หลังจากนั้นมานั่งหาข้อมูลโรงเรียนอาชีวะในกรุงเทพค่ะ เจออยู่ 2 - 3 แห่ง ที่น่าสนใจ จนในที่สุดตัดสินใจเลือก "วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา" อยู่แถวปากคลองตลาด เป็นโรงเรียนสายอาชีพที่มีสอนหลากหลาย คหกรรม การโรงแรม ศิลปกรรม ขอพูดเฉพาะศิลปะแล้วกันนะคะ มีให้เลือกหลายแผนก ทั้งวิจิตรศิลป์ หัตถกรรม เทคโนโลยีนิเทศศิลป์ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นออกแบบนิเทศศิลป์) พิมพ์สกรีน ซีเปียเรียนนิเทศศิลป์ค่ะ
ช่วงปีแรกจะเน้นวิชาสามัญทั่วไป มีศิลปะอยู่ไม่กี่ตัวคะ เป็นแบบพื้นฐานยังไม่เกี่ยวกับนิเทศเท่าไหร่ พอขึ้นปี 2 สนุกเลยค่ะ มีวิชาศิลปะหลากหลายมาก ทั้งงานมือ งานคอม มาหมดเลย ตอนเรียนไม่เครียดเท่าไหร่ สนุกไปกับงานค่ะ มีแต่ก็มีเครียดๆ บ้าง อย่างตอนคิดงานไม่ออกห รือจะถึงกำหนดส่งแล้วงานยังไมถึงไหน ก็ต้องทำใจว่าเรียนสายอาชีพเน้นตัวงานแบบนี้ จะไปรอลอกเอาตอนเช้าเหมือนเรียนวิชาสามัญไม่ได้ มันเป็นงานศิลปะค่ะ ต้องให้เวลาและใช้จินตนาการ ถ้าสมมติว่างานส่งพรุ่งนี้ คืนนี้ก็ต้องทำให้เสร็จถึงแม้ว่าวันจะเสร็จตอนตี 3 ตี 4 ก็ต้องทำค่ะ
ส่วนเรื่องลอกนี่เลิกคิดไปได้เลยค่ะ แรกๆ อาจารย์จะยังให้เขียนชื่อไว้ที่งานค่ะ หลังๆ พออาจารย์เริ่มจำชื่อ และสไตล์งานของแต่ละคนได้ก็จะบอกว่าไม่ต้องเขียนชื่อแล้ว อาจารย์จะรู้เลยว่าใครลอกหรือตัดนู้นแปะนี่มาจากงานคนอื่น ถ้าลอกมายังไงก็ไม่รอดค่ะ พอขึ้นปี3 เป็นศิลปะล้วนๆ เลย มีสามัญอยู่ตัวเดียว คือภาษาอังกฤษ มีไปฝึกงาน 1 เทอม หลังจากนั้นก็กลับมาทำโครงการจบค่ะ โครงการจบสำคัญมากมันเป็นการแสดงศักยภาพที่เราเรียนมาว่ามีความรู้ความเข้าใจแค่ไหนค่ะ
กว่าจะจบออกมานั้นต้องฝ่าฟันกันมามากทีเดียว ปีแรกเข้าไป มี 2 ห้อง ห้องละประมาณ 40 คน ที่นี่มีการรีไทล์เด็กทุกปี พอขึ้นปี 2 ห้องซีเปียเหลือ 22 คน แล้วพอถึงปี 3 เทอม 1 ถ้าเกรดไม่ถึงตามกำหนดก็ต้องออก ทั้งๆ ที่เหลืออีกแค่เทอมเดียวนี่แหละค่ะ เสียดายมาก จนถึงวันจบนี่เหลือที่จบกันตามเกณฑ์แค่ 30 กว่าคนเองค่ะ (รวม 2 ห้องแล้วนะคะ) สายอาชีพไม่ใช่ง่ายเลยล่ะ
ช่วงแรกๆ สำหรับซีเปียก็ปรับตัวยากเหมือนกันค่ะ เพราะมาเข้าเรียนตอนเปิดเทอมไปสักพักใหญ่ๆ แล้ว เขาก็เริ่มจับกลุ่มกันหมดแล้ว แต่เพื่อนในห้องก็น่ารักดีค่ะ มาชวนไปกินข้าวเรียกเราไปนู้นไปนี่ด้วย มาเรียนได้วันนึง วันต่อมาเป็นวันไหว้ครูเลยคะ ไหว้ครูของที่นี่ไม่เหมือนโรงเรียนอื่นคะ จะมีไหว้ครูปกติที่ทำกันทั่วๆ ไป แล้วก็จะมีไหว้ครูช่างค่ะ มีพิธีการที่ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ ตื่นเต้นมาก ส่วนช่วงบ่ายก็มีรับน้องค่ะ รับแค่ครึ่งวัน แบบน่ารักๆ ตอนแรกกลัวมาก กลัวว่ามันเป็นอาชีวะ จะต้องมีรับน้องโหดๆ แบบในข่าวแต่ที่นี่ไม่มีค่ะ พี่ปีสามจะเป็นคนจัด เราจะมีพี่รหัสคอยดูแลส่งข้าวส่งน้ำ มีเกมให้เล่น ก็สนุกดีค่ะ ตอนท้ายๆ งานจะมีอาจารย์แล้วก็รุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาแนะแนวทางเรียนต่อและอาชีพด้วยค่ะ
นอกจากนี้แล้วก็มีการย้อนงานเก่าๆ ที่เราและเพื่อนทำกันไปแล้วคะ ส่วนมากก็เป็นงานองค์ประกอบศิลป์ชิ้นเล็กๆ ชิ้นแรกๆ หลายๆ ชิ้น ที่ทำตอนเข้าเรียนมาแรกๆ อย่างตอนแรกอาจารย์สั่งให้เราวาดภาพ ขาว เทา ดำ ใช้ดินสอ4B ฝนเอา เป็นงานองค์ประกอบศิลป์ เราไม่เข้าใจคำสั่ง ซีเปียก็วาดเรือใบขึ้นมาเลยค่ะ ลอยกลางทะเล มีดวงอาทิตย์ใหญ่ๆ อยู่ข้างหลังขึ้นมาเลย แต่จริงๆ งานองค์ประกอบศิลป์ที่ว่านี้ ต้องไม่มีเรื่องราว จะดูการจัดวางเฉยๆ เท่านั้นเองงานนั้นเอาไป 0 คะแนนเลยค่ะ ไม่มีแม้แต่ค่าฝนดินสอดำ ฮ่าๆ
จริงๆ งานศิลปะก็ไม่ได้มีภาคปฏิบัติอย่างเดียวนะคะ ศิลปะที่เป็นทฤษฎีก็มีหลากหลายมาก ถึงมันจะต่างจากงานปฏิบัติจนเหมือนแทบไม่ได้นำมาใช้สักเท่าไหร่ แต่บางเรื่องก็น่าตื่นเต้นและเป็นประโยชน์มากอยู่ดี สิ่งเดียวที่ซีเปียเซ็งคือ วิชาลูกเสือ อุตส่าห์ผ่านจากม.ต้นแล้ว มาอยู่มอปลายยังต้องใส่ชุดลูดเสืออีกก็หรือเนี่ยเซ็งไปคะ ฮ่าๆๆๆ
ตอนนี้ซีเปียเรียนจบแล้ว จากงานแรกที่ทำแล้วได้ 0 จบออกมาด้วยเกรด 3.47 ค่ะ รักวิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภาแห่งนี้มาก ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากที่นี่ ได้เรียนรู้การปรับวิธีการคิดหลายๆ อย่าง ช่วงแรกๆ อาจจะยังไม่กล้าใส่ตัวตนเราลงไปในงานศิลปะ หรือยังไม่กล้าพรีเซนต์คอนเซ็ปต์ของงานเราจริงๆ แต่ตอนนี้มันคือเรื่องปกติคะ
|
8 ความคิดเห็น
ดีจังรู้ว่าตัวเองชอบทางไหน
งานของพี่สวยมากเลย ดีจังเลยค่ะที่รู้ว่าตัวเองอยากทำงานอะไรแล้วตัดสินใจออกมาจากมอปลายได้ เสียเวลาปีเดียวนี่เป็นแค่เรื่องจิ้บๆสำหรับอนาคตเลยนะเนี่ยยยย