สวัสดีค่ะชาว Dek-D.com... ถึงน้องๆ จะปิดเทอมแล้ว แต่พี่มิ้นท์ก็ยังพยายามหาเทคนิคด้านต่างๆ มาอัพเกรดกันตลอด วันนี้มีเทคนิคมาเอาใจเด็กขี้เซา ประเภทอ่านปุ๊บ หลับปั๊บ จับหนังสือแล้วหาว เหมือนทำเวรทำกรรมกับหนังสือมาแต่ชาติปางก่อน ซึ่งเอาเข้าจริงน่าจะเป็นพฤติกรรมที่เป็นกันทุกคนอยู่แล้วล่ะ^^

        แม้พฤติกรรมอ่านแล้วหลับ จับหนังสือแล้วง่วงจะดูเป็นเรื่องปกติ ที่ใครๆ ก็เป็น แต่พี่มิ้นท์อยากจะบอกว่าถ้าติดจนเป็นนิสัย ผลเสียตามมาอีกเป็นโขยงเลยค่ะ เพราะการรับรู้ของเราก็จะไม่ต่อเนื่อง พูดง่ายๆ ว่าอ่านไม่รู้เรื่อง อ่านใหม่ก็หลับใหม่ มีผลต่อความทรงจำด้วย ดังนั้นคนที่เห็นปัญหาและอยากจะเอาปัญหานี้ออกไปให้พ้นๆ อ่าน 9 ข้อนี้ให้ดีๆ จะช่วยให้อ่านหนังสือได้นานมากขึ้นค่ะ

 

 

    1. ดูอารมณ์ก่อนอ่าน    
         จะทำอะไรก็ตาม การเตรียมอารมณ์ให้พร้อมกับเรื่องนั้นๆ สำคัญมากนะคะ ยิ่งเป็นการอ่านหนังสือด้วยแล้ว ต้องใช้กำลังใจมหาศาล เสมือนจะไปออกรบกู้ชาติเลยทีเดียว บางทีเศร้ามา เหม่อมา ไปทะเลาะกับแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวมา จะยิ่งทำให้เราไม่พร้อมที่จะอ่านหนังสือ มือเปิดหนังสือ ใจอยู่นอกหนังสือ สักพักก็หลับค่ะ เพราะสมองต้องทำงานไปกับความคิดเรื่องอื่นๆ

    2. ผ้าเย็น/ผ้าร้อน คืนความสดชื่นเข้าร่าง
          น้องๆ เคยไปทานอาหารตามร้านอาหารญี่ปุ่นมั้ยคะ หลายๆ ร้าน จะมีผ้าอุ่นมาให้ก่อนหรือหลังอาหาร ให้เช็ดมือให้เรียบร้อย เราเอามาประยุกต์ได้ค่ะ เตรียมผ้าขนหนูผืนเล็กๆ มาผืนนึง แล้วเตรียมน้ำใส่กะละมังเล็กๆ ถ้าอยากได้น้ำเย็นให้ใส่น้ำแข็ง แต่ถ้าอยากได้ผ้าอุ่นให้ใช้น้ำร้อนผสมให้อุ่นๆ ค่ะ
          ตอนไหนที่อ่านแล้วเหนื่อยๆ เมื่อยๆ เหมือนจะหลับ ให้หยิบผ้าขนหนูจุ่มน้ำ บิดหมาดๆ แล้วมาเช็ดหน้าเช็ดตัว จะสดชื่น เหมือนได้ร่างใหม่เลยล่ะ ถ้าให้พี่มิ้นท์แนะนำ ใช้เป็นน้ำเย็นจะสดชื่นกว่า
 
   
3. ตั้งกระจกไว้ที่โต๊ะ
           กระงกเงาเป็นอะไรที่ใช้สะท้อนตัวเองได้ดี ทั้งรูปร่างและหน้าตา ปกติเราจะไว้ส่องเพื่อเสริมความมั่นใจว่าหล่อหรือยัง สวยหรือยัง แต่ในที่นี้ให้นำมาใช้เช็คสภาพตัวเองค่ะ จะวางที่โต๊ะ ข้างโต๊ะ หรือตรงไหนก็ได้ที่สะท้อนอิริยาบถของเราได้ บางทีถ้าน้องๆ ได้เห็นหน้าตัวเองตอนเหนื่อยๆ ง่วงๆ หน้าเหวอๆ อาจตกใจตื่นมาอ่านหนังสือก็ได้ 5555 ล้อเล่นค่ะ ถ้าน้องๆ เห็นสภาพตัวเองเริ่มไม่ไหว หน้าเหี่ยว ตาปรือ ก็ลุกขึ้นไปล้างหน้า หรือเช็ดตัวหน่อยก็ดี

    4. สมองต้องเดินด้วยท้อง
         เป็นเทคนิคที่หลายคนทำอยู่แล้ว แต่ขอเตือนไว้อย่างว่า ของที่นำมากิน อย่าหนักท้องจนเกินไป จำพวกข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวมันไก่ แฮมเบอร์เกอร์ชีส พิซซ่าขอบหนานุ่ม (พูดแล้วหิวเลย) เพราะนอกจากจะตั้งใจกินมากกว่าอ่านแล้ว ผลที่ตามมายังทำให้ง่วงกว่าเดิมอีก เข้าตำรา หนังท้องตึง หนังตาหย่อน
        ดังนั้น สิ่งที่พอจะแก้วหิวและอิ่มท้องได้ประมาณนึง ก็พวกขนมกรุบกรอบ น้ำผลไม้ น้ำหวาน หรือฉีกแนวไปพวกผลไม้เปรี้ยวๆ อย่างมะม่วงน้ำปลาหวาน ผลไม้ดองต่างๆ ก็ช่วยคืนความสดชื่นได้ดีมากๆ เลยค่ะ ยังไงก็ตาม อย่ากินเพลินจนลืมอ่านหนังสือนะ
 


 
    5. พักทุก 30-40 นาที
          น้องๆ รู้มั้ยคะว่าทำไมเราถึงรู้สึกเหนื่อยและเพลียเวลาอ่านหนังสือ เหมือนโดนพาไปทรมานยังไงยังงั้น กว่าจะผ่านไปแต่ละหน้าแทบจะขาดใจ เป็นเพราะว่าน้องๆ ยังแบ่งเวลาอ่านหนังสือไม่ถูกหลัก บางคนอยากรีบอ่านให้จบเล่ม ก็เลยอ่าน 5 ชั่วโมงติด พักแค่ลุกไปเข้าห้องน้ำ บางคนก็อ่านจนลืมกินข้าวไปเลยก็มี คนที่กำลังเป็นแบบนี้อยู่ แน่นอนว่ากว่าความรู้จะเข้าหัว ร่างกายคงจะพังเสียก่อน
         พี่มิ้นท์แนะนำง่ายๆ ว่า ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ให้พักสัก 5-10 นาที อย่าไปเสียดายเวลาที่เราพักค่ะ เพราะการพักก็เหมือนการฟื้นฟูร่างกายและสมอง การอ่านเยอะๆ หนักๆ ไม่ได้ช่วยให้จำเยอะขึ้น หากแต่ทำร้ายให้สมองทำงานหนักเกินไปอีกด้วย เราเสียเวลาแค่ชั่วโมงละ 5-15 นาที ทำให้เราจดจำและเข้าใจเนื้อหาได้เยอะกว่าอ่าน 1 ชั่วโมงรวดอีกนะจะบอกให้

  
  6. บรรยากาศเอย อย่าพาไป
           บรรยากาศเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากนะ 3 สถานที่ที่ไม่แนะนำให้อ่านเลยก็คือ
           1. บนที่นอน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าที่นอน อ่านบนที่นอน น่าจะได้นอนมากกว่าอ่าน
           2. อย่าอ่านในที่มืดหรือสลัว เพราะเป็นบรรยากาศชวนง่วง แถมยังทำให้สายตาเสียอีกด้วย ข้อเสียสองเด้งเลยทีเดียว
           3. ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป เปิดแอร์เย็นจัดเกินไป จะรบกวนสมาธิในการอ่านค่ะ ส่วนอากาศที่ร้อนเกินไป ทำให้เราเพลีย เหนื่อย ทำให้ง่วงและผล็อยหลับในที่สุด
          สรุป คือ บรรยากาศที่เหมาะกับการอ่านที่สุด คือ ที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่มีเสียงรบกวนจากเสียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น เสียงเครื่องจักร เครื่องยนต์ เสียงเอะอะโวยวาย หรือเปิดเพลงอึกทึก รวมถึงมีอากาศถ่ายเท ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไปจนรบกวนสมาธิและทำให้เหนื่อย เพลีย ง่วงนอนค่ะ


 

อ่านท่านี้ คิดว่าอ่านได้กี่นาที??

 
   
7. ดราม่าสร้างพลัง
         อ่านเรื่อยๆ เบื่อๆ หลายคนหลับไปดื้อๆ ซะอย่างนั้น เป็นเพราะไม่มีอะไรมากระตุ้นให้ตื่นตัว เหมือนอ่านหนังสือให้หมดวันไปแค่นั้น ถ้าน้องๆ ยังมองว่าการอ่านหนังสือเป็นแค่การอ่านเพื่อให้สอบผ่าน ก็ไม่มีวันเข้าใจความสำคัญของการเรียนรู้เลย แต่ถ้าใครคิดได้มากกว่านั้น ขอให้อ่านต่อค่ะ
         วิธีต่อไปนี้ เป็นดราม่าขั้นต้นที่จะทำให้เราอินกับการอ่านหนังสือ มองหนังสือในฐานะผู้ให้ความรู้ ไม่ใช่ตัวช่วย "เพื่อคะแนน" เช่น คิดว่ามีคนอีกจำนวนมากที่อยากอ่านหนังสือแต่ไม่มีเงินซื้อ, มีคนอยากอ่านหนังสือ แต่ไม่มีหนังสือจะอ่าน, มีคนอีกตั้งมากมายที่อยากมีโอกาสเรียนบ้าง คิดแบบนี้ใครยังหลับลงอีก พี่มิ้นท์จะพาไปบวชค่ะ 5555

   8. มืออยู่ไม่สุก
          การอ่านหนังสือ ถ้าขยับแต่ตา กรอกไปมาซ้ายขวา ฟันธงว่าไม่เกิน 15 นาที ตาบนลงมาประกับตาล่างแน่นอน ดังนั้นเทคนิคนึงที่ถูกแนะนำกันมาเป็นทอดๆ คือ อ่านไปด้วย เขียนไปด้วย ไม่ใช่ทำพร้อมกันทั้ง 2 อย่างนะคะ แต่ต้องอ่านให้เข้าใจก่อนแล้วค่อยจดโน้ตสรุปสิ่งที่เราเข้าใจ การอ่านและลงมือจดช่วยให้สิ่งที่อ่านเข้าหัวเพิ่มมากขึ้น แถมไม่ง่วงอีกต่างหาก
    ถ้าไม่หวงหนังสือจนเกินไป วาดรูปประกอบไปด้วยเลย ตอนวาดก็สนุก ตอนกลับมาอ่านก็สนุก :D

   9. เริ่มต้นจากเล่มที่อยากอ่าน
         การอ่านหนังสือที่ไม่ชอบ ก็เหมือนโดนบังคับให้กินยาพิษ กินเสร็จก็หลับไปเลย 555 ตรงกันข้าม ถ้าได้อ่านหนังสือที่ชอบ ความสนใจก็จะอยู่แค่ตรงนั้น ความชอบเป็นตัวช่วยกำจัดความง่วง ความเบื่อได้ดี ทำให้อ่านหนังสือเป็นเรื่องสนุกมากกว่าอ่านแล้วต้องหลับแน่ ดังนั้นก่อนอ่านหนังสือที่ไม่ชอบ ให้เริ่มต้นอ่านจากสิ่งที่ชอบก่อน ก็เป็นการดึงอารมณ์ให้มาอยู่ที่หนังสือได้ค่ะ ลองดูๆ

          หวังว่าคงไม่ยากเกินไปเนาะ ข้อไหนที่คิดว่าได้ผลกับนิสัยตัวเองที่สุดก็เอาไปใช้กันได้เลย และที่สำคัญที่สุด การจะอ่านหนังสือให้ได้ผลดี ต้องพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะจ๊ะ คนเราเวลานอนน้อย ให้นับ 1 ถึง 10 ยังนับผิดๆ ถูกๆ นับประสาอะไรกับการอ่านหนังสือที่ต้องใช้ทั้งสายตาและสมอง ไม่รู้เรื่องแน่ๆ จ้า
        เอาล่ะ ช่วงนี้ปิดเทอม ถ้าไม่ได้มีอะไรทำเป็นพิเศษ ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้หาหนังสือดีๆ มาอ่านเพิ่มความรู้กันนะ

ขอขอบคุณรูปภาพประกอบจาก
https://smartasset.com/mortgage/9-real-estate-books-you-should-read-before-buying-your-first-home,
www.wikihow.com/Read-a-Book-in-Your-Quiet-Place
พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

hoya 17 มี.ค. 58 12:24 น. 2
ถ้าตัวเองโง่แล้วหนังสือยังไม่อ่านมหาลัยไหนจะรับ อยากสอบติดที่นั้น อยากได้คณะนี้พออ่านหนังสือไม่อ่านแล้วไปบ่นเรื่องข้อสอบเรื่องเกรดในโซเชียล หึหึ ขอให้คนแแบบนี้อย่าสอบติดที่ใดกลัวจะเป็นตัวเสื่อมเสียของมหาลัยในอนาคต
2
Fa Fa Phasai Member 17 มี.ค. 58 14:39 น. 2-1
เราเห็นด้วยนะ555555555 และอีกอย่าง กับพวกที่เก่งเเล้วไม่พัฒนาตัวเองแล้วคิดว่าตัวเองทำได้นี้ ไม่เท่าไหร่นะ แต่ถ้าชอบอวดด้วยนี่ หืมมมมม อยากด่าจริงๆ #คหสต. นะค้าบบบ อย่าว่ากันเน้อออ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Fun-oo Member 19 มี.ค. 58 20:21 น. 20

นุจะขึ้น ม.4 แล้วกะว่าจัตั้งใจกว่าเดิมได้เจอกระทู้พี่มิ้นขอบอกทำให้นุอยากอ่านหนังสือมากๆเลยตอนนี้นุจะเอาวิธีที่พี่มิ้นบอกมาทำตามนะค่ะขอบคุนมากๆค่ะที่ทำให้นุกลับตัวกลับใจ

                                                  รักเลย

0
กำลังโหลด

34 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
hoya 17 มี.ค. 58 12:24 น. 2
ถ้าตัวเองโง่แล้วหนังสือยังไม่อ่านมหาลัยไหนจะรับ อยากสอบติดที่นั้น อยากได้คณะนี้พออ่านหนังสือไม่อ่านแล้วไปบ่นเรื่องข้อสอบเรื่องเกรดในโซเชียล หึหึ ขอให้คนแแบบนี้อย่าสอบติดที่ใดกลัวจะเป็นตัวเสื่อมเสียของมหาลัยในอนาคต
2
Fa Fa Phasai Member 17 มี.ค. 58 14:39 น. 2-1
เราเห็นด้วยนะ555555555 และอีกอย่าง กับพวกที่เก่งเเล้วไม่พัฒนาตัวเองแล้วคิดว่าตัวเองทำได้นี้ ไม่เท่าไหร่นะ แต่ถ้าชอบอวดด้วยนี่ หืมมมมม อยากด่าจริงๆ #คหสต. นะค้าบบบ อย่าว่ากันเน้อออ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
หวังดีน้าา 17 มี.ค. 58 13:53 น. 7
แนะนำคนที่อ่านแล้วง่วง หรือล้าบ่อยๆ ทั้งๆที่นอนพักผ่อนเพียงพอ ให้ลองไปเช็คสายตาดูค่ะ เราเคยเป็น เคยคิดว่าเราขี้เกียจเองมั้ง แต่หลังๆเริ่มไม่ใช่ อยากอ่าน ตั้งใจอ่านมาก ก็ยังง่วงยังล้า แสบตาอยุ่ดี พอมีโอกาสไปตรวจ ปรากฏว่าสายตาสั้นและเอียง ถึงจะไม่เป็น ปห มากกก หมายถึงยังมองอะไรรู้เรื่อง แต่ตาเราจะเพ่งโดยไม่รู้ตัว ทำให้ล้า และง่วงในที่สุด
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
บลาบลาาาา 17 มี.ค. 58 17:31 น. 9
วิธีเราคือกินช็อคโกแล็ตก่อน **อันนี้อยากกินทุกครั้งเลย5555 ถ้าง่วงสุดๆก็ลุกไปชงน้ำขิง#น้ำร้อน เวลาเราอ่านเราจะอ่านออกเสียง ออกท่าทางอย่างกับนักวิชาการที่กำลัง อบรมบุคคลากร55555 เฮ้ยย แต่อย่าดูถูกวิธีนี้เพราะมันทำให้จำดีมากเลยล่ะ :)
0
กำลังโหลด
Zunshine Member 17 มี.ค. 58 20:36 น. 10

ถึงเด็กมัธยม เด็กประถมจะปิดเทอมแล้ว แต่เด็กมหาลัยยังไม่ปิดครับ แล้วก็กำลังจะสอบ midterm ด้วย งั้นของใช้เทคนืคพวกนี้กับ midterm นี้เลยแล้วกัน เผื่อเกรดจะดีกว่านี้

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
DeadMan Member 18 มี.ค. 58 19:58 น. 17

ผมชอบนะ 9 วิธีพวกนี้

แต่................................ผมไม่เคยอ่านหนังสือก่อนสอบแบบจริงจังเลย (สรุปคือคิดไม่เป็น) อ่านแบบว่าที่ไม่รู้เรื่องจริงๆ อ่ะนะครับ 555555

แต่!!!.......(แต่เยอะไปนะ =_=) ผมอยากลองทฤษฎีใหม่ คือเข้าใจมากกว่าจดจำ เช่น เวลาเรียนเกี่ยวกับการแบ่งเซลล์จากการที่วว่างท่องจำเอาว่ามันมีกี่ขั้น แต่ละขั้นชื่ออะไร เราก็จำสิ่งที่เกิดกับมันดีกว่าว่า ในขั้น interphase prophase metaphase anaphase และ telophase ในเซลมีการเคลื่อนไหวและกิจกกรมอะไร เพื่อให้เราเข้าใจและสามารถวิเคราะห์ได้ ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวข้อสอบ O-net ครับที่เน้นเรื่องของการวิเคราห์คำตอบจากความรู้ที่เรามี (ถึงบางข้อมันจะส้นตี....ไปก็เถอะ)

ซึ่ง....(ไม่แต่และ ซึ่ง แทน) ผมไม่แนะนำให้ลองทำตามอ่ะนะครับ เกรดผมเพิ่งตกลงจากเดิมก็ไอวิธีนี้แหละ เสียใจ

สรุป.....อ่านหนังสือก่อนสอบเถอะครัช

ชิ

0
กำลังโหลด
S.L. Member 18 มี.ค. 58 20:44 น. 18

สุดยอดมากเลยค่ะแต่ละวิธี เคยมีลองนำไปใช้แล้วเหมือนกัน แต่ถ้าได้วิธีจากพี่มิ้นเพิ่ม คงช่วยได้ดีกว่าเดิมแน่เลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะเยี่ยม

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Fun-oo Member 19 มี.ค. 58 20:21 น. 20

นุจะขึ้น ม.4 แล้วกะว่าจัตั้งใจกว่าเดิมได้เจอกระทู้พี่มิ้นขอบอกทำให้นุอยากอ่านหนังสือมากๆเลยตอนนี้นุจะเอาวิธีที่พี่มิ้นบอกมาทำตามนะค่ะขอบคุนมากๆค่ะที่ทำให้นุกลับตัวกลับใจ

                                                  รักเลย

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด