สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com... ใกล้เปิดเทอมแล้วก็เริ่มได้ยินเสียงน้องมาปรึกษาเรื่องการเตรียมตัวเปิดเทอม ปกติแล้วคำตอบก็เดิมๆ คือ เข้านอนเร็วเพื่อปรับพฤติกรรมไม่ให้ตื่นสาย จัดตารางสอนให้พร้อม วางแผนการเดินทางจะได้ไม่ไปเรียนสาย ฯลฯ
รู้สึกเหมือนกันมั้ยว่ามันเชยไปค่ะ! คำตอบพวกนี้น้องๆ น่าจะรู้ดีกันอยู่แล้ว ดังนั้นพี่มิ้นท์ก็เลยเปลี่ยนประเด็นมาให้คำแนะนำว่าเราจะ "เปลี่ยน" อะไร เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเรียนแทน ฟังดูน่าสนใจมากกว่า ส่วนจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ต้องลองนำไปใช้ดูค่ะ^^
รู้สึกเหมือนกันมั้ยว่ามันเชยไปค่ะ! คำตอบพวกนี้น้องๆ น่าจะรู้ดีกันอยู่แล้ว ดังนั้นพี่มิ้นท์ก็เลยเปลี่ยนประเด็นมาให้คำแนะนำว่าเราจะ "เปลี่ยน" อะไร เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเรียนแทน ฟังดูน่าสนใจมากกว่า ส่วนจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ต้องลองนำไปใช้ดูค่ะ^^
เปลี่ยนบุคลิคตัวเองให้ดูดี
ทำไมต้องเปลี่ยนบุคลิก? ก่อนอื่นต้องถามน้องๆ ก่อนว่าในโรงเรียนมีคน 2 ประเภทนี้มั้ย
ประเภทแรก : คนอะไรดูเพอร์เฟคจัง ทั้งรูปร่าง หน้าตา การเดิน การนั่ง ดูดีไปหมด นึกว่าเพิ่งเดินลงมาจากแคทวอล์ก
ประเภทที่สอง : คนอะไรเจอกี่ทีก็เดินหลังค่อม นั่งก็หวอออก หาวไม่ปิดปาก เดินก็ลากเท้าเสียงดัง
คน 2 กลุ่มนี้อาจจะเรียนเก่งทั้งคู่ หรืออาจจะเรียนไม่เก่งทั้งคู่ แต่สิ่งที่ทำให้สองคนแตกต่างคือ บุคลิกค่ะ เราอยากให้คนอื่นมองเราเป็นแบบไหน ก็ต้องทำแบบนั้น ถ้าอยากให้เป็นแบบแรก ก็เริ่มเปลี่ยนบุคลิกตัวเองตั้งแต่วันนี้ เริ่มต้นที่การดูแลตัวเอง ผม หน้า ฟัน ร่างกาย เสื้อผ้าต้องสะอาด ลองถือกระเป๋านักเรียน ฝึกเดิน ฝึกนั่งให้ออกมาหลังไม่ค่อม บางคนอาจจะไม่แคร์สายตารอบข้าง คิดจะทำอะไรก็ไม่ต้องการให้ใครสนใจ แต่ปล่อยไว้นานๆ มันจะติดเป็นนิสัยจนโต และสร้างความ "ไม่ประทับใจ" ให้กับคนที่เห็นเราครั้งแรกค่ะ
ทำไมต้องเปลี่ยนบุคลิก? ก่อนอื่นต้องถามน้องๆ ก่อนว่าในโรงเรียนมีคน 2 ประเภทนี้มั้ย
ประเภทแรก : คนอะไรดูเพอร์เฟคจัง ทั้งรูปร่าง หน้าตา การเดิน การนั่ง ดูดีไปหมด นึกว่าเพิ่งเดินลงมาจากแคทวอล์ก
ประเภทที่สอง : คนอะไรเจอกี่ทีก็เดินหลังค่อม นั่งก็หวอออก หาวไม่ปิดปาก เดินก็ลากเท้าเสียงดัง
คน 2 กลุ่มนี้อาจจะเรียนเก่งทั้งคู่ หรืออาจจะเรียนไม่เก่งทั้งคู่ แต่สิ่งที่ทำให้สองคนแตกต่างคือ บุคลิกค่ะ เราอยากให้คนอื่นมองเราเป็นแบบไหน ก็ต้องทำแบบนั้น ถ้าอยากให้เป็นแบบแรก ก็เริ่มเปลี่ยนบุคลิกตัวเองตั้งแต่วันนี้ เริ่มต้นที่การดูแลตัวเอง ผม หน้า ฟัน ร่างกาย เสื้อผ้าต้องสะอาด ลองถือกระเป๋านักเรียน ฝึกเดิน ฝึกนั่งให้ออกมาหลังไม่ค่อม บางคนอาจจะไม่แคร์สายตารอบข้าง คิดจะทำอะไรก็ไม่ต้องการให้ใครสนใจ แต่ปล่อยไว้นานๆ มันจะติดเป็นนิสัยจนโต และสร้างความ "ไม่ประทับใจ" ให้กับคนที่เห็นเราครั้งแรกค่ะ
เปลี่ยนตัวเองให้กล้าแสดงออก
การเรียนในห้องเรียนสมัยนี้เปลี่ยนจากแต่ก่อนเยอะ ต้องอาศัยความกล้าแสดงออกมากขึ้น เช่น ออกมารายงานหน้าห้อง การตอบคำถามแสดงความคิดเห็นในห้องเพื่อแลกกับคะแนน ซึ่งเทอมที่ผ่านๆ มา ถ้ารู้ตัวว่าไม่เคยยกมือโชว์วงแขนเลย งานกลุ่มก็ไม่เคยออกไปพูดเลยล่ะก็ ได้เวลาเปลี่ยนตัวเองแล้วล่ะ เพราะขนาดต่อหน้าเพื่อนๆ เรายังไม่กล้า ต่อไปในการทำงานต้องแสดงความคิดเห็นกว่านี้อีกหลายเท่า ถ้ายังเป็นแบบเดิม จะอยู่ลำบากนะจ๊ะ
วิธีฝึกความกล้าแสดงออกก็ไม่ยาก ฝึกพูดหน้ากระจกบ่อยๆ หรืออัดวิดีโอตอนพูดแล้วกลับมาดูข้อเสียของตัวเองค่ะ ฝึกวันละนิดเราจะเริ่มชินกับการต้องยืนแล้วพูด... เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากล้าแสดงออก โอกาสก็จะเข้ามาหาเรานะคะ ถ้าไม่เชื่อต้องลองดูตั้งแต่เทอมนี้เลย
การเรียนในห้องเรียนสมัยนี้เปลี่ยนจากแต่ก่อนเยอะ ต้องอาศัยความกล้าแสดงออกมากขึ้น เช่น ออกมารายงานหน้าห้อง การตอบคำถามแสดงความคิดเห็นในห้องเพื่อแลกกับคะแนน ซึ่งเทอมที่ผ่านๆ มา ถ้ารู้ตัวว่าไม่เคยยกมือโชว์วงแขนเลย งานกลุ่มก็ไม่เคยออกไปพูดเลยล่ะก็ ได้เวลาเปลี่ยนตัวเองแล้วล่ะ เพราะขนาดต่อหน้าเพื่อนๆ เรายังไม่กล้า ต่อไปในการทำงานต้องแสดงความคิดเห็นกว่านี้อีกหลายเท่า ถ้ายังเป็นแบบเดิม จะอยู่ลำบากนะจ๊ะ
วิธีฝึกความกล้าแสดงออกก็ไม่ยาก ฝึกพูดหน้ากระจกบ่อยๆ หรืออัดวิดีโอตอนพูดแล้วกลับมาดูข้อเสียของตัวเองค่ะ ฝึกวันละนิดเราจะเริ่มชินกับการต้องยืนแล้วพูด... เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากล้าแสดงออก โอกาสก็จะเข้ามาหาเรานะคะ ถ้าไม่เชื่อต้องลองดูตั้งแต่เทอมนี้เลย
เปลี่ยนสมาธิให้พร้อมกับการเรียน
เคล็ดลับการเรียนที่พูดเสมอ ต้องเริ่มต้นจาก "สมาธิ" มีสมาธิเมื่อไหร่ เราก็พร้อมจะเรียนรู้เมื่อนั้น เป็นเรื่องที่พูดง่ายมากแต่ก็ทำยากมากเช่นกัน
หลายคนได้ยินมาสร้างสมาธิก็เบือนหน้าหนี เพราะคิดว่าต้องมานั่งมือประสาน หลับตาเป็นสิบนาที แต่ความจริงแล้วการนั่งสมาธิกับการสร้างสมาธิ เป็นคนละเรื่องนะคะ หมายความว่า น้องๆ สามารถมีสมาธิได้โดยไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิค่ะ
ยกตัวอย่างวิธีสร้างสมาธิง่ายๆ เช่น นั่งอ่านหนังสือที่ชอบในสถานที่ที่สงบ, การนับเลขถอยหลัง, การฟังเพลงบรรเลง, การวาดภาพระบายสี, การทำอาหาร ทั้งหมดก็ช่วยฝึกเรื่องสมาธิได้นะ ดังนั้นน้องๆ ที่รู้ตัวว่าเป็นคนสมาธิสั้น เรียนไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะหันไปสนใจอย่างอื่นมากกว่า ก็ลองฝึกสมาธิกันดู แล้วจะรู้ว่าการเรียนรู้เรื่องตั้งแต่ประโยคแรกมันรู้สึกดีขนาดไหน
เคล็ดลับการเรียนที่พูดเสมอ ต้องเริ่มต้นจาก "สมาธิ" มีสมาธิเมื่อไหร่ เราก็พร้อมจะเรียนรู้เมื่อนั้น เป็นเรื่องที่พูดง่ายมากแต่ก็ทำยากมากเช่นกัน
หลายคนได้ยินมาสร้างสมาธิก็เบือนหน้าหนี เพราะคิดว่าต้องมานั่งมือประสาน หลับตาเป็นสิบนาที แต่ความจริงแล้วการนั่งสมาธิกับการสร้างสมาธิ เป็นคนละเรื่องนะคะ หมายความว่า น้องๆ สามารถมีสมาธิได้โดยไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิค่ะ
ยกตัวอย่างวิธีสร้างสมาธิง่ายๆ เช่น นั่งอ่านหนังสือที่ชอบในสถานที่ที่สงบ, การนับเลขถอยหลัง, การฟังเพลงบรรเลง, การวาดภาพระบายสี, การทำอาหาร ทั้งหมดก็ช่วยฝึกเรื่องสมาธิได้นะ ดังนั้นน้องๆ ที่รู้ตัวว่าเป็นคนสมาธิสั้น เรียนไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะหันไปสนใจอย่างอื่นมากกว่า ก็ลองฝึกสมาธิกันดู แล้วจะรู้ว่าการเรียนรู้เรื่องตั้งแต่ประโยคแรกมันรู้สึกดีขนาดไหน
เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนมีเป้าหมาย
การวางเป้าหมายในการเรียนไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อหรือเป็นวิชาการอะไรมากมาย แถมยังเป็นเรื่องที่สนุกอีกต่างหาก เพราะการวางเป้าหมายเป็นการมองไปในอนาคต เรามองเห็นและอยากให้ในอนาคตเป็นยังไงก็วางเป้าหมายไปซะ เช่น อยากให้เทอมหน้าได้เกรด 3.5 ขึ้นไป อยากให้อ่านหนังสือได้ 10 ชั่วโมง/อาทิตย์
เหตุผลที่บอกว่า การมีเป้าหมายเป็นเรื่องสนุกเพราะมีเป้าหมายแล้ว น้องๆ จะคอยเช็คตัวเองได้ว่าทำตามแผนได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ก็เหมือนเราเล่นเกมส์แล้วทำมิชชั่นสำเร็จนั่นแหละค่ะ ถ้าทำได้ก็ภูมิใจ แต่ถ้าผลออกมายังไม่เฉียดเป้าหมายไว้เลย ก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นให้มีพลังทำสิ่งนั้นๆ ต่อไป
ยกตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด ก็คือ มีหลายคนเริ่มวางเป้าหมายไว้แล้วว่าจะสอบเข้าหมอ สอบเข้าบัญชี บางทีแค่วางเป้าหมายแค่นี้ สมองก็จะสั่งการเองว่าเราควรเดินเส้นทางสายไหนถึงจะประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย แล้วน้องๆ ล่ะคะ พร้อมที่จะตั้งเป้าหมายบ้างหรือยัง?
การวางเป้าหมายในการเรียนไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อหรือเป็นวิชาการอะไรมากมาย แถมยังเป็นเรื่องที่สนุกอีกต่างหาก เพราะการวางเป้าหมายเป็นการมองไปในอนาคต เรามองเห็นและอยากให้ในอนาคตเป็นยังไงก็วางเป้าหมายไปซะ เช่น อยากให้เทอมหน้าได้เกรด 3.5 ขึ้นไป อยากให้อ่านหนังสือได้ 10 ชั่วโมง/อาทิตย์
เหตุผลที่บอกว่า การมีเป้าหมายเป็นเรื่องสนุกเพราะมีเป้าหมายแล้ว น้องๆ จะคอยเช็คตัวเองได้ว่าทำตามแผนได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ก็เหมือนเราเล่นเกมส์แล้วทำมิชชั่นสำเร็จนั่นแหละค่ะ ถ้าทำได้ก็ภูมิใจ แต่ถ้าผลออกมายังไม่เฉียดเป้าหมายไว้เลย ก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นให้มีพลังทำสิ่งนั้นๆ ต่อไป
ยกตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด ก็คือ มีหลายคนเริ่มวางเป้าหมายไว้แล้วว่าจะสอบเข้าหมอ สอบเข้าบัญชี บางทีแค่วางเป้าหมายแค่นี้ สมองก็จะสั่งการเองว่าเราควรเดินเส้นทางสายไหนถึงจะประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย แล้วน้องๆ ล่ะคะ พร้อมที่จะตั้งเป้าหมายบ้างหรือยัง?
บางโรงเรียนเปิดเทอมไปแล้ว บางโรงเรียนเปิดเทอมพรุ่งนี้ แต่ไม่ว่าจะเปิดแล้วหรือยังไม่เปิด การพัฒนาตัวเองสามารถทำได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว จะเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันนี้เลยก็ได้นะคะ แค่ 4 อย่างเองทำไม่ยากหรอกค่ะ ทำแล้วมั่นใจว่าตลอดทั้งเทอม น้องๆ จะเรียนอย่างมีความสุขขึ้นด้วย :D
24 ความคิดเห็น
สุดยอดเลยค้า จะทำไห้ได้ทุกข้อเลยค้า บทความดีค้า เข้าสู่รั้ว กรมท่าขาว ค้า
ขอบคุณค่ะ จะทำให้ได้ทุกข้อเลยล่ะค่ะ:D ไฟต์ติ้ง!
//เปิดเทอมพรุ่งนี้แล้ว ฮรืออT^T
สุดยอดเลยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ จะได้นำไปใช้ในวันพรุ่งนี้(เปิดเทอม)
สุดยอดเลยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ จะได้นำไปใช้ในวันพรุ่งนี้(เปิดเทอม)
สุดยอดเลยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ จะได้นำไปใช้ในวันพรุ่งนี้(เปิดเทอม)
เราว่าเราคงไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเเหละมั้งเพื่อนทั้งห้องมันทำเหมือนเราไ่มีตัวตนคิดว่าเราเป็นที่ระบายอารมด่าเราได้ทุกๆวันปิดเทอมมเฟสมาด่า เศร้า
ขอบคุณมากเลยน่ะค่ะ จะลองนำไปใช้ ดู
จะพยายามทำให้ได้ค่ะ ^^
ขอบคุณครับ เป้าหมายมีไว้พุ่งชน fighting
ต้องไปใช้!
ขอบคุณครับ T^T อยากเหมือนข้อแรก แต่ที่ไม่ได้คือที่บอว่าหน้าตาดี... อันนี้ขอผ่าน แงๆ
fight.
แสดงออกนี่กล้านะค้ะ แต่มีเพื่อนผู้ชายในห้องชอบเรา ก็ไม่ได้คุยกันมานาน มองหน้าไม่ติด มันเลยเป็นอีกเหตุผลที่เราไม่กล้า ต้องทำยังไงดีค่ะ
ขอบคุณความคิดดีๆๆน่ะค่ะ สู้ๆๆน่ะค่ะทุกคน
จะไปยืดผม จะได้สวยๆ บลาๆ
เหยดดดด