สวัสดีค่ะน้องชาว Dek - D เจอกับพี่เมษ์และคอลัมน์ Top 10 Education เรื่องท็อปสุดชิคที่เราอาจคิดไม่ถึงด้านการศึกษา วันนี้เรามาคุยกันเรื่องที่น้องๆ มักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย! ลบความเข้าใจ แล้วก็มาทำความเข้าใจใหม่ดีกว่าค่ะ ตอนนี้น่าจะพร้อมแล้ว งั้นมาดูเลย!
1. เวลาว่างเยอะ
เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... |
เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... |
เรียนมัธยมไม่มีเวลาว่างเลย ว่างแค่ตอนพักเที่ยงกับหลังเลิกเรียนนิดหน่อย เพราะส่วนใหญ่ก็มีเรียนพิเศษต่อใช่มั้ยละ เรียนทั้งวัน ไม่ว่างเลย แต่เรียนมหาวิทยาลัย เวลาว่างเพียบ ชิวจะตาย เรียนเช้าบ้าง บ่ายบ้าง สบายสุดๆ เวลาว่างเยอะ |
น้องๆ รู้มั้ยว่าเวลาว่างที่เว้นเอาไว้ มันคือพื้นที่ทำรายงานและอ่านหนังสือล้วนๆ เลย ซึ่งการแบ่งเวลาจะอยู่ใน ประมวลรายวิชา(Course Syllabus)นั่นแหละ เค้าจะบอกเลยว่าต้องอ่านหนังสืออะไรบ้าง มีงานอะไรบ้าง มีหนังสืออะไรบ้างที่ต้องอ่านมาก่อน ฯลฯ พี่ๆ เค้าอยากจะบอกน้องจะตายว่า เห็นเงียบๆ งานเพียบนะจ๊ะ!!! |
2. ตื่นสายได้
เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... |
เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... |
ตั้งแต่เล็กจนโตเราไปโรงเรียนกันตั้งแต่เช้า บางคนออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเลย แต่ถ้าเข้ามหาวิทยาลัย เราจะต้องตื่นสายได้แน่ๆ ได้นอนเต็มอิ่ม แถมวิชาเรียนน้อยจะตาย |
ความจริงแล้วที่พี่ๆ มีเรียนบ่าย ต้องย้อนกลับไปถามค่ะว่า ได้นอนกันกี่โมง บางทีงานเยอะมากไม่ได้หลับไม่ได้นอน เป็นซอมบี้ไปเรียนก็บ่อยเพราะต้องปั่นงานอย่างหนัก แถมน้องๆ ก็ต้องรู้ไว้ด้วยว่าเรียนเช้าพี่ก็มีเช่นกัน แถมเข้าเรียนทีนึง คลาสยาวๆ 2-3 ชม. เข้าเรียน 8 โมงเช้า ออกจากคลาสอีกทีเที่ยง!! โอ้โห ไม่ได้พักระหว่างคาบเลยนะ T^T |
3. ไม่มีหนังสือเรียน
เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... |
เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... |
เรียนมัธยมไปโรงเรียน แบกหนังสือหนักมาก อย่างกะแบกบ้าน ทั้งหนังสือ สมุด ชีท แฟ้ม ฯลฯ ยังไม่รวมอุปกรณ์การเรียน รอเข้ามหาวิทยาลัยก่อน จะชิวๆ สะพายกระเป๋าชิคๆ ไปเรียนเลยคอยดู๊!!! |
หยุดก่อนน้องๆ การไม่มีหนังสือไม่ใช่เรื่องดี เพราะนั่นหมายถึงการไปค้นหนังสือในห้องสมุดตามที่อาจารย์สั่ง ซึ่งหนังสือมีน้อย แล้วเราก็มักจะไปไม่ทันเพราะเด็กเนิร์ดจะคว้าไปก่อนแล้ว - -“ ปัญหาที่ตามมาคืองานถ่ายเอกสารต้องมา เป็นการจ่ายเงินไปอีก ยังไม่พอเพียงแค่นั้น นอกจากไม่มีหนังสือเรียนแล้ว ยังไม่มีหนังสือเรียนที่เขียนเป็นภาษาไทยด้วย แถมยังมีชีทให้อ่านเป็นตั้งๆ น้องๆ ขา หนังสือเรียยนะ อ่านง่ายที่สุดแล้ว |
4. ไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้
เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... |
เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... |
ตอนเรียนมัธยมฯ ต้องเข้าเรียนทุกคาบ โดดเมื่อไหร่โดนเช็คชื่อเรียกผู้ปกครองตลอด ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ เราจะเข้าเรียนก็ได้ไม่เรียนก็ได้ จะนอนให้สบายใจไปเลย!! |
ไม่ใชแค่เด็กมัธยมฯ หรอกค่ะที่ต้องเข้าเรียน พี่เองก็เหมือนกัน อาจจะน่ากลัวกว่าด้วย เพราะน้องๆ ถ้าขาดเรียนไปบ้าง คุณครูยังใจดีคอยตาม และให้โอกาสเรื่องเวลาเรียน แต่พี่ๆ ไม่มีใครคอยตาม ไม่มีคนคอยเตือน แถมเข้าเรียนไม่ครบก็ไม่มีการปราณี ตัดสิทธิ์สอบไปเลยหรือไม่ก็ลดเกรดทันที เรียนมหาวิทยาลัยก็ต้องเข้าเรียนเหมือนกันนะ ไม่ได้สบายกว่าตอนเรียนมัธยมฯ หรอก |
5. ได้แต่งหน้าแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไปเรียน
เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... |
เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... |
ตอนเรียนมัธยมฯ แค่ตัดผมผิดระเบียบยังโดนทำโทษเลย อยากจะทำสีผม แต่งหน้า เสริมหล่อ ทำตัวให้สวยบ้างก็ยากจัง งั้นไว้ทำตอนอยู่มหาวิทยาลัยดีกว่า จะหล่อ สวย ทำสีผม แต่งตัว ใส่เครื่องประดับเท่าไหร่ก็ได้ คอยดูสิ |
ก็จริงอยู่ที่พี่ๆ สามารถใส่เครื่องประดับ ทำผม แต่งหน้า เซ็ทผม เสริมหล่อ ทำตัวสวยๆ ยังไงก็ได้ แต่โลกจริงๆ ไม่ได้เป็นแบบนั้น ถึงจะมีสิทธิในการทำอะไรก็ได้ตามต้องการ แต่เวลามันไม่ได้เอื้อให้พี่ๆ มาแต่งหน้า แต่งตัว เซ็ทผมหล่อสวยไปเรียนตลอดหรอกนะ เพราะบางวันแค่ตื่นไปเรียนให้ทันก็ยากแล้ว โลกจริงๆ ก็แต่งชุดนิสิต นักศึกษา ไปเรียน หน้าเน่อ ผมเผิมก็ไม่ต่างจาก ม.ปลาย เท่าไหร่หรอก 5555 |
6. การบ้าน / รายงาน น้อยมาก
เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... |
เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... |
เรียนมัธยมฯ รายงานเยอะมาก มีทุกวิชา วิชาละหลายๆ เล่ม ต้องทำรายงานหนักมาก ไหนจะมีการบ้านอีก กองเป็นภูเขาเลย อยากจะเรียนมหาวิทยาลัยไวๆ การบ้านน้อย รายงานน้อยมากกว่านี้เยอะ |
การบ้านอาจจะน้อย รายงานน้อย แต่แต่ละชิ้นนี่ อื้มมม คะแนนเยอะมาก ใช้เวลาทำนาน ค้นคว้านาน ไม่สามารถเสิร์ชๆ แล้วส่งได้เลย ชีวิตจริงเด็กมหาวิทยาลัยหนักกว่าที่น้องคิดเยอะ ไหนจะมีงานที่ Assign มาอีกล่ะ หนังสือที่ต้องอ่านมาก่อนไมงั้นก็มาคุย มาถกกันในห้องไม่ได้ จุดนี้งานน้อย แต่ต่อยหนัก พลาดแล้วพลาดเลยนะ |
7. หาแฟนได้แน่
เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... |
เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... |
เป็นเด็กมัธยมฯ มีแฟนเนี่ยยากมาก พ่อแม่ก็ไม่ปลื้ม คุณครูก็จับจ้อง เพื่อนก็ล้อ ไหนจะปัญหาจากตัวเองที่ยังไม่สวย ไม่หล่ออีกล่ะ เห้อออ ฝากความหวังไว้ที่มหาวิทยาลัยละกัน เราจะได้เจอเพื่อนใหม่ หนุ่มหล่อ สาวสวยเพียบ คราวนี้แหละ เราต้องมีแฟนแน่ๆ |
อธิบายตรงนี้เลยนะคะ ว่าไม่ใช่เราจะหาแฟนได้ง่ายๆ ในมหาวิทยาลัย เพราะปัจจุบัน บอกตรงๆ โสดมาตั้งแต่เข้าเรียนยันจบเรียนจบก็เยอะค่ะ ไม่สามารถการันตีได้ว่าเราจะได้เจอเนื้อคู่เสมอไป ทำใจไว้ประมาณนึง ถ้าเจอก็ชวนกันไปในทางที่ดี ถ้าไม่เจอ ก็ตั้งใจเรียน แค่นั้นเองเนอะ |
8. อาจารย์ต้องเก่งกว่าแน่ๆ
เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... |
เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... |
เบื่อจังเลยเนอะ ตอนเรียนก็ซ้ำกับที่เรียนพิเศษ ที่เรียนพิเศษก็สอนซ้ำกับในห้องเรียน ซ้ำไปซ้ำมา บางเรื่องก็รู้อยู่แล้ว รอเข้ามหาวิทยาลัยก่อนเถอะ เราคงได้เจออาจารย์ที่เก่งและก็สอนเราในเรื่องที่เราอยากเรียนแน่ๆ |
อาจารย์ทุกท่านเก่งหมดแหละ ไม่ว่าจะสอนน้องมาในระดับชั้นไหน สำหรับในรั้วมหาวิทยาลัย ท่านก็เก่งแบบมหาวิทยาลัย สอนแบบตั้งคำถามให้น้องไปหาคำตอบ แต่คุณครูช่วงมัธยมฯ จะดูแลน้องแบบป้อนความรู้ให้น้องๆ ถึงที่ ไม่ต้องคิดต่อ ก็เรียกว่าสอนกันคนละแบบกันเนอะ,,, ไม่มีหรอกคุณครูหรืออาจารย์ที่ไม่เก่ง ไม่งั้นเค้าก็คงทำหน้าที่ให้ความรู้น้องไม่ได้จริงมั้ย |
9. สนุกกับกิจกรรม
เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... |
เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... |
เรียนมัธยมฯ กิจกรรมใหญ่สุดก็พวกกีฬาสี กีฬาจังหวัด หรือกิจกรรมการแข่งขัน ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรเยอะขนาดนั้นถ้าเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยเราคงได้ทำกิจกรรม ทั้งกิจกรรมในคณะ กิจกรรมข้ามคณะ กิจกรรมในมหาวิทยาลัย กิจกรรมต่างมหาวิทลัย แค่คิดก็สนุกแล้ว |
อันที่จริงแล้ว กิจกรรมที่ให้ทำเยอะมากสำหรับช่วงมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องทำแค่พอดีๆ ถ้ามากไปก็เบียดบังเวลาเรียน แต่ถ้าน้อยไปก็เสียดายช่วงเวลาที่จะได้รู้จักคนใหม่ๆ อีกอย่างบางกิจกรรมก็เป็นกิจกรรมบังคับที่ถ้าไม่ทำก็จะไม่ผ่านการประเมินตามหลักสูตร ต้องระวังให้มาก อย่าสนุกมากเกินไปละกัน |
10. เข้าได้ก็จบได้
เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... |
เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... |
กว่าจะสอบเข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้มันก็ยากเย็นมากพอแล้ว เข้าได้ก็ต้องจบแน่นอน เพราะมันคงไม่น่าจะยากไปกว่าการสอบแอดมิชชั่นเข้าไปแน่นอน |
เปลี่ยนความคิดเลย!! การแอดมิชชั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นความยากของการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เพราะเรียนจริงๆ หนักกว่าสอบเข้ามาก!! ไม่ใช่ว่าเข้ามาแล้วจะเรียนจบแน่ๆ ไม่ว่าจะ ม.รัฐบาล หรือ ม.เอกชน ถ้าอยากเรียนจบ ต้องขยัน ตั้งใจ และใส่ใจเรียนให้มากกว่าตอนมัธยมฯ |
นี่แหละค่ะ เรื่องราวที่เด็กมัธยมฯ มักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย น่าจะทำให้น้องๆ เข้าใจการเรียนในมหาวิทยาลัยมากขึ้นนะคะ แต่ถ้าใครอยากรู้จักแบบเจาะลึก พี่เมษ์แนะนำให้เข้าไปชมรายการ “เด็กมาหาไร” รับรอง เจาะลึก ทีละคณะแน่นอน!!!
ส่วนสัปดาห์หน้าจะมีเรื่องราวอะไรมาให้ดูกัน ต้องลุ้นต่อไปนะคะ แล้วกลับมาเจอกันใหม่ได้ในวันพฤหัสบดีหน้า วันนี้ไปก่อนนะคะ บ๊ายยยยย
97 ความคิดเห็น
ถึงจะยากแค่ไหน แต่ครูเราเคยบอกว่า
"เรียนมันไม่ยากหรอก ไม่งั้นเขาจะเรียนจบทำไมตั้งเยอะแยะ"
ส่วนตัวแล้ว...คิดว่า จะพยายามตั้งใจให้เต็มที่ค่ะ ปี 59 เราก็ต้องเข้ามหาลัยแล้ว สู้ๆ
น้องเอ๊ย ทุกคณะที่เรียน 4 ปีต้องไปฝึกงานตอนเรียนปีสุดท้าย
แล้วแต่โครงสร้างหลักสูตรของแต่ละมหาวิทยาลัยว่าจะให้ฝึกงานตอนเทอม 1 หรือเทอม 2
ถ้าไม่ไปฝึกงาน ไม่งั้นเรียนไม่จบนะ
เพื่อนที่เรียน IT มจธ.กับหลานสาวที่เรียนคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เอกเคมี ม.ธรรมศาสตร์
พอเรียนจบปี 3 ก็ไปฝึกงานแล้ว
แพทย์ ทันตะ เภสัช และสัตวแพทย์ที่เรียน 6 ปี
นักศึกษาแพทย์พอขึ้นปี 4 ต้องไปฝึกเรียนภาคปฏิบัติจริงที่หอผู้ป่วยจริง
และตอนปี 6 ให้ไปทำงานในโรงพยาบาลเป็นเวลา 1 เดือน
ส่วนทันตะ เภสัช และสัตวแพทย์คงจะเหมือนกัน
เหนื่อยแน่เบยย ปกติก้อขี้เกียจเป็นทุนเดิม ถ้าเรียนมหาลัยมีหวัง ตายแน่ๆๆ
ถ้าเรียนมหาลัย เรียนหนักขนาดนี่นะ แล้วจะจบแบบรู้เรื่องหราคับ เวลานอนก็ไม่มี คือถ้าเป็นแบบนี้ เด็กยิ่งโง่นะผมว่า เพราะไม่มีเวลาพักผ่อน แล้วจะเอาสมองของเราไปจำเวลาอาจาร์ยสอนได้อย่างไรร หนังใจ จะขึ้นปี 1 แหละ TT
หนักขนาดนี้เลยหรอออออ จะเรียนได้ไหมเนี้ยยยยย
แล้วแต่คณะครับ คณะผมค่อนข้างชิล มหาวิทยาลัยเรียนสบายกว่ามัธยม แต่หนักตอนทำรายงาน และหนักอีกทีตอนอ่านหนังสือสอบเพราะเป็นข้อสอบเขียนหมดเลย ต้องอ่านหนังสือโต้รุ่งบ่อย ๆ ชีวิตการเรียนอิสระ แต่ต้องรับผิดชอบและมีวินัยกับตัวเองเพราะอาจารย์ไม่ทวงงานเหมือนสมัยมัธยม ถ้าไม่ส่งก็อดคะแนนไปตามระเบียบ ดังนั้น เด็ก ๆ อย่าเพิ่งกลัวการเรียนมหาวิทยาลัยนะ ไม่มีอะไรหนักเกินคนจะสู้หรอก อุตส่าห์สอบเข้าไปเรียนได้แล้ว ก็ต้องจบออกมาได้สิ เนอะ
พี่จบปีนี้ และมองว่าบางข้อก็เกินจริงไป (แล้วแต่บางคณะ) พูดแบบนี้น้องๆที่กำลังจะเข้าปี1ก็หมดกำลังใจแย่เลย เอาเป็นว่าต้องรู้จักแบ่งเวลาให้เป็น เลือกคบเพื่อนที่ดี ก็พอแล้วค่ะ
มันไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ มันจะหนักเป็นช่วงๆเท่านั้นแหล่ะ
สิ่งสำคัญคือ ถ้าหนูมีวินัยในตนเอง แบ่งเวลาให้เป็น
มันก็ไม่เหลือบากกว่าแรงหรอกเนอะ ^^ อย่าเพิ่งกลัวมากไป
ลงคณะที่เกี่ยวกับภาษาไปด้วย...ตอนสอบจะรอดมั้ยเนี่ย?
ปกติเรียนมัธยมก็นอนดึกอยู่แล้วเพราะงานเยอะ นอนประมานตีสองทุกวัน เข้ามหาลัยจะขนาดไหนเนี่ย นอนตีห้าเลยมั้ยย
ไม่ต้องมหาลัย ก็รู้รสชาติแบบมหาลัยได้คับ ผมผ่านมาแล้ว
พวกที่เรียนสายอาชีพ รู้ดีคับ เรียนวันล่ะ 1-2 คาบ คาบล่ะ 4-6 ชม.
บางวันเลิก 2-3 ทุ่มก็มีคับ กลับบ้าน ตี 3 ตี 4 เพื่อทำโปรเจ็ก ก็เคยมาแล้วคับ
เพราะฉะนั้น น้องๆอย่าไม่กลัวว่ามหาลัยจะยาก แค่น้องๆคิดแล้วลงมือทำ
อย่ารอเวลาแล้วค่อยทำ น้องๆจะผ่านมันไปได้แน่นอนคับ
อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องผู้ชายค่ะ
ดิฉันเคยฝันไว้ว่าจะเจอชายหน้าดีๆแบบคิ้วบอยเดินกันเต็มหมออย่างในโฆษณามหาวิทยาลัย ตามเพจคิ้วบอยงี้ ลงมันทุกวันวันละสามเวลา ดิฉันก็คิดว่าชายมหาลัยนี้ต้องหน้าดีมากแน่ๆ ดีออกโลกความจริงมันไม่ได้ฟรุ้งฟริ้งแบบนั้นเลยค่ะ ไม่เลยสักนิดค่ะ คิ้วบอยอยู่ไหนคะ!!-ที่หน้าดีก็มีผัวแล้ว ย้ำอีกครั้ง มีผัวแล้ว กรี๊ดดดดดด ชะนีไทยไร้ที่ยืนจริงๆ เพราะนั่งอ่านหนังสือหูดับตับไหม้ในห้องแช่ควายอย่างเดียวค่ะ ไม่มีหรอกจ๊ะเวลาส่องคิ้วบอย บัยยยยย//ร้องไห้หนักมาก
ตอนประถมก็เคยมีความคิดแบบฝั่งมัธยมนะ แต่พอขึ้นมัธยมจริงๆกลายเป็นว่าอยากหยุดแค่ม.ปลายก็พอ ไม่เข้ามหาลัยได้มั้ย...แต่คนเขาจบมาตั้งเยอะเราก็ต้องจบได้!สู้เว้ย!