สวัสดีค่ะชาว Dek-D.com สัปดาห์ที่แล้วพูดถึง 6 อย่างที่ครูกับนักเรียนคิดไม่ตรงกัน (ย้อนกลับไปอ่านตอนที่ 1 คลิก) มีน้องๆ มาแชร์ประสบการณ์กันพอสมควร มีอันนึงที่น้องๆ มาเม้นแล้วชอบมากค่ะ คือ "วันหยุด" ครูไม่อยากให้หยุดเพราะกลัวเรียนไม่ทัน ส่วนนักเรียนร้องเย้ทุกครั้งที่จะได้หยุดเรียน^^ นักเรียนกับวันหยุดเป็นของคู่กันอยู่แล้วค่ะ
วันนี้มาถึงตอนที่ 2 ยังมีอีก 6 อย่างที่เข้มข้นกว่าเดิมแน่นอนค่ะ ไปอ่านกันต่อเลยค่ะ
วันนี้มาถึงตอนที่ 2 ยังมีอีก 6 อย่างที่เข้มข้นกว่าเดิมแน่นอนค่ะ ไปอ่านกันต่อเลยค่ะ
7. เมื่อครูบอกว่า ฟังก่อนอย่าเพิ่งจด
ถ้าตั้งโพลคำฮิตติดปากคุณครูล่ะก็ "ฟังก่อนอย่าเพิ่งจด" คงติดโผเป็นอันดับต้นๆ แน่นอน เพราะเวลาที่ครูจะเริ่มอธิบายอะไรสักอย่าง คำนี้ต้องออกมาก่อนเสมอ เหตุการณ์แบบนี้ ครูกับนักเรียน คิดกันแบบนี้
ครู : ฟังไปจดไป เดี๋ยวก็ไม่รู้เรื่องหรอก
นักเรียน : รอจดทีเดียวก็จำไม่ได้น่ะสิ
สำหรับคุณครู มันน่าโมโหนะคะที่ตั้งใจอธิบายอะไรแล้ว นักเรียนมัวแต่ก้มหน้าจด ไม่ยอมฟัง พอไม่ฟังก็ไม่เข้าใจ เพราะสมาธิไปอยู่ที่มือหมด แต่ในมุมของนักเรียน ก็คิดตรงกันว่า ไม่จดตอนนี้จะไปจดตอนไหน ครูไม่เห็นหยุดพูดให้จดเลย ที่สำคัญคือ พูดไปเรื่อยๆ ขนาดนี้ คงไม่มีทางจำได้ ครูจะเข้าใจบ้างมั้ยนะ?
8. เมื่อคุณครูสอนผิด
ก็มีกันบ้างที่ครูผู้สอน สอนๆ อยู่แล้วพูดผิด ทั้งที่รู้ตัวบ้างและไม่รู้ตัวบ้าง หนักหน่อยอาจจะสอนผิดไปจากตำรา ฯลฯ ด้วยความที่บ้านเราก็เป็นสังคมเคารพผู้อาวุโส เรื่องนี้ก็เลยผ่านไปแบบเงียบๆ ทั้งที่ในใจก็มีพะว้ากะวงกันบ้างล่ะน่า
ครู : นักเรียนไม่รู้หรอก
นักเรียน : รู้นะครู แต่หนูไม่กล้าบอก
นักเรียนที่ตั้งใจเรียน อาจจะแปลกใจและมีคำถามอยู่ในใจแหละค่ะ แต่ไม่กล้าพูด จริงๆ สถานการณ์แบบนี้ เราควรจะบอกคุณครูค่ะ แต่ให้มีศิลปะในการพูด เช่น หนูเคยอ่านเล่มนี้ เขาบอกว่า... ถ้าอยู่ดีๆ ไปบอกครูว่า โห่ครู สอนผิดป่าว ไม่ใช่อย่างงี้นะ ก็อาจจะทำให้คุณครูหน้าเสียได้นะคะ บรรยากาศในห้องเรียนที่ดีควรแลกเปลี่ยนความรู้กันได้โดยไม่มีเรื่องสถานะเข้ามาเกี่ยวข้องค่ะ
9. เมื่อครูสั่งรายงานตั้งแต่ต้นเทอม
รายงาน เหมือนเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงประจำวิชา เกรดจะดีหรือไม่ดี รายงานมีส่วนช่วยได้เยอะเลยล่ะ ครูหลายท่านชอบสั่งรายงานตั้งแต่ต้นเทอม และสั่งส่งปลายเทอม
ครู : จะได้มีเวลาหาข้อมูล
นักเรียน : สั่งเมื่อไหร่ก็ทำก่อนส่งอยู่ดี
สั่งรายงานต้นเทอมเป็นความตั้งใจของครูที่อยากให้นักเรียนได้ค้นคว้าอย่างเต็มที่ เข้าออกห้องสมุดทุกวัน จนได้รายงานที่สาระแน่น ข้อมูลปึ้ก กะว่าส่งรายงานปุ๊บ แจกเกรดสี่ทั้งห้อง แต่ในความคิดของนักเรียนแล้ว สั่งก่อนไม่มีประโยชน์อะไร ทำก่อนส่งอยู่ดี เพราะระหว่างนี้ก็ต้องทำงานอื่นก่อน ถ้าครูอยากให้ส่งปลายเทอม สั่งก่อนส่งอาทิตย์เดียว หนูก็ทำทันนะคะ^^
10. เมื่อไม่สบตาครูเวลาสอน
เวลาอยู่ในห้องเรียน จะให้มองออกไปนอกหน้าต่างหรือนอกประตูก็กลัวจะเสียสมาธิในการเรียน ประมาณว่าหันกลับเข้ามาในห้องอีกทีก็ข้ามไปเรื่องไหนต่อไหนแล้ว น้องๆ หลายคนเลยเลือกที่จะโฟกัสสายตาให้อยู่แค่ในห้องเรียน มองอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่หน้าครู!
ครู : ไม่ตั้งใจเรียนเลย เหม่อลอย หรือแอบเล่นเกมอยู่ใต้โต๊ะรึป่าว
นักเรียน : สบตา เดี๋ยวโดนเรียกถาม
ที่ไม่สบตาครูไม่ใช่กลัวตกหลุมรักอะไรหรอกค่ะ จากประสบการณ์ตัวเอง (และคนอื่นแล้ว) การสบตาครูในห้องเรียน แม้จะแค่วินาทีเดียวก็อาจทำให้เรากลายเป็นผู้ถูกเลือกได้ ดังนั้นที่นักเรียนจะไม่ค่อยอยากสบตาครู เพราะกลัวโดนเรียกถามนั่นเอง อย่าพาลเข้าใจผิดว่าไม่ตั้งใจเรียนเลยนะคุณครู เห็นก้มหน้าก้มตาแบบนี้ ครูพูดอะไรมาเข้าใจหมดนะ
11. เมื่อคะแนนสอบออก แล้วขาดไปไม่กี่คะแนน
เคยเป็นมั้ยคะ ประกาศคะแนนสอบทีไร มีใจหวิวทุกที แต่จะดราม่ามากขึ้นกว่าเดิม ถ้าคะแนนที่ได้ "เกือบผ่าน" เช่น ได้ 9 เต็ม 20 อีก 1 คะแนนก็จะผ่านแล้วเชียว ทำไมคุณครูไม่ช่วย เป็นเพราะไม่ใช่ศิษย์รักหรือเปล่า แต่ความจริงแล้ว ครูก็มีความในใจจะบอกเหมือนกัน
ครู : นี่ช่วยจนไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว
นักเรียน : โห่ อีกนิดเดียว ช่วยหน่อยเถอะนะ
น้องๆ อาจจะคิดว่า ครูไม่ยอมช่วย อยากให้นักเรียนสอบตก แต่เบื้องหลัง... คุณครูอาจจะพยายามช่วยเราเต็มที่ ตรงไหนผิดน้อยก็แกล้งไม่เห็น ความดีที่เคยทำมา ครูอาจมารวมเป็นคะแนนแล้วก็ได้ ไม่อย่างนั้นอาจจะได้แค่ 5 เต็ม 20 นะจะบอกให้ ดังนั้นก่อนจะดราม่าคะแนนให้คุณครูช่วย ลองดูตัวเองก่อนว่าเราทำเต็มที่แล้วหรือยัง
12. เมื่อยกมือถามสิ่งที่ไม่เข้าใจ
ในห้องเรียนครูมักจะบอกว่า ไม่เข้าใจตรงไหนให้ถาม อย่าเก็บความสงสัยกลับบ้าน แต่ในชีวิตจริง ยกมือถามทีไร สถานการณ์กลับตรงกันข้ามซะงั้น
ครู : ไม่ตั้งใจเรียนสินะ ถึงไม่รู้เรื่อง
นักเรียน : ก็ไหนครูบอกว่าไม่เข้าใจให้ถาม
เอาเข้าจริง เวลามีนักเรียนถามซ้ำ ครูมักจะคิดว่า ตนเองได้พูดไปแล้ว ที่ไม่รู้เรื่องเป็นเพราะไม่ตั้งใจเรียนเองมากกว่า เป็นแบบนี้บ่อยๆ เข้า เด็กไทยก็เลยไม่กล้ายกมือถามในห้องเรียนสักเท่าไหร่
เวลาอยู่ในห้องเรียน จะให้มองออกไปนอกหน้าต่างหรือนอกประตูก็กลัวจะเสียสมาธิในการเรียน ประมาณว่าหันกลับเข้ามาในห้องอีกทีก็ข้ามไปเรื่องไหนต่อไหนแล้ว น้องๆ หลายคนเลยเลือกที่จะโฟกัสสายตาให้อยู่แค่ในห้องเรียน มองอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่หน้าครู!
ครู : ไม่ตั้งใจเรียนเลย เหม่อลอย หรือแอบเล่นเกมอยู่ใต้โต๊ะรึป่าว
นักเรียน : สบตา เดี๋ยวโดนเรียกถาม
ที่ไม่สบตาครูไม่ใช่กลัวตกหลุมรักอะไรหรอกค่ะ จากประสบการณ์ตัวเอง (และคนอื่นแล้ว) การสบตาครูในห้องเรียน แม้จะแค่วินาทีเดียวก็อาจทำให้เรากลายเป็นผู้ถูกเลือกได้ ดังนั้นที่นักเรียนจะไม่ค่อยอยากสบตาครู เพราะกลัวโดนเรียกถามนั่นเอง อย่าพาลเข้าใจผิดว่าไม่ตั้งใจเรียนเลยนะคุณครู เห็นก้มหน้าก้มตาแบบนี้ ครูพูดอะไรมาเข้าใจหมดนะ
11. เมื่อคะแนนสอบออก แล้วขาดไปไม่กี่คะแนน
เคยเป็นมั้ยคะ ประกาศคะแนนสอบทีไร มีใจหวิวทุกที แต่จะดราม่ามากขึ้นกว่าเดิม ถ้าคะแนนที่ได้ "เกือบผ่าน" เช่น ได้ 9 เต็ม 20 อีก 1 คะแนนก็จะผ่านแล้วเชียว ทำไมคุณครูไม่ช่วย เป็นเพราะไม่ใช่ศิษย์รักหรือเปล่า แต่ความจริงแล้ว ครูก็มีความในใจจะบอกเหมือนกัน
ครู : นี่ช่วยจนไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว
นักเรียน : โห่ อีกนิดเดียว ช่วยหน่อยเถอะนะ
น้องๆ อาจจะคิดว่า ครูไม่ยอมช่วย อยากให้นักเรียนสอบตก แต่เบื้องหลัง... คุณครูอาจจะพยายามช่วยเราเต็มที่ ตรงไหนผิดน้อยก็แกล้งไม่เห็น ความดีที่เคยทำมา ครูอาจมารวมเป็นคะแนนแล้วก็ได้ ไม่อย่างนั้นอาจจะได้แค่ 5 เต็ม 20 นะจะบอกให้ ดังนั้นก่อนจะดราม่าคะแนนให้คุณครูช่วย ลองดูตัวเองก่อนว่าเราทำเต็มที่แล้วหรือยัง
12. เมื่อยกมือถามสิ่งที่ไม่เข้าใจ
ในห้องเรียนครูมักจะบอกว่า ไม่เข้าใจตรงไหนให้ถาม อย่าเก็บความสงสัยกลับบ้าน แต่ในชีวิตจริง ยกมือถามทีไร สถานการณ์กลับตรงกันข้ามซะงั้น
ครู : ไม่ตั้งใจเรียนสินะ ถึงไม่รู้เรื่อง
นักเรียน : ก็ไหนครูบอกว่าไม่เข้าใจให้ถาม
เอาเข้าจริง เวลามีนักเรียนถามซ้ำ ครูมักจะคิดว่า ตนเองได้พูดไปแล้ว ที่ไม่รู้เรื่องเป็นเพราะไม่ตั้งใจเรียนเองมากกว่า เป็นแบบนี้บ่อยๆ เข้า เด็กไทยก็เลยไม่กล้ายกมือถามในห้องเรียนสักเท่าไหร่
ครบแล้ว 12 ข้อ 12 เหตุการณ์ขัดใจทั้งครูและนักเรียน ผลจากการคิดไปคนละอย่าง แต่ก็ขอฝากไว้ว่าอะไรก็ตามที่ไม่ได้ดั่งใจน้องๆ ก็อย่าเก็บมาคิดมากจนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณครูกับลูกศิษย์นะคะ มองให้เห็นเรื่องขำๆ สีสันระหว่างเรียนกันดีกว่า ชาว Dek-D คนไหนมีสถานการณ์ไหนอีก มาแชร์กันได้น้า
18 ความคิดเห็น
เเท็กคุณครูทุกท่าน.เข้าใจหนูเถอะ
ข้อ11 นี่ สุดยอดดดดดด อารมณ์แบบ 9.67 แล้วครูปัดลง อื้มมมมม แทบฉีกชีทครูทิ้ง แม่เจ้า!!!!!!!
ข้อ 7 นี่ประจำครูบอกฟังก่อนอย่างเพิ่งจด เราก็นั่งฟังตามเขา แต่พอสอนจบยังไม่ทันจดอะไรเลยเขาก็สั่งงานสั่งการบ้านและก็หมดคาบต้องรีบไปเรียนต่อ สรุปไม่ได้โน้ตวิธีการใช้หรือสูตรไว้เลย เรียนจบก็ทำงานต่อ
ครูครับ... ทิ้งช่วงให้ผมโน้ตสัก 5 นาทีนะครับ
ครูโรงเรียนเราไม่เห็นเป็นเลย
ตอนม.ต้นครูเคยบอกเอาไว้ว่า ถ้าไม่เข้าใจให้ยกมือถาม
พอไม่เข้าใจยกมือถามขึ้นมาจริงๆ ครูก็ถามกลับมาว่า "เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจฟังเหรอ?"
เฮ้อ ครูคะ ตั้งใจฟังกับฟังเข้าใจมันต่างกันนะ
ข้อสุดท้ายนี่ใช่เลยตั้งแต่มัธยมจนมหาวิทยาลัยเป็นเหมือนกันหมด ไม่เข้าใจให้ถามแต่พอถามบอกไม่ตั้งใจเรียน #ว็อทไม่ถามก็บ่นถามก็บ่น สรุปเอาไงค่ะอาจารย์
ข้อ 7. อาจเป็นบางกรณี(บางทีเพื่อนอาจแอบเล่นไรใต้โต๊ะครูเลยเรียกสติสักหน่อย)
ข้อ 10. หลังจากจดงานเสร็จจ้องครูตาแป๋วเลย(จ้องอย่างกับจะจีบ = =)
ข้อ 12 โดนด่าหาว่าไม่ตั้งใจฟังไม่อธิบายให้ฟังอีกรอบแล้วจัดงานให้เพิ่ม(โดนทั้งตี+หักคะแนน+งานเพิ่ม Only +ทำแล้วไม่รับให้ไปซ่อมตอนติด ร.)
กรณีที่10 นี่ไม่ค่อยเป็นเพราะเป็นคนที่ชอบสบตาครูไม่รู้เป็นอะไร และครูจะชอบสบตากลับนะ สอนไปก็เหมือนพูดกับเราเลย ถถถ
ข้อ 10 // กรณีครูอธิบายตามในหนังสือ แล้วติดลม
ครู : ครูสอนน่ะ มองหนังสือสิ มองหนังสือ หน้าครูมีตัวหนังสือเรอะ
เป๊ะ!!
สมัยเรียนพี่ก็เป็นนักเรียนแบบในบทความนี้แหละน้องเอ๊ย พอมาเป็นครูจึงได้รู้ซึ้งถึงคำว่า
"เวรกรรมมีจริง"
ข้อ 8 คะพอแย้งครูชอบบอกว่า
ครูทดสอบว่าตั่งใจฟังครูหรือป่าว
ขอเพิ่มเติม
(สมมติว่าเป็นชั่วโมงพละ ครูสอนแบตมินตัน กรณีที่เราเพิ่งเริ่มเล่น)
ครู : ทำตามที่ครูบอก ยังทำไม่ได้อีกเหรอ?
นักเรียน : ก็พยายามทำตามที่(ครู)บอกแล้ว แล้วทำไมหนูยังไม่ได้ล่ะ?