1. ขอไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนตอนปิดเทอม แต่พ่อกับแม่ไม่ให้ไป
ปัญหานี้เบสิคมากกกกกก เพราะตอนพี่เตยอยู่ม.ปลาย แล้วขอไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน คุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่ให้ไปเหมือนกันค่ะ 55555 ตอนนั้นพี่เตยก็ขำไม่ออกหรอก โกรธคุณพ่อคุณแม่หัวฟัดหัวเหวี่ยงเลย เพราะเพื่อนคนอื่นได้ไปกันหมด เหลือแต่เราคนเดียวที่ไม่ได้ไป แต่ตอนนั้นคุณพ่อกับคุณแม่ก็ยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียวเหมือนกันว่ายังไงก็ไม่ให้ไปเด็ดขาดเหมือนกัน แล้วพี่เตยทำยังไงล่ะคะ??
วิธีรับมือกับสถานการณ์
อย่างแรกเลยค่ะว่าต้องทำใจว่ายังไงก็ไม่ได้ไปอยู่แล้ว หลายคนน่าจะรู้นิสัยของคุณพ่อคุณแม่ตัวเองเป็นอย่างดีว่าท่านใจอ่อนมั้ย ถ้าท่านมีโอกาสที่จะเปลี่ยนใจทีหลัง อาจหาช่วงเวลาเหมาะๆ เข้าไปคุยกับท่านอีกซักรอบ อาจได้ผล ท่านอาจจะเปลี่ยนใจค่ะ แต่ถ้าเรารู้ว่านิสัยของคุณพ่อและคุณแม่นั้นพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆ ทางเดียวที่ต้องทำคือทำใจและยอมรับค่ะ และอย่าลืมไปบอกเพื่อนด้วยว่า นัดกันเลย ไม่ต้องห่วงทางนี้ T_
ทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ถึงทำแบบนี้
หลายคนอาจตั้งคำถามว่าทำไม ทำไม และทำไม คุณพ่อคุณแม่ถึงไม่ยอมให้ไปเที่ยวทะเล ทั้งๆที่เพื่อนคนอื่นๆ ก็ได้ไปเที่ยวกันทุกคน คำตอบก็คือคุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงเราไงคะ ท่านกลัวว่าเราจะดูแลตัวเองได้ไม่ดีพอ กลัวว่าอันตรายต่างๆ จะเกิดขึ้นกับเรา พี่เตยอยากบอกสาวๆ ว่าอย่าไปโกรธคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ ท่านหวังดีและเป็นห่วงเรามากๆ ท่านถึงไม่ยอมให้เราไปเที่ยวไกลหูไกลตาจากท่านไงคะ
แนวทางในการต่อรองกับคุณพ่อคุณแม่ครั้งต่อไป
สาวๆ อาจทำข้อตกลงกับคุณพ่อคุณแม่ เช่น อายุเท่าไหร่ถึงจะได้ไป เพราะตอนพี่เตยอยู่ม.ปลาย คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ให้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ แต่พอพี่เตยเรียนมหาวิทยาลัย ลองขอคุณพ่อคุณแม่ใหม่ ท่านก็ให้พี่เตยไปเที่ยวกับเพื่อนได้แบบง่ายๆ เลยค่ะ นอกจากเรื่องของอายุที่มากขึ้นที่จะเป็นปัจจัยในการอนุมัติของคุณพ่อคุณแม่แล้ว พี่เตยยังเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ยังให้ความสำคัญกับเรื่องการมีวุฒิภาวะของเรา ว่าเราสามารถดูแลตัวเองได้ดีมากพอรึยัง การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ รวมถึงพฤติกรรมทั่วไปของเราด้วยค่ะ พี่เตยเชื่อว่าถ้าสาวๆ ทำตัวเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ทำให้ท่านไว้ใจ และไม่มีพฤติกรรมออกนอกลู่นอกทาง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คุณพ่อคุณแม่ก็จะอนุญาตให้เราไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ได้เองค่ะ ไม่ต้องห่วง ;)
อีกวิธีหนึ่งคืออาจชวนคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวกับเราด้วยซะเลย ให้คุณพ่อคุณแม่ขับรถพาเราไปเจอเพื่อนๆ ให้เราเที่ยวกับเพื่อนๆ จนหนำใจ ตอนกลางคืนก็ให้คุณพ่อมารับกลับไปนอนโรงแรมเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ แบบนี้ก็เข้าท่าเหมือนกัน ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน แถมได้ไปเที่ยวกับที่บ้านด้วย
2. โดนคุณพ่อคุณแม่บังคับให้เรียนพิเศษในวิชาที่ไม่ชอบ
วิธีการรับมือกับสถานการณ์
พี่เตยแนะนำว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ที่คุณพ่อคุณแม่บังคับให้เราเรียนพิเศษในวิชาที่เราเกลียดสุดๆ พี่เตยบอกเลยว่าห้ามโดดเรียนและห้ามทำตัวเหลวไหลเพื่อประชดคุณพ่อคุณแม่เด็ดขาด! เพราะยิ่งเราทำตัวต่อต้าน คุณพ่อคุณแม่จะยิ่งเข้มงวดกับเรามากขึ้น แถมเราจะยังโดนตีกรอบให้แคบลงเรื่อยๆ ความเป็นอิสระก็จะน้อยตามไปด้วยค่ะ นอกจากนี้จะทำให้คุณพ่อคุณแม่หมดความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเรา ท่านจะคอยจับตาดูพฤติกรรมของเราตลอด บอกเลยว่าจะขยับตัวทำอะไรก็ยากค่ะ (ถ้าขอไปเที่ยวทะเล บอกเลยว่าอดแน่ๆ) สิ่งที่สาวๆ ควรทำคือต้องตั้งใจเรียน เข้าเรียนตามคอร์สอย่างสม่ำเสมอ คุณพ่อกับคุณแม่ก็จะไม่เข้มงวดกับเราและให้อิสระเรามากขึ้นด้วยค่ะ
ทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ถึงทำแบบนี้
เมื่อเราโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ มักจะมีคำถามแบบนี้เกิดขึ้นในหัวของเราเสมอ ทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงทำแบบนี้ TT คำตอบก็คือคุณพ่อคุณแม่อยากให้เราได้เรียนเพิ่มเติมไงคะ ยิ่งหลายคนที่บอกว่าอ่อนเลข แต่คุณแม่ดันให้เรียนเสริมวิชาเลขทั้งๆ ที่ไม่ชอบ นั่นก็เป็นเพราะว่าเราไม่ถนัดวิชานี้ไง! เราเลยต้องลงเรียนเพิ่มเพื่อช่วยเพิ่มความรู้นั่นเอง ถ้าลงเรียนไปแล้ว จ่ายเงินไปแล้ว และไม่สามารถหลบหนีวิชาที่ไม่ชอบได้จริงๆ พี่เตยแนะนำว่าให้ลองตั้งใจเรียนดูซักตั้ง เกรดวิชานี้ในเทอมต่อไปอาจจะดีขึ้นก็ได้นะใครจะไปรู้
แนวทางในการต่อรองกับคุณพ่อคุณแม่ครั้งต่อไป
ลองหาเวลาเหมาะๆ จับเข้าคุยกับคุณพ่อคุณแม่ดูว่าเราไม่อยากเรียนวิชานี้เลย พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบว่าอะไรทำให้เราไม่อยากกวดวิชา เช่น รู้สึกว่าเรียนเลขแล้วไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่ ขอไปลงเรียนภาษาอังกฤษแทนดีกว่าเพราะเป็นวิชาที่เราถนัดและทำคะแนนได้ดี หรืออาจลองต่อรองกับคุณแม่คุณแม่ดูว่าจะเรียนให้จบคอร์สนี้คอร์สเดียว ถ้าจะลงเรียนพิเศษคราวหน้า ขอเป็นคนเลือกวิชาที่จะเรียนเองนะ เชื่อพี่เตยเถอะค่ะ ว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องรับฟังเราอยู่แล้วค่ะ
3. โดนพ่อแม่ดุ เพราะมีแฟน
ปัญหานี้วัยรุ่นเซ็งจริงๆ แถมปัญหานี้ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่สาวๆ โดนกันแทบทุกคน กลายเป็นว่าเราไม่สามารถเล่าหรือระบายปัญหาความรักให้คุณพ่อคุณแม่ฟังได้เลย จนต้องปรึกษาเพื่อนสนิทแทน TT แถมพอคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าเราแอบชอบรุ่นพี่ หรือเมื่อรู้ว่าเรากำลังจะมีแฟน เรากลับโดนดุซะงั้น ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเราไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลยซะหน่อย แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงดีล่ะ…
วิธีการรับมือกับสถานการณ์
ถ้าโดนคุณพ่อคุณแม่ดุเรื่องมีแฟน พี่เตยแนะนำว่าให้เงียบและฟังท่านบ่นไปก่อนค่ะ ลองฟังเหตุผลของคุณพ่อคุณแม่ดูว่าทำไมถึงไม่อยากให้เรามีแฟนตอนนี้ ลองทำข้อตกลงกับคุณพ่อคุณแม่ดูว่าถ้าคบกันจะต้องช่วยกันเรียนหนังสือ ช่วยกันติว ช่วยกันทำการบ้าน และที่สำคัญต้องคบกันแบบอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ และต้องพาหนุ่มคนนั้นมาแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักด้วยค่ะ พี่เตยว่าแค่นี้คุณพ่อคุณแม่ก็น่าจะสบายใจขึ้นแล้วน้า
ทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ถึงทำแบบนี้
เชื่อพี่เตยเถอะว่าที่ท่านบ่นๆ เรา ท่านไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเรา ท่านทำแบบนี้เพราะท่านเป็นห่วงเราจริงๆ ค่ะ เพราะเรายังอยู่ในวัยเรียน ตัวอย่างที่ผิดพลาดมีให้เห็นมากมาย ที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่อยากให้เราโฟกัสที่เรื่องเรียนเป็นสำคัญ ท่านจึงคอยห้ามไม่ให้เรามีแฟนนั่นเองค่ะ บางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจไม่ได้ถึงขั้นดุหรือห้าม แต่ท่านอาจพูดในทำนองว่าอย่าเพิ่งมีแฟนเลย เรียนให้จบก่อน นั่นก็เป็นเพราะว่าท่านอยากให้เราให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนหนังสือที่สุดค่ะ พอเรียนจบ ทำงาน ถึงตอนนั้นถ้าเราจะมีแฟน ท่านก็สนับสนุนเต็มที่ค่ะ เชื่อพี่เตยนะ ^^
แนวทางในการต่อรองกับคุณพ่อคุณแม่ครั้งต่อไป
ลองหาเวลาพาหนุ่มคนนั้นมาทานข้าวเย็นกับคุณพ่อคุณแม่ซักมื้อ พาหนุ่มคนนั้นมาแนะนำตัวกับที่บ้านของเรา อย่างน้อยก็ทำให้ท่านเห็นว่าเรากับแฟนบริสุทธิ์ใจที่จะคบกัน อย่าลืมทำข้อตกลงกับคุณพ่อคุณแม่ด้วยว่าเวลาจะไปเที่ยวที่ไหนจะบอกทุกครั้ง จะโทรรายงานตลอดว่าถึงไหนแล้ว ที่สำคัญต้องกำหนดเวลากลับบ้าน เช่น ไม่กลับบ้านเกิน 1 ทุ่ม หรือวันนี้อาจจะกลับช้าหน่อยเพราะไปดูหนัง แต่จะกลับไม่เกิน 3 ทุ่มแน่นอน อะไรก็ว่ากันไป พี่เตยว่าถ้าเป็นแบบนี้คุณพ่อคุณแม่น่าจะเข้าใจมากขึ้นค่ะ ยิ่งถ้าผลการเรียนของเราดีขึ้น รวมถึงเรามีพฤติกรรมที่ดี ไม่ออกนอกลู่นอกทาง คบกันอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ตลอด เชื่อพี่เตยเถอะค่ะ ว่ายังไงคุณพ่อคุณแม่ต้องยอมเปิดใจแน่นอนค่ะ
ไม่ว่าสาวๆ จะมีปัญหาทะเลาะหรือไม่เข้าใจกับคุณพ่อคุณแม่ด้วยเรื่องใหญ่แค่ไหน พี่เตยอยากบอกว่าเดี๋ยวเรื่องต่างๆ ก็จะดีขึ้นเอง ใครที่ทะเลาะหรืองอนคุณพ่อคุณแม่อยู่ พี่เตยอยากให้ลองพูดคุยกันดีๆ ค่อยๆ ทำความเข้าใจกันค่ะ ค่ะ เพราะคุณพ่อคุณแม่คือสองคนสุดท้ายในโลกที่พร้อมจะให้อภัยเราเสมอไม่ว่าเราจะทำผิดมากขนาดไหนก็ตาม และท่านยังเป็นสองคนสุดท้ายบนโลกที่พร้อมจะอยู่ข้างเราตลอด ตอนนี้สาวๆ ยังเด็กอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อเราโตขึ้นไป เราจะเข้าใจมากขึ้นเองค่ะ ส่วนสาวๆ คนไหนมีปัญหาประเด็นไหนกับคุณพ่อคุณแม่บ้าง อย่าลืมมาคอมเม้นเล่าให้พี่เตยกับเพื่อนๆ ฟังกันด้วยนะคะ วันนี้พี่เตยกับคอลัมน์ Girl Advice ต้องไปก่อนแล้วจ้า เจอกันใหม่ครั้งหน้าแบบนี้เหมือนเดิมนะคะ บ๊ายบาย
20 ความคิดเห็น
เจอมาหมดแล้ว
อื้อหือ...#จด
โดนแค่บังคับเรียนวิชาที่ไม่ชอบ ข้อแรกไม่เคยขอเพราะอ้างเพื่อนก่อนเลยว่าแม่ไม่ให้ไป ข้อสามนี่ไม่อยู่ใกล้ตัวเลยเพราะไม่สนเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
ผมถูกแม่ด่าอยู่ ด่าไรรู้ไหม สมองหมาปัณญาควาย ทำตัวไฮโซ เรียน รร หรู ๆเรียนไปไม่รู้ได้ไร หาว่าเราเรียนไม่เก่งสะงั้น ดูถูกเรามาก ทั้งๆเกรดก็ไม่ถึงกับแย่ 2 กว่าๆ พ่อแม่คนอื่นไม่เห็นเขาว่าไรเลย เฮ้อสู้ๆ พยายามแล้ววนะ
ไม่เคยเจอปัญหาพวกนี้น่ะ จริงๆน่ะ
1.ขอไปเที่ยว เพื่อนชวนไปเที่ยว คิดจะขออยู่ แต่ที่บ้านไม่ได้ฐานะดีเท่าไหร่เลยไม่ค่อยคิดที่จะไปเที่ยวอะไรแบบนี้ เพื่อนชวนนี้ปฏิเสธแทบทุกอย่าง
2.โดนบังคับเรียนพิเศษ ไม่เคยโดนบังคับเรียนเพราะ เหตุผลตามข้อแรก สนใจอะไรเราก็ดูในอินเตอร์เน็ตเอา ประมาณว่าเรียนด้วยตัวเองมากกว่า เข้าใจมั้งไม่เข้าใมั้ง
3.มีแฟน ข้อนี้ขอตอบเลยว่า ไม่มีแฟน จนทุกวันนี้ก็ไม่มี พ่อแม่ก็เลยไม่ค่อยห่วงเรื่องนี้เท่าไหร่ เป็นจำพวกโลกส่วนตัวสูงด้วยแหละ สูงจนเพื่อนเคยถามว่า -ึงก็ไม่ได้ขี้เหร่น่ะ ทำไมไม่มีแฟนหว่ะ เราก็ตอบเลยว่าไม่รู้ดิ้ แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็มีความสุขดีน่ะ 555555
เห็นหัวข้อกระทู้บอกว่า รวม 3 ปัญหายอดฮิต พ่อแม่ไม่เข้าใจไม่วัยรุ่น เลยเข้ามาตอบซักหน่อย เราว่าปัญหาวัยรุ่นแต่ล่ะคนไม่เหมือนกันอยู่ที่พ่อแม่และครอบครัวนั้นๆด้วย
ไม่เคยเจอปัญหาอะไรแบบนี้เลยค่ะ
เพราะที่บ้านค่อนข้างเข้าใจ เรามีอะไรก็คุยกับพ่อกับแม่ได้ทุกเรื่อง
เพื่อนชวนไปเที่ยว เขาก็ห่วงบ้างตามประสาพ่อแม่
แต่ส่วนใหญ่ก็จะอนุญาตทุกทริป แต่แบบ...ที่บ้านขอไปรับไปส่งเอง
เรื่องเรียนพิเศษก็ไม่เคยโดน พ่อกับแม่ไม่เคยบังคับว่าต้องเรียนอะไร
อาจจะมีชี้แนะบ้าง ว่าคณะนั้นดี คณะนี้หางานง่าย
แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้เราเป็นคนเลือกเอง
จะมีซีเรียสบ้างก็เรื่องเกรด พ่อกับแม่ชอบพูดว่าเมื่อมีโอกาสเรียนแล้ว ก็ควรตั้งใจเรียน
และเกรดก็เป็นเครื่องสะท้อนความตั้งใจของเราได้ดี
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้เรากดดันมาก
ส่วนเรื่องแฟน เราเป็นคนที่ไม่มีแฟน เลยไม่เคยโดนดุในเรื่องนี้
แต่ก็เราคุยกับพ่อกับแม่เราได้ ว่าเราชอบคนนั้น ปลื้มคนนี้ และท่านก็ไม่เคยว่า
เราว่าเราโชคดีนะ ที่มีครอบครัวที่เข้าใจเรา
รู้สึกเลยว่าตัวเองไม่ค่อยเป็นภาระของเพื่อน เวลามีปัญหาอะไรเรามักจะนึกถึงพ่อกับแม่เป็นคนแรก
เวลาเหนื่อยและอยากพัก บ้านคือที่ ๆ ปลอดภัยที่สุด
แต่น่าเสียดายที่อีกหลาย ๆ คน คำว่าบ้าน กลายเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยอยากอยู่สักเท่าไร
เราไม่เจอเลยค่ะ
เจอปันหาเรื่องมีเเฟนคะ คิดไม่ออกเลย
เราไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องพวกนี้กับทางบ้านนะ เพราะส่วนใหญ่พ่อแม่เราจะสอนให้รู้จักให้คิดเเละมีหลักการกับการใช้ชีวิตค่อนข้างสูง ถ้าขอเรื่องพวกนี้คำตอบของพ่อแม่เราก็จะตอบว่า
ข้อที่ 1 เรื่องไปเที่ยว เเม่จะบอกว่า "ถ้าโตขึ้นไป ตัวเองมีลูกจะปล่อยให้เขาไปมั้ยล่ะ ? "
ข้อที่ 2 เรื่องเรียนพิเศษ แม่ไม่บังคับอยุเเล้ว เเล้วเเต่เราจะชอบ
ข้อที่ 3 เรื่องแฟน แม่จะพูดเเละตั้งคำถามประมานว่า "ดูแลชีวิตตัวเองได้ยัง ถ้าคิดอยากจะดูแลชีวิตคนอื่น ถึงวัยที่ควรมีรึยัง ดูแลพ่อแม่ตัวเองรึยัง ใช้ชีวิตเป็นเเล้วหรอ พร้อมที่จะสร้างครอบครัวเเล้วหรอ ทำมาหากินเป็นรึยัง ยังเเบมือขอเงินพ่อแม่อยุใช่มั้ย ? "
ลองคิดถามคำถามที่ท่านถามมาแล้วชีวิตมันไม่ได้ง่ายเหมือนในการ์ตูนที่เราดูกันเลย ตื่นมาวันๆไม่ต้องทำอะไร มีให้กิน ให้อยู่ ไม่ต้องใช้เงิน ทุกวันนี้ประคองตัวอยุได้เพราะคำสอนของพ่อแม่ทั้งนั้นนนนนนน
ปัญหาติ่งเกาหลี T^T แม่ชอบบอกว่าไร้สาระ