“เชฟโต๋” ผู้สร้างโอกาสให้ตัวเองจากเด็กธรรมดา สู่เชฟมือหนึ่งจากการเรียน “อาชีวะ”

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ทุกคน ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้ตามร้านอาหาร ร้านขนมมีเมนูหลากหลาย หน้าตาสวยงาม บางอันสวยจนไม่กล้ากินเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ยังมีรายการทำอาหารเกิดขึ้น แถมยังมีเชฟคนไทยที่สร้างชื่อเสียงระดับโลก จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนเกิดความฝันอยากเป็น “เชฟ” แต่มักเข้าใจผิดคิดว่ากว่าจะเดินทางไปถึงจุดนั้นได้ต้องจบมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนด้านอาหาร ไปเรียนคอร์สแพงๆ หรือต้องไปฝึกไกลถึงเมืองนอก ซึ่งกว่าจะ ถึงเป้าหมาย หลายคนอาจถอยกลับตั้งแต่ก้าวแรก

     แต่ไม่ใช่สำหรับเชฟกระทะหล่อ “เชฟโต๋” คนนี้ค่ะ จากแรงผลักดันที่เกิดจากปัญหาทางการเงิน ของครอบครัวตั้งแต่ ม.ต้น ทำให้เบนเข็มไปเรียนสายอาชีวะเพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว แต่ใครจะไปรู้ว่าการเรียนอาชีวะนี่แหละที่เป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เด็กคนนั้นค่อยๆ เดินตามความฝันจนเป็น “เชฟ” ได้สำเร็จ วันนี้พี่มิ้นท์พาน้องๆ มาทำความรู้จัก “เชฟโต๋” ผู้ซึ่งฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย จนได้เป็น Chef de Cuisine ได้ในวัยเพียง 27 ปี

พี่มิ้นท์ Dek-D : สวัสดีค่ะ อยากให้เชฟโต๋แนะนำตัวเองให้น้องๆ ชาว Dek-D.com รู้จักหน่อยค่ะ

เชฟโต๋ : สวัสดีครับ ผมชื่อเชฏฐ์ภูชิชย์ เถกิงศักดิ์ หรือ เชฟโต๋ ปัจจุบันเป็น Chef de Cuisine ของบริษัทแนวหน้าด้านอาหารแห่งหนึ่ง ถ้าย้อนกลับไปสมัยเรียน ผมจบ ปวช. จากวิทยาลัย อาชีวศึกษาเสาวภา สาขาคหกรรมศาสตร์ วิชาเอกอาหารและโภชนาการ จากนั้นก็เรียนต่อ ปวส.ที่วิทยาลัยโชติเวช (ปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขต โชติเวช) จนได้วุฒิปริญญาตรี และต่อปริญญาโทหลักสูตรวิทยาศาสตร์การประกอบอาหาร ม.เกษตรศาสตร์ ครับ

พี่มิ้นท์ Dek-D : ตำแหน่ง Chef de Cuisine ที่เชฟโต๋พูดถึง มีหน้าที่อะไรบ้างคะ

เชฟโต๋ : Chef de Cuisine ตำแหน่งที่ผมทำอยู่ ปกติจะมีหน้าที่พัฒนาเมนูใหม่ๆ ร่วมกับ ลูกค้าของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นภัตตาคาร ร้านอาหาร หรือโรงแรม ที่ได้สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร จากบริษัท นอกจากร่วมกันพัฒนาเมนูแล้ว ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของวัตถุดิบ เพื่อให้ ลูกค้าได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและสร้างเมนูสุดพิเศษต่อไปได้

พี่มิ้นท์ Dek-D : ทำไมเชฟโต๋ถึงเลือกเรียนสายอาชีวะล่ะคะ

เชฟโต๋ : ความจริงตอน ม. 3 ผมตัดสินใจว่าจะไม่เรียนด้วยซ้ำครับ เพราะตอนเรียน ม.ต้น ที่โรงเรียนสวนกุหลาบนนทบุรี ที่บ้านมีปัญหาทางการเงินตั้งแต่ ม.1 ร้านอาหารที่แม่เช่าร้าน คนอื่นเปิดหมดสัญญา ก็ไม่รู้จะไปขายอาหารที่ไหน เงินที่มีอยู่ก็เริ่มหมดไปเรื่อยๆ เรียกว่าค่อนข้างฝืดเคืองเลย เราเองก็รับรู้ปัญหา จึงตัดสินใจว่าถ้าจบ ม.3 จะไม่เรียนแล้ว จะได้ไม่เป็นภาระเพิ่ม โดยระหว่างนั้นก็ทำงานไปด้วย แต่พอใกล้จบ ม.3 อาจารย์รู้ก็ไม่เห็นด้วย เลยเสนอทางเลือกการเรียนสาย “อาชีวศึกษา” มาให้เรา เพราะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยได้ นี่ก็เลยเป็น จุดเริ่มต้นใหม่ของผมเลยครับ
     พอเราเริ่มสนใจเรื่องอาชีวะ ก็เลยหันมาศึกษาข้อมูลจริงจัง จากที่ไม่รู้อะไรเลย ก็กลายเป็นว่าเลือกและตัดสินใจได้แล้วว่าจะเรียนในสาขาคหกรรมศาสตร์ วิชาเอกอาหารและโภชนาการ เรามีพื้นฐานด้านอาหารอยู่แล้วเพราะช่วยแม่ขายอาหารมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์และการเรียนอาชีวะยังทำให้เราทำงานไปพร้อมๆ กับเรียนได้ด้วย

พี่มิ้นท์ Dek-D : นอกจากปัญหาของครอบครัวที่เป็นแรงผลักดันแล้ว ยังมีแรงบันดาลใจอื่นๆ ที่ทำให้อยากเป็นเชฟอีกหรือเปล่าคะ

เชฟโต๋ : ถ้าพูดถึงแรงบันดาลใจ อันดับต้นๆ ผมยังยกให้เป็นเรื่องครอบครัวครับ เพราะที่บ้านเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนด้วย แต่ที่ทำให้อยากเป็นเชฟจริงๆ มาจากการที่เราได้เห็นเชฟที่ประสบความสำเร็จในยุคนั้น อย่างเช่น เชฟเอียน อาจารย์ยิ่งศักดิ์ ได้เห็นผลงานทางทีวี ทำให้เรามีความฝันอยากจะไปยืนในจุดนั้นเหมือนกัน

พี่มิ้นท์ Dek-D : ถ้าพูดถึง “อาชีวะ” หลายคนจะนึกถึงการเรียนเกี่ยวกับ “ช่าง” น้อยคนที่จะรู้ว่ามีด้านคหกรรมหรือด้านอาหารด้วย อยากให้เชฟโต๋เล่าให้ฟังหน่อยว่า การเรียนในสาขานี้ จะได้เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง

เชฟโต๋ : ในกลุ่มวิชาคหกรรม ยังแบ่งได้เป็นอีกหลายสาขานะครับ เช่น สาขาแฟชั่นสิ่งทอ สาขาอาหารและโภชนาการ สาขาคหกรรมศาสตร์ หรือแม้แต่สาขาด้านการท่องเที่ยวและบริการก็มีครับ การจัดการเรียนการสอนจะแบ่งเป็นระบบวิชาการปกติและทวิภาคี ซึ่งสายทวิภาคี นักศึกษาจะได้ออกไปเรียนกับสถานประกอบการต่างๆ โดยที่ทางวิทยาลัยจะส่งข้อมูลหลักสูตร การศึกษาไปให้ทางสถานประกอบการสอน และกลับมาสอบกับทางวิทยาลัยอีกที ช่วงที่ไปเรียนที่สถานประกอบการก็จะได้เงินด้วย
     ตัวผมเองจบกึ่งทวิภาคี คือ เรียนรายวิชาหลักพวกวิทย์ คณิต กับทางวิทยาลัย แล้วก็ไปเรียนการประกอบอาหารกับทางบริษัทต่างๆ ก็เลยได้มีโอกาสทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ซึ่งเริ่มแรกที่เราเข้าไปเรียน ก็ต้องเริ่มทำตั้งแต่พื้นฐาน เช่น ปูผ้า แล้วก็เริ่มเข้าครัว ปอกหอม ปอกกระเทียมได้ทำหมดครับ แล้วก็เริ่มเรียนการจัดของ เช็คของ เตรียมของเพื่อประกอบอาหาร เราได้ลงมือทำงานด้านนั้นจริงๆ ถือว่าได้ความรู้โดยตรงและสนุกมากครับ ซึ่งในแต่ละ หลักสูตรก็จะมีรายวิชาที่ไม่เหมือนกัน ตามเนื้อหาวิชาที่ใช้ในการทำงานในอนาคต

พี่มิ้นท์ Dek-D : ความรู้ที่ได้จากในห้องเรียน ได้นำมาปรับใช้ในการทำงานในด้าน ไหนบ้างคะ

เชฟโต๋ : ความรู้ที่ได้จากในห้องเรียนเราได้นำมาใช้อยู่แล้ว เพราะเป็นความรู้สายตรงที่ใช้งานได้เลย ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานการประกอบอาหารต่างๆ ที่ค่อยๆ แทรกซึมกลายเป็นทักษะติดตัวเราไป แต่สิ่งที่ผมได้จากการเรียนในสายอาชีวะมากกว่าคนที่เรียนสายอื่น คือ ในเรื่องของความอดทน และระบบการทำงานจริงๆ ที่เราถูกปลูกฝังเรื่องระบบการทำงานมาตั้งแต่ตอนเรียน ซึ่งจะต่างจากคนที่จบมาด้านอื่นหรือมาเรียนต่อหลักสูตรการทำอาหารภายหลัง เมื่อเข้ามาทำงานก็จะยังไม่รู้ขั้นตอนหรือระบบการทำงานตั้งแต่ต้น ตรงนี้ถือว่าได้นำมาปรับใช้กับการทำงานได้มากที่สุด ทำให้เราเข้าใจงานและเข้าใจผู้ร่วมงานตั้งแต่ลูกน้องไปจนถึงระดับหัวหน้าเลย

พี่มิ้นท์ Dek-D : สำหรับน้องๆ ที่อยากเป็นเชฟ เชฟโต๋คิดว่าการเข้ามาเรียนในสายอาชีวะ มีประโยชน์อย่างไรบ้างคะ

เชฟโต๋ : อย่างแรกคือ การเรียนอาชีวะทำให้เราได้ลงมือทำสิ่งนั้นจริงๆ และยิ่งสายงานของเชฟจะมีการเจริญเติบโตในหน้าที่การงานเป็นลำดับขั้นตอน กว่าจะได้เป็นเชฟต้องใช้เวลาหลายปีเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่ Temp ในขั้นพนักงาน ไล่ไปเป็น Commis (ผู้ช่วยกุ๊ก) ซึ่งเป็นขั้นแรกสุดของเชฟ ไปเรื่อยๆ จนถึง Executive Chef การที่เราได้เรียนสายอาชีวะเท่ากับเราได้ตำแหน่งตั้งแต่ตอนเรียน พอเรียนจบ ตำแหน่งเราก็ขยับขึ้นเรื่อยๆ ตามความรู้และประสบการณ์ที่มากขึ้น ในขณะที่ถ้าเราเรียนด้านอื่นๆ และมาเรียนด้านอาหารภายหลังจะต้องเริ่มต้นจากตำแหน่งแรก ซึ่งกว่าจะก้าวเข้ามาถึงตำแหน่งนี้ ต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งเลยครับ ซึ่ง ณ วันนี้ ผมในวัย 27ปี ได้เป็น Chef de Cuisine นับว่าเป็นตำแหน่งที่ขึ้นมาไวมาก ถ้าไม่ได้เรียนอาชีวะในวันนั้น อาจจะยังก้าวไม่ถึงตำแหน่งในวันนี้ครับ

พี่มิ้นท์ Dek-D : ทราบมาว่า เชฟโต๋ได้มีประสบการณ์การทำอาหารมื้อภาคภูมิใจที่สุดด้วย เล่าให้น้องๆ ชาว Dek-D ฟังหน่อยได้ไหมคะ

เชฟโต๋ : ครับ ครั้งนึงในชีวิตผมได้เคยเข้าไปทำพระกระยาหารถวายให้กับเสด็จแม่ พี่เขยและหลานสาวของกษัตริย์จิกมี เป็นการส่วนพระองค์ ตามคำแนะนำของพระสหายชาวไทยที่เคยได้รับประทานอาหารฝีมือผม ซึ่งมื้อนั้นเมนูที่ได้ทำถวายคือ ผัดไท ต้มข่าไก่ ต้มยำกุ้ง แกงมัสมั่นแกะ เนื้อย่าง ปอเปี๊ยะปู ซึ่งท่านโปรดผัดไทมากเป็นพิเศษครับ ครั้งนั้นเป็นโอกาส ครั้งสำคัญที่ภาคภูมิใจมาถึงทุกวันนี้

พี่มิ้นท์ Dek-D : ฟังแล้วตื่นเต้นแทนเลยค่ะ ฟังจากประสบการณ์ต่างๆ แล้ว พูดได้เลยว่าเชฟโต๋มาไกลเลยทีเดียว คิดว่าตอนนี้ตนเองประสบความสำเร็จหรือยังคะ

เชฟโต๋ : ถ้าผมยังเป็นเด็กคนนั้นแล้วมองมาที่ผมคนนี้ ผมถือว่าประสบความสำเร็จแล้วเพราะ มีความฝันจากเด็กธรรมดามาเป็นเชฟ แต่ถ้าผมในวันนี้มองไปในอนาคต ผมยังมีความฝันอีกหลายอย่างที่อยากทำครับ ผมอยากทำหนังสือสักเล่ม ที่รวบรวมประวัติ และแนวทางการทำอาหารที่สั่งสมจากประสบการณ์ของตัวเอง รวมถึงอยากมีรายการอาหารของตัวเอง เพื่อเผยแพร่เทคนิคการทำอาหาร ซึ่งตัวผมจะถนัดอาหารไทยเป็นพิเศษครับ

พี่มิ้นท์ Dek-D : มองย้อนกลับไปที่เราได้เรียนสายอาชีวะมา รู้สึกอย่างไรบ้างคะ

เชฟโต๋ : ผมคิดว่าผมเลือกไม่ผิดที่เลือกเรียนสายอาชีวะ ถ้าตอนนั้นผมไม่ได้เลือกเรียน วันนี้ ความฝันผมอาจจะเลื่อนลอยอยู่ พูดได้เต็มปากว่าผมภูมิใจที่ได้เรียนสายอาชีวะและได้เรียนเอกอาหารและโภชนาการ การที่เราได้เลือกเรียนสิ่งที่เราชอบและรัก โดยได้รับการส่งเสริมด้านความรู้และทักษะที่ถูกต้อง ช่วยให้เราประสบความความสำเร็จได้ไม่ยากครับ ซึ่ง ณ วันนี้ ผมยังได้มีโอกาสกลับไปเป็นอาจารย์พิเศษที่วิทยาลัยอาชีวะอยู่บ้าง เพื่อถ่ายทอดความรู้และ ประสบการณ์ให้กับรุ่นน้อง เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ เป็น “ฝืมือชน คนสร้างชาติ” ต่อไป

พี่มิ้นท์ Dek-D : สุดท้าย อยากให้เชฟโต๋ฝากอะไรเล็กๆ น้อยๆ ถึงน้องที่กำลังตัดสินใจ เรียนสายอาชีวะค่ะ

เชฟโต๋ : การเรียนสายอาชีวะ ถูกเข้าใจผิดเยอะว่าเป็นส่วนของแรงงาน แต่ความจริงแล้วการเรียนอาชีวะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้นำ เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะประสบความสำเร็จได้เร็วกว่าคนอื่น อยากฝากน้องๆ ที่ยังรู้สึกลังเลกับการวางแผนการเรียน จริงๆ แล้ว สายอาชีพเป็นจุดเริ่มต้นของความฝันของน้องๆ ทุกคน อยากเป็นอะไร อยากทำอะไร ถ้าน้องมาดูรายละเอียดของวิชาในหลักสูตรสายอาชีวะ จะรู้เลยว่าเราจะได้สัมผัสงานนั้นจริงๆ ซึ่งทำให้เราได้พิสูจน์ตัวเอง ไปด้วยว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราอยากทำจริงหรือเปล่า ถ้าใช่ เราจะก้าวเข้าสู่วิชาชีพนั้นได้ไวกว่าคนอื่น แต่ถ้าไม่ใช่ เรายังสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อหาเป้าหมายได้เร็วกว่าคนอื่นเช่นกัน

สามารถติดตามเรื่องราวของเชฟโต๋ได้ที่

facebook : เชฏฐ์ภูชิชย์ เถกิงศักดิ์

instragram : Chetphuchit

ขอขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ

ร้าน Feat @BTS ราชเทวี https://www.facebook.com/featbkk/

พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

ChetphuchitT Member 12 ก.พ. 59 10:25 น. 1

ขอบพระคุณพี่มิ้นท์มากๆนะครับ ที่ให้โอกาสนำเรื่องราวบางส่วนของผมมาเป็นแรงบรรดาลใจ ให้กับน้องๆนะครับ

พี่เองขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆความฝันของน้องๆทุกคนนะครับ ไม่ว่าน้องๆอยากจะเป็นหรืออยากทำอะไร ขอให้ตั้งใจ และสร้างโอกาสให้กับตัวเองเยอะๆ อย่ารอเพียงเวลาหรือรอให้ใครมาหยิบยื่นโอกาสนะครับ เพราะ สิ่งที่น่าเสียดายที่สุด ไม่ใช่คำว่า " ไม่มีโอกาส " แต่มันคือคำว่า " เคยมีโอกาส " ต่างหาก พี่ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับทุกๆความฝันของน้องๆทุกคนนะครับ

และถ้าใครที่สนใจในสายอาชีพของพี่ พี่ยินดีมากๆนะครับที่จะให้คำปรึกษากับน้องๆsmiley

#กับข้าวข้างถนนจากคนข้างทาง

1
กำลังโหลด

4 ความคิดเห็น

ChetphuchitT Member 12 ก.พ. 59 10:25 น. 1

ขอบพระคุณพี่มิ้นท์มากๆนะครับ ที่ให้โอกาสนำเรื่องราวบางส่วนของผมมาเป็นแรงบรรดาลใจ ให้กับน้องๆนะครับ

พี่เองขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆความฝันของน้องๆทุกคนนะครับ ไม่ว่าน้องๆอยากจะเป็นหรืออยากทำอะไร ขอให้ตั้งใจ และสร้างโอกาสให้กับตัวเองเยอะๆ อย่ารอเพียงเวลาหรือรอให้ใครมาหยิบยื่นโอกาสนะครับ เพราะ สิ่งที่น่าเสียดายที่สุด ไม่ใช่คำว่า " ไม่มีโอกาส " แต่มันคือคำว่า " เคยมีโอกาส " ต่างหาก พี่ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับทุกๆความฝันของน้องๆทุกคนนะครับ

และถ้าใครที่สนใจในสายอาชีพของพี่ พี่ยินดีมากๆนะครับที่จะให้คำปรึกษากับน้องๆsmiley

#กับข้าวข้างถนนจากคนข้างทาง

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด