10 กีฬายอดฮิตคาบพลศึกษา! ที่ไปโรงเรียนไหนก็เจอ

สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ใครที่ติดตามข่าวกีฬา คงจะรู้กันว่า ทุกๆ เช้าของเวลาในประเทศเรา จะมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2016 ซึ่งในครั้งนี้ได้จัดขึ้นที่เมืองริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล (น้องๆ อาจจะคุ้นในชื่อของ โอลิมปิกริโอ 2016) อย่าลืมส่งใจไปเชียร์นักกีฬาของไทยเราด้วยนะคะ
 

           เกริ่นถึงเรื่องกีฬากันมาแล้ว เชื่อแน่ว่าในโรงเรียนของเราก็ต้องมีคาบพลศึกษาให้น้องๆ ได้เล่นกีฬากันแน่นอน เชื่อแน่ว่าบางทีก็ต้องมีกีฬาแปลกๆ ที่เราไม่เคยเจอ หรือกีฬาโปรดที่มั่นใจว่าสอบครั้งไหนต้องได้เกรด 4 ทุกครั้ง หรือแม้กระทั่งกีฬาที่ขอบาย อยากจะป่วยในทุกวันที่มีคาบพลศึกษาเลยทีเดียว วันนี้พี่อีฟก็เลยจะขอพาไปสำรวจ กีฬายอดฮิตในคาบพลศึกษาของแต่ละโรงเรียน น้องๆ คนไหนเรียนตรงกับพี่อีฟบ้าง ยกมือรอได้เลยค่ะ

          
1. ฟุตบอล
          ไม่จำเป็นต้องได้เรียน พี่อีฟก็เชื่อว่าน้องๆ เห็นกีฬานี้เป็นประจำอยู่แล้ว นอกจากการแข่งขันในทีวี ใครที่เรียนโรงเรียนชายล้วนหรือสหศึกษา คงเห็นเพื่อนๆ พร้อมใจกัน เล่นทั้งพักกลางวันและหลังเลิกเรียน ถือเป็นกีฬายอดฮิตของเด็กไทยที่นำมาสอนบ่อยๆ ตั้งแต่การสอนเรื่องตำแหน่งต่างๆ ในสนาม หน้าที่ของแต่ละตำแหน่ง กติกา การเลี้ยงบอล การเดาะบอล ไปจนถึงการเป็นผู้รักษาประตู ใครที่เรียนจบก็พร้อมลงสนามจริงได้เลย
          น้องๆ ผู้หญิงที่ไม่ค่อยได้เล่นฟุตบอล ก็จะได้ลองเล่นจากการเรียนคาบพละฯ นี่เอง ซึ่งคะแนนก็อาจจะมากน้อยตามความสามารถกันไป นอกจากเป็นกีฬาที่ได้ฝึกทักษะทุกอย่างในร่างกาย ทั้งการสังเกต การเคลื่อนไหว กีฬาที่เล่นเป็นทีมแบบนี้ ยังทำให้น้องๆ ได้รู้จักเพื่อนเพิ่มมากขึ้น และได้เรียนรู้การทำงานร่วมกันกับเพื่อนๆ ในทีมด้วย นอกจากนั้นการเล่นกีฬาทุกชนิด ก็จะมีกฎกติกา ให้น้องๆ ปฏิบัติตามอยู่เสมอ อย่าลืมรักษากฎกติกา และมีน้ำใจนักกีฬาอยู่เสมอนะคะ


          2. บาสเกตบอล
          เป็นกีฬาที่ผู้หญิงก็เล่นได้ ผู้ชายก็เล่นดีนะคะ ยิ่งถ้าเป็นโรงเรียนหญิงล้วนแล้วล่ะก็ ใครที่เล่นบาสเกตบอลได้ เตรียมถูกสาวๆ รุ่นน้องกรี๊ดได้เลย จำได้ว่าพี่อีฟเคยเรียนบาสเกตบอลในวิชาพลศึกษาตอนชั้น ม.3 อาจารย์ก็สอนตั้งแต่การเลี้ยงลูก การส่งการรับ การทำให้ลูกลงห่วงแบบต่างๆ เช่น เลย์อัพ, ชู้ตใต้แป้น, จัมป์ช็อท ฯลฯ รวมไปถึงกฎกติกา มารยาทต่างๆ ในการเล่นด้วยค่ะ หนึ่งในช่วงเวลาการเรียนที่พี่อีฟจำได้ดีเลย คือ ต้องหัดโยนลูกรับส่งกันกับเพื่อน และต้องหัดเลย์อัพให้ลงห่วง ซึ่งใครเล่นเป็นอยู่แล้ว ก็อาจจะง่ายและสบายมากนะคะ แต่สำหรับใครที่เล่นไม่เป็นแบบพี่อีฟ อย่าเพิ่งถอดใจไป หัดเล่นบ่อยๆ ช่วยเราได้ค่ะ
          นอกจากเป็นกีฬาที่ใช้เรียนในวิชาพลศึกษาแล้ว โรงเรียนพี่อีฟยังจัดให้กีฬานี้ เป็นกีฬาประจำชั้นของนักเรียนชั้น ม.3 เลย หรือเรียกง่ายๆ ว่า กีฬาประเพณี เพื่อให้นักเรียนเห็นความสำคัญของกีฬาและสนใจเล่นกันมากขึ้นด้วยค่ะ

 

          3. กระบี่กระบอง
          เป็นวิชาที่พี่อีฟไม่ได้เรียนค่ะ แต่มีน้องบอกเข้ามาเยอะว่าเคยเรียน กับท่าพื้นฐาน 12 ท่า เช่น ลอยชาย เสือลากหาง ตั้งศอก จ้วงหน้าจ้วงหลัง ฯลฯ ที่ทั้งต้องจำท่าให้ได้ และฝึกทำท่าให้คล่อง ตอนเรียนเราดูตามคุณครูสอนได้ ก็อาจจะไม่ยากเท่าไหร่ แต่ตอนสอบที่ต้องสอบจำ และต้องสอบในแต่ละท่า แบบที่ต้องจำทุกอย่างเองนี่แหละ ที่น้องๆ บอกว่ายากสุดๆ ไปเลย
          หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องเรียนวิชากระบี่กระบอง แต่พี่อีฟอยากจะให้น้องๆ ลองนึกว่ากีฬานี้เป็นอีกหนึ่งกีฬาเลยนะคะที่ช่วยให้เรามีทักษะต่างๆ ด้านร่างกายที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งการเคลื่อนไหวร่างกาย การสังเกตคู่ต่อสู้ และการมั่นใจในการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ แถมเป็นพื้นฐานสำคัญๆ ของกีฬาประเภทใช้ดาบได้อีกด้วยนะคะ หรือถ้าใครนึกไม่ออกจริงๆ แค่คิดว่าเรียนแล้วได้ออกกำลังกาย ก็น่าจะชัดเจนแล้วใช่ไหมคะ

          
4. ยืดหยุ่น/ยิมนาสติก
          เก็บคอ งอเข่า เท้าชิด ถือเป็นประโยคที่คุ้นหูสำหรับกีฬานี้เลยนะคะ ทั้งการม้วนหน้า ม้วนหลัง ทรงตัว คิดว่าน้องๆ คงเคยผ่านมากันหมดแล้ว บางคนอาจจะคิดว่าง่ายเพราะทำได้สบาย แต่บางคนที่การยืดหยุ่นร่างกายเป็นเรื่องไม่ถนัด ต้องบอกว่ายากมากๆ ค่ะ แต่คุณครูก็จะมีวิธีการที่ทำให้เรายืดหยุ่นร่างกายได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เอาคะแนนมาล่อ สอนเราทีละท่า ช่วยเราม้วนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบท่า ซึ่งถ้าท่าทางไม่ได้ผิดรูปแบบมากจนเกินไป ก็เป็นอีกหนึ่งวิชาที่ได้คะแนนไม่ยากเย็นเลยค่ะ
          การเรียนกีฬาที่ไม่จำเป็นต้องเล่นเป็นทีม จะทำให้ระหว่างการฝึกซ้อมนั้น น้องๆ ต้องอาศัยความอดทนภายในจิตใจของตัวเอง และต้องมีความขยันขันแข็งในการฝึกซ้อมอยู่เสมอ การเรียนกิจกรรมยืดหยุ่น ถึงแม้จะไม่ใช่กีฬาโดยตรง แต่ก็ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเคลื่อนไหวร่างกายและเป็นพื้นฐานของกีฬายิมนาสติกด้วยค่ะ

 

          5. ปิงปอง
          เป็นอีกหนึ่งกีฬายอดฮิตของทุกโรงเรียน เพราะเป็นกีฬาที่เล่นง่าย ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ สิ่งที่น้องๆ จะได้เรียน เริ่มตั้งแต่วิธีพื้นฐาน อย่างการจับไม้ปิงปอง วิธีการตีลูก วิธีก้าวหรือเดินรับลูก รวมไปถึงการดูแลอุปกรณ์ต่างๆ ตั้งแต่ลูกปิงปอง ยางปิงปอง ไปจนถึงการดูแลโต๊ะ ตาข่าย กันเลยค่ะ
          การเล่นกีฬาชนิดนี้ ความเร็วและสติเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะคะ เพราะยิ่งลูกที่เราใช้ตียิ่งเล็กมากเท่าไหร่ การควบคุมก็จะยากมากขึ้นเท่านั้น แถมการเล่นยังถูกจำกัดด้วยบริเวณที่แคบมาก ถ้าเปรียบเทียบกับกีฬาชนิดอื่น ดังนั้น การจะคว้าคะแนนเต็มในการเรียน อาจจะต้องหมั่นฝึกฝนและฟิตซ้อมบ่อยๆ ใครที่ชอบเล่นอยู่แล้ว ก็อย่าลืมชวนเพื่อนๆ ที่ยังเล่นไม่เก่ง มาซ้อมด้วยกันบ่อยๆ นะคะ

          6. วอลเลย์บอล
          เป็นกีฬาที่เรียกได้ว่าไม่ว่าจะมีงานอะไรก็ตาม ตั้งแต่กีฬาสี ไปจนถึงกีฬาประจำจังหวัด จะต้องมีกีฬานี้ถูกบรรจุอยู่ด้วยแน่ๆ จุดสำคัญคือการตีลูกสลับกันไปมาข้ามตาข่ายให้ได้ ใครที่เล่นไม่เป็นอาจจะต้องทนกับการตีลูกจนมือแดง หรือต้องระวังไม่ให้โดนเพื่อนตบบอลใส่หน้าได้ แต่ถ้าใครที่เล่นเป็นมาตั้งแต่ต้น ความฟินเวลาที่เสิร์ฟหรือตีลูกจนได้แต้ม จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว !
          การเรียนพื้นฐานของทุกโรงเรียนจะต้องเริ่มจากการสอนท่าทางการตีลูก รับลูก เสิร์ฟลูก ตบลูก และเริ่มฝึกทักษะกับผู้เล่นคนอื่น ด้วยการจับคู่ตีลูกและรับลูก จนถึงการแบ่งทีมแข่งขันกัน เราแข่งขันกันแบบสนุกๆ ได้นะคะ แต่อย่าจริงจังกับผลแพ้ชนะจนเกินไป เพราะจะทำให้ความสนุกสนานในการเรียน กลายเป็นความไม่พอใจในผลแพ้ชนะได้ค่ะ ถ้าฝึกจนเริ่มเก่งเมื่อไหร่ กีฬาสีครั้งต่อไป ห้ามพลาดเลยนะ

 

          7. เปตอง
          เป็นกีฬาที่ฝึกสมาธิได้อย่างดีเลยค่ะ สำหรับกีฬาเปตอง อาจจะมีน้องๆ บางคนไม่คุ้นหู แต่เชื่อว่าน้องๆ หลายโรงเรียน ต้องเคยเรียนกีฬาชนิดนี้มาก่อนแน่นอน การเล่นก็ไม่ยากค่ะ แค่ต้องโยนลูกเหล็กของฝ่ายตัวเอง ให้ใกล้กับลูกเป้าให้ได้มากที่สุด ถ้าใครโยนได้ใกล้ที่สุด โดยไม่ผิดกติกา ก็ชนะไปเลยค่ะ
          ด้วยวิธีการเล่นที่ง่าย กติกาไม่ซับซ้อน ทำให้การเรียนกีฬาชนิดนี้ คุณครูมักจะเริ่มจากอธิบายอุปกรณ์ กฎกติกาการเล่น รวมไปถึงเคล็ดลับง่ายๆ ในการเล่น แล้วจึงให้เราลองปฏิบัติค่ะ อาจจะง่ายๆ แบบที่ลองโยนลูกเหล็กของตัวเองให้เข้าใกล้ลูกเป้า หรือยากขึ้นมาหน่อย แบบแบ่งทีมกันแล้วต้องโยน
ลูกเหล็กของตัวเองให้เข้าใกล้ลูกเป้ามากกว่าฝ่ายตรงข้าม นอกจากจะฝึกความแม่นยำ การวางแผนในการเล่น ยังช่วยฝึกสติและสมาธิได้เป็นอย่างดีค่ะ

          8. แบดมินตัน
          จะชวนเพื่อนออกกำลังกายทีไร อยากจะชวนเพื่อนไปตีแบดฯ ทุกทีค่ะ เพราะเป็นกีฬาที่แทบจะไม่ต้องอาศัยสถานที่อะไรเลยเลย แค่มีไม้แบดฯ กับลูกขนไก่ ก็ตีได้แล้ว ดังนั้น วิชาพลศึกษาของหลายๆ โรงเรียนจะต้องมีวิชาเรียนนี้แน่นอน ขอแค่มีพื้นที่ในการตีโต้กัน ทุกๆ พักกลางวันก็อาจจะเห็นเพื่อนๆ มาจองที่ตีกันเต็มเลย
          ถึงแม้จะเป็นกีฬาที่หลายคนมีทักษะอยู่แล้ว แม้จะยังไม่ได้เรียน แต่อย่าลืมว่า
การตีได้กับการตีเก่งไม่เหมือนกันค่ะ เราจำเป็นที่จะต้องรู้พื้นฐานทุกอย่างตั้งแต่อุปกรณ์ สนาม กฎกติกา รวมไปถึงท่าทางต่างๆ ในการเสิร์ฟ และการเล่น ซึ่งจะได้เรียนแน่นอนในวิชาพลศึกษาค่ะ แถมเป็นกีฬาที่อาจารย์ไม่ให้คะแนนโหดด้วยนะคะ แค่ท่าได้ ตีถูก คะแนนเต็มก็มาแล้ว และถ้าเรามีพื้นฐานที่ดีแล้ว ต่อไปจะตีเป็นคู่ หรือตีเป็นทีม รับรองว่าชนะชัวร์ค่ะ
 

          9. วิ่ง/กรีฑา
          น้องๆ คนไหนที่บอกว่า การวิ่งนั้นง่าย ใครๆ ก็วิ่งได้ มันก็ใช่ แต่ขอบอกว่าไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดนะคะ เพราะการวิ่งให้ถูกวิธีโดยไม่บาดเจ็บเป็นเรื่องสำคัญค่ะ ส่วนใหญ่โรงเรียนจะสอนการวิ่งเบื้องต้นให้กับน้องๆ เช่น การวิ่งระยะสั้น วิ่งผลัด แต่ถ้าใครที่มีทักษะ และอยากต่อยอดความสามารถที่มี ก็อาจจะเข้าร่วมแข่งขันกีฬาต่างๆ ที่โรงเรียน หรืออาจจะพัฒนาไปเป็นการวิ่งมาราธอนในอนาคตได้เลยค่ะ
          นอกจากเรียนพื้นฐานต่างๆ ของการวิ่งทั้งกติกา การออกตัว การเข้าเส้นชัย ฯลฯ จำได้ว่าถ้าเทอมไหนได้เรียนวิ่ง เทอมนั้นคุณครูจะมีเป้าหมายเลยค่ะ ว่าให้เราวิ่งเทอมละกี่รอบสนาม อาจจะเป็น 20 หรือ 30 รอบ ภายในนั้นเทอมก็ต้องมาเฉลี่ยวิ่งให้ครบ เรียกได้ว่า ได้ทั้งการออกกำลังกายได้ทั้งลดน้ำหนักเลยค่ะ

         
10. ลีลาศ
          อีกหนึ่งกีฬาที่พูดถึงมากที่สุด ถือเป็นวิชาฝึกการเข้าจังหวะเบื้องต้นได้เป็นอย่างดีอีกหนึ่งวิชาเลยนะคะ ใครที่ชอบเคลื่อนไหวร่างกายน่าจะชอบกัน แต่ใครที่ก้าวเท้ายังไม่ถูกจังหวะ หรือร้องเพลงยังไม่ถูกคีย์แบบพี่อีฟ อาจจะรู้สึกว่ามันยากมากเลย ดังนั้น การได้เริ่มเรียนตั้งแต่พื้นฐาน จึงเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ เพราะถ้าเรียนแบบถูกต้อง เข้าใจ อาจจะเก่งจนไปไกลถึงระดับโลกได้เลย
          เริ่มตั้งแต่การก้าวเท้าให้ถูกท่า การก้าวเท้าให้เข้าจังหวะ ช่วงนี้อาจจะเหยียบเท้ากันกับเพื่อนบ่อยๆ ก็อาจจะต้องขอโทษกันไว้ล่วงหน้าเลย แล้วค่อยเริ่มขยับมาเป็นช่วงตัวส่วนบนตั้งแต่ มือ ลำตัว ที่ก็ต้องออกท่าทางให้ถูกต้อง และสุดท้ายจะได้คะแนนเต็มจากคุณครูรึเปล่า การเต้นส่วนบนกับส่วนล่างก็ต้องทำงานประสานกันค่ะ และอีกเรื่องน่ารักๆ ของการเรียนวิชานี้ ที่น้องๆ เคยมาเล่าให้พี่อีฟฟังก็คือ การลุ้นว่าอาจจะได้จับคู่ฝึกซ้อมกับคนที่แอบชอบรึเปล่าค่ะ

 

          เป็นยังไงกันบ้างคะกับตัวอย่าง 10 กีฬาที่คุ้นเคยกันในคาบพลศึกษา ไม่ว่าจะเรียนกีฬาอะไร สิ่งที่อยากจะให้น้องๆ ได้รับในวิชานี้ก็คือการได้ออกกำลังกาย เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ พี่อีฟเชื่อว่าหลายๆ โรงเรียนน่าจะเคยเรียนมากกว่านี้แน่นอน ใครเคยเรียนกีฬาอะไรบ้าง แอบมาแชร์ให้เพื่อนๆ และพี่อีฟรู้ด้วยนะคะ วันนี้พี่อีฟก็ขอตัวไปออกกำลังกายก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ
พี่อีฟ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

เซย์คนเดิม เพิ่มเติมคือว่างค่ะ Member 10 ส.ค. 59 18:14 น. 2
เพิ่มรำดาบด้วยค่ะ ยากพอกับกระบี่กระบองเลยค่ะ #ทำหน้าคนเรียนทั้งคู่ เดี๋ยวมีแววเรียนมวยไทยเร็วๆ นี้ค่ะ ถถถ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

9 ความคิดเห็น

มัณทนา Member 9 ส.ค. 59 18:13 น. 1

ขอเพิ่ม

11.โดดหนังยาง

12.วิ่งเล่นไล่จับ

13.วิ่งเล่นซ่อนแอบ

14.มอญซ่อนผ้า

15.งูกินหาง

16.แชร์บอล - คาดว่าเด็กรุ่นใหม่คงไม่รู้จักและไม่คุ้นกับกีฬาชนิดนี้

วิธีการเล่นเหมือนกับบาสเกตบอลนี่แหละ

โยนลูกบาสหรือลูกบอลลงตะกร้าเหมือนกัน

แต่มีคนถือตะกร้า คนที่ถือตะกร้าต้องขึ้นไปยืนบนเก้าอี้และถือตะกร้าเอาไว้

มีผู้ป้องกันตะกร้าปัดไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามโยนลูกลงตะกร้า

ตอนอยู่ป.1-ป.3 เราเคยเป็นทั้งคนเล่นและคนถือตะกร้า

แต่ตอนขึ้นไปยืนถือตะกร้าบนเก้าอี้แอบเสียวข้างหลัง

เวลามีคนโยนลูกลงตะกร้า คนถือจะหงายหลังตกเก้าอี้เหรอเปล่า

http://hilight.kapook.com/view/72036

8
กำลังโหลด
เซย์คนเดิม เพิ่มเติมคือว่างค่ะ Member 10 ส.ค. 59 18:14 น. 2
เพิ่มรำดาบด้วยค่ะ ยากพอกับกระบี่กระบองเลยค่ะ #ทำหน้าคนเรียนทั้งคู่ เดี๋ยวมีแววเรียนมวยไทยเร็วๆ นี้ค่ะ ถถถ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Little_Kitten Member 10 ก.ย. 59 19:54 น. 9

ขาดตะกร้อไปนะคะ จำได้ขึ้นใจสอบเดาะครั้งแรก ปึ๊ง!!! เข้าดั้งเต็มๆ จากนั้นกันไม่พยายามยุ่งกับมันอีกเลยเสียใจ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด