สวัสดีค่ะน้องชาว Dek - D เจอกับพี่เมษ์และคอลัมน์ Top 10 Education เรื่องท็อปสุดชิคที่เราอาจคิดไม่ถึงด้านการศึกษา วันนี้เรามาคุยกันเรื่องความเจ็บปวดของเด็กๆ แบบเรากัน ผู้ใหญ่อาจจะมองว่าชีวิตเด็ก ที่วันๆ แค่ไปเรียน แล้วกลับบ้าน คงไม่เจ็บปวดอะไร แต่พี่เมษ์ว่าไม่จริงหรอก มาดูกันว่า เราเจ็บปวดกับเรื่องอะไรบ้าง
1. แบกรับความหวัง
ที่ตั้งใจเรียน พยายามทำเกรดให้ดี พยายามสอบให้ได้ที่เรียนดีๆ พยายามทำทุกอย่าง บางครั้งก็ไม่ใช่เพราะอยากทำหรอกนะ มันเพราะเด็กอย่างเราต้องแบกรับความหวังของพ่อแม่เอาไว้เต็มสองมือเล็กๆ มันเจ็บปวดนะที่เราไม่สามารถทำให้คนที่เรารักผิดหวังได้ แต่มันก็เจ็บปวดเหมือนกันที่ต้องแบกรับอะไรมากมาย
credit :
Facebook Fanpage : เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด
2. ไม่มีเวลาทำอะไรนอกจากการบ้าน / เรียนพิเศษ
1 วันของชีวิตเด็กๆ วัยเรียนแบบเรา นอกจากเรียนที่โรงเรียนแล้ว ยอมรับค่ะ ว่าเวลาที่เหลือ ทุ่มเทไปที่การทำการบ้าน ไปเรียนพิเศษ ทำการบ้านของที่เรียนพิเศษ ฯลฯ เรียน และทำการบ้านทั้งวัน ไม่มีเวลาทำอย่างอื่น ไม่มีช่วงเวลาสร้างความสุขของชีวิตที่ควรจะเป็นตามช่วงวัยหรอกนะ มันก็เจ็บปวดเหมือนกันที่เป็นแบบนี้
credit : Facebook Fanpage : เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด
3. ขาดอิสระ ถูกบังคับอยู่ในกรอบ
ทั้งกรอบของบ้าน กรอบของโรงเรียน กรอบของสังคม ที่กะเกณฑ์ไว้ว่าเราต้องเป็นอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ ต้องตัดผมแบบนี้ ต้องแต่งตัวแบบนี้ ฯลฯ ทุกอย่าง คือกรอบที่ควบคุมเรา ทั้งๆ วัยเด็กแบบเราควรได้คิด สร้างสรรค์ และแสดงออก แล้วไหนละ พื้นที่แสดงออกสิ่งเหล่านั้น
credit : Facebook Fanpage : เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด
4. ถูกเอาไปเปรียบเทียบ
เป็นเด็กแบบเราแค่พยายามมันยังไม่พอ ต้องดีที่สุด ต้องดีกว่าคนอื่นๆ ,,, มันเจ็บปวดกับคำพูดที่ว่า ทำไมทำไม่ได้เหมือนลูกคนอื่นเค้า ทำไมทำไม่ดีเท่าคนนั้นคนนี้ ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้ตั้งใจทำให้พ่อแม่เสียหน้า เราทำดีที่สุดแล้ว
credit : Facebook Fanpage : เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด
5. ถูกบังคับให้ "เป็น" ตามใจพ่อแม่
มันเป็นเส้นทางที่พ่อแม่ปูมา โดยไม่ได้ถามว่าอยากเรียนสิ่งนั้นมั้ย อยากเป็นแบบนั้นไหม อยากทำอาชีพนี้รึเปล่า แต่ทุกวันนี้ มันไม่ใช่เลย หลายคนถูกบังคับให้ "เป็น" ตามใจพ่อแม่ ต้องเรียน ต้องพยายามเพื่อให้พ่อแม่พอใจ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการ
credit : Facebook Fanpage : เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด
6. ไม่ได้ทำสิ่งที่ชอบ
ทั้งที่อยากทำอะไรมากมายที่ชอบ แต่กลับไม่ได้ทำ เพราะต้องทำในสิ่งที่พ่อแม่ชอบ และอยากให้ทำ จนบางครั้งต้องถามตัวเองว่า แล้วสิ่งที่เราอยากทำล่ะ? อยู่ตรงไหน มันน่าเศร้านะ ที่อยากทำอะไรก็ไม่สามารถทำได้ แต่ต้องทำสิ่งที่ไม่ชอบแทน ทั้งเรื่องเรียน เรื่องกิจกรรม เรื่องงานอดิเรก
credit : Facebook Fanpage : เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด
7. เพื่อนไม่ยอมรับ
สังคมเพื่อนในโรงเรียนเป็นสังคมที่เราอยากได้รับการยอมรับมากที่สุด เพราะมันทำให้เรามีเพื่อน มีมิตรภาพที่น่าจดจำ แต่ถ้าเกิดความไม่เข้าใจ จนทำให้เพื่อนๆ ไม่ยอมรับเรา ชวนกันเห็นเราเป็นคนอื่น หรือเห็นว่าเราไม่ใช่เพื่อน เราก็เจ็บปวดเป็นนะว่ามั้ย เพราะวัยรุ่นทุกคน ต้องการการยอมรับด้วยกันทั้งนั้น
credit : Facebook Fanpage : เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด
8. ถูกมองเป็นตัวตลก
เวลาที่เราตั้งใจ ยกมือตอบคำถาม ถามคำถามคุณครู หรือทำอะไรสวนกระแสสังคมเพื่อนๆ ในโรงเรียนแต่กลับถูกมองว่าเป็นตัวตลกทั้งที่สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่กลับถูกมองเป็นตัวประหลาด มองเป็นตัวตลก บางคนไม่พอใจ บางคนหมั่นไส้ไม่ชอบเราไปซะงั้น ไม่มีใครอยากเจอเรื่องแบบนี้หรอกจริงรึเปล่า?
credit : Facebook Fanpage : เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด
9. ถูก "ห้าม" อย่างไม่มีเหตุผล
ห้ามพูด ห้ามเถียง ห้ามแสดงความคิดเห็น ห้ามกลับบ้านดึก ห้ามมีแฟน ห้ามคบเพื่อนคนนั้น ห้ามคุยกับเพื่อนคนนี้ ฯลฯ ข้อห้ามหลายอย่างจำกัดสิทธิ์ จำกัดความคิด แถมยังไม่เข้าใจด้วยว่า ทำไมต้องห้าม บางอย่างเราก็มองว่าไม่มีเหตุผลด้วยซ้ำ แต่ทำได้แค่ปิดปาก และทำตาม
credit : Facebook Fanpage : เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด
10. ดีแค่ไหนก็ไม่พอ
แม้เราจะทำดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังดีไม่พอ จนไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ดีพอกับที่พ่อแม่ต้องการ ไม่รู้ว่าต้องทำแบบไหนแล้วจะดีพอ เหมือนไม่มีที่ยืน ไม่รู้ว่าต้องเรียนให้เก่งแค่ไหน ไม่รู้ว่าต้องทำอีกเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าต้องได้เกรดดีขนาดไหน ฯลฯ เหนื่อยและแสนจะเจ็บปวดเท่าไหร่ ใครจะเข้าใจ
credit : Facebook Fanpage : เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด
นี่แหละค่ะ ความรู้สึกที่สะท้อนจากเสียงของเด็กหลายคน เพราะเป็นเด็ก(นักเรียน)จึงเจ็บปวด ใครบอกว่าแค่เรียนไปวันๆ จะไม่เหนื่อย จริงๆ แล้ว เราไม่ใช่แค่เรียนเฉยๆ ให้จบแล้วไปทำสิ่งที่ตัวเองรักได้อย่างที่ต้องการหรอกนะ เราต้องแบกอะไรไว้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อเลยด้วยซ้ำ
ส่วนสัปดาห์หน้าจะมีเรื่องราวอะไรมาให้ดูกัน ต้องลุ้นต่อไปนะคะ แล้วกลับมาเจอกันใหม่ได้ในวันพฤหัสบดีหน้า วันนี้ไปก่อนนะคะ บ๊ายยยยย
ขอบคุณภาพประกอบจาก
Facebook Fanpage : เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด
https://www.facebook.com/pages/เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด/1531814500414706
108 ความคิดเห็น
ตรงมากค่ะพี่ ยิ่งข้อห้ามทำงานอดิเรกที่ชอบ เรียนตามที่พ่อแม่ต้องการนี่มัน......
พ่อแม่เรายังไม่เป็นอย่างนี้นะ แต่ก็มีห้ามๆบ้างแหล่ะ =__=
ไม่ได้บังคับว่าต้องทำยังไง เรียนต่ออะไร แต่ก็มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัวมากกว่า
ว่าเราควรทำอะไร ควรอยู่กับอะไรในขณะนั้นๆ แล้วควรทำอะไรต่อ ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวมันต้องทำให้ได้ คือจะเลือกคณะทีต้องคิดยาวไปว่าเราต้องลงสนามแข่งขนาดไหน ต้องทำยังไงถึงจะมีงานทำเลี้ยงดูตัวเองและพ่อแม่ได้
เราตรงข้อ 4
ข้ออื่นไม่เท่าไร
แต่ข้อ4นี่ละ
เจบปวดอย่างแรง
แทบอยากแชร์ให้พวกญาติๆอ่าน (บังเอิญว่าไม่มีทั้งไลน์และเฟซ555+) ชอบถามกันจังเลยว่า "อยากเป็นอะไร" และ "อยากเข้าที่ไหน" คือบางทีก็อยากแกล้งตอบคณะที่ไม่ใช่พวกแพทย์เหมือนกัน อยากจะรู้ว่าพวกเขามีอาการยังไง
เจ็บสุดก็ข้อ 5 นี่แหละ สำหรับเรานะ
แต่ละข้อนี้ยอมรับเลยว่า จริง เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวดTT
ใช่เลย
สำหรับผมนะครับ.......
ข้อ 1 ตรงมาก พ่อกับแม่รวมถึงคนในครอบครัวตั้งความหวังไว้มาก ยิ่งเป็นลูกชายคนเดียวยิ่งเยอะไปใหญ่
ข้อ 2 หากเราแบ่งเวลาให้ถูก เราก็จะมาเวลาทำอย่างอื่นได้เหมือนกันครัฟ
ข้อ 3 มันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้วครับ เราเป็นนักเรียนก็แต่กายให้ถูกระเบียบ เราใช้เวลาที่ที่โรงเรียนแค่ 10 ชั่ว เราไม่ได้อยู่ 24 ชั่วโมงซักหน่อย ดังนั่น ปฏิบัติตามกฏระเบียบ รร แค่ 10 ชั่วโมงต่อวันคงไม่มากไปหรอกครับ และอย่างห็จะช่วยให้เราเป็นคนมีระเบียบ ไปเรียนหรือทำงานที่ไหนก็มีแต่คนอยากรับ
ข้อ 4 สำหรับผม แต่ก่อนก็เคยโดนเปรียบเทียบแต่พอโตมาคำพูดในเชิงเปรียบเทียบก็หายไป เพราะถ้าเปรียบเทียบเราในเชิงที่ดี ก็รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ถ้าเปรียบเทียบในเชิงลบ เราก็จะรู้สึงหมดกำลังใจ
ข้อ 5 พ่อแม่ของแต่ละคนไม่เหมือนกันแต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง พ่อกับแม่ก็เลือกสิ่งที่ดีสุดให้กับลูกอยู่แล้ว กรากระทำของพวกท่ายย้อมมีเหตุผล อยู่เสมอครับ
ข้อ 6 อันนี้เราต้องคุยกับพ่อแม่ให้รู้เรื่องบอกท่านไปพร้อมกับอธิบายเหตุผลให้ละเอียดว่าสิ่งที่เรามันเป็นประโยชน์หรือให้โทษอย่างไร ผมเชื่อว่าพ่อกับแม่คงไม่ใจร้ายไม่ให้ลูกทำในสิ่งที่ชอบ
ข้อ 7 การที่เพื่อนไม่ยอมรับมันก็ต้องมีเหตุผลละครับ อยู่ดีๆจะไม่ย้อมรับทั้งๆที่เราไม่ทำไรผิดก็โทรเรียกแพทย์จิตเวช์มาตรวจสอบแล้วแหล่ะ หรือถ้าเราผิดจริง เราก็ควรนำเรื่องที่ผิดมาแก้ไขอย่าให้เป็นปมด้อยของเรา เพราะต้อนประถมผมก็เคยมีปมด้วย เพื่อไม่ยอมรับ แต่ในตอนนี้ เพื่อนทั้งหลายกลับพร้อมใจให้ผมมาเป็นหัวหน้าห้องคอยดูแลสมาชิกในห้อง ด้วยเหตุที่ว่าผมแก้ไขถึงเราจะย้อนกลับไปแแก้ไขเรื่องราวในอดีตไม่ได้แต่เราก็เลือกที่จะทำวันนี้ให้ดีได้นะครับ
ข้อ 8 ตัวตลก สำหรับผมแล้ว ถ้าเราทำในสิ่งที่ถูกต้องเราจะอายทำไม ทำตัวสบายคิดเข้าไว้ว่าสิ่งที่เราทำวันถูกต้อง ถึงใครจะมองยังไงก็ชั่ง เป็นตัวของเราที่สุด
ข้อ 9 ถูกห้าม ยอมรับครับ ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่เคยห้ามลูกหรอกคับ พ่อกลับเข้าเป็นห่วงและหวังดีอยากให้ลูกทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่อยากให้ลูกเจอในสิ่งที่ดีๆ ที่ท่านห้าม ก็เพื่ออนาคตเราข้างหน้าเราจะได้ไม่ผิดหวัง เพราะบางคน พ่อแม่ห้ามไม่ฟัง แต่สุดท้านคนที่เป็นทุกคือพ่อแม่ของเรานะครับ
ข้อ 10 ข้อนี้ตรงกลับผมมาก แต่ตอนนี้ท่านเริ่มปล่อยวางบ้างแล้ว ขอแค่ไม่ติด 0 ร มส แค่นี้ท่านก็ดีใจแล้วแต่สำหรับบางคนพ่อแม่คาดหวังในผลการเรียนลูกมาก ลูกทุนให้ลูกไปเรียนพิเศษ แต่พอเกรดออก ก็ไม่ต่างอะไรกับเพื่อนคนที่ไม่ได้เรียนพิเศษ แต่ทั้งนี่ขึ้นอยู่กลับเราด้วย ที่พ่อแม่หวังในเรื่องเกรดของลูกมาก ก็เพราะอยากให้ลูกมีการงานที่ดี มีอนาคตที่ดีในวันข้าง เหมือนคำที่ว่า ปัญญาประเสิรฐกว่าทรัพย์ ใครมีปัญญามากกว่า ถ็ถือว่ามีชัยไปแล้วครึ่งหนึ่งแต่ยังไงเราก็ควรที่จะพยายามนะครับ (ถึงเกรดผมจะน้อยแต่ผมก็ไม่ได้ไปฆ่าใครตายหรือทำให้ใครเดือดร้อนนะครับ ดังนั้นโปรดเข้าใจด้วย#แค่สมองมันไม่ทำงานในตอนเรียนเลยจำอะไรไม่ค่อยได้ -_-)
ขอโทษนะครับที่คอมเม้นผมยาวไปหน่อย
ถูกต้องเลยล่ะ เราพูดหรือทำอะไรไม่ได้เลย พอพูดก็หาว่าเถียง พอเงียบก็บอกว่าไม่มีอะไรจะแก้ตัวล่ะสิ เอ้า! ชีวิต!
ข้อ8เสียใจครับเพราะผมมักตอบถูกจนเพื่อนๆหมั่นไส้ -3- 5555
พ่อแม่ผมไม่ซีเรียสเรื่องเกรดครับขอแค่อย่าต่ำกว่า3ผมเลยไม่กดดันเท่าไหร่สบายๆได้
มันใช่ !!!