สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com มองไปรอบๆ ตัวเรา มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมากมายจนเรียนรู้แทบไม่ทัน แต่เทคโนโลยีที่ว่ามักจะใช้ได้แต่กับคนปกติ ส่วนผู้พิการก็ตกหล่นหลงลืมไปบ้าง ตรงกันข้ามกับต่างประเทศที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
อยากให้อาจารย์แนะนำตัวและผลงานหน่อยค่ะ
สวัสดีครับ ผม เจษฎา อานิล อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และหัวหน้าทีม Mahidol BCI LAB ครับ สิ่งประดิษฐ์ที่ทีมเราลงแข่งมี 2 ประเภท (จาก 6 ประเภท) คือ การแข่งขันควบคุมเกมส์ด้วยคลื่นสมอง (Brain-Computer Interface Race) และ การแข่งขันปั่นจักรยานโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Functional Electrical Stimulation Bike Race) ครับ
การแข่งขัน 6 ประเภทที่ว่า มีอะไรบ้างคะ
การแข่งขันในครั้งนี้แบ่งประเภทของเทคโนโลยีออกเป็น 6 ประเภท คือ
1. การแข่งขันควบคุมเกมส์ด้วยคลื่นสมอง (Brain-Computer Interface Race)
2. การแข่งขันปั่นจักรยานโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Functional Electrical Stimulation Bike Race)
3. การแข่งขันควบคุมแขนเทียมกล (Powered Arm Prosthetics Race)
4. การแข่งขันควบคุมขาเทียมกล (Powered Leg Prosthetics Race)
5. การแข่งขันหุ่นยนต์ช่วยเดิน (Powered Exoskeleton Race)
6. การแข่งขันรถวีลแชร์อัจฉริยะ (Powered Wheelchair Race)
โดยในแต่ละประเภทจะมีทีมเข้าร่วมประเภทละ 6-8 ทีมครับ การแข่งขันนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก มีทีมจากมหาวิทยาลัยต่างๆ และบริษัทเอกชนมีงานวิจัยหรือเทคโนโลยีเกี่ยวข้องทางด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขัน ถ้านึกภาพไม่ออกว่าแข่งขันกันอย่างไร ให้นึกถึงการแข่งขันกีฬาคนพิการ หรือ พาราลิมปิกเกมส์ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะประกอบด้วยผู้พิการและผู้ช่วย โดยที่ผู้พิการจะต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือลงทำการแข่งขันด้วยตนเอง ตามประเภทที่ถนัด มีการแข่งทั้งหมด 2 รอบ คือ รอบคัดเลือก (Qualifying Round) และรอบชิงชนะเลิศ (Final Round)
ทำไมถึงตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้คะ
ต้องบอกก่อนว่า ครั้งแรกที่เห็นโครงการนี้ ตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นการรวมเทคโนโลยีเพื่อผู้พิการจากทั่วโลก ทั้งงานที่อยู่ระหว่างการวิจัย และงานที่อออกสู่เชิงพาณิชย์ เรียกว่าเป็นโอกาสที่เราจะได้แลกเปลี่ยนความรู้เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และเป็นการประชาสัมพันธ์หน่วยงานที่ทำงานด้านนี้ในประเทศไทยด้วย
แล้วผลงานของทีมเรามีจุดเด่นอะไรบ้างคะ
จากที่บอกไปว่าทีมเราส่งไป 2 ประเภท (จาก 6 ประเภท) คือ การแข่งขันควบคุมเกมส์ด้วยคลื่นสมอง (Brain Computer Interface Race) ซึ่งต้องใช้ผู้พิการที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้ทั้งตัวทำการบังคับเกมส์ด้วยความคิด และอีกประเภทหนึ่งคือ การแข่งขันปั่นจักรยานโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Functional Electrical Stimulation Bike Race) ซึ่งต้องใช้ผู้พิการที่ไม่สามารถขยับขาได้ มาทำการกระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า เพื่อให้ปั่นจักรยานได้
ซึ่งทั้ง 2 งาน เรามีจุดเด่นในเรื่องของอุปกรณ์ใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เช่น การแข่งขันควบคุมเกมส์ด้วยคลื่นสมอง ได้ออกแบบให้ผู้ใช้งานควบคุมเกมส์โดยใช้วิธีการคิดอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น คิดที่จะขยับแขน ขา เป็นต้น การตอบสนองต่อการควบคุมเกมส์ก็จะไวขึ้น ส่วนการแข่งจักรยานโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ ก็ออกแบบให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการกระตุ้นขาได้ด้วยตนเอง แทนที่จะเป็นแบบอัตโนมัติ ทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการตอบสนองต่อร่างกายและจิตใจของผู้ใช้
บรรยากาศการแข่งขันเป็นยังไงบ้างคะ
รอบนี้เป็นรอบจำลองสถานการณ์แข่งจริงครับ ซึ่งเราจะไปแข่งกันจริงๆ ในเดือนตุลาคมปี 2016 ส่วนในรอบนี้จะจำลองเสมือนแข่งจริงทุกอย่าง ตั้งแต่การลงทะเบียนและตรวจสอบอุปกรณ์ที่ลงแข่งในเชิงเทคนิคเป็นอันดับแรกเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดกับผู้พิการ รวมถึงตรวจสภาพร่างกายผู้พิการ ก่อนลงแข่งขัน
จากนั้นทุกทีมจะได้ลองซ้อมกับสนามจริง ประมาณ 20 นาที และแข่งขันเสมือนจริงในทุกประเภท การให้คะแนนก็มีความแตกต่างกันในแต่ละประเภท แต่ทุกการแข่งขันจะมีลักษณะคล้ายกันคือ ผู้เข้าแข่งขันต้องทำกิจกรรมผ่านด่านต่างๆ ถ้าใครทำเสร็จก่อน ถือว่าเป็นผู้ชนะ ตัวอย่างเช่น การควบคุมเกมส์ด้วยคลื่นสมอง ผู้แข่งขันจะต้องบังคับเกมส์แข่งรถโดยใช้ความคิด ถ้าใครเข้าเส้นชัยก่อนก็จะชนะ หรือ แข่งขันปั่นจักรยาน ถ้าใครปั่นเข้าเส้นชัยก่อนก็เป็นผู้ชนะ เป็นต้น
แล้วผลการแข่งขันเป็นอย่างไรบ้าง
ผลการแข่งขันเป็นที่น่าพอใจมากๆ ครับ เพราะทั้งสองประเภทได้อันดับที่ถือว่าค่อนข้างดี โดยประเภทควบคุมเกมส์ด้วยคลื่นสมอง เราได้อันดับที่ 4 และประเภทปั่นจักรยานโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ เราได้อันดับที่ 1 ครับ
มองในมุมเทคโนโลยีในบ้านเรา ถ้าเทียบกับต่างประเทศ พอจะสู้เค้าได้มั้ย
แต่ก่อนนี้ หลายคนคงคิดว่าบ้านเราคงสู้ประเทศชาติตะวันตกไม่ได้ แต่พอมาแข่งขันแล้ว รู้เลยว่าเทคโนโลยีบ้านเราก็ไม่ได้แตกต่างจากต่างประเทศเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น อุปกรณ์หรือเครื่องมือบางชิ้นก็เหมือนกับประเทศอื่นๆ ด้วยซ้ำ เพราะเราเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนนั่นเอง และโดยส่วนตัวยังมองว่านี่เป็นโอกาสที่เราจะได้แสดงศักยภาพให้ต่างชาติยอมรับในความสามารถของคนไทยได้อีกด้วย
หลังจากนี้จะเตรียมตัวเพิ่มเติมยังไงบ้างคะ และคาดหวังผลในรอบจริงยังไงบ้าง
หลังจากนี้จะมีการเตรียมตัวเพิ่มเติม คือ เราจะคัดเลือกหาผู้พิการเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จำนวน 2 ท่าน ต้องปรับปรุงอุปกรณ์ และติดตั้งระบบให้มีความพร้อมและความสวยงามมากขึ้น รวมทั้งซ้อมใช้งานอุปกรณ์กับผู้พิการโดยจำลองการแข่งขันให้เหมือนจริง เพื่อให้ได้เวลาที่ดีที่สุด
ฝากถึงน้องๆ ที่อยากเก่งและทำงานด้านนี้หน่อยค่ะ
อยากจะบอกน้องๆ ว่าในต่างประเทศบุคลากรด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ (Biomedical Engineer) สำคัญมากๆ ในฐานะเป็นผู้ที่นำเอาเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมมาแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข แต่บ้านเราค่อนข้างขาดแคลน เพราะยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควร
สำหรับน้องๆ ที่สนใจ และอยากทำงานด้านนี้ อันดับแรกควรมีความสนใจด้านเทคโนโลยี และพร้อมที่จะเปิดรับความรู้ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และแพทยศาสตร์ เพราะน้องต้องเอาความรู้เหล่านี้มาบูรณาการเข้าด้วยกันเพื่อแก้โจทย์ปัญหาทางการแพทย์ให้ได้ และที่สำคัญควรมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นได้นั่นเอง
เป็นไงกันบ้างคะน้องๆ เห็นมั้ยว่าบนโลกนี้มีพื้นที่ให้คนเก่งแสดงความสามารถกันมากมาย แล้วคนไทยก็มีความสามารถในระดับโลกอยู่ไม่ใช่น้อย หวังว่าผลงานของทีม Mahidol BCI LAB จะเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ ได้ แล้วอย่าลืมเป็นกำลังใจให้พี่ๆ ทีมงานชนะเลิศในการแข่งขันรอบจริงในเดือน ต.ค. ปี 2016 กันด้วยนะคะ
อย่างล่าสุดได้มีการจัดการแข่งขันเทคโนโลยีเพื่อผู้พิการชิงแชมป์โลก มีชื่องานว่า Cybathlon จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัย ETH Zurich เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 13 - 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีผลงานจากนักวิจัยทั่วโลกมาร่วมการแข่งขัน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีทีมจากประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันด้วย ที่สำคัญแม้จะเป็นรอบจำลองการแข่งขันจริง แต่ผลงานในรอบนี้ ทีมไทยก็สร้างชื่อได้มากทีเดียวค่ะ เพราะสามารถคว้าอันดับ 1 และอันดับ 4 จากผลงานทั้งสองชิ้นได้ รายละเอียดจะเป็นยังไง มาชมฝีมือคนไทยไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
อยากให้อาจารย์แนะนำตัวและผลงานหน่อยค่ะ
สวัสดีครับ ผม เจษฎา อานิล อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และหัวหน้าทีม Mahidol BCI LAB ครับ สิ่งประดิษฐ์ที่ทีมเราลงแข่งมี 2 ประเภท (จาก 6 ประเภท) คือ การแข่งขันควบคุมเกมส์ด้วยคลื่นสมอง (Brain-Computer Interface Race) และ การแข่งขันปั่นจักรยานโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Functional Electrical Stimulation Bike Race) ครับ
การแข่งขัน 6 ประเภทที่ว่า มีอะไรบ้างคะ
การแข่งขันในครั้งนี้แบ่งประเภทของเทคโนโลยีออกเป็น 6 ประเภท คือ
1. การแข่งขันควบคุมเกมส์ด้วยคลื่นสมอง (Brain-Computer Interface Race)
2. การแข่งขันปั่นจักรยานโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Functional Electrical Stimulation Bike Race)
3. การแข่งขันควบคุมแขนเทียมกล (Powered Arm Prosthetics Race)
4. การแข่งขันควบคุมขาเทียมกล (Powered Leg Prosthetics Race)
5. การแข่งขันหุ่นยนต์ช่วยเดิน (Powered Exoskeleton Race)
6. การแข่งขันรถวีลแชร์อัจฉริยะ (Powered Wheelchair Race)
โดยในแต่ละประเภทจะมีทีมเข้าร่วมประเภทละ 6-8 ทีมครับ การแข่งขันนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก มีทีมจากมหาวิทยาลัยต่างๆ และบริษัทเอกชนมีงานวิจัยหรือเทคโนโลยีเกี่ยวข้องทางด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขัน ถ้านึกภาพไม่ออกว่าแข่งขันกันอย่างไร ให้นึกถึงการแข่งขันกีฬาคนพิการ หรือ พาราลิมปิกเกมส์ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะประกอบด้วยผู้พิการและผู้ช่วย โดยที่ผู้พิการจะต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือลงทำการแข่งขันด้วยตนเอง ตามประเภทที่ถนัด มีการแข่งทั้งหมด 2 รอบ คือ รอบคัดเลือก (Qualifying Round) และรอบชิงชนะเลิศ (Final Round)
ทำไมถึงตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้คะ
ต้องบอกก่อนว่า ครั้งแรกที่เห็นโครงการนี้ ตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นการรวมเทคโนโลยีเพื่อผู้พิการจากทั่วโลก ทั้งงานที่อยู่ระหว่างการวิจัย และงานที่อออกสู่เชิงพาณิชย์ เรียกว่าเป็นโอกาสที่เราจะได้แลกเปลี่ยนความรู้เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และเป็นการประชาสัมพันธ์หน่วยงานที่ทำงานด้านนี้ในประเทศไทยด้วย
แล้วผลงานของทีมเรามีจุดเด่นอะไรบ้างคะ
จากที่บอกไปว่าทีมเราส่งไป 2 ประเภท (จาก 6 ประเภท) คือ การแข่งขันควบคุมเกมส์ด้วยคลื่นสมอง (Brain Computer Interface Race) ซึ่งต้องใช้ผู้พิการที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้ทั้งตัวทำการบังคับเกมส์ด้วยความคิด และอีกประเภทหนึ่งคือ การแข่งขันปั่นจักรยานโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Functional Electrical Stimulation Bike Race) ซึ่งต้องใช้ผู้พิการที่ไม่สามารถขยับขาได้ มาทำการกระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า เพื่อให้ปั่นจักรยานได้
ซึ่งทั้ง 2 งาน เรามีจุดเด่นในเรื่องของอุปกรณ์ใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เช่น การแข่งขันควบคุมเกมส์ด้วยคลื่นสมอง ได้ออกแบบให้ผู้ใช้งานควบคุมเกมส์โดยใช้วิธีการคิดอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น คิดที่จะขยับแขน ขา เป็นต้น การตอบสนองต่อการควบคุมเกมส์ก็จะไวขึ้น ส่วนการแข่งจักรยานโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ ก็ออกแบบให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการกระตุ้นขาได้ด้วยตนเอง แทนที่จะเป็นแบบอัตโนมัติ ทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการตอบสนองต่อร่างกายและจิตใจของผู้ใช้
บรรยากาศการแข่งขันเป็นยังไงบ้างคะ
รอบนี้เป็นรอบจำลองสถานการณ์แข่งจริงครับ ซึ่งเราจะไปแข่งกันจริงๆ ในเดือนตุลาคมปี 2016 ส่วนในรอบนี้จะจำลองเสมือนแข่งจริงทุกอย่าง ตั้งแต่การลงทะเบียนและตรวจสอบอุปกรณ์ที่ลงแข่งในเชิงเทคนิคเป็นอันดับแรกเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดกับผู้พิการ รวมถึงตรวจสภาพร่างกายผู้พิการ ก่อนลงแข่งขัน
จากนั้นทุกทีมจะได้ลองซ้อมกับสนามจริง ประมาณ 20 นาที และแข่งขันเสมือนจริงในทุกประเภท การให้คะแนนก็มีความแตกต่างกันในแต่ละประเภท แต่ทุกการแข่งขันจะมีลักษณะคล้ายกันคือ ผู้เข้าแข่งขันต้องทำกิจกรรมผ่านด่านต่างๆ ถ้าใครทำเสร็จก่อน ถือว่าเป็นผู้ชนะ ตัวอย่างเช่น การควบคุมเกมส์ด้วยคลื่นสมอง ผู้แข่งขันจะต้องบังคับเกมส์แข่งรถโดยใช้ความคิด ถ้าใครเข้าเส้นชัยก่อนก็จะชนะ หรือ แข่งขันปั่นจักรยาน ถ้าใครปั่นเข้าเส้นชัยก่อนก็เป็นผู้ชนะ เป็นต้น
แล้วผลการแข่งขันเป็นอย่างไรบ้าง
ผลการแข่งขันเป็นที่น่าพอใจมากๆ ครับ เพราะทั้งสองประเภทได้อันดับที่ถือว่าค่อนข้างดี โดยประเภทควบคุมเกมส์ด้วยคลื่นสมอง เราได้อันดับที่ 4 และประเภทปั่นจักรยานโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ เราได้อันดับที่ 1 ครับ
มองในมุมเทคโนโลยีในบ้านเรา ถ้าเทียบกับต่างประเทศ พอจะสู้เค้าได้มั้ย
แต่ก่อนนี้ หลายคนคงคิดว่าบ้านเราคงสู้ประเทศชาติตะวันตกไม่ได้ แต่พอมาแข่งขันแล้ว รู้เลยว่าเทคโนโลยีบ้านเราก็ไม่ได้แตกต่างจากต่างประเทศเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น อุปกรณ์หรือเครื่องมือบางชิ้นก็เหมือนกับประเทศอื่นๆ ด้วยซ้ำ เพราะเราเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนนั่นเอง และโดยส่วนตัวยังมองว่านี่เป็นโอกาสที่เราจะได้แสดงศักยภาพให้ต่างชาติยอมรับในความสามารถของคนไทยได้อีกด้วย
หลังจากนี้จะเตรียมตัวเพิ่มเติมยังไงบ้างคะ และคาดหวังผลในรอบจริงยังไงบ้าง
หลังจากนี้จะมีการเตรียมตัวเพิ่มเติม คือ เราจะคัดเลือกหาผู้พิการเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จำนวน 2 ท่าน ต้องปรับปรุงอุปกรณ์ และติดตั้งระบบให้มีความพร้อมและความสวยงามมากขึ้น รวมทั้งซ้อมใช้งานอุปกรณ์กับผู้พิการโดยจำลองการแข่งขันให้เหมือนจริง เพื่อให้ได้เวลาที่ดีที่สุด
ส่วนความหวังอันดับที่นั้น ส่วนตัวคิดว่าถ้าสามารถทำเวลาได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ก็จะได้ผลการแข่งขันที่ดีแน่นอน
ฝากถึงน้องๆ ที่อยากเก่งและทำงานด้านนี้หน่อยค่ะ
อยากจะบอกน้องๆ ว่าในต่างประเทศบุคลากรด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ (Biomedical Engineer) สำคัญมากๆ ในฐานะเป็นผู้ที่นำเอาเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมมาแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข แต่บ้านเราค่อนข้างขาดแคลน เพราะยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควร
สำหรับน้องๆ ที่สนใจ และอยากทำงานด้านนี้ อันดับแรกควรมีความสนใจด้านเทคโนโลยี และพร้อมที่จะเปิดรับความรู้ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และแพทยศาสตร์ เพราะน้องต้องเอาความรู้เหล่านี้มาบูรณาการเข้าด้วยกันเพื่อแก้โจทย์ปัญหาทางการแพทย์ให้ได้ และที่สำคัญควรมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นได้นั่นเอง
เป็นไงกันบ้างคะน้องๆ เห็นมั้ยว่าบนโลกนี้มีพื้นที่ให้คนเก่งแสดงความสามารถกันมากมาย แล้วคนไทยก็มีความสามารถในระดับโลกอยู่ไม่ใช่น้อย หวังว่าผลงานของทีม Mahidol BCI LAB จะเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ ได้ แล้วอย่าลืมเป็นกำลังใจให้พี่ๆ ทีมงานชนะเลิศในการแข่งขันรอบจริงในเดือน ต.ค. ปี 2016 กันด้วยนะคะ
1 ความคิดเห็น
ดีจังเลยครับ นอกจากจะแข่งให้ได้รางวัล ยังเป็นประโยชน์ช่วยเหลือผู้พิการอีกด้วย//พี่ๆเท่มากครับ