8 วิธีคิดจากผู้สร้างฮอร์โมนส์ ที่จะทำให้คุณอยากเปลี่ยนตัวเอง

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... วันก่อนทีมงาน Dek-D.com ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ พี่ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ ผู้กำกับที่ดังที่สุดแห่งยุคที่เป็นคนสร้างตัวละครซีรีส์ฮอร์โมนส์วัยว้าวุ่นให้มีชีวิตขึ้นมาจนคนกรี๊ดกันทั่วบ้านทั่วเมือง เชื่อว่าหลายคนคนคงอยากจะรู้แนวคิดในการทำงานและการใช้ชีวิตจากพี่ย้งคนนี้ วันนี้เอามาฝากกัน 8 ข้อ บอกเลยว่าแต่ละข้อมันช่างโดนใจซะจริงๆ




 ถ้าไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ ก็เดินออกมาซะ

      รู้หรือไม่ว่าพี่ย้งเคยเป็น "เด็กซิ่ว" มาก่อน! หลังจากจบม.6 พี่ย้งเคยเอนท์ไม่ติด จึงตัดสินใจเข้าไปเรียนในคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เวลาผ่านไป 2 ปี พี่ย้งค่อยๆ ค้นพบว่าตัวเองไม่เหมาะกับคณะนี้เอาซะเลย รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ไม่ถนัดที่จะทนเรียนต่อไป เลยตัดสินใจซิ่วตอนปี 2 มาสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายๆ คนไม่กล้าเสี่ยง ในที่สุด พี่ย้งก็สอบติดที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างที่ตัวเองชอบจริงๆ ดังนั้นหากเรารู้สึกไม่มีความสุขที่จะพยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ขอให้เรากล้าที่จะเดินออกมา 


 การมีปฏิสัมพันธ์ คือสิ่งสำคัญของการใช้ชีวิต

      ตอนเด็กๆ พี่ย้งย้ายโรงเรียนบ่อย แถมเป็นเด็กซิ่วจากมหาวิทยาลัยเอกชนมายังจุฬาฯ การที่ต้องรู้จักเพื่อนใหม่ๆ มากหน้าหลายตา พี่ย้งจึงกล้าพูดเลยว่า ไม่ว่าอยู่ที่ไหน การมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนเป็นสิ่งสำคัญมากๆ น้องบางคนมักมองว่ามหาวิทยาลัยเอกชนอาจไม่ได้มีสังคมแบบคณะที่ชัดเจน แต่เชื่อเถอะว่ายังไงน้องก็ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ อยู่ดี เราไม่สามารถใช้ชีวิตตัวคนเดียวได้

      นอกจากนี้ การมีปฏิสัมพันธ์กับคนเยอะๆ จะทำให้เราได้พบปะผู้คน เรียนรู้การทำงานของผู้คนและนิสัยของพวกเขาผ่านการทำกิจกรรมคณะ ไม่หมดแค่นี้ เพราะพอเรียนจบ น้องไม่มีทางที่จะนั่งทำงานคนเดียวอยู่แล้ว ต้องมีการทำงานร่วมกับคนอื่น โดยเฉพาะใครที่อยากมาทำงานสายผู้กำกับแบบพี่ย้ง ออกกองทีนึงต้องเจอคน 60-70 คน ดังนั้นอย่าเก็บตัวเด็ดขาด ควรมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน




 การเป็นคนเยอะบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องแย่

      ในฐานะผู้กำกับการแสดง พี่ย้งยอมรับว่าตัวเองเป็นคน "เยอะ" คำว่าเยอะของพี่ย้งหมายถึง การทำงานแบบละเอียดยิบ เก็บทุกช็อตทุกรายละเอียด ถ้ายังออกมาไม่ดี ก็ต้องถ่ายใหม่เรื่อยๆ บางครั้งเคยถ่ายลากยาวเกือบทั้งวันก็ทำมาแล้ว ซึ่งพี่ย้งคิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายเลย เพราะหากงานมีมาตรฐานที่ดี มันก็จะเป็นผลดีทั้งตัวผู้กำกับและทีมงานทุกคน แต่ถ้า "เยอะ" ในแง่ที่ว่า ต้องนั่งเก้าอี้ตัวนั้นโดยเฉพาะ นั่งเก้าอี้ตัวอื่นไม่ได้ หรือต้องอยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา ไม่อยากออกกลางแจ้ง แบบนี้แหละเรียกว่าเยอะไปแล้ว


 เลือกสิ่งที่ชอบแต่ไม่ทำเงิน VS เลือกสิ่งที่ไม่ชอบแต่ทำเงินได้

      พี่ย้งเล่าว่า ตอนที่เลือกเรียนในคณะบริหารธุรกิจ(ก่อนจะซิ่วมา) พี่ย้งเลือกเพราะคิดว่าพอจบมาแล้วจะเอาความรู้มาช่วยที่บ้านประกอบอาชีพ จบมามีงานทำแน่นอน แต่พอเรียนไปค้นพบว่าตัวเองไม่ชอบ ทำยังไงก็ไม่มีความสุข ขนาดแค่ตอนเรียนยังไม่ไหว ผลสอบก็ออกมาไม่ดี แล้วพอจบมาทำงานด้านนี้คงไม่น่าใช่ทางของเราแน่นอน เลยรู้สึกว่าขอไปตามทางที่ตัวเองถนัดดีกว่า 

      ซึ่งเหมือนกับปัญหาที่น้องๆ หลายคนอาจจะกลัวว่า ชอบเรียนด้านนี้แต่กลัวจะได้เงินเดือนน้อยหรือหางานยาก จะเลือกเรียนดีมั้ย?  พี่ย้งเล่าว่า คำตอบพวกนี้ไม่มีผิดหรือถูก แต่พี่ย้งมองว่า ตัวพี่ย้งนั้นเลือกสิ่งที่เรียนแล้วมีความสุขก่อนมาเป็นอันดับแรก ไม่ได้หมายถึงให้ยึดติดอุดมการณ์ แต่ถ้าเราเรียนด้วยความรัก เราก็จะหาช่องทางเรียนรู้เพิ่มเติมจนเก่งขึ้น และค้นพบช่องทางทำเงินจากมันได้แน่นอน




 ทุกเรื่องมีมากกว่าหนึ่งมุมมองเสมอ

     หากใครติดตามซีรีส์ฮอร์โมนส์วัยว้าวุ่น คงจะสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า "ทุกอย่างมีมากกว่าหนึ่งมุมมอง" อย่างในตอนของ "ออย" ออยอาจทำไม่เหมาะสมที่ปลอมตัวเป็นคนอื่นบนโลกออนไลน์ แต่อีกมุมมองหนึ่ง ซีรีส์ก็ได้สะท้อนว่า ที่ออยเป็นแบบนี้เพราะคนในครอบครัวไม่สนใจออยเลย ออยเลยอยากได้รับความสนใจจากคนอื่น

      ซึ่งก็เหมือนกับชีวิตจริงของเด็กวัยรุ่นปัจจุบัน พฤติกรรมของวัยรุ่นนั้นไม่มีใครเป็นพระเอกหรือนางเอก 100% ไม่มีใครทำถูกไปซะทุกอย่าง พี่ย้งรู้สึกว่าคนที่นิสัยดี ตั้งใจเรียน เรียนเก่ง ชีวิตสมบูรณ์ไม่มีอะไรด่างพร้อยเลยนั้นไม่มีอยู่จริง ทุกคนต้องมีจุดผิดพลาดทั้งนั้น ดังนั้นทุกคนทุกเรื่องจึงมีมากกว่าหนึ่งมุมมอง พอเราเห็นใครทำผิดพลาด เราอาจจะตัดสินทันทีเลยว่าเขาเป็นคนไม่ดี แต่จริงๆ แล้วเราควรพิจารณาด้วยว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น? ควรเปิดใจให้เข้าใจตัวคนๆ นั้นและช่วยเขาแก้ปัญหาไปพร้อมๆ กัน เพียงเท่านี้เราก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับคนๆ นั้นได้เป็นปกติ


 ทำตัวเองให้แตกต่าง

     เอกลักษณ์ของซีรีส์ฮอร์โมนส์วัยว้าวุ่นที่ทำให้หลายคนชื่นชอบคือ "การหักมุม" หรือการทำอะไรที่เซอร์ไพรส์คนดู ซึ่งจริงๆ แล้วบางอย่างมันไม่ได้หักมุมหรอก แต่เป็นเพราะคนดูส่วนมากคุ้นเคยกับการดูละครที่รู้เรื่องย่อคร่าวๆ มาก่อนแล้วและพอจะเดาได้ว่าฉากต่อไปจะเป็นยังไง(ผ่านการอ่านเรื่องย่อผ่านเว็บไซต์หรือหนังสือเรื่องย่อละคร) แต่สำหรับซีรีส์ฮอร์โมนส์วัยว้าวุ่นจะมีเสน่ห์อยู่ตรงที่ ทุกอย่างทุกฉากถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีคนดูคนไหนรู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไป พอเขาเดาไม่ถูก เขาก็เลยรู้สึกว่ามันน่าลุ้นและต้องติดตามว่ามันจะหักมุมแบบที่เขาคาดไม่ถึงหรือเปล่า นี่คือความแตกต่างที่ไม่เหมือนใครของผลงานของพี่ย้ง




 ออกเดินทางบ้างเพื่อหาแรงบันดาลใจ

     กว่าจะมีผลงาน Masterpiece ขนาดนี้ แน่นอนว่าพี่ย้งก็ต้องหาแรงบันดาลใจหาไอเดียอยู่ตลอดเวลา เทคนิคการหาแรงบันดาลใจของพี่ย้งอยู่ที่ "การออกเดินทาง" การเดินทางท่องเที่ยวจะทำให้เราได้พบปะผู้คน ได้ไปเจอสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคย เหมือนตอนเราเป็นเด็ก พอเราไปสวนสนุกครั้งแรก เราจะรู้สึกมีความตื่นเต้นและได้เปิดหูเปิดตามากทีเดียว แต่หากใครไม่มีเวลามากพอที่จะออกเดินทาง ก็ลองอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง พบปะคบค้าสมาคมกับคนใหม่ๆ ซึ่งก็สามารถจุดประกายแรงบันดาลใจให้ได้เหมือนกัน


 ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จไปสู่ความสำเร็จ

      เด็กหลายคนอาจยกให้พี่ย้งเป็นไอดอลและอยากจะมีผลงานที่มีคนพูดถึงทั่วบ้านทั่วเมืองแบบนี้บ้าง แต่ไม่มีอะไรการันตีว่าหากน้องๆ เดินตามทางพี่ย้งเป๊ะๆ แล้วจะได้เป็นแบบพี่ย้งแน่นอน ดังนั้นสิ่งแรกที่น้องๆ ต้องทำคือ "หาเป้าหมายของตัวเองให้ได้ก่อน" ว่าเราอยากจะเป็นหรืออยากจะทำอะไร เหมือนการที่เราต้องรู้ปลายทางก่อนก้าวเท้าออกจากบ้าน เช่น ต้องรู้ก่อนว่าจะไปสยาม จากนั้นก็ค่อยคิดว่าจะไปโดยการนั่งแท็กซี่หรือบีทีเอสดี ค่อยๆ หาเส้นทางที่เหมาะกับตัวเราเอง ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงปลายทาง 

Clip


 
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

FUJI 30 ก.ย. 57 21:53 น. 21
เดี๋ยวนะ ยังไม่จบอีกหรอเรื่องก๊อปซีรีส์ SKIN เนี่ย ที่มาคอมเม้นท์นี่ ได้ดู SKINS จริงรึเปล่า?? เพราะคนที่ดูSKINSจริงๆจะรู้เลยว่า มันไม่เหมือนเลย หรือแค่ตัดสินจากโปสเตอร์ ถ้าเป็นอย่างนั้นนี่ถือว่าโลกแคบมากไปนะ แค่ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน มันก็มาตรฐานโปสเตอร์หนังทุกเรื่องป้ะ ? ส่วนโปสเตอร์นอนกอดกัน มันก็ไม่ใช่แค่เรื่องSKINS เรื่องเดียวรึเปล่า? งั้นต่อไปถ้าซีซั่น3จะถ่ายโปสเตอร์ ต้องให้ตีลังกาถ่ายเลยไหม จะได้ไม่เหมือน??? ส่วนที่พี่ๆเขาชวนมาดีเบต น้องต้องแยกให้ออกระหว่างคำว่า "วิจารณ์" กับคำว่า "กล่าวหา"นะ เรื่องวิจารณ์ถ้ามีคนติ ทางทีมงานเขาก็รับฟังทุกอย่าง แต่การกล่าวหาว่าก๊อปนี่มันถือว่าไม่ให้เกียรติคนทำงานนะครับ ที่ชวนมาดีเบตกันก็เพื่อจะพิสูจน์ว่าทางทีมเขียนบทมีขั้นตอนการทำงานยังไง ซึ่งมันไม่ใช่การท้าทายหาเรื่องเลยนะครับ ช่วยตีความให้ถูกด้วย
3
กำลังโหลด
barry22 Member 30 ก.ย. 57 19:21 น. 13

ฮอร์โมนมันหักมุมยังไง??? เดาเรื่องได้ตั้งแต่เห็นโปสเตอร์

หักมุมจริงๆ โน่น ไปดูซีรีส์ฝรั่งเถอะ อย่าง Breaking Bad หรือ Game of Thrones(อ่านฉบับนิยายด้วยก็ดี) <<<สุดยอดของซีรีส์

แล้วเรื่องนี้ก็ก๊อบเค้ามานี่นา จากเรื่อง Skins ของอังกฤษ เอ้อ หน่ายใจ

ธีมเรื่องเหมือนกัน การดำเนินเรื่องยังคล้ายกันอีก

ซีซั่นแรกยังเฉยๆนะ ชื่อตอนเป็นชื่อฮอร์โมนต่างๆ

มาซีซั่นสอง หึ ชื่อตอนเป็นชื่อตัวละครที่มีบทบาทเด่นในตอนนั้น เน้นเรื่องเซ็กส์มาก (เหมือนSkinsเดี๊ยะๆ)

>> http://en.wikipedia.org/wiki/Skins_(series_1)

เฮ้อ จะเหมือนกันไปไหนนนนน

ใครตามพันทิปจะรู้ดราม่านี้ดี ถ้าอยากรู้เรื่องกูเกิ้ลกันเลย

พอมีคนเอะใจว่าเหมือนเรื่อง Skins เข้าหน่อย เขียนวิจารณ์ ก็ดันท้าเค้าไปออกสื่อ อื้อหือ ทนรับคำวิจารณ์ไม่ได้ขนาดเลย???

แต่ขอโทษเถอะ ทำยังไงก็สู้ของออริจินัลเค้าไม่ได้

ขำ ว่ะ

8
กำลังโหลด
Paritchaya Peaseng Member 30 ก.ย. 57 18:33 น. 9

ถ้าไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ ก็เดินออกมาซะ !

gปัจจุบันหนูเรียนอยู่สายวิทย์-คณิตค่ะ แต่เป็นคนที่ไม่ชอบคณิตเอามากกกกๆๆ ขนาดทำงานทุกอย่างที่ครูสั่งนะ แต่ยังดันติด0วิชาคณิตซะได้ ข้อสอบก็ทำไม่เข้าใจ คิดว่าชั้นก็แค่แก้ๆไปให้ผ่านๆ ถึงยังไงก็ยังคิดว่าจบสายนี้มาคงหางานทำง่าย เงินดี แต่เราไม่ชอบนี่สิ ถ้าจบไปจะไปแข่งอะไรกับเค้าได้ โง่ซะขนาดนี้ TT ตอนนี้กำลังปิดเทอมเล็กอยู่ค่ะ กำลังจะขึ้นม.4ล้ะ นั้นคือสิ่งที่เราต้องเลือกล้ะว่าจะไปสายวิทย์หรือสายศิลป์ดี ในใจหนูอยากเรียนศิลป์ภาษามากกกกก กำลังตัดสินใจอยู่ค่ะ แต่น่าจะไปศิลป์ภาษาดีกว่า ถึงแม้เราจะเสียเวลาเรียนวิทย์-คณิตไปสัก2-3ปี แต่มันก็ยังไม่สายที่เราจะค้นพบตัวตนของตัวเอง

' เงินดีแต่ไม่มีความสุข เงินอาจน้อยหน่อยแแต่โครตมีความสุขกับงาน ' เยี่ยม

ปล. อร้ายยยย พี่ไผ่หนูปลื้มพี่มากเลยน้าาา 555555 -//-  รักเลย

meenvrzo@hotmail.com 

0
กำลังโหลด
My.papa Member 30 ก.ย. 57 16:42 น. 3

การเป็นคนเยอะบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องแย่

บางทีเวลาทำงานกับเพื่อนหรือทำงานเป็นกลุ่มส่วนมากหนูจะเป็นคนจัดการเรื่องการแบ่งงานแล้วถ้าเพื่อนไม่ทำ หนูก็ต้องคอยเตือนและตามงานจากพวกเพื่อนตลอด แล้วเขาก็จะว่าหนูว่าเยอะไปป่ะ แต่ความจริงคืองานมันต้องส่งแล้วถ้าไม่ส่งก็ไม่ได้คะแนน หนูคิดว่าหนูทำถูกถึงเพื่อนจะคิดว่าหนูเป็นคนเยอะไป แต่ก็เพื่องานที่สำเร็จมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับหนูซึ้ง

Gmail kannikaraekul@gmailcom

3
กำลังโหลด
นัท 5 ต.ค. 57 12:05 น. 39
ถ้าไม่มีความสุขก็เดินออกมาซะ เราเป็นคนขี้ขลาดมากๆ กังวลไปหมด แม้กระทั่งกับเรื่องการทำความดี เรายังไม่กล้าทำเลย ถ้าเลือกได้เราก็อยากจะทำอะไรนอกกรอบของตัวเองบ้าง.
0
กำลังโหลด

49 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
My.papa Member 30 ก.ย. 57 16:42 น. 3

การเป็นคนเยอะบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องแย่

บางทีเวลาทำงานกับเพื่อนหรือทำงานเป็นกลุ่มส่วนมากหนูจะเป็นคนจัดการเรื่องการแบ่งงานแล้วถ้าเพื่อนไม่ทำ หนูก็ต้องคอยเตือนและตามงานจากพวกเพื่อนตลอด แล้วเขาก็จะว่าหนูว่าเยอะไปป่ะ แต่ความจริงคืองานมันต้องส่งแล้วถ้าไม่ส่งก็ไม่ได้คะแนน หนูคิดว่าหนูทำถูกถึงเพื่อนจะคิดว่าหนูเป็นคนเยอะไป แต่ก็เพื่องานที่สำเร็จมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับหนูซึ้ง

Gmail kannikaraekul@gmailcom

3
กำลังโหลด
satantatas Member 30 ก.ย. 57 17:45 น. 4

 ถ้าไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ ก็เดินออกมาซะ

คือ ตอนนี้หนูเรียนอยู่สายวิทย์ค่ะ สายวิทย์ที่ใครๆก็อยากเข้าเพราะมีคณะให้เลือกเยอะและมีโอกาสเยอะกว่าเด็กสายอื่น ตอนแรกหนูก็คิดงี้นะคะแต่พอมาเรียนจริงๆมันไม่ใช่ตัวเราเลย คือหนูไม่ชอบเคมี ชีวะ ฟิสิกส์ต่อให้เปิดใจยอมรับแค่ไหนเรียนยังไงมันก็ไม่ใช่!! เรียนอยู่ได้1เดือนหนูก็เลยคิดได้ว่าไม่รู้จะฝืนมันไปทำไมจบสายวิทย์มาก็จริงเหอะแต่ถ้าเราไม่ชอบแล้วเกรดมันออกมาไม่ดีชีวิตก็จบ ปีหน้าหนูก็กะว่าจะย้ายไปสายอาชีพจะเรียนบัญชีค่ะ เพราะหนูชอบพวกคำนวณไรงี้มาก+กับอยากทำงานเกี่ยวกับด้านนี้ค่ะ

wichuda_-2@hotmail.com

<<อยากได้หนังสือพี่ย้งอ่าาา;:ขอให้ได้สาธุๆๆ ><>>รักเลย

0
กำลังโหลด
thitiwat Member 30 ก.ย. 57 18:09 น. 5
ทำตัวเองให้แตกต่าง


     เอกลักษณ์ของซีรีส์ฮอร์โมนส์วัยว้าวุ่นที่ทำให้หลายคนชื่นชอบคือ "การหักมุม" หรือการทำอะไรที่เซอร์ไพรส์คนดู ซึ่งจริงๆ แล้วบางอย่างมันไม่ได้หักมุมหรอก แต่เป็นเพราะคนดูส่วนมากคุ้นเคยกับการดูละครที่รู้เรื่องย่อคร่าวๆ มาก่อนแล้วและพอจะเดาได้ว่าฉากต่อไปจะเป็นยังไง(ผ่านการอ่านเรื่องย่อผ่านเว็บไซต์หรือหนังสือเรื่องย่อละคร) แต่สำหรับซีรีส์ฮอร์โมนส์วัยว้าวุ่นจะมีเสน่ห์อยู่ตรงที่ ทุกอย่างทุกฉากถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีคนดูคนไหนรู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไป พอเขาเดาไม่ถูก เขาก็เลยรู้สึกว่ามันน่าลุ้นและต้องติดตามว่ามันจะหักมุมแบบที่เขาคาดไม่ถึงหรือเปล่า นี่คือความแตกต่างที่ไม่เหมือนใครของผลงานของพี่ย้งเยี่ยมปิ้งปิ้ง e-mail  thitiwat178@hotmail.com
0
กำลังโหลด
Mix Bfc Member 30 ก.ย. 57 18:20 น. 6

 ถ้าไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ ก็เดินออกมาซะ

ถ้าพูดถึงเรื่องซิ่ว ถ้าจนก็อดเว่ย (ทำเสียงแบบสไปรส์)

0
กำลังโหลด
pifa Member 30 ก.ย. 57 18:22 น. 7
ทุกเรื่องมีมากกว่าหนึ่งมุมมองเสมอ

      เหรียญยังมี2ด้าน ชีวิตเราทุกเรื่องก็มีมากกว่าหนึ่งมุมเสมอ ในชีวิตหนูก็เหมือนกัน ภายนอกเพื่อนที่ไม่สนิทก็มองเราว่าเด็กเรียน ขยัน พูดเพราะ เรียบร้อย จริงๆแล้วเวลาอยู่กับเพื่อนที่สนิทเราก็พูดคำหยาบ เป็นตัวของตัวเอง บ้าบอๆ เวลาเพื่อนมาปรึกษาเรา เค้าก็จะมองปัญหาของตัวเองด้านเดียวแต่ถ้าเป็นคนอื่น เป็นเราที่ยืนอยู่นอกปัญหา จะมองปัญหาได้หลายทาง จะหาทางออกได้หลายทาง เราก็เอาเนี่ยแหละมาปรับใช้กับเรา ปัญหาในชีวิตของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความคิดของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน เวลาจะมองใครในแง่ร้ายแค่เราลองหาด้านดีของเค้าบ้าง เวลาคิดว่าชีวิตเราแย่ให้คิดถึงตอนที่มีอะไรดีๆ มีครอบครัว มีเพื่อน เวลาเราจะทำ จะแก้ปัญหาอะไรก็จะมองหลายๆด้าน ด้านไหนที่เราทำแล้วมันดี มันถูกทุกสุดเยี่ยม dorothy-pop@hotmail.com


     
      
0
กำลังโหลด
joojee_24 Member 30 ก.ย. 57 18:26 น. 8

ถ้าไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ก็เดินออกมาซ

ต้องเกริ่นก่อนว่าหนูเลือกเรียนสายวิทย์คณิตในตอนม.ปลายเพราะคิดว่าการเข้าคณะนิเทศจบมาจะหงานทำไม่ได้ จึงอยากเรียนคณะทางวิทยาศาตร์และเข้าม.รัฐ แต่ชีวิตได้เปลี่ยนไปเมื่อหนูเลือกที่จะไม่ยื่นคะแนนแอดมิดชั่นและตรงเข้าม.เอกชนแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านนิเทศศาตร์ ปัจจุบันเรียนปี2และสมัครพิธีกรตามที่ต่างๆ เพื่อตามความฝันถึงแม้ว่าจะตกรอบก็ตาม

0
กำลังโหลด
Paritchaya Peaseng Member 30 ก.ย. 57 18:33 น. 9

ถ้าไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ ก็เดินออกมาซะ !

gปัจจุบันหนูเรียนอยู่สายวิทย์-คณิตค่ะ แต่เป็นคนที่ไม่ชอบคณิตเอามากกกกๆๆ ขนาดทำงานทุกอย่างที่ครูสั่งนะ แต่ยังดันติด0วิชาคณิตซะได้ ข้อสอบก็ทำไม่เข้าใจ คิดว่าชั้นก็แค่แก้ๆไปให้ผ่านๆ ถึงยังไงก็ยังคิดว่าจบสายนี้มาคงหางานทำง่าย เงินดี แต่เราไม่ชอบนี่สิ ถ้าจบไปจะไปแข่งอะไรกับเค้าได้ โง่ซะขนาดนี้ TT ตอนนี้กำลังปิดเทอมเล็กอยู่ค่ะ กำลังจะขึ้นม.4ล้ะ นั้นคือสิ่งที่เราต้องเลือกล้ะว่าจะไปสายวิทย์หรือสายศิลป์ดี ในใจหนูอยากเรียนศิลป์ภาษามากกกกก กำลังตัดสินใจอยู่ค่ะ แต่น่าจะไปศิลป์ภาษาดีกว่า ถึงแม้เราจะเสียเวลาเรียนวิทย์-คณิตไปสัก2-3ปี แต่มันก็ยังไม่สายที่เราจะค้นพบตัวตนของตัวเอง

' เงินดีแต่ไม่มีความสุข เงินอาจน้อยหน่อยแแต่โครตมีความสุขกับงาน ' เยี่ยม

ปล. อร้ายยยย พี่ไผ่หนูปลื้มพี่มากเลยน้าาา 555555 -//-  รักเลย

meenvrzo@hotmail.com 

0
กำลังโหลด
Dana_swiftie Member 30 ก.ย. 57 18:44 น. 10

ข้อที่บอกว่า ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จไปสู่ความสำเร็จ   ค่ะ

ส่วนตัวคิดว่า มันก็มีนะคะคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ มันจะเป็นแบบนั้นทุกคนเลยรึเปล่าหล่ะคะ ชีวิตเราทุกคนมันไม่เหมือนกันหมดใช่ไหมคะ ทุกคนก็มีเส้นทางเดินสำหรับทุกคนเอง ตรงประโยคที่บอกว่า ไม่มีอะไรการันตีแน่นอนว่าหากเดินตามทางพี่่ย้งเป๊ะๆ แล้วจะได้เป็นอย่างพี่ย้งแน่นอน มันตรงมากเลยค่ะ เพราะเราไม่สามารถทำตามแบบคนอื่นเพื่อให้ให้เหมือนคนอื่น แต่จงค้นพบเส้นทางที่ตัวเองควรเดินมากกว่านะคะ ถ้าจะนำไปใช้จริงๆ ก็ควรหาจุดหมายปลายทางของตัวเองให้เจอค่ะ ค่อยๆพยายาม ฝึกฝนไปเรื่อยๆ เพราะในชีวิตเราไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆแน่นอนค่ะ ทุกอย่างต้องใช้ความพยายามเสมอ อยุ่ที่ตัวเราเอง ว่าจะพยายามทำสิ่งที่ตัวเองตั้งเป้าหมายไว้ได้แค่ไหน แค่เป็นสิ่งที่ตัวเองคิดและพยายาม มันสามารถทำได้แน่นอนค่ะ :)  

nudanadear@gmail.com

0
กำลังโหลด
Ploy\'y Narapat Member 30 ก.ย. 57 18:50 น. 11

ในชีวิตของหนู หนูคิดว่าข้อนี้สำคัญเลยค่ะเพราะว่า คนอื่นจะมองหนูจากภายนอกคือเป็นคนบ้าๆบอๆ ทำอะไรไม่ค่อยจริงจัง เล่นๆชิวๆกับทุกเรื่อง แต่ถ้าคนที่รู้จักหนูจริงๆจะรู้ว่าหนูเป็นคนที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เมื่อเราได้ทำมันแล้วเราก็ทำมันออกมาให้ดีที่สุด ทุกอย่างต้องเป๊ะจะทำแบบชุ่ยๆไม่ได้ถ้าทำแล้วมันออกมาไม่ได้ ก็ต้องทำใหม่ นี่คือการเยอะในมุมมองของหนู ในทุกเรื่องๆทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ทำมันในชีวิตมันกำหนดมาให้เราได้เป็นคนทำเราก็ต้องทำมันออกมาให้ดีเยี่ยมที่สุดเยอะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแย่ ^^

ตั้งใจploy-nrapat06@hotmail.com

0
กำลังโหลด
Pknomcake Member 30 ก.ย. 57 19:14 น. 12

ถ้าไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ ก็เดินออกมาซะ !

ตอนที่อยู่มอสามช่วงที่กำลังเลือกแผนการเรียนเป็นอะไรที่ลำบากใจมากๆ เพราะเกรดดันถึงสายวิทย์-คณิตที่มีทางเลือกเยอะมาก เพื่อนหลายคนที่ไม่ได้เข้าก็ร้องไห้เพราะอยากเข้า ในตอนนั้นครอบครัวก็อยากให้เรียนสายนี้ แต่ว่าเราเป็นคนที่ไม่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์มากๆ เรียนรู้เรื่องนิดเดียว และไม่มีความสุข และคิดไว้แล้วว่าไม่มีทางเข้าคณะที่เกี่ยวกับสายวิทย์เด็ดขาด ตอนนั้นก็เลยคัดค้านจนกระทั่งวันสุดท้าย ได้เลื่อนลงมาเป็นศิลป์คำนวณ แอบเสียดายนิดหน่อย แต่ก็เทียบไม่ได้กับความสุขตอนนี้เลย มีความสุขกับคณิตกับอังกฤษที่ตัวเองชอบ และรักในสิ่งที่ตัวเองกำลังเรียน:)

llwucake_sinee@hotmail.com

รักเลย

0
กำลังโหลด
barry22 Member 30 ก.ย. 57 19:21 น. 13

ฮอร์โมนมันหักมุมยังไง??? เดาเรื่องได้ตั้งแต่เห็นโปสเตอร์

หักมุมจริงๆ โน่น ไปดูซีรีส์ฝรั่งเถอะ อย่าง Breaking Bad หรือ Game of Thrones(อ่านฉบับนิยายด้วยก็ดี) <<<สุดยอดของซีรีส์

แล้วเรื่องนี้ก็ก๊อบเค้ามานี่นา จากเรื่อง Skins ของอังกฤษ เอ้อ หน่ายใจ

ธีมเรื่องเหมือนกัน การดำเนินเรื่องยังคล้ายกันอีก

ซีซั่นแรกยังเฉยๆนะ ชื่อตอนเป็นชื่อฮอร์โมนต่างๆ

มาซีซั่นสอง หึ ชื่อตอนเป็นชื่อตัวละครที่มีบทบาทเด่นในตอนนั้น เน้นเรื่องเซ็กส์มาก (เหมือนSkinsเดี๊ยะๆ)

>> http://en.wikipedia.org/wiki/Skins_(series_1)

เฮ้อ จะเหมือนกันไปไหนนนนน

ใครตามพันทิปจะรู้ดราม่านี้ดี ถ้าอยากรู้เรื่องกูเกิ้ลกันเลย

พอมีคนเอะใจว่าเหมือนเรื่อง Skins เข้าหน่อย เขียนวิจารณ์ ก็ดันท้าเค้าไปออกสื่อ อื้อหือ ทนรับคำวิจารณ์ไม่ได้ขนาดเลย???

แต่ขอโทษเถอะ ทำยังไงก็สู้ของออริจินัลเค้าไม่ได้

ขำ ว่ะ

8
กำลังโหลด
CottonCandy-T Member 30 ก.ย. 57 19:24 น. 14

 ทุกเรื่องมีมากกว่าหนึ่งมุมมองเสมอ

ในชีวิตของมนุษย์ ถ้าเมื่อไหร่ที่ได้เป็นหัวหน้าคน เมื่อเราสั่งงานเขาไป แล้วเขาอาจจะทำไม่เสร็จหรือไม่ได้ทำ เราซึ่งเป็นหัวหน้าต้องเข้าใจในมุมมองของลูกน้องเสมอว่า เขาอาจจะมีเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถทำให้เสร็จภายในกำหนดการได้ เช่น ป่วย/มีปัญหาด้านสุขภาพ เป็นต้น 

และในทางกลับกัน ถ้าเราเป็นลูกน้อง แล้วหัวหน้าของเราสั่งงานมา เราซึ่งเป็นลูกน้องก็ต้องมองในมุมของเจ้านายว่าถ้าเราส่งงานช้าจะมีผลกระทบอะไรตามมาบ้าง เช่น เจ้านายโดนลูกค้าต่อว่า เป็นต้น เราก็ต้องพยายามทำงานให้เสร็จตามที่กำหนดไว้

ส่วนใหญ่คนเรามักจะมองคนอื่นแต่ภายนอก ทั้งที่คนๆนั้นอาจจะมีเหตุผลของเขา เราก็ต้องมองในมุมของเขาด้วยว่าเขาทำเพื่ออะไร? ทำทำไม? มีเหตุผลอะไรที่ทำเช่นนั้น? 

ยกตัวอย่างเช่นกรณีของ "ออย" คนอื่นอาจจะมองในมุมที่การกระทำของออยนั้น(ปลอมเฟสคนอื่น)เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างมาก แต่ในมุมของออย ออยทำเพราะต้องการที่จะได้รับความสนใจจากคนอื่น เนื่องจากขาดความอบอุ่นในครอบครัว 

สรุปคือ เราต้องมองในมุมเขาด้วย ไม่ใช่มองในมุมของตนเอง(หรือมองแต่ภายนอก)เพียงอย่างเดียว แล้วจะเข้าใจเขาและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

1
กำลังโหลด
Park 30 ก.ย. 57 19:27 น. 15
ชอบในมุมมองของพี่ย้งมากคะ ได้รู้ว่าแต่ละอย่างกว่าได้มาถึงจุดๆนึง มันไม่ยาก แต่เราต้องเดินในเส้นทางของตัวของเราเอง เยี่ยมมากคะ
0
กำลังโหลด
เฟิร์น' ยิ้มจักรวาล 30 ก.ย. 57 19:47 น. 16
เลือกสิ่งที่ชอบแต่ไม่ทำเงิน VS เลือกสิ่งที่ไม่ชอบแต่ทำเงินได้ หนูกำลังอยู่ในช่วงสับสนกับชีวิตตัวเอง หนูเป็นเด็กนอกเมือง ตั้งแต่เด็กจนถึงมัธยมต้น หนูใช้ชีวิตเป็นเด็กนอกเมืองที่มีความสุขกับเพื่อนและกิจกรรมในโรงเรียน การได้ทำโปรเจคที่แสดงความสามารถของตัวเองควบคู่ไปกับการเรียนที่อยู่ในระดับดีระดับหนึ่ง แต่พอหนูสอบเข้ามัธยมปลายโรงเรียนหนึ่งในเมืองที่ค่อนข้างดังและมีการแข่งขันสูง สังคมเหล่านั้นขัดเกลาหนูให้กลายเป็นคนที่เอาแต่เรียน แข่งขัน จริงจัง และหวังเข้าหมอเท่านั้น ถ้าอยู่สายวิทย์ แล้วติดคณะอื่น ถือว่ากระจอก หนูต้องทนทุกความกดดันที่หนูไม่เคยเจอและเพิ่งเจอ หนูเคยคิดว่าหนูจะปรับตัวได้ แต่จริงๆคือไม่ใช่ หนูสับสนตัวเองอยู่ตลอดเวลา หนูถามตัวเองมาตลอด "เสียงหัวใจหนูมันบอกให้เลือกสิ่งที่หนูชอบนะ แต่สังคมที่หนูอยู่บึนปากใส่ในสิ่งที่หนูอยากเลือก" หนูคุยกับตัวเองบ่อยมาก หนูสงสัยมานานมากแล้วว่า คณะที่เขาว่าเรียนแล้วไม่ค่อยมีงานทำกัน แล้วทำไมถึงมีคนเรียน แล้วพวกเขาจบมาแล้วได้ไปถึงไหน สุดฝันของพวกเขาหรือเปล่า ส่วนน้อยหรือเปล่าที่จะรุ่ง แล้วทำไมถึงรุ่ง หนูถามตัวเองมาตลอดว่า แล้วคณะสูงๆอย่างหมอล่ะ ถ้าหนูไม่ได้ชอบ แม้จะพอทำได้ แต่หนูคงไม่มีความสุขกับมันล่ะ หนูจะยังไปรอดมั้ย หนูจะรุ่งมั้ย ไม่มีใครให้คำตอบหนูได้ จนหนูได้มาเจอบทสัมภาษณ์ของคุณย้ง ซึ่งเป็นคำตอบในการเลือกอนาคตหนูได้จริงๆ ขอบคุณนะคะ แม้เด็กดีจะไม่มีกิจกรรมเกมส์ดีดีนี้มาให้เล่น หนูก็อยากจะขอบคุณผู้กำกับย้งจากใจจริง รอหนูนะ จะเป็นเหมือนคุณผู้กำกับให้ได้ นิเทศน์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ;) รักเลย fern.timemachine@gmail.com
0
กำลังโหลด
Fa Pattrawan Member 30 ก.ย. 57 21:05 น. 17

 เลือกสิ่งที่ชอบแต่ไม่ทำเงิน VS เลือกสิ่งที่ไม่ชอบแต่ทำเงินได้

พ่อแม่เป็นข้าราชการ ญาติสนิทส่วนใหญ่ก็ข้าราชการค่ะ (ครู ทหาร) ที่บ้านเลยอยากให้เป็นครู เป็นข้าราชการ อยากให้เรียนต่อโท เพราะงานมั่นคง สวัสดิการดี เรียนสูงๆ ไว้ บั้นปลายจะได้ไม่ลำบาก... เหตุผลต่างๆ เหล่านี้ เราล้วนเข้าใจค่ะ พ่อแม่จะได้สบายใจ ไม่เป็นห่วง ลูกจะได้ไม่ลำบาก... แต่เราไม่ได้อยากเป็นครู สิ่งที่เราชอบ คือ งานด้านสื่อสารมวลชน จากที่ไม่เคย พอได้มีประสบการณ์การทำงานแล้ว ยังไงมันก็คือเรา เรามีความสุขกับมัน แม้สวัสดิการอาจไม่ดีมากมาย งานอาจไม่มั่นคง แต่ทุกครั้งที่เราเหนื่อยกับมัน เรารู้สึกมีความสุขและภาคภูมิใจกับงานที่ออกมา... พ่อแม่ก็แอบภูมิใจแหละที่เห็นผลงานของลูก แต่ลึกๆ เขาก็ยังห่วง ย้ำสิ่งที่เราอยากให้เราเป็น อยากให้เราทำบ้างอยู่เนืองๆ... ก็แอบกดดันนะ ไม่ใช่ไม่อยากจะทำให้ แต่รู้ว่าทำแล้วอาจไม่มีความสุขหรือเสียเวลาไปกับเป้าหมายที่เบี่ยงเบนไป...

ดังนั้น สิ่งที่เราจะทำให้เราและพ่อแม่มีความสุขได้ ก็คือ "พิสูจน์" ว่าสิ่งที่เราเลือก สิ่งที่เราชอบ แม้ลึกๆ เขาจะไม่เห็นด้วย แต่เราสามารถแปลงมันเป็นเงิน แปลงมันเป็นสวัสดิการที่ดีได้

... ต้อง "พิสูจน์" ให้เขาเห็น

fa_pattrawan@hotmail.com 

0
กำลังโหลด
bright 30 ก.ย. 57 21:27 น. 18
ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จ ไปสู่ความสำเร็จ เหตุผลที่จะนำไปปรับใจกับตนเอง ปัจจุบันหนูกำลังศึกษาอยู่ชั้นม.6แล้ว ซึ่งเป็น่วงที่สำคัญมากๆๆในการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา หนูก็ค้นหาตัวเองมาตลอด ว่าชอบอะไร สามารถทำอะไรได้ดี ก็ค้นหาตัวเองมานาน ก็ค้นพบว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบวาดภาพมาตั้งแต่เด็กๆๆ และชอบมาตลอด และชอบออกแบบต่างๆๆ เมื่อผ่านสถานที่ต่างๆๆๆก็เห็นตึก อาคาร บ้านเรือนต่างๆสวยงาม อยากจะรู้อยากจะศึกษาว่าเค้าทำไง จึงก็สืบหาข้อมูลต่างๆๆ ว่าเมื่อมีความชอบด้านนี้แล้ว ควรจะเรียนคณะใด ศึกษาว่าคณะนี้เค้านี้อย่างไร หนักมากไหม เราจะเรียนได้ไหม เป็นสื่งที่เราชอบจริงๆหรือเปล่า เมื่อเราเข้าไปเรียนแล้วเราจะชอบและมีความสุขไหม ก็ค้นหาตัวเองมาตลอด จนสุดท้ายได้ค้นพบว่า คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คือคณะที่ต้องการจะศึกษาและคิดว่าเหมาะกับตนเอง เมื่อน้องมีเป้าหมายแล้วน้องก็ตั้งใจ พยายาม ทุ่มเท และจะทำมันให้ดีที่สุดคะ
0
กำลังโหลด
badgirl Never Die Member 30 ก.ย. 57 21:43 น. 19

ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จไปสู่ความสำเร็จ

       หนูมีความเชื่อว่าทุกคนมีเส้นทางเป็นของตัวเองต่อให้เราเลียนแบบใครสักคนนึงแบบเค้าทุกอย่างแต่ผลลัพธ์ที่ได้ต้องไม่เท่ากันแน่นอน ปลายทางของทุกคนแตกต่างกันเพราะทุกคนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ถ้ามัวแต่ทำตามคนอื่นเราก็จะไม่รู้เส้นทางที่แท้จริงของตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร หนูก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น คอยแต่คิดจะทำตามคนอื่นเห็นเค้าเก่งก็อยากเก่งบ้างพยายามที่จะทำตามเค้าทั้งที่บางทีก็ไม่ชอบจนวันหนึ่งก็เริ่มคิดได้ เริ่มเปลี่ยนทิศทางไปเริ่มใหม่ บางอย่างก็ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองพยายามหาวิธีที่คิดว่าตัวเองทำแล้วได้ดีมากที่สุดมาใช้ อย่างเวลาสอบเนี่ยคนอื่นอ่านแล้วต้องเขียนสรุป ต้องวาดแผนผังความคิด ถึงจะจำได้ หนูก็เคยลองแต่ก็ยังจำไม่ได้พยามหาวิธีต่างๆสรุปคือแค่อาจทบทวนให้ละเอียดๆไม่กี่รอบก็จำได้แล้ว เพราะตัวเองไม่ชอบเขียนแต่ชอบที่จะอ่านมากกว่า 5555 สรุปสั้นคือสูตรใครก็ไม่ให้ผลได้ดีเท่าสูตรที่เราค้นเจอเองหรอก

ปล.ชอบมุมมองพี่ย้งมากกกกกกกก มองว่าพี่เค้ามีมุมมองที่เหมือนจะเห็นจุดเล็กๆหรืออาจจะไม่เล็กแต่ไม่มีใครให้ความสนใจแต่พี่เค้ากลับสนใจและดึงมันออกมาใช้ได้

minorzit@gmail.com

0
กำลังโหลด
bright_mfc Member 30 ก.ย. 57 21:47 น. 20

ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จ ไปสู่ความสำเร็จ

เหตุผลที่จะนำมาปรับใช้กับตนเอง ปัจจุบันหนูกำลังศึกษาอยู่ชั้นม.6แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญมากในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา หนูก็ค้นหาตัวเองมาตลอด ว่าตัวเองชอบอะไร สามารถทำอะไรได้ดี ก็ค้นหาตัวเองมานาน ค้นพบตัวเองว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบวาดภาพมาตั้งแต่เด็กๆ และชอบมาตลอด เวลาว่างก็จะวาดภาพเล่น และชอบออกแบบต่างๆ เมื่อผ่านสถานที่ต่างๆ ก็เห็นตึก อาคาร บ้านเรือนต่างๆสวยงาม อยากรูอยากจะศึกษาว่าเค้าทำยังไง ก็สืบหาข้อมูลต่างๆ ว่าเมื่อมีความชอบด้านนี้แล้ว ควรจะเรียนคณะใด ศึกษาว่าคณะนี้เค้าเรียนอย่างไร หนักมากไหม เราจะเรียนได้หรือเปล่า เป็นสิ่งที่เราชอบจริงๆหรือเปล่า เมื่อเราเข้าเรียนแล้วเราจะชอบและมีความสุขไหม ก็ใช้เวลาในการค้นตนเอง จนสุดท้ายได้ค้นพบว่า คณะสถปัตยกรรมศาสตร์ คือ คณะที่ต้องการจะศึกษาต่อและคิดว่าเหมาะกับตนเอง เมื่อน้องมีเป้าหมายแล้ว น้องก็จะตั้งใจ มุ่งมั่น ทุ่มเทกับเป้าหมายของตนเอง และจะพยายามทำมันให้ดีมี่สุด

bright_yaowaret@hotmail.com

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด