สวัสดีค่ะน้องๆ เปิดเทอมกันครบแล้วใช่มั้ยคะ หลังจากหยุดยาวมาเกือบ 2 เดือนก็ได้พักผ่อนเต็มที่จนบางทีก็แอบขี้เกียจลุกไปเรียนเลยด้วยซ้ำ ฮ่าๆ สำหรับน้องที่ขึ้น ปวช.3 ตอนนี้ต้องคิดแล้วนะคะว่าจะเรียนต่อ ปวส. หรือว่าจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยดี ถ้าใครยังตัดสินใจไม่ได้ก็ไปตัดสินใจกันก่อนที่ เช็คให้ชัวร์! ไปต่อ ม.ปลาย หรือ เลือกเดิน สายอาชีพ?
ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยบอกเลยว่าไม่ง่าย มีวิธีการเข้าที่หลากหลายมาก อย่างรับตรงก็แบ่งออกเป็นรับตรงสอบข้อเขียน รับตรงแบบโควตา รับตรงแบบยื่นคะแนน รับตรงแบบสัมภาษณ์อย่างเดียว และเสร็จก็ต้องเลือกว่าเอาที่ไหน ถ้าไม่ติดหรือไม่เอาที่ไหนก็ไปรอบแอดมิชชั่น ซึ่งก็ต้องดูอีกว่าคะแนนเราถึงหรือเปล่า รายละเอียดมันเยอะนะ เราไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่เด็กพาณิชยฯ-อาชีวะต้องรู้ ก่อนจะเริ่มสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยบอกเลยว่าไม่ง่าย มีวิธีการเข้าที่หลากหลายมาก อย่างรับตรงก็แบ่งออกเป็นรับตรงสอบข้อเขียน รับตรงแบบโควตา รับตรงแบบยื่นคะแนน รับตรงแบบสัมภาษณ์อย่างเดียว และเสร็จก็ต้องเลือกว่าเอาที่ไหน ถ้าไม่ติดหรือไม่เอาที่ไหนก็ไปรอบแอดมิชชั่น ซึ่งก็ต้องดูอีกว่าคะแนนเราถึงหรือเปล่า รายละเอียดมันเยอะนะ เราไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่เด็กพาณิชยฯ-อาชีวะต้องรู้ ก่อนจะเริ่มสอบเข้ามหาวิทยาลัย
1. รับตรงจะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน อยากเข้าที่ไหนก็เก็บเว็บไซต์สมัครได้เลย
2. รับตรงจะมีแบบสอบเอง ใช้ GAT PAT ใช้วิชาสามัญ ใช้ O-NET หรือแค่สอบสัมภาษณ์
อย่างเดียวก็มี
3. การสมัครสอบต่างๆ ทางวิทยาลัยของเด็กพาณิชยฯ-อาชีวะ จะไม่ค่อยบอกข่าว ต้องตามเองนะ
4. รับตรงที่ใช้ GAT PAT วิชาสามัญ หรือ O-NET ถ้าไม่สอบก็สมัครไม่ได้นะ
5. ไม่ใช่รับตรงทุกที่ที่เด็กพาณิชยฯ-อาชีวะสมัครได้ บางที่ก็รับแค่ ม.6 เท่านั้น
6. และรับตรงบางที่ก็รับเฉพาะเด็กปวช. อย่างเช่น โควตา มจพ., รับตรง มอ. เป็นต้น
7. การสอบ O-NET ของเด็กพาณิชยฯ-อาชีวะ ก็ยังต้องสมัครเอง แต่ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการสอบ
และ สทศ.ก็จะจัดสนามสอบให้ใกล้บ้านที่สุด
8. รับตรงที่ไม่ได้ระบุสายการเรียนของ ปวช. แสดงว่าสมัครได้ทุกสายการเรียน
9. รับตรงหรือแอดมิชชั่นเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ รับเฉพาะ ปวช.ช่างอุตสาหกรรมเท่านั้นนะจ๊ะ
10. ในรอบแอดมิชชั่น ถ้าไม่มีผลสอบ O-NET ถึงแม้ว่าคะแนนรวมจะแอดมิชชั่นได้ แต่ไม่มีสิทธิ์
แอดอยู่ดี เพราะไม่ผ่านเกณฑ์คะแนน
11. รับตรงที่สอบสัมภาษณ์อย่างเดียวส่วนใหญ่จะใช้เกรดรายวิชา แยกเกรดหมวดหมู่แต่ละวิชาไว้
ก็ดีนะ เช่น คณิต วิทย์ สังคม อังกฤษ ภาษาไทย
12. เวลาเทียบเกรดกับรับตรง ใช้เกรดเฉลี่ยรวมล่าสุดที่มี ไม่ต้องแคร์ว่าเป็นกี่เทอม เพราะการนับ
เทอมของบางที่ไม่เท่ากัน
13. รับตรงสอบข้อเขียนคือเราต้องไปสอบที่ที่มหาวิทยาลัยนั้นๆ ไม่มีสอบออนไลน์นะ
14. ถ้าเป็นรับตรงที่ใช้ GAT PAT ส่วนใหญ่จะใช้ GAT PAT รอบแรก ถ้าพลาดสอบไปจะเสีย
โอกาสรับตรงเยอะมาก
15. รับตรงโครงการใหญ่ๆ จะมีคุณสมบัติต่างกันในแต่ละคณะ บางคณะรับเฉพาะ ม.6 บางคณะ
รับทั้ง ม.6 และ ปวช. อ่านดีๆ
16. เรียนสายอาชีพก็สอบเข้าคณะแพทยศาสตร์-ทันตแพทยศาสตร์ได้ โดยผ่านรับตรง กสพท.
ไม่ใช้เกรด ไม่ดูสายการเรียน
17. ต่อไปจะมี 9 วิชาสามัญ ถ้าเลือกคณะสายศิลป์ทางสายศิลป์ ให้เลือกสอบคณิตกับวิทย์ที่
เป็นแบบสายศิลป์นะ สายวิทย์ยากไป!!
18. ไม่ต้องห่วงเรื่องเรียนที่วิทยาลัย เพราะจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังต้องเรียนตามปกติอยู่ดี
19. แน่นอนว่า ต้องทำกิจกรรมและฝึกงานตามปกติด้วย ไม่มีการลดจำนวนลงเลยค่ะ
20. สุดท้าย ในแต่ละปีมีคนที่เรียน ปวช. สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เยอะมาก แล้วเมื่อเรียนปี 1 ใหม่
ก็ต้องเริ่มใหม่พร้อมกับคนที่จบสายสามัญมาเหมือนกัน
อ่านจบแล้วรู้เลยว่าเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย แต่ถ้าเราเริ่มเตรียมพร้อมตั้งแต่วันนี้ รับรองว่าทำได้แน่ๆ ค่ะ อย่าลืมว่าการสอบตรงนั้นมีทั้งปี ส่วนแอดมิชชั่นคือมีรอบเดียวตอนเรียนจบแล้ว เพราะฉะนั้นทั้งปีการศึกษาต่อจากนี้ก็จะมีสนามสอบให้เราได้เลือกมากมาย ใครอยากเข้าที่ไหนก็เล็งไว้ดีๆ สามารถหาข่าวได้ที่เว็บไซด์มหาวิทยาลัยนั้นๆ หรือหาที่ www.dek-d.com ที่นี่ก็ได้ค่ะ รับรองครบ!!
5 ความคิดเห็น
ที่บอกว่าเริ่มรับตรงตั้งแต่เดือนมิถุนายน คือยังไงหรอคะ