สวัสดีค่ะน้องชาว Dek - D เจอกันอีกแล้วกับพี่เมษ์และคอลัมน์ Top 10 Education เรื่องท็อปสุดชิคที่เราอาจคิดไม่ถึงด้านการศึกษา สัปดาห์นี้พี่เมษ์มาพูดแทนน้องๆ ในเรื่องที่อยากพูด แต่พ่่อแม่อาจไม่อยากฟัง หรือกลัวพ่อแม่รับไม่ได้เลยเลือกจะไม่พูด จะมีเรื่องอะไรบ้าง ตามมาอ่านเลย
1. "หนูเหนื่อย"
เป็นเด็กสมัยนี้อาการสาหัสค่ะ เพราะเรียนก็หนัก สอบหนักมาก สอบเข้าหนักที่สุด!!!! อยากตะโกน ร้องไห้ งอแง โวยวาย โอดครวญกับชีวิตสุดรัญทดว่ามันเหนื่อยแค่ไหน บางทีทำได้แค่เข้าห้อง ล็อคประตู แล้วร้องไห้คนเดียวเงียบๆ แสนเหนื่อยแค่ไหน พูดออกไปไม่ได้ กลัวพ่อแม่จะผิดหวัง ทำได้แค่ก้มหน้า ยอมรับและสู้กับมัน ,,, คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านคะ ขอกำลังใจและลดแรงกดดันด่วนๆ ค่ะ!!!
2. "หนูทำเต็มที่ที่สุดแล้ว ... จริงๆ" : สอบตก
บ่อยครั้งที่การสอบตกไม่ใช่เพราะเราไม่ตั้งใจหรือทำไม่เต็มที่หรอกนะคะ เราก็ทำเต็มที่แล้ว แต่เมื่อมันไม่ได้ เราก็ไม่กล้าที่จะบอกหรอกค่ะ เพราะรู้ว่าพ่อแม่จะรู้สึกแย่แค่ไหนที่เราทำได้ไม่ดีแบบที่ท่านคาดหวัง ,,, แต่นั่นแหละค่ะ พอคุณพ่อคุณแม่เจอคะแนนเข้า ก็เข้าใจว่าต้องว่า ต้องดุ แต่บางทีอยากให้คุยกันก่อนจะว่าอะไรเราซะก่อน บางเรื่องมันมีเหตุผล เราไมไ่ด้ถนัดทุกเรื่องนะคะ
3. "หนูขอมีแฟน"
เรื่องนี้ไม่ถือเป็นเรื่องเล็กสำหรับวัยรุ่นเลยนะคะ เพราะเรื่องหัวใจมันส่งผลกับชีวิตเหมือนกัน จริงๆ แล้ว อยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเปิดใจ รับรู้แต่แค่ดูอยู่ใกล้ๆ ก็น่าจะช่วยให้ทั้ง 2 วัยพูดคุยกันง่ายขึ้น แถมพี่เมษ์ยังขอบอกกับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านตรงนี้เลยว่า วัยนี้ห้ามยังไงก็ไม่ฟังหรอกค่ะ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุเลยด้วยซ้ำ ,, สิ่งที่พ่อแม่ทำได้ คือ ต้องปลูกฝังค่านิยมให้เค้า เค้าถึงจะปลอดภัยจากเรื่องชู้สาว ไม่มีอะไรห้ามใครได้ดีเท่ากับสามัญสำนึกของตัวเองนะคะ
4. "หนูอยากออกไปเที่ยว"
เป็นเล่นไปนะคะ เรื่องเที่ยวนี่ก็ไม่กล้าบอกกันเถอะ บางทีต้องแอบ อ๊ะๆ บางคนหนักๆ นี่ อ้างสาระพัด โกหกเยอะด้วย แถมหนักสุดหลายคนแอบเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนข้างนอก ยอมรับผิดมาซะดีๆ นี่แหละค่ะ ปัญหาวัยรุ่น คุณพ่อคุณแม่ ถ้าไม่อยากให้โกหก บางทีต้องอย่าตึงเกินไปกับกฏค่ะ ให้โอกาสเด็กๆ สักหน่อย เพราะเค้าเองก็ไม่อยากโกหกหรอกเนอะ จริงมั้ย?
5. "หนูว่ามันไม่ใช่" : คิดไม่ตรงกัน
เคยมั้ย อยากทำอะไรมากมายแต่พูดไม่ได้ , เคยมั้ย เรียนในสิ่งที่ไม่ชอบเพราะพ่อแม่บอกให้เรียน , เคยมั้ยที่ต้องยิ้ม ทั้งๆ ที่ที่จริงอยากร้องไห้เราะสิ่งที่พ่อแม่บอกว่ามันดี ฯลฯ นี้แหะค่ะ หลายเรื่องที่เราเห็นไม่ตรงกันเพราะมุมมอง ประสบการณ์ และวัยที่ต่างกัน เลยทำให้มองอะไรไม่ตรงกัน หรือบางเรื่องเด็กๆ อย่างเราก็คิดแล้วว่าไม่ควรพูด เลยเงียบดีกว่า
6. "หนูชอบเพศเดียวกัน"
นับเป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับวัยนี้ (บางคนก็ไม่กล้าพูดไปถึงจะโตขึ้น) ไม่ใช่เพราะไม่อยากยอมรับตัวเองหรอกนะคะ แต่กลัวพ่อแม่จะรับไม่ได้ กลัวท่านจะเสียใจ แต่พี่เมษ์อยากให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตพฤติกรรมลูกตัวเอง อย่าจับผิดเค้า ยอมรับในสิ่งที่เค้าเป็น คนมากมายบนโลกที่รัก/ชอบเพศเดียวกัน แต่ก็ประสบความสำเร็จได้ เพราะสังคมเดี๋ยวนี้เปิดกว้าง แล้วเราที่เป็นพ่อแม่จะไม่เปิดใจหน่อยเหรอคะ? ส่วนน้องเองก้ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยความตั้งใจด้วยนะ
7. "หนูเจ็บ" : อกหักT^T
เรื่องความรัก เรื่องหัวใจช่วงวัยรุ่นเนี่ยเจ็บสุดแล้ว สอบตกยังไม่เจ็บ ไม่ร้องไห้ฟูมฟายเท่าเลยค่ะ พอเราซึมๆ เศร้าๆ คนที่สังเกตได้คือ พ่อแม่นั่นแหละค่ะ พอท่านซักมากๆ เราเองก็อยากบอกนะแต่กลัวท่านจะหาไม่เข้าใจ ซึ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่ สิ่งที่ทำได้คือให้กำลังใจ ดูอย่างใกล้ชิด ถ้าเค้าไม่อยากบอกรายละเอียดก็อย่าเพิ่งคาดคั้น รักแรกก็เจ็บมากงี้แหละค่ะ เดี๋ญวเค้าก็ผ่านไปได้
ส่วนน้องๆ พี่ฝากข้อคิดสั้นๆ ไว้เลยว่า พ่อแม่ไม่เคยทำเราเสียใจ ร้องไห้ เจ็บช้ำใจขนาดนี้ มีแต่ให้ความรัก คอยดูแล ประคบประหงม แล้วน้องจะเสียใจให้คนที่ไม่รักอีกเท่าไหร่ จะทำให้คนที่รักน้องต้องเป็นห่วงน้องอีกแค่ไหน พี่เชื่อว่าน้องคิดได้นะ
8. "หนูโดนเรียกพบผู้ปกครอง"
เวลาทำผิดแล้วโดนเรียกผู้ปกครองเนี่ย อยากบอกพ่อแม่ตรงๆ นะ แต่รู้ว่ารับไม่ได้แน่ๆ ที่โดนเรียกผู้ปกครอง กลัวท่านเสียหน้า กลัวท่านเสียใจ โห้ยยยย เครียดๆ แต่พี่ว่าบอกไปตรงๆ เถอะค่ะ อธิบายท่าน ท่านอาจจะช่วยแก้ปัญหาให้เราได้มากกว่าที่เราคิดซะอีก
ส่วนคุณพ่อคุณแม่ ถ้าได้รับทราบแล้ว อยากให้ใจเย็นๆ ฟังเค้าซะก่อนนะคะ ทุกอย่างคงมีเหตุผลในตัวของเค้า เข้าใจเค้ามากขึ้น แล้วการเรียกพบผู้ปกครองก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไปนะคะ ถ้ามันเป็นการช่วยกันแก้ปัญหาระหว่างคุณครู พ่อแม่ และตัวน้องๆ ทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้นไม่จริงเหรอค่ะ
9. "หนูทำของหาย/ทำของพัง"
เหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าของสิ่งนั้นเป็นของสำคัญหรือมีคุณค่าทางจิตใจ มันก็พูดยากนะคะ ยิ่งถ้าเป็นสิ่งของที่คุณพ่อคุณแม่ซื้อให้ ถึงวัยรุ่นจะอยากบอกตามตรงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พูดก็พูดเถอะค่ะ ว่าเราก็กลัวว่าพ่อแม่จะไม่โอเคสักเท่าไหร่ถ้าทราบ เช่น สร้อยขาด พระที่ใส่ติดตัวแต่เด็กหาย หาแหวนที่แม่ให้ไม่เจอ ฯลฯ ทุกอย่างเป็นปัญหาโลกแตกทั้งนั้น แต่พี่ก็อยากบอกน้องๆ ว่า บอกท่านไปตามตรง หาทางแก้ไขมันซะดีกว่าปิดบังไปเรื่อยๆ สบายใจกว่ากันเยอะ ทุกคนก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับชีวิต คุณพ่อคุณแม่ท่านก็เคยค่ะ
10. "หนูทำผิดพลาดในชีวิต"
ไม่ใช่ทุกวันที่จะเกิดเรื่องดีๆ วัยรุ่นเป็นวัยที่อยากรู้อยากลอง บางครั้งอยากมันก็ผิดทาง และเกิดความผิดพลาดในชีวิต ปัญหาวัยรุ่นมากมายทั้ง ท้องในวัยเรียน ติดยาเสพติด ทะเลาะวิวาท ฯลฯ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย และทุกเรื่องมันก็เจ็บปวดเกินกว่าจะพูดออกมาได้ แต่เชื่อเถอะว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านรักเรา ท่านอาจจะโกรธในตอนแรก ทุกอย่างพ่อแม่รับได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลา
ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น คุยกับพ่อแม่เถอะค่ะ ยื้อเวลาไป เราเองก็ไม่สบายใจหรอก ,,, แต่จะให้ดีที่สุด น้องๆ เองต้องอย่าลืมว่าพ่อแม่รักเราแค่ไหน คิดเยอะๆ ก่อนทำอะไรลงไป อย่าเอาตัวเอง เอาร่างกายที่พ่อแม่ให้มาไปทำลาย เพราะไม่ใช่แค่น้องที่จะเสียใจนะคะ
นี่แหละค่ะ 10 เรื่องที่พี่เมษ์คิดว่า น้องๆ น่าจะอยากพูดออกไปมากที่สุด แต่ก็เก้ๆ กังๆ ไม่พูดเพราะกลัวจะทำให้พ่อแม่ผิดหวัง กลัวทำท่านเสียใจ ซึ่งพ่อแม่ก็ควรรับรู้ว่าจริงๆ แล้วเค้าเป็นห่วงความรู้สึกของคุณพ่อคุณแม่มาก เลยไม่กล้าพูดออกไปมากกว่า
พี่เมษ์เชื่อว่าทุกคนเคยทำผิดพลาด และทุกคนก็มีเรื่องที่อยากพูด และไม่อยากพูดเพราะรู้ผลที่ตามมา ซึ่งมีเหตุผลไม่เหมือนกัน หวังว่าบทความนี้น่าจะเป็นการทำความเข้าใจทั้งสองวัยให้เข้าใจและใกล้กันมากขึ้นนะคะ,,, เอาละค่ะ สัปดาห์นี้ไว้แค่นี้ละกันเนอะ แล้วกลับมาเจอกันใหม่สัปดาห์หน้า วันพฤหัสบดีนะคะ ไปก่อนนะ บ๊ายบาย
36 ความคิดเห็น
หนูว่ามันไม่ใช่
พอเริ่มอธิบายไปสักพักหนึ่ง...นางบอกว่า พอๆ พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจหรอก
ค่ะ
เค้าโดนห้ามทุกอย่างจนชินแล้ว T^T
ยิ่งข้อสอง 'สอบตก' เราจำได้เลยว่าแบบคือตอนป.4อ่ะเราสอบตกครั้งแรกเลย ไม่เคยตกมากก่อนอ่ะแล้วสอบตกประวัติเ ราก็บอกแม่แต่แม่บอกว่า 'มันแย่มากเลยรู้มั้ยที่สอบตกอ่ะเรียนยังไงเนี่ย' โหย ..เราอยากจะร้องไห้เลยอ่ะ เราแค่ตกวิชาแรกจากที่ไม่เคยตกอ่ะแค่วิชาเดียว คำพูดแม่ทำให้เราแบบรู้สึกผิดมากอ่ะ น่าจะให้กำลังใจกันหน่อยอ่ะ บ้างครั้งมันก็เหนื่อยอ่ะแล้วปีนั้นเป็นปีแรกที่ต้องเก็บเกรดเข้าม.1อ่ะ มันก็ต้องพยายามอ่ะ แต่แบบยิ่งเราเรียนสูงมากๆมันก็ยิ่งยาก คำพูดแม่อ่ะเราเก็บไปร้องไห้ตอนนอนเลย
ไม่อยากเรียนพิเศษ เรียนไปถ้าไม่ตั้งใจเรียนถ้าไม่เอาซะอย่างมันก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี ให้เราไปเรียนเราก็ไปนั่งจ้องนาฬิการอเวลาเลิก เผลอๆจะเรียนแย่กว่าตอนไม่เรียนพิเศษด้วยซ้ำ
เราชอบเพศเดียวกัน แต่เราไม่กล้าเปิดเผยกับพ่อแม่มากนัก เพราะพ่อไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้ แม่ก็ไม่ค่อยจะยอมรับเท่าไร เห้ออ อึดอัดจัง
กับเพื่อนๆ เราเปิดเผยน้า เพราะเพื่อนยอมรับได้ เพื่อนบางคนก็เป็น.
มีครั้งนึงเราอยากจะบอกพ่อให้เราหัดทำบางสิ่งเองบ้างแต่เราแค่เริ่มปริปากพ่อของเราก็เอาน้ำสาดใส่หน้าเลยอ่ะ
ครอบครัวแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน บางครอบครัวมีเหตุผลกับลูกจึงไม่กดดันลูกเท่าไร (แต่ก็กดดันนะ เพราะลำพังการแบกอนาคตไว้บนบ่าก็หนักและกดดันอยู่แล้ว)
ในขณะที่อีกหลาย ๆ ครอบครัวคิดถึงสิ่งที่ดีที่สุดของลูกโดยไม่คิดถึงหัวอกลูก การยัดเยียดให้กระทำในสิ่งที่สวนทางกับความรัก จริง ๆ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี กระนั้นแล้วลูกก็ไม่อาจต่อต้านได้เพราะทุกครั้งที่ให้เหตุผล พวกท่านจะพูดดักว่า "ไม่ต้องเถียง !" ก่อนจะด่าอีกนานาสารพัด ไม่มีลูกคนไหนเลวเท่ากับลูกของตัวเอง (ถ้าลูกดีจริงคงไม่เอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นจริงไหมครับ ?)
ผมเป็นคนหนึ่งที่เกิดมาในครอบครัวซึ่งมีจุดบอดตรงนี้ และมันก็ทำให้ผมไม่ค่อยเข้าหาครอบครัวเท่าไร (พูดตรง ๆ) ส่วนมากมีปัญหาจะมองหาครู อาจารย์ เพื่อน หรือแม้กระทั่งพระ แต่ไม่เคยปรึกษาครอบครัวนะ เสียเวลาและเสียอารมณ์ กระนั้นแล้ว...หากมองกลับกัน พวกท่านกำลังสอนให้เรารู้จักชีวิตหรือเปล่า ? ไม่มีใครอยู่ค้ำโลก พวกท่านเองก็ใช่ว่าจะอยู่กับเราไปตลอดจนเราตาย (ไม่ใช่ตลอดจนท่านตายนะ อ่านดีดี)
สำหรับผม...ผมมองว่ามันเป็นการสอนวิธีหนึ่งซึ่งอาจจะรุนแรงและเด็ดขาดไปสักหน่อย แต่เชื่อว่าพวกท่านหวังดีกับลูกเสมอครับ อย่างไรก็ดี หลายครั้งที่ความปรารถนาดีนั้นย้อนกลับมาทำร้ายพวกเขา(รวมถึงตัวลูก)เองเพราะการคาดหวังมากเกินไป ทุกวันนี้ผมกับครอบครัวก็ต่างคนต่างอยู่ (เหมือน)ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ดูแลกันแค่ตอนเจ็บป่วย ไม่มีธุระก็ไม่ค่อยไปหาเท่าไร และนั่นเป็นอีกหนึ่งผลกระทบจากสิ่งที่ผู้ปกครองสอนให้ลูก "ยืนได้ด้วยลำแข้งตัวเอง" ครับ มันเป็นเหมือนดาบสองคมครับ ท้ายที่สุดก็ขึ้นอยู่กับเด็กแล้วล่ะ
ปัจฉิมลิขิต ผมไม่ได้มีอคตินะ ไม่ได้คิดเนรคุณ แต่บางครั้งการดิ้นรนด้วยตัวเองก็ทำให้งานรัดตัวจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นเท่าไร เพราะไม่มีคนคอยหนุนหลังเหมือนลูกคนอื่นเลยต้องเชิดหน้าเข้าไว้แล้วยิ้มให้ได้ครับ
บอกพ่อกับแม่ว่าไม่อยากเรียนที่นี่แล้ว แต่พ่อกับแม่ก็ไม่เข้าใจ ตอนนี้โคดเหนื่อยเลยค่ะ เราก็บอกว่าเราไม่ไหวแล้วจริงๆกับบุคลากรใน รร. นี้ทั้งครูที่ชอบคิดเองเออเอง คิดว่าตัวเองถุกที่สุด ถ้ามีสี่ ห้า คนไม่เท่าไรหรอกแต่นี่แม่เป็นกันทั้งรร.ไง แล้วก้ไม่เข้าใจว่าครูเป็นอะไรกับห้องเรามากมั้ยหาเรื่องกันเหลือเกิน แต่พ่อแม่ก็ไม่เคยเข้าใจอธิบายเท่าไรก็ไม่เคยฟัง เฮ้ออ เหนื่อยค่ะ
ที่หนักใจที่สุดก็มีเรื่อง "เหนื่อยมากๆกับการเรียน"
เเละ "ชอบเพศเดียวกัน" นี่ล่ะค่ะ
TT เเต่เรื่องการเรียนพ่อกับเเม่ไม่ว่าค่ะ เหนื่อยก็บอก พ่อกับเเม่ไม่อยากให้เครียด
เเต่ถ้าเป็นเรื่องชอบเพศเดียวกัน...........ถึงพ่อเเม่จะรับฟังก็ไม่กล้าบอกอยุ่ดี=-=
เรารู้ตัวมาตัวแต่ประถมแล้วว่าชอบเพศเดียวกัน พ่อกับแม่ก็เคยสงสัย ตอนนี้เราอยู่ม.1แล้ว ยังไม่กล้าบอกเลย เวลาอกหักก็ไม่กล้าพูด
อยากออกไปเที่ยวก็ขอไปทุกครั้งนะ ถ้าไปไม่ได้ก็เซ็ง แล้วสักพักก็นั่งเล่นคอม 555555555+
เคยบอกแม่ว่าเหนื่อย แม่บอกว่า เหนื่อยก็ไปเลี้ยงควาย
พูดเลย
แม่คะ หนูอยากขายเต้าฮวยมากกว่า
พ่อจะปรามทันทีเลยเรื่องชอบเพศเดียวกันส่วนข้ออื่นไม่มีปัญหาเพราะพ่อเข้าใจ
พ่อบอกว่าถ้าชอบเพศเดียวกันพ่อจะตัดลูกกับเรา ส่วนลูกชายนะไม่ว่าสักคำขนาดเอาผู้ชายเข้าบ้านด้วยก็ไม่ว่า ส่วนเราแค่ไปหาเพื่อนผู้หญิงก็โดยด่าเป็นชุดใหญ่แค่นั้นยังไม่พอทั้งพ่อพี่ชายกันไม่ให้เราได้เข้าใกล้ผู้หญิงและผู้ชาย ยิ่งถ้าเป็นเรื่องมีแฟนยิ่งแล้วใหญ่
ตรงมากค่ะหนูทําของหายมาเองคิดเเล้วเศร้า