สวัสดีค่า... พี่มิ้นท์สัมผัสได้ว่าเดือนนี้ น้องๆ ชาว Dek-D.com หน้าตาหมองลงไปเยอะ บางคนคงจะติดซีรีย์หนัก แต่เชื่อว่าเกิน 70% เครียดจากการอ่านหนังสือสอบที่จะเริ่มต้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เอาเป็นช่วงเสาร์อาทิตย์นี้งดเที่ยวก่อนนะ แล้วมาตั้งใจอ่านหนังสือกันเถอะ เกรดเทอมแรกดี (ไม่ใช่ D นะ 55) มีชัยไปกว่าครึ่งนะ
พูดถึงเรื่องการสอบแล้ว น้องๆ ก็ผ่านการสอบกันมาหลายปีหลายเทอม ก็คงเจอรูปแบบข้อสอบกันมาหลากหลาย ทั้งยากและง่าย ข้อสอบที่ง่ายก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นข้อสอบที่ยาก ประเภทที่ว่าอ่านโจทย์แล้วสตั๊นไปเลย 10 วิ และถ้าทำไม่ได้จริงๆ ส่วนใหญ่ก็จะเลือกวิธีเดาให้พ้นข้อนั้นไปสักที ซึ่งการเดานี้จะมาพร้อมดวงค่ะ ดวงดีก็เดาถูก ดวงไม่ดีก็ผิดไปเต็มๆ ดังนั้นวันนี้จึงมาแนะนำทริกเล็กๆ ในการเดาข้อสอบที่ทำไม่ได้จริงๆ ลองนำไปใช้กันดูค่ะ
พูดถึงเรื่องการสอบแล้ว น้องๆ ก็ผ่านการสอบกันมาหลายปีหลายเทอม ก็คงเจอรูปแบบข้อสอบกันมาหลากหลาย ทั้งยากและง่าย ข้อสอบที่ง่ายก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นข้อสอบที่ยาก ประเภทที่ว่าอ่านโจทย์แล้วสตั๊นไปเลย 10 วิ และถ้าทำไม่ได้จริงๆ ส่วนใหญ่ก็จะเลือกวิธีเดาให้พ้นข้อนั้นไปสักที ซึ่งการเดานี้จะมาพร้อมดวงค่ะ ดวงดีก็เดาถูก ดวงไม่ดีก็ผิดไปเต็มๆ ดังนั้นวันนี้จึงมาแนะนำทริกเล็กๆ ในการเดาข้อสอบที่ทำไม่ได้จริงๆ ลองนำไปใช้กันดูค่ะ
*การเดามีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ และก่อนจะเดาควรตั้งใจอ่านและพยายามตอบก่อนเสมอ เพราะสอบแบบใช้ความรู้ คะแนนดีกว่าใช้การเดาแน่นอน**
• 1. เทคนิคแรกที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ "ตัดช้อยส์" วิธีการไม่ยาก แต่ต้องอาศัยความรู้ติดตัวมา โดยอ่านคำถามและช้อยส์และดูว่าตัวเลือกไหนไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ใช่คำตอบแน่ๆ ให้ตัดออกไปเลยค่ะ ยิ่งเราตัดออกไปได้เท่าไหร่ ยิ่งเพิ่มโอกาสตอบถูกมากเท่านั้น นี่เรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานการเดาข้อสอบอย่างมีหลักเกณฑ์ที่้น้องๆ ควรฝึกไว้ค่ะ เพราะนี่ไม่ใช่การเดาสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เราตัดเพื่อให้ใกล้คำตอบที่ถูกต้องมากที่สุด แต่อย่างที่บอกนะคะ วิธีการนี้ได้ผลมาก แต่ก็ต้องมั่นใจในความรู้ที่ติดตัวมาด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นตัดคำตอบที่ถูกออกไปล่ะแย่เลย
• 2. เท่าที่เคยสัมภาษณ์เด็กเทพคณิตมา หลายคนบอกตรงกันว่า ถ้าคำนวณเลขไม่ออกจริงๆ แล้วมีช้อยส์ 0, 1, 2 มักจะตอบตัวเลขเหล่านี้
• 3. ช้อยส์ที่ใจความแย้งกันเอง มักจะมีข้อใดข้อหนึ่งถูก เพราะการคิดช้อยส์หลอกที่ง่ายที่สุด คือ คิดช้อยส์ที่ออกตรงกันข้ามกับข้อที่ถูกต้อง ดังนั้นใครเจอช้อยส์ที่ใจความแย้งกันเอง ลองดูตัวเลือก 2 ตัวเลือกนี้ได้เลย เช่น ถ้ามีทั้งช้อยส์ที่มีทั้ง "เพิ่มขึ้น - ลดลง" เป็นไปได้ว่า 1 ใน 2 ช้อยส์นี้มีข้อถูก!!
• 4. ข้อสอบประเภทที่ว่า ข้อใด ถูก ข้อใดผิด แล้วให้เลือกช้อยส์ ตรงนี้พยายามอ่านประโยค ก. ข. ค. ง. ของโจทย์ให้ครบแล้ววิเคราะห์ให้ได้ตั้งแต่ตรงนี้ ว่าข้อไหนถูกหรือผิดบ้าง แล้วเขียนไว้หลังข้อเลยว่าถูกหรือผิด ทีนี้ถ้าดูโจทย์บางข้อแล้วไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ก็ต้องมาเดากันที่ช้อยส์ต่อ เมื่อมาดูช้อยส์ประเภทที่ว่า ก) ก และ ข ถูก ข) ก ข และ ง ถูก ค) ค และ ง ถูก คำถามประเภทนี้เป็นไปได้ว่าตัวเลือกที่ถูกพูดถึงมากที่สุด น่าจะเป็นช้อยส์ที่ถูก และเราก็ไปดูต่อว่าตัวเลือกนั้นอยู่ในช้อยส์ข้อไหนบ้าง ก็ค่อยๆ ตัดช้อยส์ต่อไป
• 5. ช้อยส์ที่มีความหมายเหมือนกันตัดทิ้งไปได้เลย หากน้องๆ ลองอ่านดูแล้วพบว่ามีช้อยส์ 2 ข้อที่คำตอบเหมือนกันเด๊ะๆ (แต่อาจจะใช้คำหรือประโยคอื่นหลอก) ให้ตัดออกไปทั้ง 2 ช้อยส์เลย เพราะถ้ามันเหมือนกันแบบนี้ ข้อนึงถูกอีกข้อก็ต้องถูกเหมือนกัน เช่น
คำถาม : ทำไมวันที่ 10 ธ.ค.ถึงเป็นวันหยุดราชการ
ตัวเลือก : ก. เพราะเป็นวันแม่
ข. เพราะเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ค. เพราะเป็นวันรัฐธรรมนูญ
ง. เพราะเป็นวันลอยกระทง
จากตัวอย่างนี้ สมมติว่าน้องไม่รู้เลยว่าข้อนี้ตอบอะไร แต่น้องรู้ว่า วันแม่กับวันพระราชสมภพฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นวันเดียวกัน น้องก็จะสามารถตัดช้อยส์ข้อ ก. ข. ออกได้ทันที ทีนี้ก็มาวัดดวงกันที่ข้อ 3-4 ต่อ
• 2. เท่าที่เคยสัมภาษณ์เด็กเทพคณิตมา หลายคนบอกตรงกันว่า ถ้าคำนวณเลขไม่ออกจริงๆ แล้วมีช้อยส์ 0, 1, 2 มักจะตอบตัวเลขเหล่านี้
• 3. ช้อยส์ที่ใจความแย้งกันเอง มักจะมีข้อใดข้อหนึ่งถูก เพราะการคิดช้อยส์หลอกที่ง่ายที่สุด คือ คิดช้อยส์ที่ออกตรงกันข้ามกับข้อที่ถูกต้อง ดังนั้นใครเจอช้อยส์ที่ใจความแย้งกันเอง ลองดูตัวเลือก 2 ตัวเลือกนี้ได้เลย เช่น ถ้ามีทั้งช้อยส์ที่มีทั้ง "เพิ่มขึ้น - ลดลง" เป็นไปได้ว่า 1 ใน 2 ช้อยส์นี้มีข้อถูก!!
• 4. ข้อสอบประเภทที่ว่า ข้อใด ถูก ข้อใดผิด แล้วให้เลือกช้อยส์ ตรงนี้พยายามอ่านประโยค ก. ข. ค. ง. ของโจทย์ให้ครบแล้ววิเคราะห์ให้ได้ตั้งแต่ตรงนี้ ว่าข้อไหนถูกหรือผิดบ้าง แล้วเขียนไว้หลังข้อเลยว่าถูกหรือผิด ทีนี้ถ้าดูโจทย์บางข้อแล้วไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ก็ต้องมาเดากันที่ช้อยส์ต่อ เมื่อมาดูช้อยส์ประเภทที่ว่า ก) ก และ ข ถูก ข) ก ข และ ง ถูก ค) ค และ ง ถูก คำถามประเภทนี้เป็นไปได้ว่าตัวเลือกที่ถูกพูดถึงมากที่สุด น่าจะเป็นช้อยส์ที่ถูก และเราก็ไปดูต่อว่าตัวเลือกนั้นอยู่ในช้อยส์ข้อไหนบ้าง ก็ค่อยๆ ตัดช้อยส์ต่อไป
• 5. ช้อยส์ที่มีความหมายเหมือนกันตัดทิ้งไปได้เลย หากน้องๆ ลองอ่านดูแล้วพบว่ามีช้อยส์ 2 ข้อที่คำตอบเหมือนกันเด๊ะๆ (แต่อาจจะใช้คำหรือประโยคอื่นหลอก) ให้ตัดออกไปทั้ง 2 ช้อยส์เลย เพราะถ้ามันเหมือนกันแบบนี้ ข้อนึงถูกอีกข้อก็ต้องถูกเหมือนกัน เช่น
คำถาม : ทำไมวันที่ 10 ธ.ค.ถึงเป็นวันหยุดราชการ
ตัวเลือก : ก. เพราะเป็นวันแม่
ข. เพราะเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ค. เพราะเป็นวันรัฐธรรมนูญ
ง. เพราะเป็นวันลอยกระทง
จากตัวอย่างนี้ สมมติว่าน้องไม่รู้เลยว่าข้อนี้ตอบอะไร แต่น้องรู้ว่า วันแม่กับวันพระราชสมภพฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นวันเดียวกัน น้องก็จะสามารถตัดช้อยส์ข้อ ก. ข. ออกได้ทันที ทีนี้ก็มาวัดดวงกันที่ข้อ 3-4 ต่อ
• 6. วิธีนี้อาจจะไม่ใช่การเดา แต่เป็นการช่วยชีวิตไม่ให้ตอบผิดมากกว่าเดิม คือ ข้อไหนไม่รู้ไม่มั่นใจให้เว้นไว้แล้วไปทำข้ออื่นก่อนให้เรียบร้อย หลังจากทำหมดทุกข้อแล้ว ถ้ากลับมาทำยังคิดไม่ออกอีก ให้เลือกช้อยส์ที่ตอบน้อยที่สุดในกระดาษคำตอบนั้น (แต่ถ้าตอบไม่ได้เกินครึ่งข้อสอบ วิธีนี้อาจไม่ค่อยได้ผล)
• 7. เชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง มีไม่น้อยที่ทำข้อสอบไปแล้ว พอกลับมาอ่านอีกทีกลับรู้สึกไม่มั่นใจ ใช่ไม่ใช่ ตอบผิดหรือเปล่าน้า และอีกสารพัดเหตุผลที่ทำให้เราต้องหยิบเอายางลบออกมาลบซะ บางทีจะกาข้อสอบก็ลังเลอยู่ 2 ข้อ แว๊บแรกคิดว่าช้อยส์นี้ถูกแน่ๆ ไปๆ มาๆ ก็ลังเลไปตอบอีกที สุดท้ายข้อที่ตอบผิดเสมอ ดังนั้นนี่อาจจะเป็นเคล็ดข้อนึงที่อยากจะบอกน้องๆ ว่า ให้เชื่อสัญชาตญาณของตัวเองไว้
เชื่อว่าหลายคนเห็นกระทู้นี้แล้วตาลุกวาวแน่ๆ ยังไงก็ตามพี่มิ้นท์ยังขอย้ำคำเดิมนะคะว่าให้อ่านหนังสือเพื่อไปสอบ ส่วนการเดามีไว้เพื่อเดาในข้อที่ไม่ได้เท่านั้น ใครที่เดาตั้งแต่ข้อแรกยันข้อสุดท้ายหวังกะได้คะแนนทางลัด แล้วผลออกมาสอบตก พี่มิ้นท์ไม่ช่วยนะคะ^^
อ้อ! และฝากทิ้งท้ายอีกนิดว่าใกล้สอบแบบนี้ ดูแลเรื่องสุขภาพกันด้วยนะ ฝนตก อากาศเริ่มหนาว เดี๋ยวไม่สบายตอนสอบจะแย่เอา นอกจากนี้ในห้องสอบก็ขอให้น้องๆ ตั้งใจสอบและหากมีเวลาเหลือก็ทวนคำตอบกันด้วยนะ จะได้มั่นใจก่อนออกจากห้องสอบ
อ้อ! และฝากทิ้งท้ายอีกนิดว่าใกล้สอบแบบนี้ ดูแลเรื่องสุขภาพกันด้วยนะ ฝนตก อากาศเริ่มหนาว เดี๋ยวไม่สบายตอนสอบจะแย่เอา นอกจากนี้ในห้องสอบก็ขอให้น้องๆ ตั้งใจสอบและหากมีเวลาเหลือก็ทวนคำตอบกันด้วยนะ จะได้มั่นใจก่อนออกจากห้องสอบ
48 ความคิดเห็น
เป็นอะไรที่ดีมากๆครับ
ข้อสอบเป็นข้อเขียนครับ ต้องเดายังไงดี ==
เป็นอะไรที่ดีมากเลยค่ะ ไม่ต้องเดาแบบมั่วๆ (ซึ่งก็ผิดอีก) แล้วววว เดาแบบนี้ช่วยทำให้หาข้อที่ถูกได้เยอะเลย ขอบคุณที่มาตั้งกระทู้ค่าาา ~!!!
ดิ่งยังไง
ให้ได้คะแนนเยอะคะ
เป็นอะไรที่เซียนๆกันอยู่แล้ว 5555555
ที่พี่พูดมาตั้งแต่ต้นยันข้อสุดท้ายนะคะ
ใช้ได้จริง เพราะ หนูใช้จนทุกวันนี้...แต่ว่า... ถ้าอยากได้คะแนนเยอะเกิน80%จริงๆความรู้ต้องแน่น
เดาแบบนั้นอย่างมากแค่75-79% หากไม่รู้ไรเลย รู้แค่พื้นๆเศษเสี้ยวหนึ่งของวิชานั้นก็50%ค่ะ
หากไม่รู้เลย ไม่รู้จะเดาไงเพราะไม่มีความรู้ในวิชานั้นเลย ก็ตกอย่างเดียวค่ะ ไม่ต้องคิดเปอร์เซนต์ หากคุณไม่ดวงเฮงจริงๆนะคะ :)))
ข ค มักจะออกประมาณนี้ มันเป็นจิตวิทยาในการออกข้อสอบอย่างหนึ่ง
ข้อแรกมันจะเป็นคำตอบที่มักจะผิด แต่มีถูกปะปนไปด้วยในบางข้อ
ข้อข อาจจะใกล้เคียงถูก ค อาจจะถูกที่สุด หรืออาจจะสลับกัน
ง งูมันเป็นคำตอบลวงว่าถูกทุกข้อ แต่อาจมีการสลับกัน
ถ้าจะดิ่ง
ข,ค
ไม่เชื่อเอาไปลองดูวิธีนี้ผมรู้มาจากอาจารย์
จ้ำจี้ มะเขือเปาะ~~~~ วีธีที่ใช้สอบได้ 29 เต็ม30มาแล้ว 2วิชา!!!!
ว่าจะไปใช้ในห้องเรียนยามจำเป็น
แต่ข้อสอบท้ายคาบดันเป็น ! ------> ข้อเขียน
โอเคเลยล่ะค่ะ
แนะนำ ให้แลกเหรียญก่อนสอบคะ^^
เราเคยเจอสอบมิดเทอมปีนี้แหละ.. แล้วครูเค้าเล่น...(?) ออกข้อสอบที่ต่อ ข้อ ก ทุกข้อ!! เราแบบ..เงิบ (ตอนทำถึงจะแอบหัวเราะว่าทำไม ก ไก่มันถี่จังแต่ก็ไม่นึกว่าจะดิ่ง ก เลยยยย ฟฟฟฟ กำ)
ใช้วิธีนี้อยู่บ๊อยย บ่อย ก็เพราะว่าเดา บ๊อยยยย บ่อย อร๊ายยย เป็นอะไรที่ภาคภูมิใจมากขร่ะคุณขาาา
ถุ้ยยยยย
เด็กเทพคณิตหรอ...ฮึฮึ
เราใช้วิธีนี้....
.
.
.
1 2 3 ปลาฉลาม~~ และมันก็ได้ผล(เป็นบางที....)
แต่จะลองเอาไปใช้ดูนะคะ
เราสามารถสอบได้ที่1-3 โดยไม่ได้อ่านหนังสือ... (ไม่ได้เดานะเออ)