สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com พูดถึงเทคโนโลยีในปัจจุบันแล้ว ต้องยอมรับเลยว่ามีเยอะจริงๆ บางอย่างมาไวไปไว แต่บางอย่างก็เป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ ก้าวข้ามขีดจำกัดในบางสถานการณ์ไปได้ ทำให้ยังคงมีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
หนึ่งในเทคโนโลยีที่ พี่มิ้นท์ พูดถึงก็คือ QR Code ที่น้องๆ รู้จักกันดี เคยใช้กันแพร่หลายอยู่ช่วงนึง แม้ตอนนี้จะไม่ได้ฮิตเหมือนเดิมแล้ว แต่หลายๆ อุตสาหกรรมยังเห็นประโยชน์ของเจ้า QR Code นี้ ทำให้ยังมีใช้กันอยู่ค่ะ และที่น่าดีใจไปกว่านั้นคือ เริ่มมีช่องทางเพิ่มคุณภาพของสินค้าเกษตรไทย อย่างผัก-ผลไม้ ด้วย QR Code นี้ด้วย แต่จะเป็นยังไง ใช้วิธีไหน ต้องอ่านให้จบนะคะ
มาทำความรู้จักเจ้า QR Code กันก่อนเลย... หน้าตาของเจ้า QR Code (Quick Responese) จะมีลักษณะเป็นกรอบสี่เหลี่ยมสีดำ ภายในกรอบก็จะเป็นเส้นๆ สีดำจำนวนมาก เป็นสัญลักษณ์ของข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ เช่น URL เว็บไซต์ รายละเอียดฉบับเต็ม เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ โดยจะนำไปแปะกับสื่อชนิดต่างๆ เพื่อให้ผู้พบเห็นเข้ามาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โดยการใช้กล้องจากสมาร์ทโฟนที่มีโปรแกรมอ่าน QR Code จ่อไปที่ QR Code นั้นๆ ข้อมูลที่ซ่อนไว้อยู่ก็จะปรากฏออกมาทันที ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ชื่อเว็บไซต์เองให้เสียเวลา และยังทำให้ได้คนที่้ต้องการข้อมูลเข้ามาอ่านเองจริงๆ ไม่ต้องใส่เนื้อหาทั้งหมดลงในสื่อจนเหมือนยัดเยียดให้คนอ่าน สื่อที่พบเห็นการใช้ QR Code บ่อยๆ ก็เช่น โปสเตอร์ หนังสือ เว็บไซต์ ข้างกล่องสินค้า เป็นต้น
แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้กับผลิตภัณฑ์การเกษตรเพื่อให้ผู้บริโภคเช็คคุณภาพได้ด้วย แนวคิดหลักก็คือ การติด QR Code ลงบนผลิตภัณฑ์ หรือ กล่องบรรจุภัณฑ์สินค้าเกษตร ผู้บริโภคจะได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ ทั้งชื่อฟาร์ม เพื่อให้รู้ว่าสัตว์ชนิดนี้มาจากฟาร์มไหน หรือผักจากแปลงปลูกไหน ชื่อเกษตรกร ที่อยู่ของฟาร์มหรือแปลงปลูกผัก มาตรฐานที่ได้รับการรับรอง ข้อมูลการส่งสินค้า ฯลฯ เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการแปรรูปสินค้า และผู้บริโภค ทำให้ได้ข้อมูลถูกต้อง แม่นยำ ตรงกัน
ในแง่ของคนไทย ข้อมูลเหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่สำหรับต่างประเทศที่สินค้าเราถูกส่งออกไปค่อนข้างให้ความสำคัญมากทีเดียว อย่างน้อยการมีที่มาที่ไปของสินค้าก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคนเลือกซื้อสินค้าว่าได้สินค้าที่มีคุณภาพ และยังตามกลับมาตรวจสอบแหล่งผลิตสินค้าได้อีกด้วย
สำหรับในประเทศไทย เริ่มมีการทดลองใช้งาน QR Code กันแล้ว โดยจะเป็นสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกและสินค้าระดับพรีเมียมที่อยู่ในซูเปอร์มาร์เกต ไม่ว่าจะเป็นลิ้นจี่ มะม่วง กลุ่มผักออร์แกนิค หรือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการ หากน้องๆ อยากเห็นว่าหน้าตาเป็นยังไง ลองออกไปเดินตามซูเปอร์มาร์เกต พกมือถือขึ้นมาแล้วลองสแกน QR Code ดูนะคะ ว่าข้อมูลที่ขึ้นมาบอกน้องๆ จะมีหน้าตาเป็นยังไงบ้าง :D
นับว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีใกล้ตัวที่เป็นประโยชน์ต่อความเชื่อมั่นด้านคุณภาพของสินค้า ยิ่งเป็นของสดอย่างผักผลไม้ ใครๆ ก็ต้องการของที่ดีมีคุณภาพ-ไร้สารเคมีจริงมั้ยคะ ทุกวันนี้เราไม่มีทางรู้เลยว่าผักผลไม้ที่เรากินมาจากสวนไหน แปลงไหน ปลูกผักดีหรือเปล่า ดังนั้น ถ้าในอนาคตสินค้าทุกชนิดมีข้อมูลรายละเอียดสินค้าอยู่ ในฐานะผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็เลือกทานได้อย่างมั่นใจกว่าเดิมมากๆ แน่นอนค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพประกอบจาก
http://issuu.com/gistda/docs/20130227-gistda-e-magazine-v3-feb,
www.tescoplc.com/index.asp?pageid=17&newsid=835,
www.rgbstock.com/bigphoto/mDEBfgq/lettuce+varieties,
www.freshplaza.es/, http://pr-acfs.blogspot.com/2011/05/qr-code.html,
www.newswit.com, www.slotmachines.me.uk/884/bell-fruit-add-qr-codes-to-slot-machines
7 ความคิดเห็น
เจ๋งฝุดๆ ตอนซื้อก็ยกโทรศัพขึ้นมาถ่าย*3* เท่ดีๆ
เจ๋งอ่ะสามารถตรวจสอบที่มาของสินค้าได้ทันที
แล้วจะรู้ได้ไงว่าข้อมูลเป็นของจริง? แล้วมะม่วง2ลูกข้อมูลจะเหมือนกันมั้ย