ขนาด "ความชอบ" ยังเปลี่ยนไปเป็น "ความรัก" ได้ แล้วนับภาษาอะไรจะเปลี่ยนไปเป็นพรแสวงไม่ได้ (เอ๊ะ นี่เกี่ยวมั้ยเนี่ย) ไปดูกันว่า จากความชอบ ทำยังไงถึงจะกลายเป็นพรแสวง มีทั้งหมด 6 ข้อจ้า
1. ให้เวลากับสิ่งนั้น (แบบจริงจัง) อย่างน้อยวันละ 30 นาที
วันนึงมี 24 ชั่วโมง เจียดเวลามาแค่ 30 นาทีต่อวันก็พอ หรือจะมากกว่านี้ก็ได้ เพื่อมาทำสิ่งที่เราชอบ เช่น ถ้าในแบบทดสอบ เราหนักไปทางดนตรี ก็เริ่มฝึกตั้งแต่ขั้นพื้นฐานอย่างน้อยวันละ 30 นาที เริ่มจากอะไรง่ายๆ เช่น ฝึกฟังเพลง ทำความรู้จักแต่ละคอร์ด ลองจับกีตาร์จริง เป็นต้น
หรือถ้าทำแบบทดสอบแล้วหนักไปทางชอบทำขนม ก็เริ่มจากทำขนมง่ายๆ ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เช่น ทำวุ้นธรรมดา ชงน้ำอร่อยๆ เช่น โกโก้ ชาเย็น แล้วให้คนที่บ้านช่วยชิม เป็นต้น
2. สะสมประสบการณ์ให้มากขึ้นเรื่อยๆ
จากข้อแรก พี่มิ้นท์มั่นใจว่า ถ้าทำได้ทุกวัน วันละ 30 นาที แค่เดือนเดียวก็เก่งขึ้นในระดับที่คนอื่นชมเราได้แบบไม่รู้สึกฝืนใจแล้วล่ะ แต่ในจุดนี้ก็อย่าเพิ่งเหลิงว่าตัวเองเก่งที่สุดในโลกล่ะ ขนาดคนเก่งจริงๆ ยังไม่หยุดเรียนรู้ เราก็ต้องเก็บเลเวลกันต่อไป ยิ่งเราฝึกไปเรื่อยๆ ประสบการณ์เราก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
ถ้าสังเกตดีๆ เราจะรู้สึกเลยว่า เราทำสิ่งนั้นคล่องขึ้น ไม่เงอะๆ งะๆ เหมือนตอนแรกๆ เริ่มจับคอร์ดเป็นแล้ว ประหนึ่งมีนักกีตาร์มาสิงอยู่ในมือเลยทีเดียว หรือ ฝึกทำกับข้าว ต้ม ผัด แกง ทอด หรือเมนูไหนๆ ก็ทำคล่องขึ้น ไม่ต้องยืนห่างจากเตาเป็นเมตรแล้ว นี่แหละที่เขาเรียกว่าประสบการณ์ แล้วถ้าฝึกต่อไป จะเซียนยิ่งกว่านี้อีกค่ะ
3. วางเป้าหมายที่เหี้ยมโหดขึ้นไปอีก
ฝึกกันมาเรื่อยๆ จากความชอบก็เริ่มกลายมาเป็นความสามารถของเราแล้ว มาถึงจุดนี้ จะเป็นจุดวัดใจแล้วล่ะว่าจะเอายังไงต่อไป บางคนฝึกจนค้นพบแล้วว่ามันไม่ใช่ทางของดาว ก็อนุญาตให้ล้มเลิกได้ แต่ถ้ายิ่งทำยิ่งสนุก ขอให้เดินหน้าต่อ
ตอนนี้พรแสวงเข้ามาอยู่ในตัวน้องๆ ระดับนึงแล้ว ซึ่งมาจากประสบการณ์ที่เราฝึกฝนทุกวันนั่นเอง แต่ก็ยังไม่เรียกว่าเก่งหรอกนะ ต่อฝึกอีก ฝึกเข้าไปค่ะ ให้เราวางแผนไว้ว่า ต่อไปเราจะทำอะไรต่อในขั้นที่ยากขึ้น เช่น ลองซ้อมเป็นเพลง ฝึกแกะเพลง หรือ ทำวุ้นธรรมดามาเป็นเดือน ลองทำวุ้นกะทิ วุ้นผลไม้ที่เป็นสูตรตัวเองดูมั้ย หรือ ขยับไปทำเบเกอรี่อื่นๆ เป็นต้น วางเป้าหมายแล้วลุยต่อได้เลย
4. แฝงตัวไปอยู่ในสังคมนั้นๆ
ไม่ต้องถึงขั้นใส่วิก ติดหนวด ปลอมตัวเข้าไปบ้านคนอื่นแบบในละครนะ แต่ให้พาตัวเองเข้าไปสู่โลกของกิจกรรมนั้นๆ ยิ่งเดี๋ยวนี้เป็นยุคสังคมออนไลน์ ชอบอะไร ก็มีกลุ่มมากมายให้เข้าร่วม ตั้งแต่กลุ่มดูดวง กลุ่มทำขนม กลุ่มทำของแฮนเมด ลองเข้าไปดูสิคะ แล้วที่นั่นจะเหมือนโลกอีกใบเลยค่ะ
เราจะได้ซึมซับเทคนิค วิธีการต่างๆ มาแบบไม่รู้ตัว ยิ่งมีการแชร์ไอเดียต่างๆ จากคนอื่นๆ ด้วยแล้ว เราจะสนุกกับมันมากขึ้นเยอะเลย ยกตัวอย่างเช่น พวกกลุ่มทำขนม เราจะได้เห็นเมนูแปลกๆ พิสดารมาทุกวัน ลองทำกินกันไม่ทันเลยทีเดียว และที่สำคัญที่สุดสังคมเฉพาะกลุ่มแบบนี้มีแต่คนที่ชอบแบบเดียวกับเรา ยิ่งได้คุยก็ยิ่งมีกำลังใจมากขึ้น
5. รู้จุดอ่อน-จุดแข็งของตัวเอง
พอลองทำมาเรื่อยๆ เหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง ให้เป็นสีสันของชีวิต ก็ถึงเวลาประเมินแล้วว่า เราทำสิ่งนั้นได้ดีมากขนาดไหน แล้วยัง(สมควร) เป็นความสามารถของเราอยู่หรือเปล่า ง่ายๆ แค่หาจุดอ่อน-จุดแข็งของสิ่งที่เราชอบนั่นเอง
สมมติว่า ชอบทำขนม จุดแข็ง คือ ทำแล้วสนุก อร่อย คนชมทุกคน แถมยังทำคล่องไม่ต้องมานั่งเปิดสูตรอีกด้วย
จุดอ่อน คือ ที่บ้านมีแต่เตาอบ ทำขนมได้ไม่ครอบคลุมทุกประเภท และไม่กล้าแปลงสูตรให้เป็นเมนูพิสดาร
สมมติว่านี่คือ จุดแข็ง-จุดอ่อน ที่น้องๆ สังเกตตัวเองมา ก็ลองดูว่าเราจะปรับเปลี่ยนจุดอ่อนให้กลายเป็นจุดแข็งได้ยังไงบ้าง เช่น ให้พ่อแม่ช่วยสนับสนุนอุปกรณ์อื่นๆ แล้วหาตังค์มาจ่ายคืนทีหลัง ส่วนการลองสูตรใหม่ๆ ก็อาจจะสอบถามผู้รู้ก่อนว่าส่วนผสมแต่ละอย่างเอามาผสมกันแล้วยังกินได้อยู่มั้ย หรือหาข้อมูลว่าอะไรใส่กับอะไรแล้วอร่อย ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ทุกอย่างมันไม่ได้ยาก อยู่แค่ว่าเราจะเริ่มเมื่อไหร่
6. มั่นคงกับความฝันตัวเอง
ข้อสุดท้ายละ ถ้าทำมาทุกอย่างแล้ว แต่เราไม่ซื่อสัตย์กับความฝันตัวเองมันก็ไร้ค่าค่ะ อยากเก่ง อยากมีความสามารถพิเศษ มาถึงจุดนี้มีแค่ความชอบอย่างเดียวไม่พอแล้ว แต่ต้องซื่อสัตย์กับสิ่งที่ทำ ถ้ามั่นคงกับมันพอ เราก็จะทุ่มเทให้กับสิ่งนั้นๆ ได้เอง ดูอย่างนักกีฬาเป็นตัวอย่างก็ได้ค่ะ เขาเก่งแล้ว ก็ยังต้องซ้อมเพื่อให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ น้องๆ เองก็อย่าหยุดฝันนะคะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ อ่านแล้วฮึกเหิมกันบ้างมั้ย กลับไปบ้านคิดอีกรอบว่าชอบอะไร แต่อยากจะพัฒนาให้เป็นพรแสวงของเรามั้ย ถ้าพร้อมแล้ว ก็ลุยเลยค่ะ
45 ความคิดเห็น
ตอนนี้อยากเก่งแบบ เอลวิส เพลสลีย์ กับ ไมเคิล แจ็กสัน ฟังเพลงเดิมซ้ำๆเปนชม. 2-3 เพลงทุกวัน แต่ อยู่ในสังคมไทยไม่รู้จะทำยังไงเพราะโดนหาว่าเป็นคนบ้า(ถ้าเปิดเพลง 2 บุคคลในตำนานนี้)
เท่าที่มีตอนนี้คือการร้องเพลงครับ ผมเป็นคนที่ชอบร้องเพลง และตอนนี้กำลังหัดกีตาร์กับเปียโนอยู่ อยากให้พัฒนาขึ้นมากกว่านี้ โดยตอนนี้ก็เรียนพิเศษอยู่ และซ้อมอย่างละไม่ต่ำกว่า 15 นาที
และที่อยากมีเพิ่มเติมคือด้านกีฬา โดยผมสนใจในศิลปะการต่อสู้ และฟุตบอล แต่เหมือนจะไม่ค่อยรุ่ง แต่ก็กำลังฝึกอยู่เรื่อยๆ ครับ
ตอนนี้ที่มีคือ การวาดรูปค่ะ ฝึกทุกวัน แต่ละรูปจะใช้เวลาต่างกันบางรูป 40 น.แล้วค่ะ ที่หาด้านนี้เจอเพราะได้ฟังอาจารย์ที่สอนทัศนศิลป์ พูดให้ฟังเลยรู้สึกว่ามันท้าทายดี และพอไปเจอหนังสือหัดวาดรูปเลย ลองซื้อมาฝึกดู ทำให้รู้ว่าเอาดีด้านนี้ ได้ดีกว่าด้านอื่น มันไปได้เร็วกว่าการคิดเลข และ ภาษา ตอนนี้อยากมีความสามารถพิเศษเพิ่มคือการคิดเลข และกีฬาค่ะ เพราะมันทำให้เราได้คะเเนนดี และ ดูจะง่ายกว่าภาษาด้วย ส่วนด้านกีฬาเพราะว่าเล่นกีฬาไม่เก่งเลย พอได้ก็แค่ว่ายน้ำ เพื่อนคนอื่นเพิ่งเรียนไปได้ไกลมากกว่าเราแต่เราพอจะเคยเรียนแต่ไปได้ช้ากว่าคนอื่นนนนนน.... เศร้าาาา
หนูเป็นคนที่เรียนรู้อะไรได้รวดเร็ว แต่เป็นคนค่อนข้างขี้อายเลยไม่ค่อยได้ความรู้เพิ่มเติมจากอาจารย์ เวลาสงสัยอะไรก็จะไม่กล้าพูด เลยทำให้ไม่ค่อยมีอะไรพัฒนา แม้จะค้นคว้าหาแล้วก็ตาม ดังนั้นหนูอยากมีความกล้าแสดงออกให้มากขึ้นคะ มันอาจจะช่วยเสริมทักษะการเรียนรู้ของหนูอีกต่อไปคะ เผื่อในอนาคตจะต้องใช้ความสามารถของหนูเพื่อช่วยเหลือคนอื่นอีกต่อไปคะ
~~ THE STORY OF MY LIFE~~
ในตามความเป็นจริงแล้ว ฉันก็ยังไม่ค่อยมั่นใจจนถึงทุกวันนี้ว่า อะไรคือ "พรสวรรค์" ของฉันกันแน่ ไม่ว่าจะเป็นไปด้านการเรียน หรือจะกีฬา หรือว่าศิลปะ ทุกอย่างที่ฉันมักจะไมีดีมาก แต่ก็ไม่แย่จนถึงกลับทำให้กลายเป็นจุดเด่น ฉันเป็นคนที่"ปรกติ"มา จนนานวันเข้าเริ่มหวั่นไหว คิดว่าเราก็คงเหมือนคนทั่วๆไป เหมือนกับตัวละครที่เป็นแค่ภาพประกอบของฉากในการ์ตูน ก็แค่นั้นเอง
แต่ฉันนั้นเป็นคนที่ชอบฝัน ฝันไปเรื่อยแล้วก็ไม่ได้ทำสักที คงเป็นเพราะว่าฉันไม่คอยมีเวลากระมั้ง ย้างเข้าฤดูสอบแล้ว คงต้องอ่านหนังสือเป็นหลักเป็นฝากับเขาสักที แต่ถึงกระนั้น ในใจฉัน ก็ไม่เคยเลนแม้แต่วินาทีเดียว ที่จะล้มเลิดความเกี่ยวกับเรื่อง ทำการ์ตูนมังงะ ซึ่งไม่ว่าจะมีเหตุการ์ณใดๆเกิดขึ้นรอบตัวฉัน ทุกๆครั้งฉันจะนึกถึงมันว่า จะมาประยุกต์ใช้กับหนังสือของเรายังไงดี
หนูเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านภาษาไทยค่ะ แต่งกลอน โคลง กาพย์ได้ดี สามารถถอดคำประพันธ์บทกวีจากวรรณคดีต่างๆ ได้ในระดับหนึ่ง เขียนเรียงความ เขียนเรื่องสั้น ถูกส่งไปเป็นตัวแทน รร. ไปแข่งขันได้รางวัลมั่งไม่ได้มั่งไปตามประสา 555+ แต่ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าถึงเราจะมีพรสวรรค์ด้านภาษาไทยแต่เรากลับไม่ได้ชอบมันเลย TOT (ประมาณว่าสิ่งไหนอยู่ใกล้ตัวเรา เรามักมองข้ามล่ะมั้ง) หนูชอบวิชาทางด้าน คณิต-วิทย์ มากกว่าค่ะ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์นี่รักเลย
หนูเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านภาษาไทยค่ะ แต่งกลอน โคลง กาพย์ได้ดี สามารถถอดคำประพันธ์บทกวีจากวรรณคดีต่างๆ ได้ในระดับหนึ่ง เขียนเรียงความ เขียนเรื่องสั้น ถูกส่งไปเป็นตัวแทน รร. ไปแข่งขันได้รางวัลมั่งไม่ได้มั่งไปตามประสา 555+ แต่ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าถึงเราจะมีพรสวรรค์ด้านภาษาไทยแต่เรากลับไม่ได้ชอบมันเลย TOT (ประมาณว่าสิ่งไหนอยู่ใกล้ตัวเรา เรามักมองข้ามล่ะมั้ง) หนูชอบวิชาทางด้าน คณิต-วิทย์ มากกว่าค่ะ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์นี่รักเลย
(เป็นผู้หญิง แต่ขออนุญาตใช้คำว่า ผม กับ ครับ แทนนะฮะ//ไม่ได้เป็นทอม หรือเลสด้วย) ผมเป็นคนที่มีความสามารถด้านการวาดรูปครับ ฝึกอย่างจริงจังเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ทางเดินด้านนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ผมพยายามอย่างหนัก ถึงแม้คนอื่นจะบอกว่าสวยแล้ว แต่ผมคิดว่ามันยังไม่ดีพอ ก็วาดมันทุกวัน วาดจนกระดาษหมด วาดบนโต๊ะเรียนก็ยังเคย(อย่าทำตามนะครับ) เมาส์ปากกาผมก็ซื้อมาฝึก ตอนแรกท้อมาก เพราะใช้เมาส์หนูมาตลอด รู้สึกได้เลยว่า"ยาก"ตอนนั้นคิดว่าได้เวลาฝึกอีกแล้วสินะ ก็เลยหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตบ้าง ซื้อหนังสือมาอ่านบ้าง ซื้อฟิกเกอร์อนิเมมาวาดตามอีก(บอกตามตรงว่าเสียเงินไปเยอะพอสมควร) ดูงานนักวาดคนเก่งๆบ้าง ทั้งไทยและฝรั่ง ผมก็เลยเอามาประยุกต์กับลายเส้นของตัวเอง หัดศึกษาอนาโตมี่ร่างกาย ฝึกลงสีทั้งสีนํ้า สีไม้และ CG รับรีเควสของฝรั่งทางเว็บ deviantart บ้าง ฝึกทำอนิเมชั่น ฝึกใช้โฟโต้ชอป หาเทคนิคใหม่ๆมาให้ ผมพยายามด้วยมือของผม ศึกษาเองทั้งหมด ตอนนี้ก็ยังไม่ดีพอสำหรับผม ผมคิดว่าถ้าฝึกไปเรื่อยๆ มันต้องสำเร็จสักวันหนึ่ง และสำหรับความสามารถที่ผมอิจฉาเพื่อนมาตลอด และอยากมีมันบ้าง ก็คงจะเป็นวิชาคำนวณทั้งหลาย ที่ตรงข้ามกับเด็กอาร์ตอย่างผม ผมอยากมีบ้าง ด้านกีฬาและความจำผมมีอยู่แล้ว มันก็เหลือแต่ด้านคำนวณนี่แหละ ก็คงต้องฝึกต่อแล่ะมั้งครับ 55
มีพรสวรรค์น่าจะเรื่องการเขียนค่ะ เเต่ไม่ใช่เป็นกาพย์กลอนเท่าไหร่จะถนัดบทความ นิยายมากกว่าค่ะเพราะชอบอ่านหนังสือมาตั้งเเต่เด็กเเล้วยิ่งโตขึ้นยิ่งอ่านหนังสือหลากหลายเเต่ถ้าชอบมากๆก็จะเป็นนิยายเเต่ชอบมากก็แฟนฟิคค่ะ(วัยนี้อ่ะเนาะ) ชอบคิดพล็อตใหม่ๆ เเล้วคุยกับเพื่อนเป็นอะไรที่สนุกมากๆค้ะ เเลกเปลี่ยนความเห็นดีค่ะ
มีพรสวรรค์ด้านดนตรีค่ะแต่ว่าพรสววรค์อันนี้เพิ่งจะมาปรากฎตอนหนูอายุ 13 ปี ตอนที่เข้า ม.1และชวนกันกับเพื่อนว่าจะเข้าโยธวาทิต หนูเลือกเครื่องดนตรีที่ไม่ใช่โยธวาทิตคือไวโอลิน ตอนม.1 หนูก็ได้แค่นั้นแหละค่ะ มีความสามารถแค่อ่านกุญแจซอล พอ ม.2 มาก็เจอสิ่งที่ใช่จริงๆก็คือเชลโลค่ะ อ่านกุญแจฟาได้ แล้วความสามารถพิเศษเพิ่มเติมคือหนูอยากจะเล่นกีตาร์กับเปียโนได้ค่ะ แล้วหนูก็อยากมีความสามารถพิเศษคือเล่นดนตรีได้เจ๋งๆให้ประสบความสำเร็จจะได้มีเงินไปให้พ่อกับแม่ใช้ ไปเปิดหมวกให้ได้เงินมาค่ะ (เรื่องเล่นเป็นอาชีพหนูทำไม่ได้ค่ะ พ่อกับแม่หนูห้ามโดยเด็ดขาดเลยค่ะพ่อกับแม่หนูบอกถ้าทำเป็นอาชีพจะไม่สนับสนุน)
คิดว่ามีจุดผิดพลาดในบทความทั้งสิ้น 3 ตำแหน่ง ครับ
1. นับภาษา >> นับประสา (ก่อนหัวข้อที่ 1)
ขนาด"ความชอบ" ยังเปลี่ยนไปเป็น"ความรัก" แล้วนับประสาอะไร...
2. พิศดาร >> พิสดาร (หัวข้อที่ 4)
3.พรแสดง >> พรแสวง (หัวข้อที่ 6)
รบกวนตรวจสอบและแก้ไขด้วย
ขอบคุณมากครับ
เป็นคนชอบร้องเพลงมากค่ะ ทำมาตั้งแต่เด็กๆแล้วแต่ด้วยความขี้อาย+กลัวเลยไม่ค่อยกล้าแสดงออกเท่าไหร่ เลยพลาดโอกาสดีๆไปมากเลยในตอนนั้น(จนตอนนี้ยังมีเสียดายเลยค่ะ) จนประมาณม.1มั้งคะที่ได้มีโอกาสใช้ความชอบของแกทั้งร้องเพลงออกสื่อกับเค้ามั้ง ฮาา ร้องเพลงเนี่ยได้ครูสอนดนตรีเป็นคนผลักดันมาค่ะ คอยสอนคอยให้คำแนะนำในการร้องมากเลย ว่าเราควรจะร้องยังไง สไตล์ของเราเป็นอย่างไง การใช้เสียงในการร้อง บลาๆ ฝึกมาเรื่อยๆ มีท้อบ้างเพราะเพื่อนชอบล้อว่าร้องแปลกๆ ร้องยังกะเป็ด มีเคยไปแอบร้องไห้ก็มี แต่ก็มีกำลังจากพ่อแม่จากครูให้เราพยายามต่อไป จนตอนนี้เป็นนักร้องประจำโรงเรียนไปแล้วค่ะ หุหุ
ความสามารถพิเศษที่อยากมีน่ะหรอคะ...อยากได้สำเนียงอังกฤษมากเลยค่ะ เพราะชอบร้องเพลงสากลแต่พอตัวเองร้องแล้วแอบขัดใจตัวเองเล็กค่ะ ฮา (แลดูไร้สาระ)
หนูชอบเรียน ชอบฟังมากกว่าอ่านหนังสือ แต่เวลาที่ครูสอน โดยเฉพาะคณิต จะไม่ค่อยเข้าใจเอามากๆ. ไม่กล้าถามแต่จะให้เพื่อนช่วยแนะนำหน่อยและคอยเวลาทีเพื่อนถามครูแล้วมาอธิบายให้อีกก็เลยเข้าใจตรงที่งง ส่วนพรสวรรค์หนูเป็นคนที่ชอบวาดรูปค่ะแต่หนูคิดว่ามันคือการฝึกการหาเทคนิคมาตั้งแต่เด็กแล้วเพราะจำได้ว่าวาดไม่ได้เรื่องเลย เพื่อนก็บอกว่าวาดสวยแต่ความรู้สึกของหนูมันยังไม่ถึงขั้นนั้น. ตอนนี้ก็พยายามฝึกตรงบางอย่างที่ยังไม่คล่อง ไม่ถนัดและชอบแต่งเรื่องที่คล้ายนิยาย เลยคิดว่าสักวันต้องทำการ์ตูนสักเล่ม. ((เพ้อหนักเลย^°^))
มีพรสวรรค์ด้านการพูดค่ะ เป็นคนพูดเก่ พูดเป็น ได้โจทย์ให้ขึ้นพูดฉับพลันก็สามารถพูดได้ ไม่เคอะเขิน มีวิธีการเรียบเรียงคำพูดได้ค่อนข้างดี มักได้รับคำชมเชยอยู่บ่อยครั้ง และไม่ตื่นเต้นแม้จะพูดต่อหน้าคนเยอะๆ เป็นคนเก็บความรู้สึกขณะพูดได้ ทำให้ขึ้นเป็นประชาสัมพันธ์ของโรงเรียนตามด้วยขึ้นเป็นประธานสภานักเรียน ทักษะนี้เหมือนพระเจ้าสร้างมาเพื่อเบลสจริงๆ
ความสามารถที่อยากมีเพิ่มคือ อยากมีความจำเป็นเลิศ แค่ผ่านตาก็ค่อนข้างติดตา หรือ อ่านหนังสือเพียงรอบเดียวก็สามารถจำได้ค่อนข้างดี อาจจะไม่ทั้งหมด แต่จำได้เยอะ
พรสวรรค์ของหนูคือคิดเลขเร็วค่ะ โดยส่วนตัวนั้นเป็นคนที่ชอบคณิตมากมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็มีข้อเสียคือเรียนภาษาไม่เข้าหัวเลยซักนิด มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก เพราะตั้งแต่จำได้ไม่เคยสอบภาษาอังกฤษผ่านเลยแม้แต่ครั้งเดียว! และนั่นมันคือปมในใจทำให้หนูเกลียดภาษาอังกฤษ แล้วเลิกที่จะพยายาม...จนกระทั่งในที่สุด หนูเปลี่ยนความคิดใหม่ อะไรที่ทำไม่ได้ก็ต้องพยายามจนถึงที่สุดใช่ไหมล่ะ วันนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้ไม่ได้ แต่ก็ยังมีวันต่อๆไป ถ้าเป็นไปได้หนูอยากมีความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นนะ ถึงจะท้อแต่รับลองไม่ถอยค่ะ สู้ตาย ซะวันเราจะต้องสอบผ่านอังกฤษให้ได้
ไม่รู้ว่ามีพรสวรรค์อะไรอะแต่อยากเล่นกีต้าร์อะ
พรสวรรค์ของผมคือการเล่นดนตรี ครั้งแรกที่สมัครเข้าวงดนตรีโรงเรียน ผมได้เลือกTrumpet ซึ่งไม่เหมาะกับปากของผม โดนทุกคนว่า ดูถูก เหยียดหยาม ผมจึงตั้งใจฝึกฝนตนเอง จนเกิดความชำนาญและได้รับความไว้วางใจให้เป็นหัวหน้าชุดTrumpet โดยแซงหน้าเพื่อนที่สมัครเข้าวงก่อน ผมเรียนรู้ทักษะต่างๆในเรื่องดนตรีได้อย่างรวดเร็วและถ่ายทอดให้แก่คนอื่นได้ดีพอสมควร ผมจึงได้นำความสามารถพิเศษ(หรือว่าพรสวรรค์)ของผม มาเป็นอาชีพเสริม หารายได้ให้ตนเองตั้งแต่อายุ 14 ปี และผมจะพัฒนาตนเองต่อไป สร้างความสุขจากเสียงดนตรี ให้ผู้คนมีความสุขแบบผม
"ตอนนี้ผมเป็นนักเรียนทหาร แต่ผมก็ยังทำในสิ่งที่ผมรัก ถ่ายทอดเสียงเพลง ความสุขให้ผู้คนต่อไป"
นี่แหละครับ สิ่งที่ผมคิดว่า มันคือพรสวรรค์ของผม
ผมเชื่อว่าหากทุกคนมีพรสวรรค์ แต่จะสามารถนำมันออกมาใช้ได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่ความแสวงของบุคคลละครับ
เราชอบเรียนภาษาค่ะแล้วเราก็ชอบอ่านหนังสือมากกกกกกกกกกกก เราเริ่มอ่านหนังสือภาษาเกาหลีมาตั้งแต่ป.5 จนตอนนี้ก็ยังอ่านอยู่เรื่อยๆ ถ้าได้ไปร้านหนังสือเมื่อไหร่ต้องเดินไปที่ล็อคภาษาศาสตร์ก่อนเลย 555 ตอนนี้ก็กำลังเริ่มฝึกภาษาญี่ปุ่นค่ะ ถ้าเป็นไปได้อยากรู้สัก 5 ภาษาเลยแหละ 555 และเราคิดว่าเรามีพรสวรรค์ด้านการจำอะไรเยอะๆได้มาก เราเลยเลือกจำไวยากรณ์กับคำศัพท์ เราท่องศัพท์ทุกวันเลย แรกๆก็เหนื่อยนะคิดว่านี่คงไม่ใช่สิ่งที่เราชอบจริงๆแล้วล่ะ แต่พอได้ศึกษาค้นหาเรื่อยๆแล้วเราเลยได้รู้ว่านี่แหละคือสิ่งที่เราชอบจริงๆ ทุกวันนี้เวลาพูดกับใคร เราจะพูดเป็นไทยแล้วก็มาคิดอีกทีในสิ่งที่เราพูดเป็นภาษาอังกฤษกับภาษาเกาหลีค่ะ สนุกมากที่ได้คิดในสิ่งที่ชอบตลอดเวลา 555
สู้ๆนะคะ ใครที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรขอให้หาสิ่งที่ชอบให้เจอได้เร็วๆนะคะแล้วฝึกฝนค่ะ แล้วสิ่งพวกนั้นจะกลายเป็น "ความสามรถพิเศษ" ของเราค่ะ
คิดว่าพรสวรรค์ของตัวเองคืออ่านบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะค่ะ (ที่คิดแบบนี้เพราะมีเพื่อนชม) แต่เราเป็นคนขี้อายอ่ะ เลยลองหาอย่างอื่นดู คิดว่าตัวเองชอบเขียนหนังสือ แต่ว่าเขียนไม่เก่ง (แป่ว) ก็เลยอยากให้ตัวเองเขียนหนังสือเก่งๆอ่ะ แล้วก็อยากร้องเพลงให้เพราะๆด้วยล่ะ ขับทำนองเสนาะได้ก็จริงแต่ไม่เคยรู้เลยว่าร้องเพลงเพราะมั้ย เพราะไม่เคยร้องให้คนอื่นฟังเลยอ่ะ
สรุป : พรสวรรค์ อ่านบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะ
พรสวรรค์เพิ่มเติมที่อยากมี ร้องเพลงให้เพราะๆและแต่งหนังสือเก่งๆ (อยากเลิกขี้อายจนเกินไปด้วย แต่นี่ไม่ใช่พรสวรรค์นี่เนาะ)
เราไม่รู้พรสวรรค์ของตนเองหรอกค่ะ แต่เราอยากลองทำอะไรหลายอย่างมากๆ เลยค่ะ ที่ตอนนี้ทำได้ก็คือ บวกลบเลขในใจได้หลายหลักค่ะ แต่ถ้าเกิน 6 หลักบางทีมีงงค่ะ และ การถักผ้าพันคอค่ะ ทุกคนบอกว่าเราถักสวย แล้วก็ทำขนมประเภทพุดดิ้ง (อร่อยกว่าร้านหรูๆ อีก มีคนบอกอย่างนั้น ไม่รู้ว่าจริงไหมนะคะ...)