พี่เมย์ พี่มด พี่เปิ้ล Enconcept

       วันนี้จะพาเพื่อนๆ ชาว Dek-D ทุกคนมาเยี่ยมสถาบันกวดวิชาภาษาอังกฤษชื่อดัง  บอกชื่อไปน้อยคนที่จะไม่รู้จักกันอย่างแน่น้อย  ตอนนี้หลายคนเริ่มเดาถูกแล้วว่าเราจะพาเพื่อนๆ ไปที่ Enconcept กันครับ  แต่วันนี้ไม่ธรรมดาเพราะเราจะพาไปพบติวเตอร์สาวสวยอารมณ์ดี  ไม่ใช่แค่ 1 ท่าน  แต่มากันถึง 3 ท่านด้วยกันเลย ( เรียกได้ว่าเป็น chalie angles แห่ง Enconcept ก็ว่าได้ )  ว่าแล้วก็ไปรู้จักกับ 3 ติวเตอร์สาว(สวย)กันเลยดีกว่า....

Dek-D : เริ่มแรกเลย  ก็เชิญแนะนำตัวครับ ( ตามอาวุโสก็ได้ครับ )
พี่เมย์ : ชื่อพี่เมย์ค่ะ  ศศิมาลา จันทมาลาค่ะ  สอนคอร์ส ม.4 กับคอร์ส Master Vocab ค่ะ
พี่มด : สวัสดีค่ะ  พี่มด  สุกัญญา นิมิตวิไล  สอนคอร์ส ม.2 กับ คอร์ส ม.3 ค่ะ
พี่เปิ้ล : ค่ะ พี่เปิ้ลค่ะ  อรวรรณ  รินวิไลรักษ์  สอนคอร์สเด็ก ม.1 กับ เด็ก ม.2 ค่ะ

Dek-D : พี่ๆ เล่าถึงประวัติการศึกษาของตัวเองกันบ้างดีกว่า  ว่าจบมาจากไหนกันบ้างครับ
พี่เมย์ : ก็จบ ม.ปลายมาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาค่ะ  สายศิลป์-ภาษาเยอรมัน  ก็จบมาหลายปีแล้ว ( คงไม่ต้องบอกรุ่นก็ได้ใช่ไหมค่ะ )  แล้วก็เรียนปริญญาตรีที่จุฬาฯ คณะครุศาสตร์  เอกอังกฤษขั้นสูง ( ดูจะไฮโซนิดนึงนะค่ะ ) Advance English  แล้วก็ตอนนี้กำลังศึกษาต่อปริญญาโทที่คณะครุศาสตร์เหมือนกันแต่เป็นสาขา Teaching English as a Foreign Language ค่ะ
พี่เปิ้ล : ก็จบมาจาก ม.กรุงเทพ ค่ะ  เรียน ม.ปลายมาสายเดียวกันกับพี่เมย์  สายศิลป์-เยอรมันเช่นเดียวกันค่ะ  แต่เรียนที่หอวัง  แล้วก็เรียนปริญญาตรีที่ ม.กรุงเทพฯ  เรียนคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ  แล้วตอนนี้ยังมี plan เรียนต่ออยู่อีกไกลนะค่ะ  ขอพักไว้ก่อน
พี่มด : พี่มดจบภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญหรือเอแบค  ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ปริญญาโทคณะศิลปศาสตร์  เอกภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล

3 Edutainers สาวสวย แห่ง Enconcept

Dek-D : แอบไปทราบมาว่าพี่ๆ แต่ละคนได้รับรางวัลมาเพียบเลย  มีใครเคยได้รับรางวัลจากที่ไหนมาบ้างครับ
พี่เมย์ : ไปเห็นมาได้ไง ( แอบขำ )  อืมรางวัลก็มีนะ  เอารางวัลที่เคยได้รับใช่ไหม  พวกทุนได้นะ  พวกคัดลายมือหรือประกวดคำกลอนไม่ต้องนะ  เขียนไปอยู่ที่นิวซีแลนด์ที่ทอลังกามาตอนอยู่ ม.1 ค่ะ  เป็นทุนของสถาบันสักสถาบันหนึ่ง ( แต่จำไม่ได้แล้ว ) แล้วก็ไปด้วยทุนพ่อแม่อีกหนึ่งรอบ  แล้วก็อีกอันหนึ่งได้โล่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษที่โรงเรียนเตรียมฯ  แล้วก็ได้โล่ภาษาไทยสูงสุด  ตอนอยู่ ม.6  แล้วก็เป็นตัวแทนพวกเกี่ยวกับชมรมต่างๆ ตอนไปอยู่มหาวิทยาลัย  ก็เป็นตัวแทนชมรมไอเซค

Dek-D : เรียกได้ว่ายึดทุกรางวัลเลย  เป็นตัวแทนในการแข่งขัน
พี่เมย์ : ก็ถ้าเขาให้ก็ดีนะค่ะ  ได้หมด

Dek-D : แล้วพี่เปิ้ล  รางวัลที่ได้รับ  เกี่ยวกับพวกความงามหรือเปล่า
พี่เปิ้ล : ว้าย ตายล่ะ! ( แอบกรี๊ด อย่างภูมิใจ ) ก็จะเป็นพวก public speaking มากกว่า  เพราะเป็นคนพูดเก่ง  ส่วนรางวัลที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ  รู้สึกว่ารางวัลนี่แบบว่า ใกล้ตัวมากที่สุดก็เป็นของที่นี้ค่ะ  เพราะเคยผ่านรางวัลของที่นี่มาก่อน  เกี่ยวกับ singing contest ค่ะ  ก็เล็กๆ น้อยๆ ค่ะ  ไม่ได้เป็นรางวัลใหญ่อะไรมากมาย
พี่มด : ก็ส่วนใหญ่จะหนักไปทางเป็นตัวแทนไปแข่งพวกพูดหรือทำอะไรพวกนี้นะค่ะ  แล้วก็เคยเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัยค่ะ

Dek-D : แล้วพวกพี่มาทำงานที่ Enconcept ได้อย่างไรครับ
พี่มด : ก็ตอนนั้น  มีการ cast คนนะค่ะ  มีการเปิดรับสมัครว่าเขาจะทำ Young Blood Edutrainer คือเป็นการมา audition ตัวว่าใครจะเขามาทำงานตรงนี้ได้เป็นครูสายพันธุ์ใหม่  แล้วพี่ก็เลยมา audition แล้วก็จากจำนวนคนทั้งหมดก็คือเราจะสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์  แล้วพอผ่านสัมภาษณ์กับข้อเขียนแล้วเราก็จะมาสอบสอนดู  ถ้าเข้ากับที่นี้เราก็จะได้ถูกคัดเลือก
พี่เปิ้ล : อืม เริ่มจากเป็นนักเรียนก่อนค่ะ  คลุกคลีกับที่นี่มานานประมาณ 5-6 ปีค่ะ  ก่อนที่จะเข้ามาทำจริงๆ  เพราะเรียกว่าเป็นศิษย์ที่ผ่านมือพี่แนนมาก่อน  ก็เลยแบบว่าพี่เขาคงเห็นอะไรบางในตัว  เหมือนจุดประกายเหมือนมีออร่าออกมาจากในตัวนะค่ะ  ออกมาจากทางปากมากกว่าเพราะพูดเก่งเหลือเกิน  พี่แนนก็เลยแบบว่าชวนมาสอนมันน่าจะทำประโยชน์อะไรได้บ้างค่ะ  อะไรประมาณนั้น

Dek-D : คือเรื่องของเรื่องไม่ได้จ่ายค่าคอร์สหรือเปล่า  พี่แนนเลยยึดตัวไว้ให้สอนเลย
พี่มด : ใช่ค่ะ  ไม่มีตังจ่ายค่าคอร์ส  พี่แนนเลยแบบว่าลากให้มาสอนทดแทน  ไม่ใช่!!!!

Dek-D : แล้วพี่เมย์มาสอนที่นี่ได้อย่างไรครับ
พี่เมย์ : ค่ะ ที่ได้งานนี้จริงๆ ถือว่าเป็นความฟลุ๊คมากๆ เลย  เพราะว่าไม่ได้ตั้งใจ  ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 4 เทอมหนึ่ง วันหนึ่งก็มีคนโทรมาบอกว่า สนใจปล่าว อยากสอนปล่าว  คือจำไม่ได้ว่าเขาไปได้ประวัติเราที่ไหนนะ  แต่ว่ามีความรู้สึกว่าที่คณะเรา  เขาฮิตมากๆ กับการสอนเด็กเพราะเป็นครุศาสตร์ถูกไหมค่ะ  ที่นี้เขาก็ว่า เออสนใจหรือเปล่ามา cast ดูไหมว่าสอนได้หรือเปล่า  ก็เลยลองมา cast ดู  แล้วก็มีต้องสอบข้อเขียนอะไรพวกนี้ด้วยค่ะ  เหมือนกับน้องที่ผ่าน Young Blood มาเหมือนกัน  แล้วก็มี tain ก็เลยได้งานนี้มา  สงสัยคงถูกใจในความงามของเรา
พี่มด + พี่เปิ้ล : ที่นี่คัดหน้าตาเป็นหลักค่ะ  และหุ่นค่ะ  ต้องดูหุ่น  ต้องซ่อนย่าเท่านั้น

Dek-D : ที่นี่อุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกิน
พี่มด : อ๋อแน่นอนค่ะ  เรามีแม่บ้านที่พร้อมทำอาหารตลอดเวลา  สังเกตุจากหุ่นความงามของติวเตอร์ได้ ^_^

Dek-D : เนื้อหาการเรียนการสอนก็เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย  แล้วแบ่งการสอนกันอย่างไรครับ  ว่าใครจะสอน ม.ไหน  ใครสอนเนื้อหาด้านไหนบ้าง
พี่เมย์ : ลักษณะการแบ่งงาน  คืออย่างแรกก่อนเลยต้องถามว่าถนัดอะไรกัน  แต่ส่วนใหญ่คนที่จบมามักจะคือสอนได้ในแนวนี้  แต่ขึ้นอยู่กับจุดหลักๆ คือความถนัดที่สุด  คือตอนนี้คอร์สของ Enconcept มันเยอะขึ้น  แล้วติวเตอร์ของเราก็สามารถที่จะ support ตรงนี้ได้  ก็มีการแบ่งกัน คือ 1.ตามความถนัด  2.ตามความเหมาะสม
พี่มด : ก็เป็นเรื่องของความชอบส่วนตัวด้วยค่ะ  อย่างพี่มดชอบสอน ม.ต้น เลือกที่จะสอน ม.ต้น  เพราะน่ารักกำลังวัยทีน  คือเป็นเรื่องของการสื่อสารด้วยค่ะ  เพราะว่าอย่างเนื้อหาก็จะใกล้เคียงกันหมด  แต่ว่าการสื่อกับเด็กแต่ละระดับไม่เหมือนกัน  ซึ่งถ้าเราจะต้องข้ามไปข้ามมาบ่อยๆ นี่ค่ะ  ภาวะการสื่อสารมันอาจจะด้อยลง  ดังนั้นถ้าเราถนัดไปในทางใดทางหนึ่งเลย  เราจะได้เรียนรู้สภาพธรรมชาติของเด็กแต่ละวัย  แล้วก็สื่อสารกับเขาให้ได้ถูกจุดค่ะ
พี่เปิ้ล : อาจจะเป็นเพราะว่า  คนที่จะสอน ม.ปลายได้กับสอน ม.ต้นได้  อาจจะต้องมีบุคลิกที่เหมาะสมกับแต่ละคอร์สนั้นด้วย  อย่างเช่นถ้าจะสอน ม.ปลายเนี่ย  บุคลิกอาจจะต้องดูวัยรุ่นใช่ไหม  เหมือนกับว่าเข้ากับเด็กได้เหมือนกับเราวัยใกล้กัน  แต่ว่าสอนเด็กเนี่ยอาจต้องใช้กำลังภายในนิดนึง  เพราะต้องเหน็ดเหนื่อยมากที่จะต้องหลอกล่อเด็กให้อยู่ใน class ของเราตลอด 2 ชั่วโมง

Dek-D : แล้วแต่ละคนมีวิธีการสอน  มีบุคลิกลักษณะพิเศษส่วนตัวอย่างไร  ทำให้เด็กๆ เรียนด้วยแล้วชอบ
พี่เมย์ : สำหรับพี่เมย์นะ  พี่เมย์ว่าตัวพี่เมย์เป็นคนที่สอนแล้วออกมาเหมือนแบบบุคลิกภายนอกของตัวตนจริงๆ คือเด็กไม่ได้เหมือนลูกศิษย์แต่มองว่าเขาเป็นน้องมากกว่า  และก็มีความใกล้ชิดสนิทสนมกัน  ส่วนใหญ่มักจะบอกเขาเลยว่า ถ้าเผื่อใครที่ไม่ได้มานะ หรือมาเรียนไม่ทัน  พี่สอนนอกรอบให้เลย  สบายๆ  และก็ไม่ต้องกลัวที่จะมาถามพี่  เพราะพี่ก็ไม่ใช่ยักษ์ไม่ใช่มาร  พยายามที่จะใกล้ชิดเขาให้ได้มากที่สุด  ถ้าเป็นไปได้ก็ให้อีเมลล์ไป  แต่โทรศัพท์เนี่ยก็ไม่ถึงขนาดนั้น  แค่บางคนเท่านั้นที่ ที่แบบว่า I see you จริงๆ อ่ะ  ถึงจะให้ไป
พี่มด : ถามว่าอะไรนะค่ะ 555+ ลืมคำถาม

Dek-D : วิธีการสอนของพี่ครับ - -"
พี่มด : ก็คงจะเป็นบุคลิกคือเป็นคนร่าเริง  เป็นชอบชวนคุย  คนเขาจะไม่อยากคุยกับเรา  เราก็จะชวนคุยให้ได้  คืออยากจะคุยกับทุกคน  อยากรู้จังทุกคน  ชอบคุยกับทุกคน  ชอบผู้คนนะค่ะ  แล้วก็เวลาสอนเนี่ย  ส่วนหนึ่งของมดเลย  จะเป็นคนชอบสอนนอกเหนือจากบทเรียนตรงที่ว่าให้เป็นคนช่างสังเกตุ ช่างจดจำ ช่างอะไรอย่างนี้ค่ะ  แล้วก็เป็นเรื่องของ trick เล็กๆ น้อยๆ ที่คนชอบมองข้ามไป  แล้วพอเพิ่มตรงนี้ไป  คุณก็จะรู้สึกว่าของมันอยู่รอบตัวเนอะ  แล้วเขาก็จะสนใจที่จะค้นหาตัวเองอยากปลูกฝังตรงที่ว่าให้เขาไปหานอกเหนือจากที่เรามาป้อนด้วย  เพราะมันเป็นพื้นฐานอย่างของการไปเรียนหรือการใช้ชีวิตทุกอย่างได้
พี่เปิ้ล : ก็จะคล้ายๆ กับของพี่มดนะค่ะ  เพราะว่าเรามันเป็นเด็กวัยเดียวกันน่ะค่ะ  ดังนั้นเนี่ยบางอย่างที่เราจะเสริมเข้าไปอาจจะต้องเป็นอะไรที่รอบๆ ตัว  แล้วก็อาจจะมีการหลอกล่อเด็กด้วยการที่น้องๆ เบื่ออาจจะต้องมีการเล่าเรื่องให้น้องๆฟัง  แต่ว่าเราก็ไม่ใช่ว่านอกเรื่องไปจนหลุดวงโคจรการเรียนไป  เราก็ดึงสอนคำศัพท์หรือสำนวนที่น่าสนใจจากเรื่องที่เราเล่ามาแปะในห้องด้วยค่ะ

Dek-D : เด็กที่จะมาเรียนที่นี้ต้องมีพื้นฐานแค่ไหน
พี่เมย์ : สำหรับน้องๆ ที่มาเรียนไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมามากก็ได้  เพราะแต่ละคนก็จะมีพื้นฐานที่ไม่เท่ากัน  แต่สอนทุกคลาสก็จะคละกัน  ต้องคละให้ได้เรียนด้วยกัน  แต่น้องๆ ก็จะเรียนในคอร์สของระดับตัวเอง
พี่มด : แต่ก็เคยมีนะ  มีน้องอยู่คนหนึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.5 แต่มาลงคอร์สของ ม.3 นะ  เราก็ให้เรียนนะ
พี่เมย์ : พี่เมย์คิดว่าไม่ต้องมีพื้นฐานอะไรมากก็ได้  เอาแค่อย่างน้อยท่อง A - Z ได้ก็พอ  ฟังพูดอ่านเขียนได้  ก็สามารถมาเรียนได้แล้ว
พี่มด : แล้วก็ขอความสนใจที่จะเข้ามาเรียน  เรายอมสอนช้าลงได้เพื่อให้คุณสามารถเรียนได้อย่างเข้าใจนะ  ที่สำคัญขอแค่ใจที่อยากจะเรียนแค่นี้พี่ก็ว่าพอแล้ว
พี่เปิ้ล : คือการสอนของเราจะมีสื่อประกอบคือมีเพลงมาใช้สอนด้วย  เด็กต้องเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของสื่อของเราด้วย  เพราะที่นี่เราจะใช้เพลงใหม่สอนเพิ่มไปเรื่อยๆ ทุกๆ วัน  ในขณะที่น้องๆ ต้องทบทวนเพลงเก่าๆ ไปด้วยเรื่อยๆ  น้องๆ ต้องชอบด้วย  ไม่งั้นก็ไม่มีใจร่วมที่จะเรียน
พี่มด : เด็กๆ ต้องอยากเรียนจริงๆ แล้วจะเรียนได้ผลที่ดี

Dek-D : แล้วที่ Enconcept นี้  จะให้ความรู้อะไรแก่เด็กๆ ที่เข้ามาเรียน  พิเศษกว่าที่อื่นๆ
พี่เปิ้ล : อย่างแรกเลยน้องๆ จะได้คำศัพท์ที่มากขึ้น  เพราะที่นี้เราพิเศษกว่าที่อื่นตรงที่เราใช้ระบบการจำเป็นการร้องเพลง (memmolody)  เวลาที่น้องๆ ลืมคำศัพท์ไป  ก็สามารถร้องเพลงทบทวนได้  ทำให้สามารถจำศัพท์ได้  จำกฎได้
พี่มด : นอกจากนั้นเวลาที่เราอยู่ในห้องสอบเอนท์เราก็สามารถร้องเพลงนี้แหละ  ทำลายสมาธิของเพื่อนๆ ที่สอบในห้องได้  เรียกได้ว่าได้ทั้งศัพท์และได้ทำลายศัตรูไปด้วย  แต่อาจจะโดนอาจารย์ผู้คุมสอบเชิญออกจากห้องสอบได้
พี่เมย์ : ที่นี่เรามีมัลติมีเดียที่หลากหลายที่นำมาช่วยสอน  มีทั้งเพลง  มีหนัง  หรือเป็นมิวสิควีดีโอไปเลยเราก็มีนะ
พี่มด : แถมเรายังมีการแคสเด็กๆ ที่มาเรียน  เพื่อมาเล่นในมิวสิควีดีโอของเราด้วย  เด็กๆ ก็จะได้ค่าขนมเพิ่มเติมด้วย
พี่เมย์ : น้องๆ ที่มาเรียนที่นี่ก็จะได้รับสัมพันธภาพที่ดีต่อกันอีกด้วย  เพราะที่นี้เรามีการจัดเหมือนเป็นคลับ  เป็นสมาคมให้แก่น้องๆ อีกด้วย  น้องๆ ที่นี่จะได้เราทั้ง I.Q. และ E.Q.

Dek-D : สิ่งสำคัญที่จะทำให้สามารเรียนวิชาภาษาอังกฤษได้ดี
พี่เมย์ : ก่อนอื่นพี่เมย์อยากให้เราคิดว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาที่ 2 แต่เป็นภาษาต่างประเทศ  เพราะฉะนั้นต้องพยายามฝึกฝนให้มากๆ  สำหรับวิธีที่จะทำให้เรียนภาษาอังกฤษให้ได้ดี  ขั้นแรกใจต้องชอบ  ชอบในตัวภาษาอังกฤษ  แล้วก็ต้องฝึกฝนให้มากๆ เพื่อให้เราคล่องแคล่ว  แล้วเราก็จะชำนาญขึ้น  เก่งขึ้น  นอกจากนั้นก็ต้องอาศัยทักษะต่างๆ  ต้องทักษะ (skill) ของเราให้เพิ่มขึ้น  มั่นใช้ภาษาอังกฤษให้บ่อยๆ  พี่คิดว่าในปัจจุบันที่เด็กไทยไม่ค่อยเก่งวิชาภาษาอังกฤษกันเพราะหลักสูตรของไทยให้เรียนแต่ท่องจำเพียงอย่างเดียว  ไม่ได้นำภาษาอังกฤษที่เรียนรู้มาไปใช้จริง  เลยทำให้สู้เด็กที่ใช้ภาษาอังกฤษทุกวันหรือใช้อยู่บ่อยไม่ได้
พี่มด : อย่างแรกเราต้องเปิดใจก่อนที่จะเรียน  การเรียนไม่จำเป็นต้องเรียนจากในตำราเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็ได้  เราสามารถอ่านภาษาอังกฤษได้จากสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา  นอกจากนั้นเราต้องเป็นคนที่มีความช่างสังเกตุในสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา  เพียงเท่านี้ก็สามารถพัฒนาทักษะ(skill) ของเราได้  อย่างเช่น คนที่เล่นอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ  ใช้เน็ตบ่อย  ก็สามารถจดคำศัพท์ต่างๆ ที่พบเห็นเป้นประจำได้  นอกจากนั้นพี่มดว่าก็ต้องขยันหมั่นฝึกฝนค่ะ
พี่เปิ้ล : โดยส่วนตัวนะพี่ว่าคนที่ไม่ถนัดในวิชาภาษาอังกฤษน่าจะมีปมอะไรสักอย่าง  เช่นถูกครูว่า  ทำให้ไม่อยากเรียนในวิชาภาษาอังกฤษ  ซึ่งพี่เปิ้ลเองว่าไม่เหมาะสมนะ  พี่ว่าทุกคนมีความสามารถ  ทุกคนทำได้  อย่างพี่เปิ้ลเองก็เป็คนที่สมาธิค่อนข้างสั้น  พี่เปิ้ลไม่ชอบอะไรที่เครียดๆ  พี่ว่าเราเองต้องหาเทคนิคอะไรที่เหมาะสมกับเรา  เพื่อพัฒนาทักษะของเรา  อย่างพี่เปิ้ลเองก็ต้องหาเทคนิคต่างๆ มาช่วย  เช่น การจำรูปภาพ

Dek-D : พี่ๆ มีความคิดเห็นอย่างไรกับภาษาอังกฤษในระบบแอดมิชชั่นหรือการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อสอบคัดเลือกเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา
พี่เมย์ : สำหรับพี่คิดว่าระบบแอดมิชชั่นค่อนข้างล้มเหลวนะ  แต่พี่ก็ยังเห็นด้วยที่ใช้ข้อสอบอัตนัยในการคัดเด็ก  เพราะว่าจะได้เด็กที่มีความรู้มากกว่าการที่มากากบาทแรนดอม  แต่แค่ระบบที่ใช้นั้นยังไม่มีความพร้อมเท่านั้นเอง
พี่มด : ถ้าพี่มดเป็นออกกฎนะ  พี่จะออกข้อสอบให้ทุกคณะจะต้องสอบเรียงความเข้ามหาวิทยาลัยเลย เช่น คณะนี้เรียนอะไร เรียนอย่างไร เนื้อหาที่เรียน เรียนไปทำไม ฯ  พี่มดว่าจะดีมากๆ เพราะว่าจะเป็นการฝึกให้เด็กได้ทำรีเสิร์ชไปด้วยในตัว  แล้วเราจะได้เด็กที่สามารถเรียนได้  เพื่อเข้าไปศึกษาต่อและสามารถพัฒนาได้
พี่เปิ้ล : พี่เปิ้ลคิดว่าการสอบด้วยข้อเขียนจะสามารถกลั่นกรองเด็กที่มีความพร้อมและต้องการที่จะเข้าศึกษาจริงๆ  ไม่ใช้จะได้เด็กที่อยากเข้าสถาบันนั้นๆ เพราะชื่อของสถาบัน

Dek-D : เมาท์เรื่องขำๆ ของเด็กที่มาเรียน
พี่มด : ใจจริงพี่ก็ไม่ค่อยอยากจะเมาท์นะ  เพราะก็ไม่ค่อยมีเรื่องที่พูดสะเท่าไร
พี่เปิ้ล : แต่ก็มีบางนะอย่างวันนี้  ในเวลาเรียนเนี่ยจะมีเด็กที่ชอบพูดสอดแทรกขึ้นมาเวลาเราสอน  แรกๆ เราก็ปล่อยๆ ไปนะให้เด็กพูดไป  หลังๆ เราก็เล่นด้วยกับเด็กที่พูดสอดแทรก  แต่ถ้ามากเกินไปเราเราก็มีการต้องตักเตือนกันบ้าง  แล้วก็บางทีก็แอบหลอกด่าเด็กคนนั้นด้วย
พี่มด : อย่างในคลาสของพี่ก็มีเด็กคนหนึ่งนะ  พี่เรียกน้องคนนั้นว่า"ไจแอนท์" (อย่างที่เรารู้กันว่าไจแอนท์เป็นอย่างไร)  แต่น้องคนนี้ก็น่ารักนะ  บางครั้งก็มาช่วยพี่ลบกระดานหลังเลิกคาบเรียน  แล้วก็มีอีกนะในคลาสเรียนพี่พูดเกี่ยวกับเรื่องของแฟน  ก็มีเด็กยกมือขึ้นถามว่า "พี่มด  แฟนพี่มดนี้เป็นคนหรือเปล่า?"  มีอีกๆ ตอนที่พี่ไปโอเชี่ยนเวริล์ดมา  ก็มาเล่าปลาฉลามหน้าตาบ้านน๊อก บ้านนอก  ก็มีเด็กถามอีกว่าฉลามหน้าตาบ้านนอกเป็นอย่างไร  ต้องมีเขาเหมือนควายหรือเปล่า  นี่ก็เป็นความน่ารักของเด็กๆ ที่เรียนด้วยค่ะ
พี่เมย์ : อย่างพี่ก็มีเจอเด็กที่ชอบแซว  พี่ก็จะหาคนหนึ่งในนั้นที่มีลักษณะเด่น  แล้วพี่ก็เรียกเขาว่าโดเรมอน  แล้วเวลาที่เขาแซวพี่ก็จะบอกว่าเดี๋ยวให้โดเรมอนมาเต้นไก่ย่างเลย  เขาก็ออกมาเต้นจริงๆ นะ  พี่ก็ขำ  พูดถึงเรื่องเต้นมีมากกว่านั้นอีก  เจอกลุ่มน้องกระเทยจากโรงเรียนชายล้วน  พี่ก็บอกว่าเดี๋ยวคาบหน้าจะให้มาเต้นก่อนสอน  น้องๆ เขาก็เตรียมตัวมาเต้นด้วยนะ  พี่ก็เลยให้เต้น  น้องเขาก็เต็มที่เลยนะ  ก็สนุกดีนะ  พี่ชอบ
พี่เปิ้ล : พูดถึงเรื่องเพศที่ 3  พี่เคยอ้างอิงเรื่องเพศที่ 3 ในชั้นเรียน  พี่ก็พูดๆ ไปว่าเพศที่ 3 อย่างนั้น อย่างนี้  แล้วที่นี่จะให้น้องเขียนใบโยโกะ (คล้ายๆ เฟรนด์ชิพ)  ก็มีคอมเมนท์เขียนมาว่า  หนูไม่ชอบที่พี่พูดถึงเพศที่ 3  ย้ำว่าใช้สรรพนามว่า"หนู"  แต่ลงชื่อข้างล่างว่าเด็กชาย.......
พี่เมย์ : เรื่องใบโยโกะพี่เมย์ก็มีเหมือนกัน  คือในชั้นเรียนพี่ชอบพูดถึงเรื่องของผู้ชาย  ก็มีใบโยโกะเขียนมาว่าหนูชอบพี่เมย์นะ  แต่ทำไมพี่เมย์ดูหื่นกามจังเลย  พี่เมย์ว่าพี่ต้องเพลาๆ พูดถึงเรื่องผู้ชายบ้าง
พี่มด : ต้องอย่างพี่มด  พี่จะยึดผู้ชายเพียงคนเดียวเป็นหลัก  แบบหลังๆ เนี่ย  พี่ก็จะพูดถึงแต่เรน  เด็กๆ ก็จะกรี๊ดกร๊าดเวลาที่พี่พูดถึงเรน

Dek-D : ฝากอะไรถึงน้องๆ กันหน่อยครับ
พี่เปิ้ล : ฝากถึงเด็กๆ ทุกคนให้ขยันๆ สู้ๆ อยากให้เด็กๆ ให้ความสำคัญกับการเรียนทุกวิชา  เพราะทุกวิชามีความสำคัญ  พอถึงอนาคตจะต้องใช้ในอนาคต  อยากให้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด  เพราะมันจะส่งผลไปถึงวันพรุ่งนี้
พี่มด : อยากให้น้องๆ เปิดใจให้กับการเรียนรู้ในทุกๆ เรื่อง พยายามเรียนรู้ให้ได้ในทุกเรื่อง เช่น ถ้าพี่มดถูบ้านไม่เป็น  พี่ก็ไปถามนักการภารโรงที่โรงเรียนว่าการถูพื้นต้องทำอย่างไร  อย่างให้น้องๆ สามารถเป็นได้ทั้งครูและนักเรียนในตัวเอง  อยากให้น้องมาเรียนกันเถอะด้วยค่ะ  มาเรียนกันเยอะๆ เพราะพวกเราทุกคนรักในการสอน  อยากให้น้องๆ ชอบในการเรียรู้ไปด้วยค่ะ
พี่เมย์ : พี่อยากฝากว่าเก่งอะไรไม่สำคัญ  แต่ให้เก่งในสิ่งนั้นจริงๆ  อยากที่โบราณบอกว่าเก่งให้เป็นครูเขา  อยากให้มุ่งในสิ่งนั้นๆ ให้เต็มที่  การที่เราจะได้อะไรก็ตามเราจะต้องเริ่มจากตัวเราเป็นอันดับแรก  หลังจากนั้นก็ต้องต่อสู่ฝ่าฟันกับอุปสรรคต่างๆ  หากน้องๆ รู้สึกท้อแท้  อยากให้มองอุปสรรคเหล่านั้นเป็นบททดสอบ  ต้องหาทางแก้ให้ได้  แล้วในอนาคตจะพบกับสิ่งที่ดีค่ะ  พี่ขอฝากประโยคหนึ่งที่พี่ใช้บ่อย  ให้กับน้องๆ ทุกคน " To climb up to the high mountain is difficult but the view on it is very beautiful."
พี่มด : พี่มดขอฝากบ้าง  พี่ไปได้ยินมาแล้วชอบมากๆ "กล้วยไม้บานช้าฉันท์ใด  การศึกษาให้ผลช้าฉันท์นั้น" ของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุลค่ะ
พี่เมย์ : พี่เมย์ขอฝากเพิ่มเติมว่าในปัจจุบันการศึกษาพยายามทำให้คนเจริญขึ้น  แต่ไม่ทำให้คุณธรรมเจริญขึ้นด้วย  พี่อยากให้น้องๆ เจริญขึ้นทั้งในความรู้แต่ต้องควบคู่คุณธรรมด้วยนะค่ะ  ต้องเจริญทั้ง I.Q.  E.Q. และ M.Q.
พี่เปิ้ล : พี่ได้มีโอกาสฟังพี่ป๊อด โมเดิร์นด๊อกพูดมาแล้วพี่ชอบมากๆ "บางสิ่งที่เราชอบอาจไม่ใช่สิ่งที่เราถนัด  และสิ่งที่เราถนัดก็อาจไม่ใช่สิ่งที่เราชอบที่สุด"  ปลายทางชีวิตของน้องอาจไม่ใช่สิ่งที่น้องฝันเสมอไป  พี่อยากให้น้องทำในสิ่งที่ถนัด  มองให้กว้าง  เพราะในอนาคตน้องอาจไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบก็ได้
พี่เมย์ : สู้ๆ สู้ๆ ตาย

       วันนี้เราก็ได้มาพูดคุยกับ 3 Edutainners สุดสวยและรวยอารมณ์ขันแห่ง Enconcept ได้ทั้งความสนุกสนานและข้อคิดดีๆ จากพี่ๆ มากมายเลย  ใครที่อยากเจอตัวจริงของพี่เมย์ พี่มด และพี่เปิ้ล  ก็สามารถไปเจอกันได้ที่ Enconcept นะครับ  คราวหน้าเราจะไปพูดคุยกับติวเตอร์คนไหนอย่าลืมติดตามกันนะคร้าบบบบบ

~ UBYI ~ < My.iD >