เมื่อสัปดาห์ก่อนมีข่าวว่า "สถาบันการศึกษาจะไม่รับคนเข้าเรียน ถ้าคนคนนั้นมีรอยสัก" เป็นข่าวที่ค่อนข้างดราม่าไปหลายทาง ด้วยแค่เรื่องรอยสักกลายเป็นการตัดอนาคตคนไปเลย บ้างก็ออกมาเห็นด้วย เพราะการมีรอยสักทำให้รู้สึกไม่ดี เป็นการป้องกันไม่ให้คนก้าวร้าว ออกไปต่อยตีกับคนอื่นทำให้เสียชื่อเสียสถาบัน แต่ส่วนใหญ่ก็ออกมาในเชิงไม่เห็นด้วย เนื่องจาก "การมีรอยสัก ไม่ได้บ่งบอกว่าใครนิสัยเลวร้ายได้จริงเสียหน่อย" แต่น้องๆ ชาว Dek-D เคยสงสัยกันไหมคะ ว่าทำไมถึงมีข่าวทำนองนี้ออกมาได้ รอยสักผิดตรงไหน ทำไมคนมีรอยสักถึงกลายเป็นคนเลวร้ายในสายตาสังคมไปได้ นี่คือตัวอย่างหนึ่งของ "การมองแบบเหมารวม" ของคนเราทุกคนค่ะ
ตัวอย่างเหล่านี้ล้วนเป็น "การมองแบบเหมารวม" หรือในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Stereotype คือลักษณะการมองและคาดหวังต่อกลุ่มต่อคนค่ะ คือ เวลาตัวเรามองใครเราก็มักจะคิดและตัดสินไปก่อนจากภาพลักษณ์ภายนอกของคนคนนั้น โดยตัดสินจากประสบการณ์ของตัวเราโดยอัตโนมัติ ซึ่งจากกรณีที่พี่เกียรติยกตัวอย่างไปข้างต้น ก็ล้วนไม่จำเป็นเลยที่ เด็กใส่แว่นทุกคนต้องเรียนเก่ง หรือเด็กลูกครึ่งต้องพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน (อาจจะเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสก็ได้ ไม่เห็นต้องพูดอังกฤษเลย ฮ่าๆๆ)
เจ้าสเตอริโอไทป์ก็มาจาก "ประสบการณ์ ทัศนคติ และการรับรู้แต่อดีตของเราหรือสังคมสิ่งแวดล้อมแต่เดิมของเรา" ค่ะ อย่างภาพคนญี่ปุ่นมีระเบียบวินัย ก็มาจากภาพสารคดีหรือเวลาเราไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วเจอคนญี่ปุ่นตั้งใจเข้าแถวขึ้นรถไฟ หรือเข้าแถวเข้าอย่างจริงจังรับของในเวลาที่มีภัยพิบัติวุ่นวาย หรืออย่างกรณีรอยสัก เวลาคนคิดถึงคนที่มีรอยสัก ก็จะนึกภาพผู้ชายตัวโตๆ ขึงขัง หรือภาพนักรบโบราณมีรอยสักที่ดูดุดัน ทำให้ภาพลักษณ์ของคนที่มีรอยสักต้องก้าวร้าว เช่นเดียวกันถ้าตัวเราเคยมีเพื่อนเรียนเก่งเป็นพวกหยิ่งๆ (ตามความคิดเรานะ) เวลาที่เราย้ายโรงเรียน มีเพื่อนย้ายเข้ามาหรือเข้ามหาวิทยาลัย เจอใครที่มาจากโรงเรียนดัง เราก็จะคิดไว้ก่อนว่าคนนั้นต้องหยิ่งแน่ๆ เป็นต้นค่ะ
สรุปว่า คนเราทุกคนมีเจ้าตัวสเตอริโอไทป์ขี้เหมารวมอยู่ในใจ ไว้ตัดสินกลุ่มคนหรือคนอื่น จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย มันทำให้คนเราไม่ต้องไปจดจำทุกรายละเอียดของสิ่งรอบตัวทุกอย่าง และยังให้เรารู้จักปรับตัวหรือระมัดระวังต่อบุคคลแปลกหน้าหรือสถานการณ์แปลกใหม่ได้อย่างเหมาะสมด้วย แต่มันมีข้อเสียตรงที่หากเราเหมารวมลักษณะของใครต่อใครไปหมด มันจะทำให้เรารับข้อมูลบิดเบือนไป เลือกอคติไปก่อน เช่น เราอาจจะไม่ได้รู้จักเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง เพราะเราไปตัดสินว่าหยิ่งไม่น่าคบตั้งแต่ต้น หรือเราอาจมีอคติกับคนจีนทุกคนที่มาเที่ยวบ้านเรา แล้วไปเผลอหน้าเหยเกใส่ไปไม่รู้ตัวจนมีเรื่องกับเขาไปก็ได้ค่ะ เจ้าสเตอริโอไทป์นี้มันอาจทำให้เรากลายเป็นคนใจแคบและไม่ยุติธรรมไปก็ได้นะคะ น้องๆ ชาว Dek-D ต้องระวังให้ดีล่ะ
11 ความคิดเห็น
คนญี่ปุ่นเจอมากับตัว
นางเห็นคนไทยเอาถุงพลาสติกที่ใส่ขยะมาวางไว้ข้างเสาไฟฟ้า เพราะมันจะมีคนมาเก็บขยะทุกวัน นางเห็นดังนั้นนางโยนถุงขยะตัวเองลงบ้างตรงเสาไฟฟ้าเลยจ้า
me:// เอ็ดนางไปเบาๆ เพราะเราเป็นคนไทยยังไม่กล้าทำงั้นเลย ถึงมีคนเก็บแต่มันก็ไม่ใช่ที่ทิ้งนะถ้าเอาจริงๆ ทำไมไม่เอาถังขยะมาตั้ง 5555
ใช่ค่ะ คนเด๋วนี้เห็นใครไม่ได้ใส่แว่นแฟชั่น ใส่แว่นธรรมดาเหมือนทรงผู้ใหญ่บ้าง หรือแค่คนใส่แว่นสายตา ก็โดนเหมารวมว่าเป็นเด็กเนิร์ดบ้าง เรียบร้อยบ้าง เด็กเรียนบ้างงี้ มันเป็นบางคนป้ะ แต่ส่วนน้อยมันก้ไม่ใช่ไง อย่างเราอ่ะ สายตาสั้นเยอะมากจะเป็นพันล้ะ หาคอนแท๊กเลนส์ก็ยาก ขี้เกียจสั่งทำด้วยมันแพง นิสัยเราห้าว พอเราแสดงออกห้าว ดูแรงส์ตามประสาคนตรงๆ ก็โดนกล่าวหาว่าเป็นคนหัวรุนแรงจากขี้ปากคนเหมารวม แบบรับไม่ได้ ผิดหวัง ลุคนี้ควรจะเรียบร้อยไรงี้อ่ะ น่าเบื่อมากก และเกลียดพวกประเภทนี้ที่สุดจริงๆอ่ะ