โอ้ลาา~~ ปู๊นๆ~~ วันนี้พี่มิ้นท์ขอทักทายน้องๆ ชาว Dek-D.com ในบรรยากาศเชียร์บอลโลกสไตล์กองเชียร์ไทยแลนด์กันหน่อย แม้บอลไทยจะยังไม่ไปบอลโลก แต่ความสนุกสนานของการเชียร์ของชาวไทยก็ยังมีเต็มอยู่ทุกพื้นที่ เพราะเป็นเทศกาลที่ 4 ปีจะวนมาครั้งนึง ก็ต้องตั้งตารอกันเป็นพิเศษ
ไหนๆ กระแสบอลโลกมาขนาดนี้แล้ว พี่มิ้นท์อยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว ขอนำเกร็ดความรู้เรื่อง "ลูกฟุตบอล" มาฝากน้องๆ กันบ้างค่ะ
ไหนๆ กระแสบอลโลกมาขนาดนี้แล้ว พี่มิ้นท์อยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว ขอนำเกร็ดความรู้เรื่อง "ลูกฟุตบอล" มาฝากน้องๆ กันบ้างค่ะ
ลูกฟุตบอลที่เราเห็นในการแข่งขันทั่วๆ ไป รูปร่างหน้าตาก็จะคล้ายๆ กันคือ เป็นลูกฟุตบอลกลมๆ สีขาว น้องๆ อาจจะเข้าใจผิดมาตลอดว่าลูกบอลนั้นกลมดิ๊กทุกมุม แต่ความจริงแล้วลูกฟุตบอลเหล่านั้นไม่ได้กลมมนซะทีเดียว บอลแต่ละลูกเกิดจากการประกอบแผ่นหนังรูปทรง 5 เหลี่ยมจำนวน 12 ชิ้นกับแผ่นหนังรูปทรง 6 เหลี่ยมจำนวน 20 ชิ้นมาเย็บติดกันให้มีความกลมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่มาในยุคหลังๆ การดีไซน์ลูกบอลก็มีการพัฒนาขึ้น อย่างเช่นในฟุตบอลโลกปี 2006 ที่ประเทศเยอรมนีได้ทำลูกฟุตบอลที่มีชิ้นส่วนเพียง 14 ชิ้นและประกอบด้วยแรงอัดความร้อนแทนการเย็บแบบเดิม ทำให้ลูกบอลรุ่นนี้มีรูปร่างกลมมากขึ้น เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการเล่นที่ดีมากขึ้นค่ะ
แต่มาในยุคหลังๆ การดีไซน์ลูกบอลก็มีการพัฒนาขึ้น อย่างเช่นในฟุตบอลโลกปี 2006 ที่ประเทศเยอรมนีได้ทำลูกฟุตบอลที่มีชิ้นส่วนเพียง 14 ชิ้นและประกอบด้วยแรงอัดความร้อนแทนการเย็บแบบเดิม ทำให้ลูกบอลรุ่นนี้มีรูปร่างกลมมากขึ้น เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการเล่นที่ดีมากขึ้นค่ะ
ในการแข่งขันฟุตบอลแมทซ์สำคัญๆ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นอกจากเรื่องนักกีฬาแต่ละทีมที่มีการพัฒนามาเรื่อยๆ แล้ว เจ้าลูกฟุตบอลที่เป็นหัวใจสำคัญของกีฬาชนิดนี้ก็มีพัฒนาการที่น่าสนใจไม่แพ้นักเตะเลยทีเดียวค่ะ อยากรู้กันไหมว่าในลูกฟุตบอลในอดีตหน้าตาเป็นยังไงบ้าง ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ
ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปีแรกๆ รูปร่างก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละปี บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้ผลิตก็แตกต่างกันด้วย ลองไปดูรูปร่างหน้าตาและสีสันของลูกบอลในแต่ละปีกันค่ะ
และฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา Adidas ได้รับเลือกให้เป็นผู้ผลิตลูกฟุตบอลอย่างเป็นทางการ ไปดูกันต่อเลยจ้า
ปี 1970 "Telstar", เม็กซิโก
Adidas เริ่มต้นผลิตลูกฟุตบอลตั้งแต่ปี 1963 แต่ทำเพื่อการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1970 และเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกใช้ลูกฟุตบอลที่เป็นแบบลายห้าเหลี่ยมและหกเหลี่ยมจำนวน 32 ชิ้นเย็บติดกัน โดยใช้สีขาวและดำสลับกัน เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนในการถ่ายทอดสดผ่านทีวีขาวดำ
ปี 1974 "telstar Durlast", เยอรมันตะวันตก
หน้าตาของลูกฟุตบอลที่ใช้แข่งในปี 1974 นี้ ดูไม่ต่างอะไรจากปี 1970 เลย เพราะมีการปรับปรุงเพียงแค่ตัวอักษรที่พิมพ์ไว้บนลูกฟุตบอลเท่านั้น จากสีทองเป็นสีดำ และพิมพ์เป็นปี 1974 ตามปีที่แข่ง นอกจากนี้ในปี 1974 ยังมีลูกฟุตบอลอีก 1 รุ่น เป็นสีขาวล้วน ใช้ชื่อว่า Adidas Chile (โดยใช้ชื่อนี้ เพราะการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ชิลี ในปี 1962 เป็นปีที่ใช้ลูกบอลสีขาวล้วน)
ปี 1978 "Tango Durlast", อาร์เจนตินา
ลูกฟุตบอลที่ใช้ในประเทศอาเจนตินา อะดิดาสได้ผลิตขึ้นใหม่ให้เข้ากับแนวคิดการเต้นในจังหวะแทงโก้ของชาวอาเจนตินา โดยใช้หนังสีขาวล้วนจำนวน 32 ชิ้นเย็บขึ้นมาเป็นลูกเหมือนเดิมค่ะ แล้วพิมพ์ลายลงบนลูกเป็นลายวงกลมจำนวน 12 วง ว่ากันว่านี่เป็นการออกแบบเพื่อให้เป็นมาตรฐานสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกไปอีก 5 ครั้ง (หรือ 20 ปีข้างหน้า)
ปี 1982 "Tango Espana", สเปน
ลูกฟุตบอลในฟุตบอลโลกปีนี้ยังรูปร่างเหมือนกับ Tango Durlast ที่ใช้ในฟุตบอลโลกสเปน แต่มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาให้ใช้งานได้ดีกว่าเดิม ซึ่งวัสดุหลักนั้นยังใช้หนังเหมือนเดิม แต่มีการซีลด้วยยางบริเวณตะเข็บที่เย็บชิ้นส่วนหนังให้ลูกบอลติดกัน เพื่อป้องกันน้ำ ทำให้ในการเล่นสนามเปียกๆ หรือมีความชื้น ลูกบอลก็จะลดการดูดซึมน้ำ ทำให้มีน้ำหนักเบา
ปี 1986 "Azteca Mexico", เม็กซิโก
เป็นปีแรกที่ลูกบอลผลิตขึ้นจากวัสดุสังเคราะห์ การปรับปรุงครั้งนี้ทำให้ลูกฟุตบอลมีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งในสนามที่แข็งและสนามที่เปียก ส่วนลวดลายบนลูกก็มีการออกแบบใหม่ เป็นสไตล์ Aztec
ปี 1990 "Etrusco Unico", อิตาลี
ต่อมา ฟุตบอลโลกที่ประเทศอิตาลี รูปร่างโดยรวมก็ยังละม้ายคล้ายปีก่อนๆ คือ เย็บด้วยหนังสีขาวล้วนและพิมพ์ลาย แต่ปีนี้การผลิตลูกฟุตบอลได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นด้วยการผสมโพลิยูริเทนเข้าไป เพื่อให้ประสิทธิภาพในการกันน้ำสูงขึ้น ส่วนลาดลายที่ปรากฏบนลูกจะเป็นศิลปะเชิงประวัติศาสตร์ของอิตาลี
ปี 1994 "Queatra", สหรัฐอเมริกา
การพัฒนาลูกบอลที่ใช้สำหรับการแข่งขันยังไม่หยุดนิ่ง เมื่อปี 1994 การแข่งขันฟุตบอลโลกที่ USA เราได้เห็นพัฒนาการของลูกฟุตบอลไปอีกระดับนึง ซึ่ง Questra นี้มีแรงบันดาลใจในการปรับปรุงอยู่ 3 อย่างคือ ต้องกันน้ำได้ ต้องนุ่มเบา และนักเตะต้องควบคุมลูกได้ดี ดังนั้นจึงได้ออกแบบโดยใช้วัสดุโพลิยูริเทน เพื่อให้มีน้ำหนักเบา ควบคุมลูกได้ดีขึ้น แถมยังเตะได้เร็ว แรง เหมือนจรวด!!
ปี 1998 "EQT Tricolore", ฝรั่งเศส
ที่ผ่านมาเราได้เห็นแต่ลูกบอลพื้นสีขาว ลายสีดำ แต่ปีนี้เป็นครั้งแรกที่มีการใช้สีอื่นๆ เข้ามาผสม นั่นก็คือ แดง ขาว และน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีจากธงชาติของประเทศฝรั่งเศส ฉีกกรอบแพทเทิร์นลูกฟุตบอลแบบเดิมๆ ไปเลย นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีพิมพ์ลายน้ำชั้นบางๆ ลงบนลูกฟุตบอลอีกด้วย
ปี 2002 "Fevernova", เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น
ปี 2002 เป็นปีแรกที่มีการจัดฟุตบอลโลกแบบเจ้าภาพร่วมระหว่าง ประเทศเกาหลีใต้และประเทศญี่ปุ่น การออกแบบลูกฟุตบอลในปีนี้ ทิ้งรูปแบบการสร้างแบบ Tango ในปี 1978 ไปเลย โดยรูปแบบกราฟฟิคและสีสันแปลกตาไปทั้งสีทอง สีแดงและสีเขียว ออกแบบสไตล์เอเชีย นอกจากเรื่องดีไซน์แล้ว คุณภาพก็ยังมีการพัฒนาต่อไปให้มีน้ำหนักเบา และเคลื่อนที่ได้แม่นยำมากขึ้น
ปี 2006 "+Teamgeist", เยอรมนี
The +Teamgeist มีความหมายในภาษาเยอรมันว่า สปิริตของทีม การดีไซน์ลูกฟุตบอลในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง จากเดิมการผลิตลูกฟุตบอลมาจากเย็บแผ่นหนังจำนวน 32 ชิ้นให้ติดต่อกันเป็นทรงกลม แต่สำหรับปีนี้มีการออกแบบให้ใช้หนังเพียง 14 ชิ้น เพื่อลดรอยต่อการเย็บลูกฟุตบอล ให้ลูกบอลมีรูปร่างกลมขึ้น ช่วยให้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นด้วย
ปี 2010 "Jabulani", แอฟริกาใต้
ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา Adidas พยายามออกแบบลูกฟุตบอลให้มีความสวยงามขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการลดจำนวนชิ้นประกอบในลูกฟุตบอล แต่ในปีนี้ Adidas ยังมีการใช้เทคโนโลยี Grip 'n' Groove คือ มีเกร็ดและร่องรอบๆ ลูกฟุตบอล มีประโยชน์ต่อทั้งนักเตะและผู้รักษาประตู อย่างแรกคือ ควบคุมทิศทางได้แม่นยำขึ้น สำหรับผู้รักษาประตูก็สามารถจับลูกได้ง่ายขึ้นด้วย (หลังจากที่ผ่านมามีผู้รักษาประตูหลายคนออกมาบ่นว่าลูกฟุตบอลที่ใช้อยู่ จับยากเหลือเกิน"
การออกแบบ Jabulani ใช้สีทั้งหมด 11 สี เป็นตัวแทนถึง นักเตะในสนาม 11 คน และภาษาที่ใช้ในการสื่อสารทั้ง 11 ภาษาในแอฟริกาใต้
ปี 2014 "Brazuca", บราซิล
และปีล่าสุดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ยังคงเป็นลูกฟุตบอลที่ Adidas เป็นผู้ผลิต การออกแบบนั้นเน้นความสดใสตามสไตล์ สำหรับชื่อ Brazuca ได้มาจากการโหวตของแฟนบอลชาวบราซิลมากกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว
โอ้โห บอกได้คำเดียวว่าฟุตบอลโลกไม่ได้มีดีแค่วัดความเก่งทางด้านกีฬาของทีมฟุตบอลแต่ละชาติ แต่เบื้องหลังยังมีดีเทลที่น่าสนใจ แม้กระทั่งลูกฟุตบอลที่เตะกันไปมา
แม้จะไม่ได้เป็นจุดสนใจเท่าพิธีเปิดหรือทีมที่เข้ารอบมา แต่กลับมีจุดน่าสนใจด้านวิวัฒนาการตามยุคสมัย อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าลูกฟุตบอลที่ใช้กันไม่ได้ทำขึ้นเพื่อ "ให้มีใช้ในการแข่งขัน" เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องพัฒนาอุปกรณ์กีฬาให้การแข่งขันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในแต่ละปีมีการใช้เทคโนโลยีนำมาพัฒนาเพื่อให้ได้ลูกบอลที่ดี มีประสิทธิภาพมากที่สุด
บอกตามตรงว่าลูกฟุตบอลแต่ละปีต่างก็มีความเท่และความเก๋าไม่เหมือนกัน มีตั้งแต่คลาสสิคไปจนดีไซน์ล้ำสมัยเลย พี่มิ้นท์ว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่อยู่ในเทศกาลฟุตบอลโลกนะ ว่าแล้วหากจบปี 2014 ก็คงตั้งตารอโฉมหน้าลูกฟุตบอลในปี 2018 ต่อแล้วล่ะ อิอิ
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพประกอบจาก
www.soccer.com/channels/worldcup-ball-collection/
www.soccerballworld.com/HistoryWCBalls.htm
http://en.wikipedia.org/wiki/Ball_(association_football)
http://sport.truelife.com/, www.footballstickipedia.com
www.soccer.com/channels/worldcup-ball-collection/
www.soccerballworld.com/HistoryWCBalls.htm
http://en.wikipedia.org/wiki/Ball_(association_football)
http://sport.truelife.com/, www.footballstickipedia.com
7 ความคิดเห็น
บางลูกนี่สมกับเป็นตำนานมากกกก สวยขึ้นทุกปีเลยค่ะ
เเต่ละปีสวยกันคนละเเบบ ชอบของเเอฟริกาน่ะ ใช้ 11 สี เป็นตัวเเทนของนักเตะ ใช้ภาษา 11 ภาษา คิดได้ไง มันส์ ยอด มาก
พอได้เห็นลูกบอลแบบใกล้ๆแล้วเพิ่งรู้ว่ามันสวยมากกกกกก
ป.ล.ลูกบอลสมัยแรกๆนี่เหมือนลูกวอลเล่ย์+ลูกบาสเลยแฮะ 55555
ลูกบอลแต่ละยุคแต่ละสมัยมีแต่ลูกแจ่มๆทั้งนั้นเลย
ปี1930.....
มันอเมริกันฟุตบอลชัดๆ55555