจอทีวี) คงไม่เหมือนกันหรอก 555

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด