สถานที่ + ความน่าเชื่อถือ
เป็นสิ่งแรกที่พี่เมษ์อยากให้น้องๆ คำนึงถึง เพราะจะเกี่ยวข้องกับการเดินทาง และความสามารถในการเดินทาง ลองคิดดูนะคะ ถ้าทำงานพาร์ทไทม์ไกลบ้าน น้องๆ ต้องตื่นแต่เช้ามากๆ หรืออาจะต้องกลับดึกมาๆ เสียค่าเดินทางเยอะกว่าค่าจ้าง แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ
ลองเลือกที่ใกล้บ้าน ไม่ห่างจากบ้านมากดูสิคะ เดินทางง่าย คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลมาก แบบนี้ เรากลับค่ำหน่อย ก็ยังไม่น่าห่วงเท่าไหร่ ไม่ต้องเสียเงินไปกับค่าเดินทาง ได้เงินเก็บเยอะกว่าเดิมอีก
อีกอย่าง ความน่าเชื่อของบริษัท หรือองค์กรที่เราไปทำงานด้วยก็สำคัญ เพราะน้องสามารถนำมาใส่โปรไฟล์ตัวเองได้เป็นอย่างดี และการันตีว่าน้องจะไม่เจอประสบการณ์ถูกหลอกไปทำงานไม่ดีๆ ด้วย
ระยะเวลาการทำงาน
การทำงานพาร์ทไทม์ บางที่เป็นกะ คือมีเวลาเข้า-ออกงานเป็นช่วงเวลา บางที่เข้าเช้าออกบ่าย บางที่เข้าบ่ายออกค่ำ บางที่เข้าค่ำๆ ออกเช้า น้องๆ ต้องดูให้ดีนะคะ เพราะเรื่องเวลาส่งผลกับสุขภาพด้วย
คงเหนื่อยแย่ถ้าต้องเข้าค่ำแล้วออกงานเช้า แบบนี้เสียสุขภาพแน่ๆ เลย ถึงเราจะอยากทำงาน แต่ต้องอย่าลืมว่า เปิดเทอมมา เราคือนักเรียน สุขภาพที่เสียก็ส่งผลกับเราเหมือนกัน อีกอย่าง การทำงานนานๆ ด้วยวุมิภาวะของเรา ก้ต้องยอมรับค่ะว่าอาจจะไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ ภาวะเครียดมาๆ ส่งผลต่อจิตใจและสมองเราเช่นกันนะคะ
การเดินทาง
การเดินทางไปทำงานตัวคนเดียวเป็นเรื่องปกติค่ะ แต่ด้วยวัยของน้องๆ ความเสี่ยงน่าจะเยอะกว่าจริงมั้ย เรายังต้องมีชีวิตเพื่อสร้างอนาคตของตัวเอง ดังนั้นต้องคิดให้มาก
น้องหลายคนอาจจะไม่คิดมาก เพราะใกล้กับ BTS, MRT, วินมอเตอร์ไซค์ หรือใกล้ป้ายรถเมล์ แต่ทุกการเดินทางมีความเสี่ยง ต้องคิดถึงคุรพ่อคุณแม่ของเราด้วยนะคะ ท่านก็ห่วงน้องนั่นแหละ แถมการเดินทางไปทำงานในที่ๆ ไกล หรือเดินทางลำบาก ยังเพิ่มค่าใช้จ่ายอีกด้วยนะ คำนวณดูดีๆ นะคะ ว่าคุ้มกับที่เราลงแรงทำงานในแต่ละวันด้วยมั้ย
เงิน / ค่าตอบแทน
ทำงานก็ต้องการเงินจริงมั้ยคะ ทั้งเงินและค่าตอบแทนจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องคิดถึงให้มากไม่แพ้ข้อไหนๆ คงไม่มีใครอยากลงแรง ลงทุนเดินทางไปมากๆ แต่ได้ค่าตอบแทนกลับมาน้อยนิดจริงมั้ย พี่เมษือยากให้น้องๆ คำนวณค่าเดินทาง ค่าความความเสี่ยง ค่าอาหาร ฯลฯ บวกลบคูณหารก่อนตัดสินใจเลือกทำงานที่ไหนที่หนึ่ง เพื่อจะได้คุ้มค่ากับที่น้องๆ ตั้งใจทำงานนะคะ
ผลกระทบ VS ประโยชน์ต่อตัวเอง
ข้อนี้พี่เมษ์อยากให้น้องๆ คิดให้มากเป็นพิเศษเพราะทุกๆ งานมีทั้งข้อดี ข้อเสีย ลองคิดดูว่า เราได้มากกว่าเสียหรือเปล่า หรือถ้าต้องเสียจริงๆ มันคุ้มหรือเปล่า
ทุกงานมีประโยชน์กับเราแน่นอนค่ะ อย่างน้อยก็ฝึกความอดทน ฝึกความคิด ฝึกความเป็นผู้ใหญ่ ทำให้เราเห็นสังคมในมุมอื่นๆ มากขึ้น แต่จะดีแค่ไหนถ้าทำงานแล้วยังช่วยส่งเสริมตัวเรา เข้ากับสิ่งที่เราชอบด้วย เช่น น้องอยากเข้าเรียนต่อในคณะศิลปกรรมศาสตร์ ถ้าได้ทำงานกับโรงละครดีๆ ก็เป็นโปรไฟล์ให้เรา หรือถ้าชอบอ่านหนังสือ แล้วได้ทำงานในร้านหนังสือ มันคงจะฟินมากๆ ,,, เราวางแผนเลือกงานได้ค่ะ
ความปลอดภัย
ปัจจัยสำคัญที่สุดในการทำงานอย่างหนึ่งคือความปลอดภัยค่ะ เพราะด้วยปัจจุบันความเสี่ยงอยู่รอบตัว น้องๆ ต้องคิดให้มากนะคะ หลายๆ งานอาจจะรายได้ดีแต่เสี่ยงต่อสุขภาพกาย และจิต เช่น งานในโรงงานที่เสี่ยงกับสารเคมี งานที่เกี่ยวกับเครื่องจักรที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อร่างกาย หรืองานที่ต้องเจอกับคนมากๆ ที่อาจทำให้ประสาทเสียไปเลยก็ได้
ที่สำคัญอย่าลืมคำนึงถึงการเดินทางไปกลับระหว่างการทำงาน และช่วงเวลาในการทำงานพาร์ทไทม์ ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน เพราะถ้าน้องต้องทำงานเช้ามากๆ หรือ กลับดึกมาๆ การเดินทางลำบาก และเสี่ยง พี่เมษ์ขอแตะเบรค ห้ามน้องๆ ไว้เลยค่ะ เงินดีแค่ไหนก็ขอเถอะ
เล่ามาขนาดนี้ อาจจะยังไม่เห็นภาพชัดเจน พี่เมษ์แอบไปถามรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ตรงในการทำงานพิเศษเป็นพาร์ทไทม์มาด้วยถึง 2 คนเลย
เริ่มที่คนแรก พี่ลาเต้!!! ใช่แล้วค่ะ พี่ลาเต้ มนัส อ่อนสังข์ ของน้องๆ ก็เป็นคนหนึ่งที่ทำพาร์ทไทม์นะคะ มาฟังประสบการณ์กันหน่อยสิ
เหตุผลที่ทำงานพาร์ทไทม์ ?
ตอนนั้นเป็นช่วงรอผลเข้ามหาวิทยาลัยครับ อยู่บ้านเฉยๆ ทุกวันก็เบื่อๆ เลยคิดว่าจะหางานพาร์ทไทม์ทำดีกว่า จริงๆ ที่บ้านพี่ก็ทำอาชีพค้าขายนะ ช่วยแม่ได้ตลอดเวลา แต่รู้สึกว่าอยู่บ้านเราอู้ได้ ช่วยงานไม่เต็มที่แน่นอน เลยตัดสินใจไปทำพาร์ทไทม์ดีกว่า อู้ไม่ได้ ที่สำคัญได้เงินมาช่วยแบ่งเบาแม่ด้วย
งานที่เลือกทำ ทำอะไร เพราะอะไร มีวิธีเลือกอย่างไร?
พอมีความคิดจะทำงาน
พาร์ทไทม์ สิ่งแรกคือเดินไปห้างเลยครับ ไปตามร้านฟาสฟู้ดดูว่า
ร้านไหนติดป้ายรับสมัคร แล้วก็จดเบอร์ไว้ ไม่กล้าเดินเข้าไปถาม
ตอนนั้นอาย ก็จดมาได้ซัก 4-5 ที่ จากนั้นก็เริ่มโทร แต่ละที่รายละเอียดไม่เหมือนกันเลย สุดท้ายตัดสินใจเลือกที่ MK เพราะสมัครง่าย เดินไปที่สาขาก็สมัครได้เลย
อยากจะเล่ามากว่าวันที่ไปสมัครอายมาก จริงๆ มันไม่มีเรื่องน่าอายอะไรหรอก แต่มันทำตัวไม่ถูก จำได้ว่าเดินผ่านร้าน MK ประมาณ 4-5 รอบไม่เข้าไปซักที จนวัดใจให้คนโล่งๆ เลยเดินเข้าไปบอกเขาว่า "มาสมัครงานพาร์ทไทม์" เขาก็พาเข้าไปครับ ได้สัมภาษณ์วันนั้นเลย
จากนั้นรอผลประมาณ 5 วัน
สุดท้ายทาง MK ก็โทรมา บอกว่าผ่านแล้วนะ ให้เข้าไปอบรมเรื่องการทำงาน การท่องเมนู การยกถาด การเสิร์ฟอาหาร การช่วยเหลือ/บริการลูกค้า ก็อบรมอยู่ 3 วันแล้วทางนั้นก็บอกว่าเราจะได้ทำงานที่สาขาไหน สรุปได้ทำงานพาร์ทไทม์ที่ MK สาขาซีคอนสแควร์ ในตำแหน่งหนักงานเสิร์ฟ
เล่าเหตุการณ์ที่คิดว่าเป็น “ที่สุด” ในช่วงทำงาน?
พี่ทำแก้วแตก 40 ใบ!!!! คือมีช่วงนึงถูกให้ไปทำหน้าที่เป็นล๊อคน้ำ (หน้าที่คือ ปรุงน้ำชา เตรียมน้ำแข็งใส่แก้วรอสำหรับเสิร์ฟ) จำได้ว่าวันที่เกิดเหตุ ลูกค้าแน่นร้านมาก ทุกคนทำงานด้วยความเร่งรีบเพื่อบริการให้ทัน จู่ๆ แก้วในล๊อคน้ำเกิดหมด จึงต้องไปที่ครัวล้างที่นำแก้วใหม่มาเพิ่ม ปรากฏว่าระหว่างที่ยกแก้วน้ำ 3 แถว (ประมาณ 40 ใบ) มาถึงในล๊อคน้ำแล้ว ดันหลุดมือตกลงไปกับพื้น ทำให้แก้วทั้ง 40 ใบแตกหมด เสียงดังมาก ลูกค้าทั้งร้านหันมามอง และที่แย่ไปกว่านั้น ภาพที่เห็นคือถังน้ำชา และตู้น้ำแข็งเปิดอยู่ สรุปคือ พี่ซุปเปอร์ (Supervicer) ตัดสินใจให้ทิ้งน้ำชา และน้ำแข็งทั้งหมด เพราะกลัวว่าเศษแก้วอาจจะตกไปทำให้ลูกค้าได้รับอันตราย
สรุปวันนั้นคือ ทำแก้วแตกไป 40 ใบ + เหมาถังน้ำชา,น้ำแข็งแข็งทั้งถัง วันนั้นไม่ได้เงินเดือนเลย เพราะเราต้องจ่ายค่าเสียหายคืนให้บริษัท ตอนนั้นจำได้ว่าเหงื่อแตกมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ T T
ข้อดี ข้อเสียของการทำงานพาร์ทไทม์
ที่ได้มาแน่ๆ เลยคือ "ความอดทน" ต้องอดทนต่องานที่หนัก และอดทนต่ออารมณ์ของผู้คนต่างๆ แต่มันให้ประโยน์กับผมมากนะ ทุกวันนี้เวลาเจอปัญหาหนักๆ ไม่รู้ว่าเรามีแรงมาจากไหน อาจจะเพราะว่าเราเคยผ่านอะไรที่หนักๆ มาแล้ว ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน มันก็ยังสู้ไหวและอดทนไปได้
อีกอย่างที่ได้มาเต็มๆ คือ เรื่องการรองรับอารมณ์คน มันสอนให้เรามีจิตใจของงานบริการ เราพร้อมที่จะอ่อนทุกครั้งเพื่อบริการคนสำคัญของเราให้เขาประทับใจที่สุด ถึงจะเหนื่อย แต่ลูกค้าเรายิ้ม ลูกค้าเรามีความสุข เราก็จะหายเหนื่อยไปทันที นี่แหละคือความสุขของเรา
ส่วนข้อเสีย ด้วยความที่งานพาร์ทไทม์เสาร์-อาทิตย์ไม่ได้หยุด วันหยุดไม่ได้หยุด ทำให้ชีวิตเราจะแปลกไปจากเด็กทั่วไปเลย สงกรานต์ไม่เคยได้เล่นน้ำ รายการทีวีสนุกๆ ไม่เคยได้ดู แต่ก็ถือว่าคุ้ม
ฝากถึงน้องๆ ที่กำลังหางานพาร์ทไทม์?
อยากได้มีตังค์ใช้เอง ไม่
อยากรบกวนแม่เวลาอยากได้ของนู่นนี่ เพราะตอนนั้นพึ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ จนมากกกกก - -"
งานที่เลือกทำ ทำอะไร เพราะอะไร มีวิธีเลือกอย่างไร?
พี่เลือกเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารไทย ที่ครอบครัวเพื่อนเป็นเจ้าของ วิธีเลือกคือเลือกที่จะทำงานกับคนที่เรารู้จัก หรือมี reference เข้าไป เพราะเค้าจะมีความอดทนสอนเรามากกว่านายจ้างที่เราไม่รู้จักเลย ออกแนวมีเพื่อนมีพรรคพวกเนี่ยแหละ
เหตุการที่คิดว่าเป็น “ที่สุด” ในช่วงทำงาน?
พี่ว่าพี่ได้เจอผู้คนหลายประเภท ,, อย่างที่รู้งานพนักงานเสิร์ฟหรืองานบริการต้องใช้ความอดทนสุดๆ เพราะเราอยากให้ลูกค้าแฮปปี้
แต่ที่พี่ว่าเคสที่เหวอสุดๆ คือ เดินไปเข้าห้องน้ำ เห็นเท้าผู้ชาย ผู้หญิงอยู่ในห้องน้ำเดียวกัน(ห้องน้ำหญิง) พี่ก็แบบเห้ยยยย นี่มันคืออัลไล!!! ตอนนั้นเดินออกมาแทบไม่ทัน ><
ข้อดี ข้อเสียของการทำงานพาร์ทไทม์?
ข้อดีคือสามารถมีตังค์ใช้เอง ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ เราช่วยเหลือตัวเองได้บางส่วน ไม่ต้องรบกวนท่านมาก พี่ถือว่าดีมากๆ
ส่วนข้อเสียคือเมื่อแก่มาแล้วคิดย้อนกลับไปก็แอบเสียดายวัยเด็ก รู้สึกว่าน่าจะได้มีเวลาเล่นหรือ hang out มากกว่านั้น พี่ทำงาน 4 dinner shifts ซึ่งดึกทุกวันทำงาน ทำงานหนักมากจริงๆ แต่พี่ก็ไม่เสียใจนะ พี่ว่าทำให้พี่แกร่งขึ้นมากๆ
ฝากถึงน้องๆ ที่กำลังหางานพาร์ทไทม์?
อยากฝากสองอย่าง อย่างแรกต้องให้การเรียนมาก่อน แบ่งเวลาให้เป็น ข้อนี้สำคัญมาก อย่าทำงานเยอะจนเสียการเรียน
อีกข้อ ขอพูดในฐานะ ผจก. อยากฝากน้องๆ ที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานว่า อย่าอยากได้งานจนบอก ผจก. ว่าทำงานได้ทุกวัน แล้วถึงเวลาก็ทำไม่ได้ อยากให้น้องๆพูดให้เคลียร์แต่แรก ใจเขาใจเราเนอะ ^^
เป็นยังไงกันบ้างคะ น่าจะได้ข้อคิดกันไปเยอะเลย ยังไงก็อย่าลืมคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเลือกงานนะคะ ส่วนใครที่มีประสบการณ์ อยากแชร์ ก็แชร์ไว้ใต้คอมเม้นท์เลย พี่เมษ์จะรออ่าน พร้อมๆ กับชาว Dek-D ที่ติดตามอยู่แน่นอนค่ะ
25 ความคิดเห็น
สุดยอดค่ะ ก็อยากทำอยู่ค่ะ แต่เดินทางไปไหนไม่ค่อยสะดวก T^T
เราก็ทำงานพาร์ทไทม์นะ รู้สึกโอเคมาก เป็นกันเอง ทำงานเป็นทีมมีความสุขดี พนักงานทุกคนก็โอเค เล่นได้เหมือนอยู่ในครอบครัว (ยิ่งกับพวกดิวตี้ทีม โดยเฉพาะผู้จัดการนี่ชอบแกล้งมาก สนุกดี) ถึงจะเหนื่อยช่วงวันหยุดแต่ก็คุ้ม แบบทำงานจริงๆไม่ได้อยู่เฉยๆ ตัวเรารับผิดชอบเรื่องเครื่องดื่ม ทำแก้วแตกไปก็เยอะ มีการปรับเงินเหมือนกันแต่ว่าสิ่งสำคัญคือพนักงานจะห่วงที่เรามากกว่าแก้วที่แตกเพราะกลัวว่าเราจะโดนเศษแก้วบาด มันคือสุดยอดของทีมเวิร์คมากนะ (คหสต.)
เคยเหมือนกันค่ะ จะบอกว่าประสบการณ์ได้เยอะมาก ๆ ฝึกความอดทนสุด ๆ ปกติไม่ใช่คนยอมใคร แต่ถ้าเรื่องงานเราก็ขัดหัวหน้าไม่ได้ (เดี๋ยวจะมีผลต่อหน้าที่การงาน) เพราะงั้นพอเราได้ลองทำงานตรงนี้ บอกตามตรงว่าได้เงินเดือนก้อนแรกแทบไม่อยากใช้เลยค่ะ นึกถึงวันที่ต้องทำงานทั้งเดือนแล้วได้เงินมา มันใช้ไม่ลงจริง ๆ ฝึกอะไรหลายๆ อย่าง การจัดการการใช้จ่ายของตัวเอง รวมถึงการทำงานกับคนหมู่มาก แล้วก็ความรู้จากงาน ถึงจะเหนื่อยแต่ก็คุ้มมากๆ
ตอนนี้ผมเองก็ทำงานพาร์ทไทม์อยู่เหมือนกัน ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะเพราะมันทำให้เราเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้น อดทนขึ้น (เมื่อก่อนผมเป็นพวกเฉื่อยแฉะ ปวกเปียก) พอเวลาที่เราท้อ เราก็จะรู้สึกว่า เรื่องแค่นี้เองต้องผ่านไปให้ได้สิ
แต่ตอนนี้ผมมีปัญหากับทางบ้านเพราะพวกท่านไม่อยากให้ผมทำต่อ(ทั้งๆที่ตอนแรกก็เห็นด้วย) บอกว่ามันกระทบการเรียน ตอนนี้กำลังทะเลาะกันใหญ่เลย
เราไปทำงานพาร์ทโดยไม่รู้อะไรมากที่สวนสนุกแห่งหนึ่ง มันเป็นบทเรียนอย่างดีเลยค่ะ เพราะ ก่อนไป คนป่าวประกาศบอก ค่าจ้าง 300 เอาเข้าจริงๆ 265 หรือเท่าไหร่ไม่รู้จำไม่ได้ค่ะ มันเป็นพาร์ทไทม์ครั้งแรกที่ไม่สวยเอาซะเลยค่ะ ทำเอาเราไม่อยากทำอีกเลย ปิดเทอมหน้ากะว่าจะไปทำอีก(แต่ไม่เอาสวนสนุกนั่นอีกแล้ว)
เราเป็นคนนึงที่ทำงานพาร์ทไทม์ ทำตอนมอสี่เทอมสอง ตอนนี้มอห้าเทอมหนึ่งละ...ก็ยังทำอยู่ ตอนนั้นคิดแค่ว่าอยากแบ่งเบาภาระพ่อ พ่อจะได้ไม่เหนื่อยมาก ช่วงแรก ๆ ก็โอเคนะ ทำไปเรียนไป วันแรกได้ค่าแรกบวกติ๊บด้วย 1,050 บาท เราแบบอึ้งกิมกี่อะ แต่พอนานไป..มันทั้งง่วงทั้งไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ทำให้การเรียนค่อนข้างไม่โอเหมือนเมื่อก่อน แต่ยังดีที่เราแบ่งเวลาได้ การเรียนจึงไม่เลวร้ายมาก ก็ใครที่ิยากทำขอให้มีใจรักจริง ๆ แบ่งเวลาเป็น แล้วมีความอดทนและรักในการบริการนะคะ
ตอนนี้ก็ทำพาร์ทไทม์เหมือนกันค่ะทำอยู่The Pizza Companyเป็นCook บอกเลยว่าสนุกมากกกกกก เป็นการเจอประสบการณ์ใหม่ที่ดีมากจริงๆบวกกับพนักงานส่วนใหญ่ก็มีแต่เด็กมัธยมกะมหาลัยที่ไปทำพาร์ทไทม์เหมือนกัน มันเลยสนิทกันเร็วคุยกันง่าย จากปกติที่เราเป็นคนพูดน้อย ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก แต่พอมาทำงานที่นี่นิสัยพวกนี้คือถูกละลายหมดเลย5555 เพราะเราทำงานกับคนอื่นเราต้องรู้จักถาม รู้จักสังเกต ต้องคล่องแคล่วว่องไว (เพราะว่าเราเป็นCook จะมาเงียบๆไม่ได้ บางทีเราทำออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่งแล้ว แต่เพื่อนที่ทำด้วยกันไม่รู้ว่าเราทำแล้ว ก็ทำอีกกลายเป็นออร์เดอร์ซ้ำไป เวลาปรุงอะไรก็ต้องบอกกันตลอด ตอนนี้เลยกลายเป็นคนพูดเยอะและถามทุกสิ่งเลย 5555)
-ข้อดีอื่นๆ 1.เราได้เจอสังคมใหม่(ที่ทำงานvsที่เรียน แตกต่างอย่างสิ้นเชิง) 2.เพื่อนใหม่(มาจากหลากหลายโรงเรียน มีตั้งแต่เด็กเรียน ยันเกรียนได้โล่) 3.ได้การปรับตัว(เมื่อเรามาจากต่างที่ ความคิดเราก็ย่อมต่างกัน แต่เมื่อทำงานร่วมกันเราต้องรู้จักปรับตัว เพื่อให้งานที่เรารับผิดชอบออกมาดี) 4.การควบคุมอารมณ์(บางทีลูกค้าก็แบบ...นู่นไม่ได้ นี่ไม่เอา อยากเพิ่มนี่ อยากลดนั่น แต่เราในฐานะที่เป็นพนักงานเราก็ต้องรู้จักการควบคุมอารมณ์ เค้ามาใช้บริการของเรา เราก็ต้องบริการให้ดี เหมือนกับเวลาที่เราไปกินไปใช้บริการที่ร้านอื่นเราก็ต้องการการบริการที่ดีเหมือนกัน) 5.สอนให้คิดเร็วทำเร็ว ตัดสินใจเร็ว(ไม่อยากให้ลูกค้ารอนาน) 6.ช่วยแบ่งเบาภาระของที่บ้าน มีเงินซื้อของที่อยากได้โดยไม่ต้องฟังเสียงบ่นของแม่ว่าใช้ตังค์เปลือง(หาเองใช้เอง ไม่มีใครมาบ่นอยู่แล้ว555)
-ข้อเสีย คือ ส่วนใหญ่เราได้ทำกะดึกคือช่วงห้าโมงเย็นถึงสี่ทุ่ม การขับรถกลับหอดึกๆคนเดียวก็ค่อนข้างอันตราย แล้วก็ไม่ค่อยมีเวลาไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งทำงานมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งรู้สึกว่าเราห่างกันมากขึ้นเพราะไม่ค่อยได้ใช้เวลาด้วยกัน(นอกจากเวลาเรียน) แต่มันก็สอนเราไปในตัวว่า ยิ่งเราโตขึ้นมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งต้องพึ่งตัวเองมากขึ้นเท่านั้น เพราะเราต้องเจอสังคมใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่ในอนาคตอยู่แล้ว
อยากทำนะเเต่ทำไม่ได้อ่ะ อายุไม่ถึงกับถือบัตรนักเรียนของประเทศนึงอยู่ เขามีกฎว่าถ้าถือบัตรนี้ห้ามสมัครทำพาร์ทไทม์ เซ็งเลย