เกริ่นเรื่องเรืออับปางมาขนาดนี้ พี่มิ้นท์ยังมีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเรืออับปางอีกหลายประเด็นมาฝากน้องๆ ชาว Dek-D.com ด้วย ไปเพิ่มรอยหยักในสมองพร้อมๆ กันเลยค่ะ (พี่มิ้นท์ขอขอบคุณหนังสือ 100 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเรืออับปาง มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ^^)
ซากเรืออับปางที่เก่าแก่ที่สุดที่เคยค้นพบมีอายุกว่า 3,000 ปีแล้วค่ะ โดยเป็นเรือขนส่งสินค้าสองลำที่แล่นอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อประมาณปี 1,200-1,350 ปีก่อนคริสตศักราช โดยพบอยู่ใกล้ๆ ชายฝั่งตุรกีที่อูลูบูรุนและเกลิโดเนีย พายุพัดเรือทั้งสองลำไปขนกับหิน ก่อนจะจมลง ตัวเรือของเรือทั้งสองลำแทบจะสูญสลายไปหมดแล้ว เหลือเพียงเศษไม้นิดๆ หน่อยๆ นักโบราณคดีต้องกะขนาดรูปร่างเรือจากสินค้าของเรือที่กระจัดกระจายในทะเล
นอกจากนี้เรืออับปางในยุคแรกๆ ส่วนใหญ่ก็พบว่ามักจะเป็นเรือที่บรรทุกสินค้า มีการบรรทุกสินค้าสารพัดชนิด เช่น ไวน์ น้ำมันมะกอก ไปจนถึงงานศิลปะและทาส!
การค้นพบเรืออับปางยังมีประโยชน์ในแง่ของประวัติศาสตร์และเทคโนโลยีในแต่ละสมัยด้วย เพราะอย่างในเคสที่ค้นพบซากเรือของจีนในปี ค.ศ.1973 ใกล้กับเมืองฉวานโจว ทำให้เรารู้ว่าเรือสำเภาจีนเป็นเรือใบเดินสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ซากเรือสำเภาที่ค้นพบมายาวถึง 34 เมตร กว้าง 11 เมตร และน่าจะบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 350 ตัน เรือมีกระโดง 3 เสา แต่ละเสาใหญ่กว่าเรือฝั่งยุโรปในยุคเดียวกันถึง 5 เท่าเลยทีเดียว ส่วนสาเหตุที่ทำให้เรือสำเภาลำนี้จมลง อาจเป็นเพราะพายุไต้ฝุ่น พัดเรือไปชนกับหินจนเรือเป็นรูขนาดใหญ่ น้ำจึงเข้าไปอยู่ในช่องข้างในเรือเต็มทุกช่อง เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าแม้แต่เรือที่ออกแบบมาดีที่สุดก็ไม่อาจรอดพ้นจากสภาพอากาศอันเลวร้ายได้ค่ะ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1545 แมรีโรสเป็นเรือธงของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ ออกแบบมาเพื่อการรบ สามารถยิงปืนและลูกธนูได้ หรือจะแล่นเข้าเทียบเรือศัตรูเพื่อให้ลูกเรือกระโดดข้ามไปบนดาดฟ้าเรือศัตรูก็ได้เช่นกัน บนเรือนั้นมีการติดตั้งปืนใหญ่รุ่นใหม่ โดยเจาะช่องยิงปืนใหญ่เรียงรายอยู่ข้างลำเรือเหนือระดับน้ำ ปากกระบอกปืนเล็งตรงออกไปพร้อมยิงใส่ศัตรู
แต่เรื่องของเรื่องคือ น้ำหนักของคนกับปืนบนดาดฟ้าทำให้เรือแมรีโรสไม่สมดุล จนทำให้เรือเอียงและวูบไปด้านหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเรือเอียงแล้วทำให้น้ำไหลเข้าเรือทางช่องยิงปืนใหญ่ ผลก็คือเรือไม่สามารถกลับมาตั้งลำได้ใหม่ เรือจึงจมลงอย่างรวดเร็ว ทหารกับลูกเรืออีกหลายคนติดอยู่กับตาข่ายที่เอาไว้กั้นศัตรู เหตุการณ์นี้ทำให้มีคนจมน้ำตายไปราว 500 คนเลยทีเดียว และจากเหตุการณ์นี้ แมรีโรส ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในซากเรืออับปางที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุโรปเลยค่ะ
ทะเลรอบๆ แหลมฮอร์นซึ่งอยู่ใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้เป็นทะเลที่บ้าคลั่งที่สุดในโลก เพราะกระแสน้ำไหลเร็ว ชายหาดเป็นหิน มีหมอกหนาทึบไม่เหมาะกับการเดินเรือ มีภูเขาน้ำแข็ง ลมพัดแรงและคลื่นลูกโตที่อาจสูงได้ถึง 30 เมตร ทำให้เรือแล่นผ่านไปได้ยากมาก ยิ่งกว่าความยากคือ ช่างเป็นทะเลที่อันตรายรอบทิศทาง ความโหดร้ายของสภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้มีเรืออับปางที่แหลมฮอร์นถึง 78 ลำ และมีเรือที่อับปางในทะเลใกล้เคียงอีกอย่างน้อย 800 ลำ แหลมฮอร์นแห่งนี้กลายเป็นที่รู้จักกันในนาม "สุสานเรือ"
ยกตัวอย่างเรือที่อับปางบริเวณนี้ได้แก่ คริกเคธแคเซิล เรือใบอังกฤษ แล่นจากเปรูมุ่งหน้ายุโรป ในปี ค.ศ.1912 ในขณะที่แล่นอ้อมแหลมฮอร์นอยู่นั้น หางเสือก็เสียเพราะเจอพายุ จากนั้นน้ำก็รั่วเข้ามาในท้องเรือ ไปผสมกับมูลสัตว์ที่บรรทุกมาา ทำให้ไปอุดเครื่องปั๊มน้ำเรือจนตัน ผลที่เกิดเป็นทอดๆ ทำให้น้ำท่วมท้องเรือจนกระทั่งจมลง แต่ก็ยังเคราะห์ดีที่มีลูกเรือรอดชีวิตมาถึง 7 คน
บางครั้งเรือที่จมลงอาจไม่ใช่อุบัติเหตุ อย่างเช่น เรือลูซิเทเนีย เรือเดินสมุทรสุดหรูของบริษัทเดินเรือคูนาร์ด เรือลำนี้ออกแบบมาเพื่อบรรทุกผู้โดยสารระหว่างอังกฤษกับนิวยอร์ก มีรางวัลการันตีว่าเป็นเรือที่แล่นข้ามแอตแลนติกได้เร็วที่สุดด้วย แต่เมื่อประมาณปี ค.ศ.1914 เกิดสงครามระหว่างอังกฤษกับเยอรมนี สถานทูตเยอรมนีในอเมริกาได้เตือนนักเดินทางว่า ชาวเยอรมันจะปฏิบัติกับเรืออังกฤษทุกลำในฐานะเรือของศัตรู ทั้งๆ ที่เรือบางลำอาจไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพของอังกฤษเลยก็ตาม
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กัปตันเรือกลับมั่นใจมากว่า เรือลูซิเทเนียจะต้องรอดแน่ๆ เพราะเรือแล่นได้เร็วกว่าเรืออื่นๆ แม้แต่เรือดำน้ำของเยอรมนีเอง ฉะนั้นไมมีใครไล่ตามทันแน่นอน แต่นั่นหารู้ไม่ว่ากัปตันคิดผิดอย่างแรง เพราะเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1915 เรือลูซิเทเนีย บังเอิญแล่นเข้าไปใกล้เรือดำน้ำของเยอรมนีที่นอกชายฝั่งด้านใต้ของไอร์แลนด์ เรือดำน้ำยิงตอร์ปิโดเข้าใส่หนึ่งลูก จนเรือเสียการควบคุมและเกิดระเบิดขึ้น ก่อนที่น้ำจะทะลักเข้าไปด้านในจนเรือเอียง และจมลงภายใน 18 นาที ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,198 คน จากผู้โดยสารทั้งหมด 1,959 คน เหตุการณ์นี้ถูกประณามและถูกพาดหัวข่าวไปทั่วโลก
ในยุคหลังๆ ทั้งคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการออกแบบตามหลักวิทยาศาสตร์ช่วยให้เรือยุคปัจจุบันมีความปลอดภัยมากขึ้น แม้ว่าเหตุการณ์เรือล่มจะยังมีอยู่ แต่มักจะเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์เอง เช่น
- ในปี ค.ศ.2002 เรือโดยสารจูลา จมลงนอกชายฝั่งเซเนกัลเพราะจุคนมากเกินไป มีคนเสียชีวิตกว่า 1,900 คน
- ในปี ค.ศ. 1994 เรือโดยสารเอสโตเนีย จมลงในทะเลบอลติก เกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค ประตูส่วนหัวเรือเกิดล็อคไม่อยู่ ทำให้น้ำเข้าสู่ภายใน มีผู้เสียชีวิต 852 คน
ดังนั้นการสำรวจซากเรืออับปางในทะเลลึกเราจึงใช้หุ่นยนต์สำรวจ ยานลากจูง ยานอาร์โอวี(ยานควบคุมระยะไกล) หรือยานดำน้ำแทน และแอลวิน คือยานดำน้ำลึกลำแรกของโลก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1964 ทำภารกิจถล่มทลายกว่า 4,200 ภารกิจ ด้วยคุณสมบัติของยานดำน้ำที่แข็งแรง ดำน้ำได้ลึกถึง 4,500 เมตรจากผิวน้ำ ตัวยานติดตั้งไฟส่องสว่าง อากาศสำรอง หน้าต่างแขนกล และขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แรงดันน้ำหกเครื่อง
หนังสือ 100 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเรืออับปาง จากอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง,
http://en.wikipedia.org/wiki/MS_Estonia,
www.teachpeace.com/teachpeacemoment9.htm,
http://en.wikipedia.org/wiki/Sinking_of_the_RMS_Lusitania,
http://en.wikipedia.org/wiki/Mary_Rose,
www.naval-history.net/F12-History_of_Argentina.htm,
http://en.wikipedia.org/wiki/DSV_Alvin,
www.fotocommunity.com/pc/pc/display/26448706,
www.worldaffairsboard.com/naval-warfare/39277-sinking-ships-ww2-especially.html
27 ความคิดเห็น
ชอบเรื่องพวกนี้เหมือนกัน ขอบคุณจข.บทความนะคะ
ชอบคำพูดที่ว่า " แม้จะรู้สึกว่าธรรมชาติน่ากลัว เราควบคุมธรรมชาติไม่ได้ แต่น่ากลัวน้อยกว่าอันตรายจากมนุษย์ด้วยกันเอง "
ปล. ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ
เรือเฟอร์รี่ที่ล่มที่เกาลีก็หลอนนะคะสงสารเด็กๆอ่า
ขอบคุณกับสาระดีๆน่ะค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเลยค่ะ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า"ความผิดพลาดในอดีต เป็นบทเรียนที่ดีในอนาคต"
แหม๋! ทำให้เขานึกถึงเรื่องรันนิ่งแมนเลยยย คิมวูบินกับเรน ><
เรืออันตรายนะเนี่ย
Lusitania จมเร้วไปนะ ถึงเรือจะอันตรายแต่ก้น่าสนใจและน่าติดตาม
ขึ้นชื่อว่าน้ำยังไงก็ไม่อุ่นใจเท่ากับเหยียบอยู่บนพื้นดินนุ่มๆ มีคนเคยบอกผมว่าหากคิดที่จะลงน้ำต้องรู้จักที่จะเอาตัวรอดจากน้ำ เพราะน้ำมันไม่แน่นอน
จำได้แม่น ว่าทริคเอาการตัวรอดเวลาเรือจม คืออะไรก็ตามที่ถ่วงตัวอยู่ ให้ถอดทิ้งไปให้หมดอย่าเสียดาย โดยเฉพาะกางเกงยีนส์(ตัวอมน้ำชั้นดีเลยละ) กระเป๋าเป้ และรีบว่ายออกห่างจากจุดที่เรือจมให้ไวที่สุด เพราะตรงจุดที่เรือจมมันจะเกิดคลื่นน้ำที่จะดูดเราลงไปใต้ท้องน้ำ (อารมณ์ประมาณ์ เปิดจุกระบายน้ำในแท้งก์น้ำ) ซึ่งมันเกิดจากการที่น้ำไปแทนที่อากาศ แล้วของหนักอย่างเรือจมลงน้ำด้วย
เพราะฉะนั้น เคล็ดสำคัญเวลาเอาตัวรอดตอนเรือล่มหรืออะไรก็ตามที่อยู่บนน้ำคือ ตั้งสติ ถอดของที่ถ่วงตัว กระโดดไปให้ไกล ถ้าฝีมือไม่ถึงอย่าช่วยคนอื่นเพราะการช่วยแบบงูๆปลาๆจะกลายเป็นการพากันจมน้ำตายทั้งคู่
วิธีการช่วยเหลือ หากคิดช่วยเหลือคนอื่นนี่หลักๆคือ เข้าทางข้างหลัง แล้วใช้วิธีลากคอเข้าฝั่ง อย่าให้อีกฝ่ายจับตัวเราจนขยับไม่ได้ (เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ คนที่ไม่รู้จะพยามเกาะเหมือนเกาะท่อนซุง และทำให้เราเคลื่อนไหวในน้ำไม่ได้ ) พยามบอกให้อีกฝ่ายตั้งสติ (ถ้ามี) แต่ถ้าไม่มีเวลาก็ลากคอไปเลย เจ็บหน่อยแต่เขาจะไม่ตายแน่นอน
แม้จะว่าน้ำเก่ง ก็คงไม่รอดล่ัะแบบนี้
ขอบคุณค่ะ
บางทีที่เรือไทนานิคจมอย่างอนาถ อาจเป็นเพราะสาเหตุอื่นก็ได้ค่ะ ดูรายการพากย์ไทยเมื่อเช้านี้มา ' ';
เขาบอกว่าก่อนที่ไทนานิคจะถึงภูเขาน้ำแข็ง มีเวลามากมายที่จะหันหัวเรือหลบ และการที่กัปตันไม่อพยพผู้คนตั้งแต่ที่ทราบถึงหายนะ บางทีอาจเป็นความผิดของกัปตัน หรือไม่เขาก็อาจมีเหตุผลของเขาอยู่
พูดไปนั่น หลอนเลยค่ะ T^T
เรือถึงปลอดภัยแค่ใหนก็มีโอกาสจมได้เสมอ