คนเราต้องรู้จักเรียนรู้และพัฒนาสมองของเรากันอยู่แล้วใช่ไหมคะ แต่น้องๆ ชาว Dek-D รู้ไหมว่า นอกจากพวกเทคนิคการพัฒนาสมองๆ ต่าง แล้ว สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่ "การทำให้สมองดี" อย่างเดียวเท่านั้น เรารู้จักต้องรู้จักการรักษาสมองที่เราพากเพียรพัฒนานั้นให้ "ฉลาดอย่างยั่งยืน" ด้วยค่ะ พี่เกียรติจึงขอเสนอ "6 นิสัยดูแลสมองให้ฉลาดอย่างยั่งยืน" จ้า ซึ่งการวิธีการเหล่านี้นักวิทยาศาสตร์นักวิจัยทั้งหลายเขาได้ทดลองแล้วว่าดูแลสมองของเราได้จริงๆ จ้า
1. กินผักซะ! เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น |
เราต้องกินผักให้เป็น แล้วเลิกเขี่ยทิ้ง หรือร้องอี๋เสียที สมองจะทำงานได้ดีเมื่อร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ ที่ครบถ้วน และผักทั้งหลายมีวิตามินที่ร่างกายเราต้องการ เพื่อที่จะนำไปสนับสนุนการทำงานของสมองได้ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Harvard ที่ศึกษาจากผู้หญิงอายุมากกว่า 25 ปี พบว่าผู้หญิงกลุ่มที่กินผักต่างๆ เป็นประจำ มีแนวโน้มว่าจะพบปัญหาด้านสมอง (ที่มักเกิดเพราะมีอายุมากขึ้น) ได้น้อยลง
ตำราฝรั่ง แนะนำให้กินผักใบเขียวจำพวก ผักโขม บล็อกโคลี ต้นหอม - กระเทียมต้น (ต้นหอม ต้นกระเทียมใหญ่ๆ ที่ใส่ในอาหารญี่ปุ่นเกาหลีอ) แต่พี่เกียรติว่า คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง ชะอม บ้านเราก็มีสรรพคุณไม่แพ้ผักใบเขียวยอดนิยมของฝรั่งเขาค่ะ ทำไข่เจียวชะอมกินกันเถอะ
2. ออกกำลังกายให้เป็นนิสัยตั้งแต่วันนี้... |
การออกกำลังกายเป็นประจำ (ที่ไม่ใช่การออกกำลังกายแบบหนักๆ เพื่อมุ่งหวังผล เช่น ฝึกกีฬานะ) นอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายดี ไม่เป็นโรคอ้วน เสี่ยงเบาหวานแล้ว จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่ง Texas-Dallas พบว่า การออกกำลังกายเป็นประจำได้ประโยชน์ในระยะยาว คนที่ออกกำลังกาย เช่น วิ่งจ๊อกกิง ขี่จักรยานรอบสวน เพียง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 1 ชั่วโมง เมื่อมีอายุมากขึ้น การออกกำลังกายช่วยเรื่องความจำ และทำให้เป็นคนคิดอะไรได้รวดเร็ว นึกเรื่องต่างๆ ได้ดีค่ะ แต่พูดก็พูดเถอะนะ การออกกำลังกายเนี่ยเป็นเรื่องที่พี่เกียรติผู้ชอบอยู่เฉยๆ ลำบากที่จะทำจริงๆ แต่เพื่อป้องกันสมองเสื่อมแล้ว พี่คงต้องยอมสละเวลาอยู่เฉยๆ อันมีค่าของพี่ไปออกกำลังกายเป็นประจำบ้างแล้ว ไป exercise กันเถอะ!
3. จงสร้างกิจวัตรใหม่เพื่อสมองของเรา |
การทำภารกิจส่วนตัวให้เป็นกิจวัตรของเราอย่างการขับถ่ายเป็นเวลา นอน ตื่น กินเป็นเวลา เป็นเรื่องที่ดีต่อร่างกายของเรานะคะ แต่นอกเหนือจากส่วนนี้แล้ว ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่เราทำเป็นประจำได้เพื่อกระตุ้นสมองของเราให้ดีอยู่เสมอค่ะ แต่ต้องทำเรื่องใหม่นั้นๆ ทำให้เป็นเวลานานพอสมควร อย่างกินผักชนิดเดียวกันให้ครบ 7 วัน มวยไทยแอโรบิกให้ครบ 7 วัน ท่องสูตรคูณกลับหลังครบ 7 วัน ทำแบบนี้จะช่วยให้สมองเกิดการสร้างข้อมูลใหม่ เชื่อมโยงกับข้อมูลเดิม หรือประสบการณ์ที่เราเคยพบเจอมาก่อน ช่วยให้เรานึกเรื่องเก่าๆ และนำมาเชื่อมโยงกับสิ่งใหม่จนจดจำได้ดีขึ้นได้ค่ะ แต่นั่นหมายความว่าเราต้องได้เจอสิ่งใหม่ๆ และได้ลองทำมันในระยะหนึ่งด้วยนะ มันเป็นการกระตุ้นให้เรานึกหรือคิดอะไรได้เร็วขึ้นได้ค่ะ ต้องลองทำดูนะคะ!
4. เลือกดื่มให้พอดี |
มีการวิจัยที่เพิ่งออกมาเมื่อไม่นานนี้เอง บอกว่าคาเฟอีนช่วยเพิ่มพลังความทรงจำได้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins เชื่อว่าคาเฟอีนช่วยกระตุ้นให้เรานึกข้อมูลในสมองได้ไวขึ้นได้ จากการทดลองที่แบ่งกลุ่มทดลองออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่ได้รับคาเฟอีน 200 มิลลิกรัม (ประมาณกาแแฟ 1 - 2 แก้ว) กับกลุ่มที่ได้รับคาเฟอีนหลอก พบว่ากลุ่มที่ได้รับคาเฟอีนจริงๆ ความจำดีกว่าอีกกลุ่ม แต่ถึงจะมีผลวิจัยการันตี เราก็ต้องระมัดระวังก่ารดื่มให้พอดีด้วยค่ะ เพราะถ้ารับคาเฟอีนจากชา หรือกาแฟมากเกินไปจนติด จะกระตุ้นการทำงานของร่างกายเกินไปจนเสียสุขภาพในระยะยาว อีกทั้งน้ำตาล น้ำเชื่อม นม หรือ Topping ที่เราใส่เพิ่ม ก็อาจทำให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน หรือโรคอื่นๆ มาแทนด้วยค่ะ ก็ต้องคิดก่อนดื่มกันด้วยล่ะ!
5. ฝึกสมาธิ |
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่ง of California, Santa Barbara (UCSB) พบว่า การทำสมาธิเพียง 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 45 นาที ช่วยเพิ่มพลังในการจดจำและช่วยเรื่องการมีสมาธิในการทำงานได้ดีขึ้นค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยให้ใจเย็น ลดความตึงเครียด กระวนกระวาย ความหดหู่ ต้านอาการโรคเครียดได้ด้วยค่ะ ซึ่งการฝึกสมาธินี้ ไม่ได้หมายความว่าน้องๆ ต้องไปนั่งขัดสมาธิ นุ่งขาวห่มขาว ท่องศีลสมบูรณ์นะคะ แต่เราสามารถใช้เพียงการนั่งสบายๆ กำหนดลมหายใจเข้าออก หรือนอนท่าผ่อนคลาย ฟังเสียงธรรมชาติ เพลงบรรเลงเบาๆ ช่วยผ่อนคลาย หรือแม้แต่การนั่งนับเลข นับแกะ นับอัลปาก้าในใจ (พี่เกียรติชอบอัลปาก้า เลยเขียนเพิ่มมา ฮ่าๆ) นั่งสมาธินับลูกประคำในสร้อย (แบบพระจีน) ให้ใจสงบก็ได้ค่ะ เลือกเทคนิคการทำสมาธิที่ถนัดได้เลยค่ะ พวกเรามาฝึกสมาธิช่วยดูแลสมองเรากันเถอะค่ะ
ุ6. มางีบกันเถอะ! |
เขาว่ากันว่า เอ้ย นักวิจัยบอกว่า การตื่นขึ้นจากการนอนหลับสั้นๆ (งีบ) จะช่วยให้คุณเหมือนเป็นคนใหม่ได้เลยทีเดียว! การงีบจะช่วยให้เราลดความเครียด และจะรู้สึกตื่นตัวมากขึ้นเมื่อตื่นด้วย จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Harvard ที่ทำการทดลองกับนักศึกษาสองกลุ่มโดยให้ทำงานเหมือนๆ กัน พบว่ากลุ่มที่ได้งีบช่วงสั้นๆ สามารถทำงานได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้งีบเลย และยังมีการศึกษาก่อนหน้านี้ที่บอกว่า การนอนหลับ เป็นกระบวนการช่วยให้สมองได้จัดระเบียบข้อมูลที่รับเข้าไปในแต่ละวันอยู่แล้วด้วยค่ะ ดังนั้นถ้าขาดการนอนหลับพักผ่อน ก็จะทำให้จดจำได้น้อยลง แถมง่วงจนไม่มีสติสตังทำงานได้ค่ะ
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้ขัดกฎอะไร ใครหาวเวลาอ่านหนังสือ ลองงีบสัก 10 - 15 นาที แล้วค่อยกลับมาอ่านหนังสือต่อก็ได้นะคะ ย้ำอีกครั้ง อย่านอนนานเกินกว่านั้นนะ แบบนั้นไม่เรียกงีบแล้ว นอนหลับนานเกินไปนอกช่วงเวลานาฬิกาชีวิตของตัวเอง จะยิ่งทำให้มึนหนักกว่าเดิมค่ะ
อย่าลืม! ทำให้ 6 ข้อนี้ติดเป็นนิสัยช่วยทำให้สมองของเราให้เฉียบแหลมอย่างยืนยาวต้านวัยชราที่ค่อยๆ คืบคลานมาอย่างไม่รู้ตัวนะ ถ้าไม่เชื่อพี่เกียรติ! ระวังพรุ่งนี้ตื่นมาอายุ 30 เลยนะ ฮ่าๆ
แหล่งข้อมูล, ภาพประกอบ:
- aasmnet.org/articles.aspx?id=721
- theatlantic.com/health/archive/2013/05/study-meditation-improves-memory-attention/275564/
- huffingtonpost.com/2014/03/12/ways-to-improve-memory-_n_4904513.html
- hub.jhu.edu/2014/01/12/caffeine-enhances-memory
- flickr.com/photos/galant/2995876395/ (ผัก)
- flickr.com/photos/cocreatr/2189565980 (ถ้วยชา)
- flickr.com/photos/latigi/4415311426
42 ความคิดเห็น
ขอบคุณนะคะ หนูจะลองทำดู สมองจะได้ใสปิ๊งมั่ง
ข้อ สุดท้าย คือต้องง่วงมากๆ ถึงจะตื่นมาแล้วสดชื่น แต่ถ้าไม่ง่วงตื่นมาแล้วมึนจะเพลีย อ่าครับ
ผมจะพยายามฝึกงีบในห้องเรียนครับ
ตั้งใจจะงีบ แต่มันดันหลับยาวคะ .
งีบได้ผลจริงๆ ทำตลอดด เด็ดมากกก
ทำได้เกือบทุกข้อ
จะลองทำดูค่ะ จัดระบบระเบียบชีวิตใหม่ เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น
เราทำไม่ได้สักข้อ
จะพยายามนะครับ
ขอบคุณค่ะ ข้อออกกำลังกายนี่ยากสุดเลยค่ะ
จะลองทำดูนะคับ เริ่มจากงีบก่อนเลยนะกัน
55555+ ล้อเล่น
จะลองไปใช่ดู คะ จะพยายามทำให้ได้
ต้องลองแล้วล่ะ
เจ๋ง!! เดี๋ยวจะลองทำดู 555
แต่เรื่องงีบนี่...ประจำ ^^
จะลองทำดูนะคะ ขอบคุณที่หาข้อมูลมาให้คะ ^^
แบบนี้ต้องลอง ซะหน่อยแล้วววววว
ทำได้เเต่งีบ//อย่างน้อย8-10ชม.