วันนี้...คุณกินถั่ววันละ 1 กำมือหรือยัง ?

 

 

          น้องชาว Dek-d.com ชอบกินถั่วกันหรือเปล่าจ๊ะ รู้หรือไม่ว่าเจ้าเม็ดกลมๆ เล็กๆ นี้ประโยชน์ของมันไม่เล็กเลยล่ะ วันนี้พี่นัทมีเกร็ดความรู้ดีๆ เกี่ยวกับการกินถั่วมาฝากกันจ้า

 

 

วันนี้...คุณกินถั่ววันละ 1 กำมือหรือยัง?




     วิธีง่ายๆ ที่จะมีสุขภาพดีอาจเริ่มต้นที่การคืนสู่ธรรมชาติ เวลาคนเราได้สูดอากาศธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นที่ทะเล ภูเขา หรือทุ่งนา อากาศธรรมชาตินี้มีส่วนช่วยทำให้จิตใจเราสงบพร้อมๆ กับรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและแข็งแรงขึ้นมาได้ อาหารธรรมชาติก็เช่นกัน มีส่วนช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ อาหารธรรมชาตินี้ก็คือ อาหารหลากหลายที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการแปรรูปทางอุตสาหกรรม “ถั่วเปลือกแข็ง” เช่น ถั่วลิสง ถั่วอัลมอนด์ ถั่ววอลนัต ถั่วพิสตาชิโอ ถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นตัวอย่างของอาหารธรรมชาติที่มากด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และสารที่มีส่วนช่วยฟื้นฟูสุขภาพ

 


 
    สมาคมโรคหัวใจทั้งไทยและเทศต่างยอมรับว่าถั่วเป็นอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด เพราะมีสรรพคุณช่วยลดโคเลสเตอรอลตัวร้าย (LDL) และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดลง เมื่อรับประทานเป็นประจำคู่กับอาหารที่มีประโยชน์อื่นๆ


     ถั่วเป็นอาหารที่มีไขมันสูง จึงมักถูกท้วงถามอยู่เสมอว่า “กินได้จริงหรือ ไขมันส่วนใหญ่ในถั่วจะเป็นไขมันชนิดที่ดี นั่นคือ เป็นประเภท “ไขมันไม่อิ่มตัว” เวลาพูดถึงไขมันเราจะต้องแยกแยะชนิดที่ดีกับชนิดที่ไม่ดี ชนิดที่ไม่ดีนั้นมักจะเป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้องหรือที่เราเรียกว่า “ไขมันอิ่มตัว” ได้แก่ เนย กะทิ และไขมันจากสัตว์ และไขมันทรานซ์ก็จัดว่าเป็นไขมันชนิดไม่ดีเช่นกัน ทั้งๆ ที่ไม่มีโคเลสเตอรอล เพราะเป็นไขมันที่ทำจากพืช แต่เป็นเพราะได้ผ่านกระบวนการผลิตแปรรูป จึงทำให้ไขมันทรานซ์มีผลด้านลบต่อสุขภาพร่างกายมาก อาหารที่มีไขมันทรานซ์ ได้แก่ มาการีน ขนมปังกรอบ ขนมกรุบกรอบ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมอบเบเกอรี อาหารประเภทฟาส์ตฟูด เป็นต้น ไขมันทั้งสองชนิดนี้เมื่อได้รับเข้าไปในปริมาณมากเป็นประจำ จะไปเพิ่มการสะสมของไขมันตามผนังหลอดเลือด เพิ่มการอักเสบ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดแข็งและหลอดเลือดตีบ นำไปสู่ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้ง่าย



 



 

     ส่วนไขมันไม่อิ่มตัวโดยเฉพาะไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่มีมากในถั่วนั้นทำหน้าที่ตรงกันข้าม คือ ขจัดโคเลสเตอรอล พบว่าการกินถั่ว (ในงานวิจัยใช้ถั่วอัลมอนด์) แทนขนมกรุบกรอบ ขนมเบเกอรีต่างๆ วันละ 2 ครั้ง จะสามารถลด LDL ลงได้ถึง10%


     คงจะไม่ใช่เพราะไขมันไม่อิ่มตัวตัวเดียวเท่านั้นที่ทำหน้าที่ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ แต่ถั่วเป็นอาหารที่มีสัดส่วนของสารอาหารอื่นๆ ที่เป็นตัวรับผิดชอบในด้านนี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ

 

     * แมกนีเซียม ที่ช่วยลดความดันโลหิต
     * โฟเลตและวิตามินบี เป็นตัวช่วยเปลี่ยนสารโฮโมซิสเตอีน (Homocystiene)เป็นสารที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อหลอดเลือด และลดระดับโฮโมซิสเตอีน
     * วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องหลอดเลือด
     * วิตามินบี 3 หรือไนอะซิน ที่มีมากในถั่วลิสง มีส่วนช่วยลดไตรกลีเซอร์ไรด์ และเพิ่มโคเลสเตอรอลที่ดี (HDL)
     * กรดไขมันอัลฟาไลโนเลอิก (ALA) ในถั่ววอลนัต จะเปลี่ยนเป็นกรดไขมันโอเมก้า3 ในร่างกาย ช่วยป้องกันหลอดเลือดอักเสบ หลอดเลือดอุดตัน ช่วยควบคุมระดับไตรกลีเซอร์ไรด์
     * เส้นใยอาหาร ช่วยขจัดโคเลสเตอรอลไม่ดี


     โรคหัวใจที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นเดี่ยวๆ แต่มักพ่วงมากับโรคหรือภาวะอื่นๆ ที่เห็นได้ชัดคือ โรคเบาหวาน และภาวะการมีน้ำหนักตัวเกิน หรือโรคอ้วน พบว่าการกินถั่วเป็นประจำจะช่วยลดอัตราการเกิดโรคเหล่านี้ได้


     ใครที่เคยพยายามลดน้ำหนักโดยควบคุมปริมาณอาหารและปริมาณไขมัน เช่น การกินแต่อาหารไขมันต่ำมากๆ ประเภท ต้ม ตุ๋น นึ่ง จะทราบดีว่าการปฏิบัติเช่นนี้อาจทำได้ไม่นาน อาหารอาจขาดรสชาติ หรืออาจทำให้หิวบ่อย คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไขมันนั้นทำให้อาหารมีรสชาติดีขึ้น ไขมันย่อยช้าจึงทำให้รู้สึกอิ่มนานด้วย ถั่วมีทั้งไขมันที่ดีและเส้นใยอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสม จึงเป็นอาหารธรรมชาติที่เหมาะจะเป็นอาหารควบคุมน้ำหนัก


     ผู้คนที่อาศัยแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนรับประทานอาหารที่ประกอบไปด้วยปลา ผัก ผลไม้ น้ำมันมะกอก และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ มีอัตราการเกิดโรคหัวใจต่ำมาก และมีการศึกษาที่ประเทศสเปน ในกลุ่มคน 1,200 คน อายุระหว่าง 55-80 ปี พบว่าผู้ที่รับประทานอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนนี้ ที่มีปลา ผัก ผลไม้ และถั่ววันละ30 กรัม สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานอาหารสไตล์เดียวกันแต่ไม่มีถั่ว นอกจากคนในกลุ่มแรกสามารถลดน้ำหนักได้แล้ว รอบเอว ระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด และระดับความดันโลหิตยังลดลงอย่างมากด้วย

{pic-desc} 

 

     เพียงแต่มีข้อแม้ว่าอย่ากินถั่วจนเพลินมาก แค่วันละ 30 กรัม หรือประมาณ 1 กำมือก็เพียงพอแล้ว เพราะถ้ารับประทานมาก อาจส่งผลให้ได้รับพลังงานมากเกินได้


     การลดน้ำหนักหรือควบคุมไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นก็เป็นวิธีป้องกันโรคเบาหวานได้ด้วย สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานแล้ว การรับประทานถั่วเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอาหารแป้งสูง น้ำตาลสูงอื่นๆ มาก ถั่วมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ซึ่งหมายความว่าเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นเร็ว ลงเร็ว และไม่ทำให้ขึ้นสูงมากเช่นกัน จึงส่งผลให้การคุมระดับน้ำตาลนั้นดี


     ถั่วมีให้เลือกมากมายหลายชนิด ล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น อีกทั้งถั่วยังเป็นอาหารที่รับประทานง่าย รับประทานเป็นของว่างก็ได้ จะนำมาคั่วใส่ในยำ ส้มตำ สลัดก็อร่อย หรือจะโรยหน้าโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ในข้าวโอ๊ตตุ๋น และอาหารอื่นๆ อีกมากสามารถเพิ่มคุณค่าของอาหารนั้นได้ด้วยการเติมถั่วเข้าไป ถ้าใครกังวลว่าจะซื้อถั่วถุงใหญ่มาแล้วจะกินมากเกิน ขอแนะนำให้แบ่งออกมา 1 กำมือ ใส่ถุงหรือกล่องอาหารเล็กๆ เอาไว้เลย พกติดตัวเวลาออกไปข้างนอกจะทำให้สะดวกในการรับประทาน


 

     อย่ารอช้า รีบนำถั่วมาอยู่ในมื้ออาหารของคุณบ้างนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ

 

ตารางแสดงคุณค่าทางอาหารของถั่วชนิดต่างๆ ในปริมาณ 28 กรัม 

 

 

ชนิดถั่ว

 

พลังงาน
(แคลอรี)

ปริมาณเม็ด
ต่อ
28 กรัม
โปรตีน
(กรัม)

 

ไขมันทั้งหมด
(กรัม)

 

ไขมันอิ่มตัว
(กรัม) 
 

 

ไขมันไม่อิ่มตัว
เชิงเดี่ยว

(กรัม)
 

 

 

ไขมันไม่อิ่มตัว
เชิงซ้อน

(กรัม)

อัลมอนด์

 

20-24

 

160

 

6

 

14

 

1

 

9

 

 

เม็ดมะม่วงหิมพานต์

 

16-18

 

160

 

4

 

13

 

3

 

8

 

2

 

ฮาเซลนัต

 

18-20

 

180

 

4

 

17

 

1.5

 

13

 

2

 

แมคคาดาเมีย

 

10-12

 

200

 

2

 

22

 

3

 

17

 

0.5

 

ถั่วลิสง

 

28

 

170

 

7

 

14

 

2

 

7

 

4

 

พิสตาชิโอ

 

45-47

 

160

 

6

 

13

 

1.5

 

7

 

4

 

วอลนัต

 

14

 

190

 

4

 

18

 

1.5

 

2.5

 

13

 

 

  

     แล้วน้องๆ ล่ะจ๊ะ วันนี้กินถั่วหรือยังเอ่ย ถ้ายังไม่ได้กินก็อย่าลืมกินถั่วกันให้มากขึ้นนะจ๊ะ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของน้องๆชาว Dek-d.com เมื่อเช้าพี่นัทกินน้ำเต้าหู้ไปหนึ่งแก้ว แฮะๆ แทนกันได้ใช่มะ



 {pic-desc}


 

 พี่นัท ขอขอบคุณข้อมูลจาก กฤษฎี โพธิทัต นักกำหนดอาหาร และ healthtoday.net

 

 




พี่นัท

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

16 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
NuT4869-แมวเซ่อซ่า>w< Member 11 ก.ค. 52 17:08 น. 5

เค้าชอบเม็ดมะม่วงหิมพานต์มากๆโรยเกลือเยอะๆโอมันสุยอดดดดดดดดดดพูดแล้วน้ำลายไหลเอิ๊กๆ:p

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
mookrak Member 18 ก.ค. 52 19:03 น. 16
เค้ามีโอกาสเสี่ยงเป็นหลายโรคมากเลยอ่ะ

ถ้าสุขภาพไม่ดีก็แย่เหมือนกันนะ

แต่เค้ากลัวโรคหัวใจมากเลย

เพราะว่าโรคนี้ถ้าเป็นแล้วมันจะเป็นภาระให้พ่อกับแม่มากเลย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด