|
พี่ผึ้ง : อาจารย์คิดว่า การเปลี่ยนจากระบบการสอบ Entrance มาเป็น Admission มีผลกระทบต่อวิชาภาษาอังกฤษ หรือไม่ อย่างไรคะ
คุณครูสมศรี :ไม่มีผล เพราะที่นี่ ... เราสอนให้รู้จริงในทุกด้านรับได้ทุกรูปแบบ ต่อให้เปลี่ยน แปลงแนวข้อสอบยังไง ก็ไม่มีผลกระทบ แต่อย่างเดียวคือเด็กต้องรู้จริง อย่างเรื่องการตัด choice จะไม่มี ซึ่งต้องอาศัยเวลา จะต้องรู้จริงและวิเคราะห์ให้ได้ อย่างที่ 2 คือ ถ้าเด็กรู้โครง สร้าง ออกรูปแบบไหนก็ไม่เกินนี้ค่ะ
พี่ผึ้ง : อาจารย์คิดว่า จำนวนข้อสอบกับเวลามีความสัมพันธ์กัน หรือไม่คะ
คุณครูสมศรี : สำหรับวิชาภาษาอังกฤษนั้น สัมพันธ์ ค่ะ เมื่อก่อนให้เวลา 3 ชม. 100 ข้อ ต่อมาเป็น Admission ให้เวลา 2 ชม. 100 ข้อ แต่ว่าข้อสอบง่ายขึ้น คือยาก 30% ง่าย + กลาง 70% ถือว่าง่ายลงจากเมื่อ 3 ปีก่อน และ A-Net ก็คือข้อสอบสมัยก่อนค่ะ
พี่ผึ้ง : ข้อสอบระบบแอดมิชชั่นในวิชาภาษาอังกฤษ มีรูปแบบอย่างไร และควรเตรียมตัว อย่างไรคะ
คุณครูสมศรี : สำหรับการเตรียมตัวของเด็ก คือ 1. รู้จริง 2. ทำตัวให้เหมือนเป็นอาจารย์ออกข้อสอบ แล้วเวลาเด็กอ่าน เด็กจะรู้ว่าอันนี้น่าออกสอบนะ
ส่วนทฤษฎีการออกข้อสอบยังคงเน้น 3 ประเด็น คือ 1. EEU คือ English for everyday use อังกฤษเพื่อชีวิตประจำวัน การใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน ข้อสอบจะออกมาในรูปแบบบทสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ (situation) หรือตามหน้าที่ของภาษา (functions) ดูได้จากบทสนทนาประมาณ 20-25 ข้อแรกของข้อสอบทุกปี รวมถึงการนำภาษาไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ป้ายประกาศต่าง ๆ (notices) ฉลาก/เอกสารกำกับการใช้ (labels) ข่าว (news) ตารางรถ-เรือ-เครื่องบิน (timetables) ฯลฯ
2. English for future career คือภาษาอังกฤษเพื่ออาชีพ ภาษาอังกฤษสำหรับการใช้ในอาชีพในอนาคต เช่น การโต้ตอบจดหมายธุรกิจการสอบ สัมภาษณ์เข้าทำงาน ข้อสอบจะออกมาในรูปการเติมคำในจดหมายธุรกิจ หรือบทสนทนาเกี่ยว กับบทสัมภาษณ์ การต่อรองราคาสินค้า ฯลฯ เป็นต้น
|
|
3. English for academic purpose ภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในวิชาการ ภาษาอังกฤษสำหรับจุดประสงค์เชิงวิชาการ หรือ การศึกษาต่อ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญและเป็นส่วนที่คะแนนสูงสุดคือประมาณ 60 คะแนน โดยแบ่งเป็น
3.1 การประเมินทักษะการเขียน โดยข้อสอบจะอยู่ในรูปของ Error Analysis โดยยกประโยคมาให้แล้วขีดเส้นใต้ A,B,C,D โดยให้หาว่าส่วนใดที่ผิด เป็นการประเมินทักษะการเขียนทางอ้อม 3.2 การประเมินทักษะการอ่าน โดยข้อสอบจะอยู่ในรูปของข้อสอบ Cloze Test (เนื้อเรื่องที่เว้นว่างมาให้โดยให้นักเรียน เติมช่องว่างด้วยคำที่ให้มา) และข้อสอบ Reading Passages ที่มีทั้งระดับง่าย ปานกลาง ไปจนถึงยาก ซึ่งมีความยาวกว่าหนึ่งหน้ากระดาษ
ดังนั้น ภาษาอังกฤษหนีไม่พ้น 3 อันนี้ค่ะ และการจะรู้ให้ได้ว่า เด็กคนนี้อ่าน Text ได้ ก็ต้อง เอา Reading passage มาทดสอบในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเรื่องที่เด็กกลัวกัน คือให้เรื่องมาแล้วเว้นช่องว่าให้เติมคำศัพท์ เพราะจะทำกันไม่ค่อยจะได้ ดังนั้น ต้องนำเอา เรื่องมาให้เด็กอ่าน เพราะถ้าเด็กอ่านรู้เรื่องจะทำข้อสอบได้ ตอบได้ ก็ถือว่าเด็กสามารถเข้า ไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ค่ะ
|
|
|
พี่ผึ้ง : สำหรับนักเรียนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเด็กสายวิทย์ จะรู้สึกว่าวิชาภาษาอังกฤษนั้นยาก อาจารย์คิดว่า มีสาเหตุมาจากสิ่งใดคะ
คุณครูสมศรี : - อันดับแรกมาจาก สรีระ ก่อน คือสมองเด็กสายวิทย์จะใช้คนละซีกกับสมองของเด็กศิลป์
- เด็กที่เรียนทางวิทย์ เขามองว่า ทำไม cat ถึงเป็นแมว มันไม่มีเหตุผล และเป็นเรื่องจำ ดังนั้น เด็กจะมีความรู้สึก reject เพราะมันต้องย้ำๆ ซ้ำๆ ไม่มีตรรกะ ถ้ามีการถ่ายทอดภาษาให้เป็น ตรรกะทางวิทยาศาสตร์ เช่น "impromptu speech" im แปลว่า ไม่, promp แปลว่า พร้อม, และ tu แปลว่า กู เพราะฉนั้น impromptu speech แปลว่า กูไม่พร้อม ก็คือสุนทรพจน์สด ฯลฯ ถ้าสอนแบบนี้เด็กจะรู้เลย วิทย์ - ศิลป์เรียนได้หมด
- เมื่อก่อน Text ไม่ต้องอ่านมีแปลหมด แล้วก็ไม่ค่อยได้ chat กับฝรั่งด้วย เพื่อนต่างชาติก็ไม่มี แต่เดี๋ยวนี้ภาษาอังกฤษมันใกล้ตัวเข้ามา อย่างเด็กสายวิทย์นี้ คะแนนวิชา ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ จะเท่ากัน มาตัดกันที่อังกฤษ ดังนั้นครูคิดว่า ย้ำและซ้ำเดี๋ยวชอบเองค่ะ |
|
|
พี่ผึ้ง : เคล็ดลับการเรียนอังกฤษให้เก่งและได้ผลดี
คุณครูสมศรี : - ครูที่ยิ่งใหญ่ คือ ความสนใจในใจหนู พอหนูอยากรู้ว่าคำศัพท์ในชีวิต ประจำวันของเราใช้คำว่าอะไร และถ้าหนูมีเงินซื้อ talking dict ก็หาซื้อไว้สักเครื่องหนึ่ง เมื่อไหร่ที่หนูอยากรู้คำศัพท์หนูก็กด พอกดคำศัพท์แล้วมันจะไปเกาะอยู่ปลายสมองเลยนะ ดังนั้นการจะเรียนได้ดี ก็ต่อเมื่อหนูมีครูในหัวใจ ไปทุกที ไม่ใช่รอเรียนในห้อง การเรียนที่ดีก็คือ เจ้าตัวต้องเป็นครูเอง และเจ้าตัวต้องเป็นคนสั่งตัวเองซ้ำๆ เองค่ะ
- อังกฤษมี 2 แบบ เด็กสิงคโปร์พูดอังกฤษเก่ง เพราะเขาเป็น ภาษาที่สอง แต่ ประเทศไทย ภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างชาติ มันต้องมีแรงจูงใจ อย่างฟังเพลงภาษาอังกฤษ คิดว่าภาษาอังกฤษ ดูแล้วหรู ดูดี ดังนั้นจะเก่งได้ ก็ต่อเมื่อมีความใส่ใจซ้ำย้ำกับตัวเอง 3 เดือนหนูก็พูดไฟแลบ เพราะมันกรอกหูอยู่ทุกวัน อย่างเช่น หนูอยู่เมืองนอก ... หนูจะต้องผลิต ภาษาทุกวัน แต่ถ้าเราอยู่เมืองไทย ... เราก็ต้องสร้างสถานการณ์ฝรั่งในใจเราค่ะ
- สิ่งสำคัญที่สุดเลย ต้องไม่เน้น accuracy ความถูกต้องแม่นยำ ซึ่งตัวนี้มันจะทำให้เด็กไทย ไม่กล้าพูด แต่ให้เป็น fluency ความไหลลื่น เพราะโลกปัจจุบัน เน้นทฤษฎีการสื่อสาร ถึงพูดให้สำเนียง accent ดี แต่พูดไม่รู้เรื่องก็ใช้ไม่ได้ เช่น ถ้าหนูพูดว่า คุณต้องการอะไร แล้วพูดว่า What do you want ? ซึ่งถ้าหนูพูดกับฝรั่งแบบนี้ ฝรั่งโกรธเลยนะ เวลาขายของ เพราะมันแปลว่า เอาอะไร ? หนูต้องถามว่า What can I do for you ? หรือ What would you like to buy, sir?
- ต้องสนใจในเรื่อง น้ำเสียง สถานการณ์ และกาลเทศะ อย่างเช่น คำเดียวกันแต่ใช้น้ำเสียง ต่างกัน ก็ให้ความหมายและความรู้สึกต่อคนฟังต่างกันแล้ว เพราะภาษามันมีเรื่องของ น้ำเสียง , เรื่อง eye contact , เรื่อง body language เช่น การยักไหล่ การใช้ภาษามือ ฯลฯ รวมทั้งภาษาอังกฤษมีการกร่อนเสียง , stress การลงน้ำหนัก ถ้า stress ถูกก็ออกเสียงถูก ไปแล้ว 80% คะ เป็นต้น ฉะนั้นไม่ใช่สอนตัวภาษา แต่เราต้องสอนภาษาค่ะ
พี่ผึ้ง : : คุณครูสมศรีช่วยให้นักเรียนชอบภาษาอังกฤษได้อย่างไรคะ
คุณครูสมศรี : - สร้างความรัก ความมั่นใจ และสมาธิให้เกิดในตัวเด็ก - สร้างความรัก ความมั่นใจ แรงบันดาลใจให้เด็กกลับไปพึ่งตนเองและหมั่นทบทวนอย่างเต็มใจ - สร้างความรู้และความสามารถในการใช้ทักษะขั้นกลไกทางภาษา (mechanical skills) ได้แก่ ศัพท์ เสียง โครงสร้าง ตลอดจนไวยากรณ์การใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้อง - สร้างกระบวนการทางความคิดอย่างมีเหตุผลและเป็นระบบ (cognitive process) ซึ่งจะทำ ให้เด็กกล้าคิด กล้าทำนายเหตุการณ์ และนำไปสู่การวิเคราะห์ สังเคราะห์ ความรู้ได้ด้วยตนเอง
พี่ผึ้ง : โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ คุณครูสมศรี มีโครงการตอบแทนสังคมในรูปแบบอื่น ๆ หรือไม่ อย่างไร
คุณครูสมศรี : - อบรมจริยธรรมให้แก่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชน - การให้ทุนนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ตามระเบียบการที่โรงเรียนกำหนด คือ ที่นี่ เราจะเขียน ไว้เลยว่า มีทุนให้ คือ announce ไม่ได้ hidden ต้องประกาศลงไปใบโปรชัวร์เลย เพราะเราจะ ตรวจสอบได้ว่าได้ทุนจริงไหม อันนี้มีเยอะมาก - การสอนตามโรงเรียนกรมสามัญทั่วประเทศโดยไม่ขอรับค่าตอบแทน - บริจาคทรัพย์หรือมอบสิ่งของที่จำเป็นให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ - ประธานจัดหาทุนจัดพิมพ์ตำราและพระคัมภีร์เพื่อให้พระสงฆ์และสามเณรใช้ในการเรียน ซึ่ง เป็นงานเบื้องหลัง คือครูจะทำงานที่ไม่ค่อยมีใครทำกัน เพราะไม่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน และ มีอื่น ๆ อีกค่ะ |
|
|
พี่ผึ้ง : ในฐานะครู สิ่งใดที่ทำให้รู้สึกภูมิใจและประทับใจคืออะไร
คุณครูสมศรี: - ครูตอบในฐานะเป็นมนุษย์คนหนึ่งว่า ครูภูมิใจที่เกิดบนแผ่นดินไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ ทรงทศพิธราชธรรม เพราะหากผู้นำทรงคุณธรรมบ้านเมืองเป็นสุข - ภูมิใจในเกียรติบัตรของมนุษย์ ซึ่งอยู่ในหัวใจของเรา ตราบใดถ้าเรารู้ว่า เราเอาต้นทุนของ แผ่นดินไทยกับนักเรียนไทยเป็นต้นทุนในการทำมาหากิน แล้วถ้าได้คืน ต้นทุนส่วนนี้กลับสู่ แผ่นดินไทย ก็เท่ากับว่าเราไม่เสียชาติเกิดที่เราร่วมเกิดบนแผ่นดินไทยกับกษัตริย์ไทย - สมเด็จพระสังฆราชฯ ประทานพระเมตตาให้เข้าเฝ้า และได้รับเข็มเกียรติคุณจาก ในฐานะผู้ บำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ พระพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2546 - สูงสุดของความภูมิใจคือ ได้พบและปฏิบัติตามคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พี่ผึ้ง : อาจารย์อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ชาวเด็กดีที่กำลังศึกษาอยู่คะ
คุณครูสมศรี : - ครูอยากให้เด็กรู้ว่า เกิดเป็นมนุษย์ต้องรู้จักคำว่า อดและทน อดคืออดทำในสิ่งที่สนุก ที่เด็กๆชอบ ทนคือทนทำในสิ่งที่เราไม่ชอบและไม่สนุก แต่อดและทนรังสรรค์อนาคตที่งดงาม - ให้รักคำว่า ไทย เรามีชื่อไทย เราไม่ต้องไปยืมชื่อฝรั่งมาใส่ชื่อของเรา อยากให้เด็กสำนึกว่า เราทุกคนเกิดบนแผ่นดินไทย ข้าวที่เราทานก็มาจากต้นข้าวที่หยั่งรากสู่แผ่นดินไทย เติบใหญ่ เราต้องคืนความดี สู่แผ่นดินไทย เวลาเรารับความรู้ เราก็เอากระดาษก็คือต้นไม้ ที่หยั่งราก จากแผ่นดินไทย เสมือนเราเอาแผ่นดินไทยรองรับความรู้ เราจึงควรรัก และตอบแทน แผ่นดินไทย - สำคัญที่สุด คือเด็กต้องมีหางเสือ คือต้องมีกตัญญูกตเวทิตาต่อพ่อแม่ และผู้มีพระคุณ และผู้มีพระคุณใหญ่ที่สุดก็คือ มาตุภูมิแผ่นดิน จะเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ไม่ได้
|
|
|
|
|
|
|
น้องมิ้ว ร.ร. สตรีนนทบุรี ครูสมศรี เป็นคนที่สนุกสนานเฮฮา พอสอนอยู่ในห้องเรียนเด็กจะมีความ สุขค่ะ อยู่นอกห้องก็เหมือนกัน คือมี ความผูกพันธ์ระหว่างผู้สอนกับเด็ก สอนดีและสอนสนุกน่ารักมากค่ะ ส่วนคำพูดติดปากที่ครูชอบพูด บ่อยๆก็จะเป็น พูดตามสวยนะคะ เด็กๆ แล้วก็จะมีบทเพลงค่ะ ซึ่งต้องให้ครูร้องจะสนุกมากคะ และคิดว่าครูเปรียบเหมือน สีชมพู เพราะว่า อ่อนหวานและน่ารักดีค่ะ |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
น้องเมธิศ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเทปที่อาจารย์ ตัดต่อมาจากคลาสอื่น เช่น เพื่อนๆ โรงเรียนอื่นนอนหลับ ก็จะแอบถ่าย มาให้ดู และมีเพื่อนๆ แกล้งอาจารย์ หรือไม่ก็ส่งของแปลกๆ มาให้อาจารย์ เช่น ส่งหนูยางใส่กล่องมา อาจารย์ก็ ตกใจ แล้วบางทีอาจารย์ก็แกล้งเด็ก คืนบ้างเหมือนกัน เช่น อาจารย์เห็น อะไรแปลกๆ ก็ถ่ายไว้แล้วก็จะเอาไป ให้คอร์สอื่นดู และผมอยากบอกครู สมศรีว่า อาจารย์สอนดีมากแล้ว และขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ อาจารย์มอบให้ ทั้งวิชาและข้อคิดดีๆ ที่สามารถเอาไปใช้ได้ครับ และคิด ว่าอาจารย์เหมือนสีชมพูครับ เพราะ รู้สึกว่า อาจารย์น่าจะเหมาะกับ สีสดใส อ่อนหวาน แล้วก็เป็นสีที่ ไม่ร้อนแรง นิ่มนวล สุภาพ แล้วก็มี ความดีในตัวด้วยครับ |
|
|
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
น้องเมษา ร.ร. เตรียมอุดมศึกษา ตอนแรก หนูก็ไม่อยากมาเรียนเลย เพราะได้ยินชื่อแล้วคิดว่า ต้องแก่ แน่ๆเลย และที่เรียนอยู่ไกลบ้าน มาก แต่พอมาเรียนแล้วสนุกมากค่ะ ได้ทั้งศัพท์ใหม่ และความรู้อื่นๆ เยอะแยะไปหมดเลย นำเอาไปใช้ใน ห้องสอบได้ด้วย และยังสอดแทรก ศีลธรรมให้ด้วย ทำให้รักตัวเอง รักพ่อแม่มากขึ้นค่ะ เลยติดใจไม่ไป เรียนที่อื่นค่ะ ที่สำคัญ ครูน่ารักและ เป็นกันเองกับเด็กๆ มากค่ะ หนูคิดว่า ครูสมศรี เปรียบเหมือน สีใส เพราะว่า ถ้านำทุกๆ สีรวมกัน มันก็น่าจะใส อ่ะค่ะ ส่วนเรื่องในคลาสที่หนูประทับใจ เช่น ถ้าเพื่อนๆ ในห้องคนไหนพูดมาก หรือ ครูสอนอยู่แล้วเพื่อนก็กินขนม ครูเขา จะบอกให้พี่ลุงเอาสก๊อตเทปมาปิดปาก แล้วก็จะเจาะรูไว้ตรงปากให้พอกินขนม ได้อ่ะค่ะ ตลกดี |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
คำพูดติดปาก |
จุดขายของสถาบันของเรา คือ ความงามของผู้สอนซึ่งยั่งยืน |
มุขเด็ดประจำตัว |
Somsri is extremely beautiful ใครพูดตามขอให้เอนท์ติด |
เรื่องขำๆ ในคลาส |
ถ้าเด็กโฟ๋แตก เราเห็น เราจะตามไปZoom |
วิธีแก้เผ็ดเด็กกวน |
เอาเทปใสขนาด 5 นิ้ว มาปิดปาก แต่อนุญาตให้ เจาะรูตรงกลางเพื่อกินกูลิโกะป๊อกกี้ได้เท่านั้น |
มุมสวยหล่อของอาจารย์ |
ท่าคุณครูชูสองนิ้ว สองมือ นับหนึ่ง-สอง-สาม ท่าจะออกทันที |
เสื้อผ้าตัวเก่ง |
แพนเค้กซะอย่าง ใส่ชุดไหนก็เท่ห์ทุกชุด |
ของที่พกติดตัวเป็นประจำ |
ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อ และพร้อมจะทำตกให้คนเก็บให้เสมอ |
นิสัยแบบนี้ใช่เลย |
หัวเราะมันหยด |
ชอปปิ้งแบบอาจารย์ |
ขนมเท่านั้นที่เธอช้อป |
คติประจำใจ |
เทียมเกวียนเยี่ยงควาย ชีวิตจะสบายในภายหน้า |
เครื่องลางนำโชค |
รอยยิ้ม & ความน่ารัก |
อาหารที่ชอบ |
ทุกอย่างที่เด็กส่งมาให้ |
สีที่ชอบ |
สีสม (ก็สมศรีงัย! จุ๊กกรู๊) |
ของสะสม / งานอดิเรก |
ไขมัน & ความงาม | |
| |
| |
166 ความคิดเห็น
รักครูสมศรี ฮิ้วววววววววว !!*
จุฟๆร้ากครูสมศรีนะค๊ะ^ ^
Somsri is extremely beautiful.
เปิดเทอมแล้ววว เด๋วไม่กี่สัปดาห์ก็จะเริ่มเรียนครูสมศรีแล้ว คิดถึงครูสมศรีจัง^_^
รักครูนะคะ เทอมนี้นู๋ไม่ได้เรียน แต่เทอมหน้านู๋เรียนต่อแน่นอนค่า สัญญา
จุ๊บๆๆๆๆ
ที่สำคัญเธอคือ "แพนเค้ก"
หนูรักครูสมศรีที่สุดในโลกเลยยยยยยยย
รักรักรัก!
[ ลงแล้ว 3 ตอน ] โดย YOHBOMOKI
ฟรีสไตล์/รักหวานแหวว
2007-11-02 21:56:19
74 / 441
60
เรียนที่นี่แล้วอบอุ่นมาก
ไม่เหมือนที่กวดวิชา รู้สึกเหมือนเป็นบ้าน
ครูสมศรีใส่ใจเด็กมากกก
รักครูค่าาาาาา ^o^v
สนุกมากเลยเรียนกับครูสมศรี เราโดนพ่อบังคับเรียนอ่ะ พอเรียนไปรอบหนึ่ง อยากจะเรียนอีกไวไว ^__^
จ๊วฟๆๆๆ ๆๆ รักแองจี้ของครูด้วย
อาจารย์สวยมากมาก
เทอมนี้ไม่ได้เรียนอะ เสียดาย
เดี๋ยวปิดเทอมจะตามไปหาอาจารย์สุดสวย
ไม่เคยรักครูตนไหนขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ
เห้นครูแล้วแพ้ความสวย
(20บาทนะคะครู)
สรุปคือแพ้ความน่ารักของครูค่ะ
(คนจะสวย สวยที่ใจใช่ใบหน้าค่ะ)
วิวรักครูน้า
เจ๊จี๊น่ารักมากมาย
(เอ้าเป็นน้องหมา[หมีแพนด้า]ก็ยอมได้เป้นลูกครูก็พอ)
ครูสมศรีจงเจริญ!!!
ครูสอนหนุกมักมากค่ะ
รักคนครูสมศรีคร่า
สอนสนุกมากมาย
หนูพึ่งเริ่มเรียนแอด1 ได้2อาทิดเอง
แต่ชอบมากมายค่ะ
จาไม่ขาดไม่สายเรยค่ะ
ปล. รักครูสมศรีสุดสวย
ครูสมศรีฮามกาเลยค้าบพี่น้องงงง
สัญญาน่ะ ว่าจะไม่เป็น"ขี้แพ้"
ครูสมศรีสอนสนุกมาก ฮาทุกตอน
มีแทรกคติดีๆด้วย
รักครูสมศรีค่ะ ^ ^
รักครูที่สู้ดดดด
ครูสะสมไขมันกะความงาม
555+
มันขัดแย้งกันนะคะ
อาจานนนน เปิดad3สดนะคระ นู๋จะไปเรียนนน
ว้าววววเมษาได้ลงสัมภาษณ์ด้วยรึเนี่ย
55+
เราก็เรียน สนุกสนาน
เข้าใจเยอะเลย..
รักครูค่ะ
รู้สึก......?
เช๊ย........................เฉย
นะค่ะ
555+