ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ “ยาแต้มสิว”
ไม่ใช่แค่สาวๆ วัยรุ่นเท่านั้นที่ต้องเจอกับปัญหาสิว พี่เตยเองก็ยังมีปัญหาสิวคอยกวนใจอยู่ค่ะ พอสิวขึ้นทีนึง วิธีที่ทำให้สิวยุบได้เร็วที่สุดคือการเอายาแต้มสิวโปะบริเวณหัวสิวซะเลย วันแรกๆ สิวก็ยุบลงค่ะ แต่พอวันต่อๆ ไป ผิวบริเวณรอบๆ สิวจะแห้งและลอกเป็นขุย ต้องรออีกหลายวันเลยกว่าผิวจะกลับมาเหมือนเดิม พี่เตยเลยไม่ค่อยชอบใช้ยาแต้มสิวเท่าไหร่ ถ้าสิวขึ้นส่วนใหญ่พี่เตยจะรอให้สิวยุบเอง นานหน่อยแต่ผิวก็ไม่แห้ง ไม่ลอกแน่นอน พี่เตยเลยลองไปหาข้อมูลเกี่ยวกับยาแต้มสิวดู ทำให้รู้ว่ายาแต้มสิวที่ดีต้องมีส่วนประกอบของอะไรบ้าง ลองมาดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ
ยาแต้มสิวที่ดีควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ?
- หยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว
- ลดการอักเสบของสิว
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวเพื่อช่วยลดการอุดตันในรูขุมขุน
- ลดการผลิตน้ำมันใต้ชั้นผิวหนัง
- บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวบริเวณที่ทายาแต้มสิวนั้นแห้ง
และลอกเป็นขุย
- ตัวยาต้องไม่รุนแรงจนทำให้เกิดอาการแสบและคันที่ผิว
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ “ยาแต้มสิว”
ช่วงที่พี่เตยเป็นสิวหนักๆ พี่เตยจะทายาแต้มสิวเยอะมากเลยค่ะ ยิ่งตอนก่อนนอน พี่เตยจะทายาแต้มสิวแบบหนาๆ พอกไว้ตรงบริเวณหัวสิว เพราะคิดว่าตื่นเช้ามาสิวจะยุบแน่นอน แต่พอตื่น ขึ้นมาสิ่งที่ได้คือผิวบริเวณหัวสิวแห้งมาก แถมยังลอกเป็นขุยๆ ด้วยค่ะ ถึงสิวจะยุบลงแต่ก็ไม่คุ้มกับที่ผิวแห้งและลอกเลย TT พี่เตยเพิ่งรู้เนี่ยแหละว่าการทายาแต้มสิวแล้วผิวแห้งจนลอกเป็นขุยๆ นั้นไม่ใช่เรื่องปกติ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นความเชื่อผิดๆ จากการใช้ยาแต้มสิวด้วยค่ะ ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
- ใช้แล้วผิวแห้ง ลอกเป็นขุย
หลายคนอาจคิดว่าหลังจากใช้ยาแต้มสิวแล้วผิวจะต้องแห้ง และลอกเป็นขุยเพราะยาแต้มสิวช่วยลอกหัวสิวออกไป! ความเชื่อนี้ผิดถนัดเลยค่ะ! เพราะจริงๆ แล้วการที่ผิวบริเวณหัวสิวลอกเป็นขุยๆ นั้นเป็นเพราะว่ายาแต้มสิวตัวที่ใช้อยู่มีการใส่กรดซาลิไซลิกในปริมาณที่มากเกินไปจนเกิดการกัดผิวหนังที่บอบบางของเราจนแห้งและลอกออกมาเป็นขุยๆ ค่ะ
- ใช้แล้วแสบ
มีสาวๆ อีกหลายคนที่ชื่นชอบอาการแสบยิบๆ บริเวณผิวหนังเมื่อแต้มยาแต้มสิวลงไป เพราะเชื่อว่าเป็นอาการที่บ่งบอกว่ายาแต้มสิวกำลังออกฤทธิ์กัดสิวและทำลายเชื้อโรคบริเวณหัวสิวอยู่ ความเชื่อนี้ผิดสุดๆ เลยค่ะ เพราะการที่เรารู้สึกแสบที่ผิวหนังหลังจากทายาแต้มสิวแล้ว แปลว่ายาแต้มสิวตัวนั้นมีการใส่สารซาลิไซลิก หรือส่วนผสมที่เป็นกรดที่ช่วยผลัดหรือลอกผิวหนังในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น จนเจ้าสารเหล่านี้ออกฤทธิ์กัดที่ผิวของเราจนเรารู้สึกแสบนั่นเองค่ะ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นอกจากผิวหนังจะลอกแล้ว อาจทำให้เกิดการไหม้จนกลายเป็นแผลเป็นได้ด้วยค่ะ
- ใช้ปุ๊บ สิวยุบปั๊บ
ตอนเด็กๆ พี่เตยก็มีความเชื่อว่าหลังจากที่เราทายาแต้มสิวปุ้บ สิวที่กำลังบวมหรืออักเสบอยู่จะต้องยุบลงทันที ความเชื่อนี้ก็ผิดค่ะ! เพราะยาแต้มสิวจะค่อยๆ ออกฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวค่อยๆ ยุบลง กระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 2-3 วันหรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ
- ใช้แล้วไม่หาย
มีเพื่อนพี่เตยคนนึงไม่ยอมทายาแต้มสิว โดยเขาได้ให้เหตุผลกับพี่เตยว่ายาแต้มสิวไม่ช่วยอะไรหรอก พี่เตยอยากบอกว่าข้อนี้ไม่จริงเลยค่ะ! เพราะไม่ใช่ยาแต้มสิวทุกตัวที่ไม่ช่วยรักษาสิว แต่ยาแต้มสิวบางตัวสามารถช่วยให้สิวยุบได้ โดยต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบ ของสิว รวมถึงช่วยลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียบริเวณ ชั้นผิว และช่วยลดความมันซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นการใช้ยาแต้มสิวนั้นมีส่วนช่วยให้สิวยุบลง เร็วขึ้นจริงๆ ค่ะ
- ใช้แล้วสิวจะไม่ขึ้นอีก
ข้อนี้พี่เตยเชื่อว่าต้องมีสาวๆ หลายคนแอบเข้าใจผิดคิดว่า ถ้าใช้ยาแต้มสิวแล้ว สิวจะไม่ขึ้นที่บริเวณนั้นอีก พี่เตยอยาก บอกว่าความเชื่อนี้ก็ไม่เป็นความจริงเลยค่ะ เพราะการเกิดสิวนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งเรื่องของการรักษาความสะอาด ความมันของผิว ฮอร์โมน และเชื้อแบคทีเรียที่อยู่บริเวณนั้น การใช้ยาแต้มสิวนั้นช่วยเรื่องของการรักษาและบรรเทาอาการสิวให้ดีขึ้น ช่วยลดการอักเสบของสิว และช่วยให้สิวยุบลง แต่ถ้าดูแลผิวไม่ดีก็มีสิทธิ์กลับมาเป็นสิวได้อีกค่ะ
ยาแต้มสิวหลายๆ ยี่ห้ออาจมีคุณสมบัติไม่แตกต่างกันคือช่วยทำให้สิวยุบลง อักเสบน้อยลง แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่ายาแต้มสิวที่เรากำลังใช้นั้นจะไม่ทำร้ายผิวของเรา ไม่ทำให้ผิวของเราแห้งและลอกเป็นขุย หรือจะไม่ทำให้เราเกิดอาการแสบคันระหว่างใช้ วันนี้พี่เตยมียาแต้มสิวคุณภาพดีมาแนะนำค่ะ TOMEI Anti – Acne Cream ครีมแต้มสิวที่มีคุณสมบัติช่วยรักษาสิวและดูแลผิวแบบ 7 ประการในหลอดเดียว คือ
1.ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของ
การเกิดสิว
2.ช่วยลดอาการอักเสบ บวม แดงของสิว
3.ช่วยลดการอุดตันของผิวหนัง
4.ช่วยลดความมันของผิว
5.ช่วยลดรอยแผลเป็นแดง/ดำ ที่เกิดจากสิว
6.ช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นเพื่อลดการแห้งลอก
7.ช่วยกระชับรูขุมขน
คุณสมบัตินี้เป็นคุณสมบัติพิเศษของ TOMEI Anti – Acne Cream เท่านั้น นอกจากจะช่วยให้สิวยุบเร็ว ยุบจริงแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น หมดปัญหาผิวแห้งและลอกเป็นขุย ด้วยเนื้อครีมบางเบา ซึมเร็ว ไม่ทำให้แสบผิว ไม่ทำร้ายผิวแน่นอนค่ะ ส่วนวิธีใช้ก็ง่ายๆ เลยค่ะ เพียงแต้มเนื้อครีมลงไปบริเวณที่เป็นสิว วันละ 2 ครั้ง (เช้ากับก่อนนอน) หลังล้างทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว และสามารถทาเพิ่มได้ระหว่างวันโดยไม่ทิ้งคราบไว้บนผิวหน้าแน่นอนค่ะ
การเลือกใช้ยาแต้มสิวเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาสิวมากวนใจ สิ่งสำคัญเลยก็คือสาวๆ ต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดของผิวหน้า เพราะสิ่งสกปรกเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวเลยค่ะ แล้วอย่าลืมไปลองหายาแต้มสิว TOMEI Anti – Acne Cream มาลองใช้ดูนะคะ บอกเลยว่าใช้แล้วสิวยุบแน่นอนค่า
ส่วนวันนี้ “แตงกวา Sistafriend” มี 5 ความเชื่อของยา แต้มสิวมาฝากสาวๆ NUGIRL กันด้วยค่ะ ตามมาดูพร้อมๆ กันเลย
ก่อนจากกันพี่เตยมีเกมสนุกๆ และของรางวัลมาฝากสาวๆ เหมือนเช่นเคย เพียงตอบคำถาม “สาวๆ มีวิธีการเลือกยาแต้มสิว ที่ดีอย่างไร” ตอบมาสั้นๆ ให้พอเข้าใจ พี่เตยจะสุ่มเลือกผู้โชคดี จำนวน 20 คน ลุ้นรับของรางวัล ผลิตภัณฑ์จาก TOMEI ไปเลย! (หมดเขตร่วมสนุกวันที่ 23 มีนาคม 2559 และประกาศผลรางวัลผู้โชคดีในวันที่ 24 มีนาคม 2559)
ส่วนวันนี้พี่เตยกับคอลัมน์ Beauty Story ต้องไปก่อนแล้วน้า เจอกันใหม่ครั้งหน้าแบบนี้เหมือนเดิมค่ะ
69 ความคิดเห็น
เลือกจากสรรพคุณของตัวยา ว่าเหมาะกับเราหรือไม่ แล้วก็ดูอ่านผลข้างเคียงของยาแต่ล่ะตัวดูความเหมาะสมของราคาก่อนการตัดสิ้นใจซื้อ
หนูเลือกแบบ ยาทารักษาสิวชนิดผลัดผิวเซลล์ เป็นยาที่ช่วยลดการอุดตันของสิว ทำให้สิวมีขนาดที่เล็กลงค่ะ พร้อมกับละลายไขมันอุดตัน เป็นยาทาที่อยู่ในกลุ่มวิตามิน A กลุ่ม AHA และ AHB กลุ่ม Azelaic Acid ซึ่งจะมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคด้วย รวมไปถึงยาทารักษาสิวในกลุ่ม Benzoyl ด้วยค่ะ
ที่สำคัญคือ เลือกให้เหมาะกับสภาพผิวค่ะ วิธีเลือกของหนูคือจะพยายามไม่อ่านรีวิวค่าา เพราะสภาพผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ให้ลองเองดีกว่า แต่ต้องทดสอบว่าแพ้ด้วยนะ ที่ท้องแขน หรือหลังหูก็ได้ค่ะ
จะเลือกแบบที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติค่ะ เพราะไม่ไม่รุนแรงต่อผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย อย่างครีมว่านหางจระเข้ที่เซเว่น ใช้แทนครีมแต้มสิวเลยค่ะ ไม่ทิ้งรอยด้วยย
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนกว่า การรักษาสิวนั้น ไม่สามารถรักษาให้หายทันใจได้ภายใน 1 อาทิตย์ การรักษา อาจจะพอเห็นผลดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยภายใน 2-4 สัปดาห์ ซึ่งถ้าได้รับการรักษาเหมาะสมจะดีขึ้นประมาณ 40% และจะดีขึ้นประมาณ 80% ต้องใช้นานเกิน 6 เดือน ดังนั้นอย่าเพิ่งใจร้อน คิดว่า เราใช้ยาแล้วไม่หายซะที ต้องใช้ยากินเท่านั้น ความคิดนี้ผิดนะจ้ะ
ต้องดูส่วนประกอบของตัวยาว่าเราใช้ไปแล้วจะเกิดอาการแพ้ อะไรหรือไม่ อ่านฉลากให้ดีๆ
วิธีเลือกยาแต้มสิวก่อนอื่นเลยต้องดูจากลักษณะสิวและผิวของตัวเองก่อน เลือกยาแต้มสิวที่มีคุณสมบัติรักษาสิวที่เราเป็น เช่นยาแต้มสิวที่ช่วยลดอาการบวมแดงของสิว ช่วยบำรุงผิวหลังใช้ เป็นต้น แต่สิ่งที่เราไม่ค่อยชอบใช้ยาแต้มสิวคือคราบหลังการแต้มสิวค่ะ ต้องเลือกผลิตภัณฑืที่ดีก่อนใช้นะคะ
เลือกที่เหมาะกับผิวหน้า ดูส่วนประกอบของครีม ดูราคา หาซื้อง่าย ไปเป็นอันตรายต่อผิว
เลือกที่สรรพคุณไม่อวดอ้างเกินจริง เลือกอันที่คิดว่าเหมาะกับสภาผิวของเรา ดูส่วนประกอบเเละวิธีใช้ของยาอย่างถี่ถ้วน อาจจะดูรีวิวประกอบการตัดสินใจก็ได้ เเละที่สำคัญราคาต้องไม่เเพงเกินความจำเป็นของเราเน้อออ5555(เพราะยังใช้เงินพ่อเเม่อยู่ 5555)
อ่านส่วนประกอบของยาแต้มสิว ที่เราจะซื้ออย่างถี่ถ้วน ว่าปลอดภัยต่อผิวหน้าของเรา และราคาที่เราสามารถซื้อได้ เห็นผลจริง
-เลือกจากลักษณะของสิวและสภาพผิวบนใบหน้าของเรา โดยปกติแล้วเราจะอ่านส่วนประกอบของยาเเต้มสิวว่ามียาชนิดไหนที่เเพ้รึป่าว หรือไม่ก็ดูจากรีวิวผู้ใช้จริงเเล้วได้ผล และราคาคุ้มค่าเเก่การซื้อมาใช้