5 ข้อห้าม!! ที่คนเรียนภาษาอย่าทำ ถ้าอยากเรียนภาษาให้รุ่ง

         ซัมเมอร์นี้ น้องๆ คงมีแพลนฝึกภาษาเพิ่มเติม ทั้งเรียนเอง เรียนกับติวเตอร์ เรียนกับสถาบันภาษา ไปจนถึงของบคุณพ่อคุณแม่ เข้าคอร์สฝึกภาษาที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะฝึกแบบไหน ฝึกภาษาอะไร ก็มีประโยชน์ทั้งนั้นค่ะ เพราะลำพังตอนนี้ แค่ภาษาไทยภาษาเดียว ก็แข่งขันกับคนอื่นได้ยากมาก อย่างน้อยก็ต้องได้ภาษาอังกฤษ หรือ ได้ภาษาเพิ่มเติมที่ 3 4 5 จะยิ่งดีสุดยอดเล้ยย

          การเรียนภาษา ไม่ใช่แค่นึกจะเรียน แล้วจะได้ภาษาเค้าภายใน 2-3 วัน แต่ต้องมีความพยายามและใส่ใจกับมันมากๆ เลย บางคนเรียนมา 10 ปี ก็ยังได้เท่าเดิม พี่มิ้นท์เชื่อว่า น้องๆ หลายคนที่ตั้งใจเรียนภาษาจริงๆ มีอยู่เยอะทีเดียว เลยขอฝากข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ว่า อย่าทำ 5 อย่างต่อไปนี้ ถ้าคิดจะเรียนภาษา

 

 
   ø 1. ห้าม "อาย"
         อายครูไม่รู้วิชา อายการใช้ภาษาไม่รู้เรื่อง (นี่มันสำนวนอะไรเนี่ย) คิดจะฝึกภาษา แต่อาย ไม่ใช่เรื่องที่ถูกนะคะ ส่วนใหญ่น้องๆ ไม่กล้าพูด เพราะกลัวพูดผิด สำเนียงไม่ดี ไม่กล้าคุยกับเจ้าของภาษา จึงได้แต่คิดและบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว ระวังจะเป็นใบ้เอานะคะ และถ้าเราอายไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่จะเกิดความกล้าล่ะ ตรงกันข้าม ถ้ากล้าพูดบ่อยๆ จะเป็นความเคยชิน และภาษาเราก็จะค่อยๆ กระเตื้องขึ้นเองค่ะ    
         ปัญหา "อาย" ถือว่าเป็นอุปสรรคใหญ่ของการเรียนภาษาเลยล่ะ ยิ่งเราไม่ได้พูดเลย เราก็จะไม่รู้ว่าเราผิดตรงไหน บางทีไม่ต้องพูดตามแกรมม่าเป๊ะ เจ้าของภาษาก็ฟังรู้เรื่องค่ะ ไม่มีใครมาหัวเราะเยาะแน่นอน ลองคิดดูสิ ฝรั่งที่ฝึกพูดภาษาไทย เราก็ตั้งใจฟัง พูดผิดๆ ถูกๆ เราก็เข้าใจ แถมยังดูน่ารักอีกต่างหาก
    
 
  ø 2. ห้าม "ขี้เกียจ"
         จะทำสิ่งใดให้ประสบความสำเร็จ "ความขยัน" เป็นปัจจัยสำคัญเลยล่ะ เช่น จะสอบ ก็ห้ามขี้เกียจอ่านหนังสือ อยากผอม ก็อย่าขี้เกียจออกกำลังกาย เป็นต้น การฝึกภาษาก็เช่นกัน เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยภาษาของเรา เริ่มแรก เราต้องรู้จักคำศัพท์ ต่อให้มีเทคนิคดีเลิศแค่ไหน ถ้าขี้เกียจเรียนรู้และจดจำ ผ่านไปร้อยปีก็ไม่รู้ว่าจะจำได้ถึงร้อยคำหรือเปล่า หากลองไปถามรุ่นพี่ที่เก่งภาษามากๆ น้องๆ จะรู้คำตอบเลยค่ะ ว่าที่เค้าได้มาขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่มาจากความพยายามล้วนๆ ถ้าไม่อยากย่ำอยู่กับที่ก็ห้ามขี้เกียจเด็ดขาด
         นอกจากนี้ อย่าขี้เกียจหาความรู้เพิ่มเติม เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในหนังสือ ตื่นเช้ามาลองเปลี่ยนไปดูข่าวภาษาอังกฤษ เปลี่ยนไปฟังเพลงสากล เลือกดูหนังซาวน์แทรค หรือ เรียนภาษาในช่องทางออนไลน์ต่างๆ

 

 

   ø 3. ห้าม "คิดว่าเราคงไม่มีปัญญาเรียนภาษาได้"
         มันก็เหมือนกับเราจะไปสอบ แต่คิดว่าสอบตกแน่ๆ เหมือนกับแช่งตัวเองแล้วก็ดูถูกตัวเองไปในตัว มันเป็นจุดบอดของการเรียนภาษา คิดแบบนี้ก็เหมือนเรายอมแพ้แล้วว่า เรียนไปก็ไร้ค่า อย่าไปเรียนมันดีกว่า ลองคิดถึงตัวเองตอนเด็กๆ สิ  ภาษาไทยเป็นภาษาแรกที่เราได้เรียนรู้ ถ้าตอนเป็นเด็กคิดได้ว่า ไม่เรียนมันละ เรียนไปก็ไม่มีปัญญาเรีนยภาษาไทยได้แน่ๆ วันนี้น้องๆ คงฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาไทยไม่ได้แน่นอน ดังนั้น เอาคำว่าเราทำไม่ได้ออกไปจากหัว ทำตัวเหมือนเด็กที่พร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่าง วันนึงน้องๆ อาจจะพูดภาษาต่างประเทศได้ไฟแล่บเลยก็ได้นะ
    
  
ø 4. ห้าม "พูดแค่ yes no ok thank you"
         พูด 3 คำนี้ได้ ไม่ได้แปลว่าพูดภาษาอังกฤษเป็นนะคะ รวมถึงภาษาอื่นๆ ก็อย่ามัวแต่พูดสวัสดี ขอบคุณ ถ้ามีโอกาสได้คุยกับเจ้าของภาษา ลองเปลี่ยนจากผู้ฟังหรือผู้ถูกสัมภาษณ์ที่นั่งตอบแค่ Yes No มาลองตอบแบบประโยคสนทนาดูบ้าง รวมถึงเป็นฝ่ายถามคู่สนทนาบ้าง เพื่อให้บทสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งในข้อนี้ก็ยึดหลักการเดิมค่ะ "อย่าอาย"
 

 

    ø 5. ห้าม "ใช้ตัวช่วยโดยไม่จำเป็น"
        ตัวช่วยในการเรียนภาษาที่ใช้กันบ่อยๆ คือ Dictionary, Talking Dict และเป็นที่ใช้กันแพร่หลายอยู่ตอนนี้คือ google translate พี่มิ้นท์ไม่ได้ห้ามใช้ dictionary ค่ะ เพราะถ้าเราไม่รู้ศัพท์ก็คงมีแต่ดิคเท่านั้นแหละที่จะช่วยเราได้ แต่ที่อยากให้เพลาๆ ลงหน่อยก็คือ google translate บางคนฝึกอ่านและแปลภาษาอังกฤษ เล่นเอาทั้งประโยคไปวางแล้วกดแปลทีเดียว เสร็จ!! ทำให้น้องไม่ได้ใช้ความพยายามเลย แถมยังได้ความหมายผิดๆ เพี้ยนๆ ด้วย เหมือนกับร้านอาหารที่พี่มิ้นท์เคยไปกิน ใช้ชื่อเมนูน้ำฝรั่งว่า western juice พี่นี่มึนตึ้บเลยค่าา ไม่ต้องสืบเลยว่าใช้โปรแกรมอะไรแปล
         ดังนั้น คิดจะเรียนภาษา ต้องใช้ความพยายามของตัวเองให้เต็มที่ที่สุดค่ะ แล้วสิ่งที่ได้จากความพยายาม จะอยู่กับตัวเราได้นานค่ะ

 
          ท่องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า อย่าอาย อย่าขี้เกียจ อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้ อย่าพูดเป็นแค่ 3 คำ และอย่าใช้ตัวช่วยโกง เพราะนิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษา เกิดขึ้นได้จากความพยายามและใส่ใจกับการเรียนรู้ทุกๆ ขั้นตอนค่ะ

          การเรียนภาษาที่สามให้เก่ง ไม่ใช่เรียนแค่ 3 วันแล้วจะเป็นเลย แต่ต้องใช้เวลาหลายเดือน บางคนก็หลายปี บางคนอาจต้องเรียนทั้งชีวิตก็ได้ ซึ่งถ้าน้องๆ มีข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้จนเป็นนิสัย จะยิ่งทำให้ความฝันที่อยากเก่งภาษา... ไกลออกไปเรื่อยๆ นะคะ

ขอขอบคุณรูปภาพประกอบจาก
www.why.do/why-do-we-study-english/,
www.gotmesh.org/tools-to-help/the-basic-principles-of-learning-the-english-language/

 
พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

toonnycandylittlesweet Member 24 มี.ค. 58 15:45 น. 9

เราเป็นนักเรียนEPนะ ส่วนมากในการใช้ฝึกภาษาก็คือการฟังเพลงสากลแล้วแปลความหมายด้วยตัวเองดูก่อน แล้วหาคำที่ไม่แน่ใจน่ะว่าถูกมั้ย แล้วใช้Social Network ให้เป็นประโยชน์ หาเพื่อนชาวต่างชาติไว้เยอะๆ จะได้ฝึกคุยค่ะ ใครจะเรียนภาษาลองเราวิธีเราไปใช้ได้นะคะเยี่ยม

0
กำลังโหลด
ฆาตกรไร้เดียงสา Member 24 มี.ค. 58 19:57 น. 17

จริงๆ สำหรับเด็กไทย ปัญหาแรกเลย คือ เด็กไม่รู้วิธีออกเสียงจริงๆสำหรับภาษาอังกฤษ

ทำให้เวลาเจอแค่วีซีดีที่ครูเปิดให้ในห้องเรียน ก็ฟังไม่รู้เรื่อง

----------------------------------------------------------------------------------------

สำหรับเรานะ

เราเป็นคนขี้เกียจท่องจำมาก ทำให้สนใจฟัง พอฟังรู้เรื่องก็เริ่มคุ้นกับประโยคง่ายๆ

ทำให้ล้าพูด ขี้เกียจท่องจำแต่ชอบอ่านหนังสือนอกเวลา ทำให้ได้ศัพท์เองอัตโนมัติ

วิธีฝึกง่ายๆ สำหรับคนขี้เกียจเลย คือ

1.ฟังตามหนัง ซีรีย์ จะได้รู้จังหวะการพูด กร่อนคำ เชื่อมคำ ไม่ต้องฟังให้รู้เรื่องหรอก

ฟังๆไปงั้นแหละ ถึงเวลามันจะรู้เดี๋ยวรู้เอง (เราดูหนังซาวแทรค ซับ อังกฤษนะ)

2.อ่านหนังสือนิทาน ภาพสวยๆ ที่เป็นหนังสือนอกเวลาซีเอ็ด อ่านๆไป

อันไหนไม่รู้เรื่องก็ข้ามๆไป พอเจอศัพท์ซ้ำเดี๋ยวจำได้เอง เราชอบอ่านก็เลยได้จากตรงนี้เยอะ

3.พยายามนึกประโยคที่เราอยากจะพูด คิด หรือประโยคที่คนอื่นถามเรามา เป็นภาษาอังกฤษ

จะผิดจะถูกก็ช่างมัน สนุกดี บางทีก็พูดกับกระจก Wow ,Why I'm so beautiful.

ใช้ประโยคผิดๆ ถูกไปเลย หน้าด้านในเรื่องที่ควร 555+ แรกๆการฝึกแบบคนขี้เกียจแบบนี้

จะทำให้ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่าง นึกถึงเวลาเราต้องไปอยู่ใน

สภาพแวดล้อมนั้นๆ เหมือนคนพม่ามาไทย เราคงได้แต่ไม่เข้าใจ ใครพูดอะไร 

แต่เดี๋ยวก็จะเริ่มคุ้นและพูดได้เอง ไม่มีทารกคนไหน เรียนภาษาโดยการท่องจำแกรมม่าก่อน

เพราะฉะนั้น ไปฟังๆ แล้วก็ลองพูด ใส่สำเนียง ใส่สเตรส (stress) 

Don't be shy.  Let's have fun in English or other language.

I can do,you can too.เยี่ยม

1
กำลังโหลด
kittisak krainarong 24 มี.ค. 58 19:48 น. 16
ผมเห็นต่าง ผมว่าต้องเริ่มจาก ปรับทัศนคติผู้สนใจ อันดับแรก เพื่อให้มีมุนมองที่เห็นว่า "โคตรง่าย" แล้วต่อมาคือ "ใจรัก" เท่านี้แหละครับ คือใจรักทำให้ พร้อมต่อสู้ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จากนั้น ผู้สนใจก็หา ภูเขาน้อยๆที่เหมาะกับตัวเอง ค่อยๆ ไต่ ค่อยๆพยาม สำคัญที่สุด คือใจรัก ครับ
0
กำลังโหลด
Nami=[]=; Member 25 มี.ค. 58 16:37 น. 25

ขอเพิ่มจากทั้งหมดหน่อยตามที่เราทำนะ เพราะเราเป็นคนหนึ่งที่ชอบภาษาอังกฤษมากแต่แกรมม่าร่วงลงเหว คำศัพท์ก็ใช้พวกพื้นฐานเอา

 เสียใจ

อย่างแรก พยายามใช้Social Networkในภาษาอังกฤษ ทั้งการโพสต์เฟส ทวิต ตอบไลน์เพื่อ

ลงไอจี ใช้ภาษาอังกฤษให้หมดซะ อาจจะเเค่บางครั้งแต่ก็ลองลงถี่ๆบ่อยๆ อย่างทวิตบ่น

กับตัวเองก็ลองบ่นเป็นภาษาอังกฤษดู และเพราะจาก "Social" พวกนี่ที่เป็นสื่อกลางที่

คนทั่วโลกใช้เราก็อาจจะเจอคนFollowจากต่างแดนมาทวิตคุยเรื่องที่สนใจด้วยกัน

(อย่างเราเป็นแฟนคลับOne direction ก็จะตามข่าวหรือไม่ก็คุยกับกลุ่มแฟนคลับด้วยกันจากหลายๆประเทศ)

หรือไม่ก็ติดตามพวกQuotes โดนๆไม่ก็ทวิตฮาๆของฝรั่ง

(แนะนำแอคทวิต WowSoPunny, ComedyorTruth, Sheldon_Jokes, TheFunnyTeens)

และอิทธิพลจากที่เราทั้งตาม ทั้งอ่าน ทั้งดูพวกฮาๆหรือไม่ก็สิ่งที่ชอบทั้งหลายคือสำนวนแปลกๆและศัพท์ค่ะท่านผู้ชม 

แต่ส่วนมากถ้าตามแอคเอาฮามักจะได้ Urban words (หยาบและฮา) 

ถ้าตามพวกข้อความโดนๆมักจะได้ศัพท์สวยๆ (เช่น Sincerely, Genuinely เป็นต้น)

ส่วนตัวแล้วเป็นคนค่อนข้างหยาบพอตัวเพราะงั้นจะชอบอ่านพวกUrbanมาก ฮ่าๆ

เวลาคุยกับเพื่อนแล้วมีสีสันดี เช่นปกติทักเพื่อน Hey friend หรือ Hey dude ก็เปลี่ยนเป็น

Hey pal. x (น่ารักไปอีกแบบนะคะ 55)

         ต่อไปก็ลองพูดหรือคิดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษบ่อยๆ (อย่าเเคร์ใครหาว่าบ้า)

เหมือนกับเราพูดเองฟังเองขำภาษาเราเองมั่ง เอาให้เป็นนิสัยเลย เราไปแลกเปลี่ยนมาปีหนึ่ง

ในช่วงปีนั้นเราพยายามคิดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษตลอดและบางครั้งก็ชินไปเลย

คิดอัตโนมัติ มันคิดปรื้ดไปเองจริงๆ บางครั้งก็ตกใจตัวเอง 555

(เขวี้ยงแกรมม่าทิ้งไป เราจะไม่ขอกล่าวถึง)

          ต่อมมาคือเวลาฟังเพลง ฟังคนอื่นพูด ดูซีรี่ย์หรือคลิปให้เเปลจากอังกฤษเป็นอังกฤษ 

อย่าพยายามค่อยๆแปลเป็นภาษาไทย ไม่ทันกินต่างชาติเค้าหรอกค่าา

ตอนแรกอาจจะยากและสับสนงุนงงมาก(ยิ่งพวกBritish accent1000000000% แทบคลั่ง)

แต่เชื่อเราเถอะ มันรุ่งจริงๆนะ เราจะสามารถพัฒนามาอยู่ในจุดที่สามารถสรุป

ได้ว่าคู่สนทนาเราพูดอะไร ถึงจะได้100% อย่างน้อยก็ 70% หละว้าา

          ส่วนแกรมม่า... ไว้อาลัยให้แกรมม่าเค้าด้วย 555 เราห่วยแกรมม่ามากแต่บาง

ครั้งก็เรียนรู้จากประโยคที่เพื่อนพูดใส่บ่อยๆอ่ะ เหมือนกับซึมซาบอะไรเถือกนั้น

แต่ก็พัฒนาช้ามาก แต่ไม่เป็นไร เวลาพัฒนายังอีกเยอะ -..-

ที่พล่ามมานี่ไม่ได้สอนนะ แต่มันคือสิ่งที่เราทำและเราคิดว่ามันได้ผลเลย

เอามาบอกต่อ ทำแล้วได้ผลก็ต้องแชร์ๆกันไป xx

Edit เพราะอ่านยากมาก ขอโทษค่ะ _ _

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด

38 ความคิดเห็น

kammyExoLove Member 24 มี.ค. 58 12:58 น. 1

ใช่เลย อยากเก่งอังกฤษ อยากพูดให้เป็น แต่บางครั้งพอเจอหน้ากันจริงๆกลับตื่นเต้นจนพูดไม่ออกเลยอ่า ร้องไห้ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆที่ช่วยชี้แนะให้เราด้วยนะ เย้เย้

 

0
กำลังโหลด
RD Nop Member 24 มี.ค. 58 13:10 น. 2

จะให้เป็นภาษาต้องทำตาม 5 ข้อนี้จริงๆ = =

เวลาเจอของจริงก็เวริคทูเดาสำเนียงไม่ถูกใช้คำไม่ถูกไม่เป็นไรแค่เค้าฟังเราเข้าใจพอแล้ว เยี่ยม

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กุลภรณ์ Member 24 มี.ค. 58 15:15 น. 5

มั่วเลยค่ะ ไถๆไป อาศัยจำศัพท์เยอะๆ ครูต่างชาติหรือเพื่อนต่างชาติเขาจะช่วยแก้ให้เองว่าคำไหนผิด หรือเรียนสองภาษาก็ได้แค่ ม.1-ม.3เราก็พอพูดได้แล้วเพราะใช้ทุกวัน เรียนภาษาใช้ความจำ ใช้ความเคยชินและใช้เวลานิดหน่อยเองค่ะ ไม่ยากอย่างที่คิด

0
กำลังโหลด
Warinthon Tantrajin Member 24 มี.ค. 58 15:28 น. 6

อยากรู้ อยู่ 3 ภาษา

1. อังกฤษ  ใช้ในชีวิตประจำวัน

2. จีน  ใช้ในชีวิตประจำวันเหมือนกัน //ตอนเรียน

3. อาหรับ อันนี้ยากนะ แต่พยายามเรียนรู้ มีเพื่อนเป็นคนอาหรับในเฟสบุ๊ค นางนิสัยดีมากๆ 

ชั้นต้องพูดให้ได้ สู้ๆ 

ตั้งใจ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
toonnycandylittlesweet Member 24 มี.ค. 58 15:45 น. 9

เราเป็นนักเรียนEPนะ ส่วนมากในการใช้ฝึกภาษาก็คือการฟังเพลงสากลแล้วแปลความหมายด้วยตัวเองดูก่อน แล้วหาคำที่ไม่แน่ใจน่ะว่าถูกมั้ย แล้วใช้Social Network ให้เป็นประโยชน์ หาเพื่อนชาวต่างชาติไว้เยอะๆ จะได้ฝึกคุยค่ะ ใครจะเรียนภาษาลองเราวิธีเราไปใช้ได้นะคะเยี่ยม

0
กำลังโหลด
Dark of days Member 24 มี.ค. 58 15:56 น. 10

แนะนำสำหรับคนไม่กล้าคุยด้วยนะคะเพราะเวลาพูดมันจะคิดศัพท์ไม่ออก พยายามพูดให้บ่อย อยู่ด้วยให้บ่อยค่ะ จะกล้าพูดด้วยพูดได้ทันทีค่ะ

จากประสบการณ์ตรงเราใช้ชีวิต(?)อยู่กับหมวดภาษาอังกฤษมา 2 ปีค่ะ เข้าออกเหมือนห้องเรียนหลังที่สอง สนิทกับครูฟิลิปปินส์คนหนึ่ง เรากล้าพูดกับนางเลยนะพอเริ่มคุยกันบ่อย แถมกล้าเขียนจดหมายแบบถูกๆผิดๆส่งไปด้วย ถือว่าไปอีกทางช่วยหนึ่งในการฝึกให้กล้าพูดกับฝรั่งนะคะ ที่โรงเรียนพยายามติดกับฝรั่งไว้ หาอะไรก็ได้เด่นๆเกรียนๆไปนำเสนอแกแกจะจดจำเราทันทีค่ะ 55 เยี่ยม

0
กำลังโหลด
NoffyMofy Member 24 มี.ค. 58 15:58 น. 11

ข้อ5ถึงจะแปลgoogleแต่เวลาแปลเราก็ดูความหมายคำแล้วก็ต้องตรวจสอบประโยคอยู่ดีเพราะรู้ว่ามันแปลตรงตัว(มากกกกก) ไม่ได้ยกทั้งหมดที่แปลไปใช้เลยซะหน่อย สำหรับเราคิดว่ามันช่วยได้ดีนะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
lb'skLyrmN Member 24 มี.ค. 58 16:28 น. 13

ใช้ google translate แปลทั้งประโยค... นั่นเป็นความคิดที่มหัศจรรย์มากครับ

แค่พิมพ์ประโยคง่ายๆ มันก็แปลผิดไวยากรณ์แล้ว อย่าไปหวังกับการให้มันแปลประโยคยาวๆที่มีศัพท์แปลกตาเลย คุณจะได้คำแปลที่ทั้งเรียบเรียงคำเพี้ยนๆแล้วก็น่าขำมากๆกลับมาแน่ครับ

1
กำลังโหลด
Eye Pareena 24 มี.ค. 58 17:52 น. 14
ภาษาอังกฤษไม่ยากค่ะเชื่อเรา แค่มี 1.การฟังเพลงสากล 2.ท่องศัพท์บ่อยๆ 3.อ่านหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษและสุดท้ายนั่นก็คือ...การไม่ถ้อยหรือการดูถูกตัวเอง(ท้อได้...แต่อย่าถ้อย) การสื่อสารความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องแคร์ Grammar แต่ถ้าเราสอบหรือเป็นเรื่องการเขียน Grammar สำคัญค่ะ สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ
0
กำลังโหลด
whatever 24 มี.ค. 58 18:02 น. 15
สำคัญสุดคือห้ามอายจริงๆนะ ทุกวันนี้เราพูดได้4ภาษา เราเรียนเอง เริ่มตั้งแต่0เลย ข้อห้ามเอาแต่พูดเยสโนโอเคก็จริงมากกก ใช้ผิดใช้ถูกก็ลองพยายามสร้างประโยคขึ้นมาอะ เพราะเวลาเราพยายามจะสร้างประโยคเราจะต้องคิดด้วยใช่มั้ยล่ะ มันเหมือนทวนที่เคยรู้มาด้วย แต่ข้อสุดท้ายเราไม่เห็นด้วยอย่างแรงมากกกก คือสองภาษาที่เราเรียนด้วยตัวเองนั่นมันก็ผลประโยชน์จากกูเกิ้ลทรานส์เยอะเลย ลองดูนะทุกคน ภาษาที่3ที่4มันไม่ได้ไกลตัวขนาดนั้น อย่าคิดว่าภาษาอังกฤษยังไม่รอดเลยจะให้ไปภาษาอื่นได้ยังไง(เพื่อนเราพูดงี้เวลาเราบอกให้ลองไปศึกษาภาษาอื่นๆกันเยอะมากก) คือไงดี พูดหยาบหน่อยก็ "แกโง่อังกฤษก็จริง แต่แกอาจจะไม่โง่ภาษาอื่นก็ได้ไง" เป็นกำลังใจให้ทกคนน้า~
0
กำลังโหลด
kittisak krainarong 24 มี.ค. 58 19:48 น. 16
ผมเห็นต่าง ผมว่าต้องเริ่มจาก ปรับทัศนคติผู้สนใจ อันดับแรก เพื่อให้มีมุนมองที่เห็นว่า "โคตรง่าย" แล้วต่อมาคือ "ใจรัก" เท่านี้แหละครับ คือใจรักทำให้ พร้อมต่อสู้ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จากนั้น ผู้สนใจก็หา ภูเขาน้อยๆที่เหมาะกับตัวเอง ค่อยๆ ไต่ ค่อยๆพยาม สำคัญที่สุด คือใจรัก ครับ
0
กำลังโหลด
ฆาตกรไร้เดียงสา Member 24 มี.ค. 58 19:57 น. 17

จริงๆ สำหรับเด็กไทย ปัญหาแรกเลย คือ เด็กไม่รู้วิธีออกเสียงจริงๆสำหรับภาษาอังกฤษ

ทำให้เวลาเจอแค่วีซีดีที่ครูเปิดให้ในห้องเรียน ก็ฟังไม่รู้เรื่อง

----------------------------------------------------------------------------------------

สำหรับเรานะ

เราเป็นคนขี้เกียจท่องจำมาก ทำให้สนใจฟัง พอฟังรู้เรื่องก็เริ่มคุ้นกับประโยคง่ายๆ

ทำให้ล้าพูด ขี้เกียจท่องจำแต่ชอบอ่านหนังสือนอกเวลา ทำให้ได้ศัพท์เองอัตโนมัติ

วิธีฝึกง่ายๆ สำหรับคนขี้เกียจเลย คือ

1.ฟังตามหนัง ซีรีย์ จะได้รู้จังหวะการพูด กร่อนคำ เชื่อมคำ ไม่ต้องฟังให้รู้เรื่องหรอก

ฟังๆไปงั้นแหละ ถึงเวลามันจะรู้เดี๋ยวรู้เอง (เราดูหนังซาวแทรค ซับ อังกฤษนะ)

2.อ่านหนังสือนิทาน ภาพสวยๆ ที่เป็นหนังสือนอกเวลาซีเอ็ด อ่านๆไป

อันไหนไม่รู้เรื่องก็ข้ามๆไป พอเจอศัพท์ซ้ำเดี๋ยวจำได้เอง เราชอบอ่านก็เลยได้จากตรงนี้เยอะ

3.พยายามนึกประโยคที่เราอยากจะพูด คิด หรือประโยคที่คนอื่นถามเรามา เป็นภาษาอังกฤษ

จะผิดจะถูกก็ช่างมัน สนุกดี บางทีก็พูดกับกระจก Wow ,Why I'm so beautiful.

ใช้ประโยคผิดๆ ถูกไปเลย หน้าด้านในเรื่องที่ควร 555+ แรกๆการฝึกแบบคนขี้เกียจแบบนี้

จะทำให้ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่าง นึกถึงเวลาเราต้องไปอยู่ใน

สภาพแวดล้อมนั้นๆ เหมือนคนพม่ามาไทย เราคงได้แต่ไม่เข้าใจ ใครพูดอะไร 

แต่เดี๋ยวก็จะเริ่มคุ้นและพูดได้เอง ไม่มีทารกคนไหน เรียนภาษาโดยการท่องจำแกรมม่าก่อน

เพราะฉะนั้น ไปฟังๆ แล้วก็ลองพูด ใส่สำเนียง ใส่สเตรส (stress) 

Don't be shy.  Let's have fun in English or other language.

I can do,you can too.เยี่ยม

1
กำลังโหลด
Ceecy KTMRN Member 24 มี.ค. 58 20:35 น. 18

ข้อแรกนี่ปัญหาหนักมาก.. เขินอ่ะ ไม่กล้าพูด 5555555555

ตอนนี้เราก็พยายามฟังข่าวภาษาอังกฤษบีบีซี ฟังเพลงสากล ดูหนังซาวน์แทร็คโดยเฉพาะแฮร์รี่พ็อตเตอร์กับเพอร์ซีย์ดูทีไรแล้วไม่เบื่อเลยจริงๆ ตอนนี้รู้สึกเลยว่าฟังเริ่มรู้เรื่องขึ้น อ่านหนังสือภาษาอังกฤษนอกเวลาของซีเอ็ดอ่ะดีจริงๆนะต้องลองยิ่งมีแผ่นซีดีด้วยยิ่งดี บางครั้งก็ฝึกอ่านออกเสียงตามแผ่นนะสนุกดี  

ส่วนภาษาฝรั่งเศสที่เราเรียนอยู่นี่ง่อยมาก ไม่ค่อยได้ฝึกเท่าไหร่เลย..   เสียใจ

0
กำลังโหลด
เย่ เย่ 24 มี.ค. 58 21:07 น. 19
เราก็พยายามอยู่ ที่จะพูดกับเค้า เราก็ไมาอายนะไม่กลัวด้วย แต่ทว่า ก็ห่วงเรื่องใช้เท้น ดับคำศัพท์นี่แหละ ก็ำยายามเรียนไปเรื่อยๆละกันเนอะ เดี๋ยวก็ได้เอง พวกเราทุกคนต้องทำได้แน่นอนอยู่แล้ววววว สู้ๆ
0
กำลังโหลด
nstthj 24 มี.ค. 58 22:25 น. 20
เราเป็นประเภทที่แบบไม่ค่อยกล้าพูดกล้าแสดงออกเท่าไหร่ คือถามว่ารู้เรื่องมั้ย ก็พอรู้บ้าง แต่ตอนจะพูดกลัวมันผิด กลัวโดนหักหน้า กลัวโดนนินทาว่าพูดไม่เป็นยังจะพูด กลัวไปซะหมด เวลาทำงานก็ทำยากอ่า เลยกลายเป็นคนไม่ค่อยสนโลกไปเลย ไม่อยากเป็นงี้นะ ทำไงดีวะ :( ไม่มั่นใจในตัวเองอ่า ทำอะไรก็จะทำจริงจังๆไปเลย ตั้งใจมากเกินไป ไม่สนใจคนรอบข้างเท่าไหร่ จนบางทีเราอาจจะกลายเป็นท่อนไม้ที่วางนิ่งๆอยู่หน้าคอมไปแล้วอ่า (อายุแค่ 16 แต่เป็นขนาดนี้แล้ว เก็บกดอยู่นะ)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด