เด็กบ้านๆ ธรรมดากับชีวิตน่าอิจฉาที่เบลเยี่ยม!

    

 

     สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D.com คอลัมน์ประสบการณ์เด็กนอกที่ผ่านๆ มา ไม่เคยมีน้องๆ จากประเทศเบลเยียมแวะเวียนมาแชร์เรื่องราวมันกันแม้แต่คนเดียว และแล้ววันหนึ่ง พี่ยีนก็ได้รับอีเมล์จากนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS คนหนึ่ง เธอคนนี้ได้ไปร่ำไปเรียนยังประเทศเบลเยี่ยมถึง 1 ปีเต็ม และเรื่องราวชีวิตที่บอกผ่านอีเมลฉบับนั้น ก็น่าสนใจไม่น้อย งานนี้พี่ยีนจึงรีบนำเอาประสบการณ์มันๆ บินตรงจากเบลเยียม มาฝากแฟนๆ คอลัมน์เรียนต่อนอกกันครับ ว่าแต่ว่า..จะช้ากันอยู่ไย ไปติดตามกันเลยดีกว่าครับ...

 

 

 

 

 

 

 

 

มาย
นักเรียน AFS รุ่นที่ 46
ประเทศเบลเยี่ยม เฟลนเดอร์ค่ะ

 

    เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อเด็กบ้านๆ คนหนึ่ง ไม่ได้เรียนโรงเรียนดังๆ แต่ก็พาตัวเองไปถึงฝั่งฝัน ณ ประเทศที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป

 

    ก่อนไปเบลเยี่ยม มายไม่เคยคาดหวังว่า โฮสต์แฟมิลี่ของเราต้องเป็นแบบโน้นแบบนี้ (เอาจริงๆ ก็คือ กลัวผิดจากที่หวัง) แต่เพราะเราไม่ได้หวัง พอเราเจอของดีเกรด A เราจึงดีใจสุดขีดไปเลย

    สถานที่ตั้งของบ้าน โฮสต์แฟมิลี่  อยู่ที่เมือง Leuven ติดกับเมืองหลวงอย่าง Brussel ค่ะ เป็นเมืองที่อยู่กึ่งกลางของประเทศเล็กๆ แห่งนี้ค่ะ

     อย่างแรกที่เรียกว่า ''ประทับใจ'' ครอบครัวนี้ คือ โฮสต์พ่อ ที่มายเรียกตามคนอื่นหน้าตาเฉยเลยว่า "ปาป๋า"  คนอะไรจะแสนดี เป็นมิตร ดูแลเราเหมือนลูกคนหนึ่งก็ไม่ปาน ปาป๋าทำงานที่ต้องบินไปบินมาระหว่างประเทศเสมอ ส่วนโฮสต์แม่คนสวย "มาม๋า" นั่นเอง ฮั่นแน่! งงใช่ไหมคะ ว่าทำไมชาวยุโรปอย่างคนเบลเยี่ยมเรียกพ่อแม่เหมือนๆ กับภาษาจีน แต่นั่นแหละค่ะ มันเป็นก้าวแรกของการเรียนรู้วัฒนธรรมของมายเลย

     ในครอบครัวนี้ มายยังได้พี่สาวกับน้องสาวเพิ่มมาด้วยค่ะ ที่เมืองไทย มายเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว แต่เผอิญได้โฮสต์แฟลิมี่ที่มีลูกสาวฝาแฝด วู้ว..มันดูดีจัง แต่ในตอนหลัง โฮสต์พี่สาวก็เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศปานามา ในทวีปอเมริกาใต้ค่ะ

     ระหว่างอยู่ที่นั่น มายเรียนสายวิทย์ - มนุษยศาสตร์ค่ะ แบบว่าเน้นสังคม ศาสนา วิทย์ และวัฒนธรรม

     สายนี้มีไว้สำหรับพวกเด็กห่วยคณิตแบบมาย ที่สำคัญมายเรียนกับเด็กปีสุดท้ายของที่นั่น ห้อง 623 (คือ ม.6 ห้อง 23)

     โรงเรียนมายชื่อว่า Helig Hartinstituut ค่ะ เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียนมากจนจะเดินชนกันตายเลยทีเดียวค่ะ

     มาต่อกันด้วยเรื่องของวิชาโปรด (กัดฟัน) กันค่ะ โฮสต์แม่ของมายเป็นคุณครู แต่เธอเป็นคุณครูยิมนาสติก มันแปลกๆ นะคะ เพราะมายไม่ถูกกับกีฬา ถ้าจะให้ว่ากันตรงๆ ล่ะก็ มายเรียนพลศึกษาที่เมืองไทย ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นดาวแย่ประจำห้อง ไม่ว่าจะเล่นอะไรก็แพ้ราบคาบ แต่พอมาถึงเบลเยี่ยม จาก "แย่" ก็กลายเป็น "บรมแย่" ทันที เมื่อต้องเรียนพลศึกษาอย่างบ้าคลั่ง คิดตลอดเลยค่ะว่า เขาจะอึดไปไหนกันหนักหนา

     และแล้ว แจ็คพอตก็มาถึง! เมื่อวันหนึ่ง อาจารย์พละที่มายเรียกว่า มาเฟอร์เราว์ เดอ ออสเตร์ เขาคิดจะให้พวกเราวิ่ง แรกๆ ก็วิ่งเรื่อยๆ และจบด้วยการวิ่งรอบเมืองค่ะ มายเหมือนจะตายเลยค่ะ หนาวก็หนาว ยังให้มาทำอะไรแบบนี้อีก

    หลังจากนั้น พอใกล้จะถึงหน้าหนาว มายและเพื่อนๆ ในห้อง ก็รวมตัวกันไปภาวนาที่โบสถ์ว่า อย่าให้หน้าหนาวนี้ต้องเรียนว่ายน้ำเลย แต่การภาวนา เหมือนจะไม่เป็นผล เพราะทุกๆ คนกลับได้เรียนว่ายน้ำตลอดช่วงฤดูหนาว! (จะไม่ไปขออะไรที่โบสถ์นั้นอีกแล้ว)

    จากที่ได้บอกมาก่อนหน้านี้ว่า มายเป็นนักเรียน AFS แถมเรียน ม.6 ที่นั่นด้วย เราอาจดูแปลกกว่าเด็กทั่วๆ ไป แต่ใครๆ ในห้องเรียน ต่างก็อิจฉามายค่ะ  เพราะอะไรน่ะเหรอคะ จะเล่าให้ฟังค่ะ

     สำหรับเด็ก ม.6 ที่เบลเยี่ยม พวกเราจะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย อย่างแรกคือ เวลาพักเที่ยง เราสามารถออกนอกโรงเรียนได้ และกลับมาให้ทันก่อนเข้าคาบบ่าย เรามี 2 วันที่จะได้กลับบ้านก่อนเด็กชั้นอื่นๆ (อาจมีเฉพาะแค่โรงเรียนนี้นะคะ) แต่ต้องแลกมากับการเลิกช้ากว่าอีก 2 วันเช่นกันค่ะ

     นอกจากนี้ ข้อดีของการเป็นนักเรียน AFS คือ มายมักได้รับการดูแลที่โอเวอร์เสมอ ตอบผิดได้ เพราะภาษาไม่แน่น วาดรูปเล่นได้ เพราะเรียนไม่รู้เรื่อง แต่แหม...ถึงแม้มันจะยากแค่ไหน เราก็ต้องเรียนให้รู้เรื่องในที่สุดล่ะน่า คิดดังนั้น มายจึงจบมาด้วยคะแนนภาษาดัตช์ที่สูงกว่าภาษาอังกฤษถึง 1 เท่าเชียวค่ะ

    มาถึงเรื่องเพื่อนๆ กันบ้างนะคะ ระหว่างอยู่ที่นั่น มายอาจไม่สนิทกับเพื่อนต่างชาติของโครงการ AFS มากมายอะไร

    แต่มายก็ถือว่าโชคดีสุดๆ ที่สนิทกับเพื่อนๆ ในโรงเรียนมาก เพราะเราผิวเข้มเหมือนแขก และด้วยอาการเปิ่นที่ขยันปล่อยไก่หรือเปล่าก็ไม่ทราบ ที่ทำให้เพื่อนๆ ชอบเห็นเราเป็นสิ่งที่น่าสนใจ

    วันแรกที่เข้าไปในห้องเรียน มายก็สัมผัสได้ทันทีว่าสุดยอดค่ะ เพื่อนๆ เป็นมิตรมาก

     เคยได้ยินกันมาว่า คนยุโรปจะเย็นชาตามอากาศ แต่ผิดถนัดค่ะ พวกเขาเป็นมิตรสุดๆ และที่สำคัญ แต่ละคนฉลาดมากเสียด้วยสิคะ จนทำให้มายปล่อยไก่หลายครั้ง แต่ชีวิตมีความสุขมากค่ะ ทำให้มายอยากไปโรงเรียนทุกๆ วันเลย

     สำหรับเรื่องฮาๆ ในเบลเยี่ยม ก็มีอยู่เรื่อยๆ ค่ะ มีคำภาษาท้องถิ่นของเขาคำหนึ่ง อ่านว่า บะซบ หรือ ปะซบ อะไรทำนองนี้ แต่มายอ่านเป็น "บัดซบ" มาเกือบครึ่งปี อ่านไปก็ขำไป เหมือนด่าเขาตลอดเวลาเลยค่ะ

     มายมักอ่านผิดบ่อยๆ พูดผิดบ่อยๆ เหน่อไปโน่นมานี่ จนคนฟังมึนไปหลายต่อหลายคน

     เรื่องภาษานี่แหละค่ะที่มักสร้างปัญหา อย่างเช่นตอนไปฝรั่งเศส ครั้งแรก บอกตรงๆ ว่า มายยังพูดภาษาของเขาไม่ได้เลย ได้แค่คำทักทาย และคำที่สำคัญมากจริงๆ และถึงคราวที่มาย อยากจะซื้ออมยิ้ม ปัญหาการสื่อสารก็เริ่มต้นขึ้น มายพยายามถามเรื่องรสของอมยิ้ม แต่ละอัน ใช้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาดัตช์ ก็ไม่เป็นผล จนในที่สุด มายเลยซื้ออันที่สวยๆ มา กินแล้วก็รู้เองอะไรประมาณนั้นค่ะ ฮ่าๆๆ

     ระหว่างที่อยู่เบลเยี่ยม มายเพิ่งทราบจากเจ้าหน้าที่ AFS มาว่า จะมีน้องคนไทยมาอยู่แถวๆ เมืองที่มายอยู่อีก 2 คน มายก็อยากให้น้องทั้งสองได้โฮสต์แฟมิลี่ดีๆ เราเลยไปช่วยหาให้อีกแรงค่ะ มายไปช่วยทำกิจกรรมนำเสนอโครงการ AFS ให้คนในเมืองนั้นได้รู้จักกับโครงการ และเกิดความอยากที่จะรับอุปถัมภ์เด็ก AFS ค่ะ

     ระหว่างที่หาโฮสต์แฟมิลี่ให้น้องๆ อยู่นั้น มายมีโอกาสได้ถามชาวเบลเยี่ยมหลายคนเกี่ยวกับการรับเด็กต่างชาติเข้าไปอยู่ในบ้าน ซึ่งพอสรุปได้ว่า เวลาคนเบลเยี่ยมจะรับเด็กมาอุปถัมภ์อยู่ที่บ้าน พวกเขาจะเลือกเด็กจากโซนลาตินก่อนค่ะ เพราะชาวลาตินอเมริกาจะกล้าบอกกล้าพูด เฮฮา และกล้าแสดงออก ซึ่งถ้าเด็กกับโฮสต์แฟมิลี่เข้ากันไม่ได้ในเรื่องไหน มันก็ยังแก้ไขได้ทัน เพราะสามารถเปิดอกคุยกันได้ แต่ตรงกันข้ามกับเด็กเอเชียส่วนใหญ่ที่มีนิสัยขี้อาย ไม่กล้าบอกว่า "ไม่" พูดได้แต่คำว่า "ไม่เป็นไร"  ซึ่งพอนานๆ ไป ความขัดแย้งจะสะสมจนเป็นเรื่องในที่สุดค่ะ

     "ชีวิต 1 ปีที่เบลเยี่ยมของมาย อาจไม่วิเศษเลิศหรู แต่มันคือ 1 ปีที่ชีวิตนี้ไม่อาจลืมได้เลยค่ะ แม้เบลเยี่ยม เป็นประเทศที่หนาวเย็น แต่จากประสบการณ์ทั้งหมดของมาย บอกได้เลยว่า จิตใจของชาวเบลเยียมไม่ได้เย็นชาเหมือนอากาศค่ะ"

 

     เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับประสบการณ์นักเรียนแลกเปลี่ยน ณ ดินแดนในฝันของหลายๆ คน แม้จะดูว่าไกลเกินเอื้อม แต่เด็กบ้านๆ คนหนึ่ง ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เธอเองก็ทำได้!

     ใครมีเรื่องราวอยากพูดคุย หรืออยากแชร์ประสบการณ์เด็กนอกให้พี่ยีนและเพื่อนๆ ฟัง ก็อีเมลมาได้ครับที่ gin@dek-d.com คราวหน้าพี่ยีนจะคว้าเอาเด็กนอกชาติไหนมาให้รู้จักอีก ก็คอยติดตามกันนะครับ...

 

 

     ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก น้องมาย นักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ AFS รุ่นที่ 46

Pics : http://kerkgeschiedenis.web-log.nl

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

59 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
MAI BFL#48 21 เม.ย. 52 18:32 น. 13
อยากไปแล้วอ่าพี่มายย ยย ทำไมทำให้ใหม่อยากไปละคร่า


แอบอิจฉา อยากได้รร.ของพี่มาย ดูสนุกดี หุหุ ; ))*
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
aniplOy Member 21 เม.ย. 52 19:14 น. 15
ง่า อยากไปเรียนต่างประเทศมั่งง่ะ ถึงจะได้ แต่ก้อคงไม่ได้ไปอยู่ดี ตังค์ไม่มี 5555+ ใช้ตังค์เยอะเหลือเกิน กว่าจะได้ไป เอิ้กส์ๆๆๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
+noomeen+ Member 21 เม.ย. 52 19:48 น. 17
ภาษาดัตช์กับภาษาอังกฤษ

เรียนคู่กันไปก็งงๆบ้างเหมือนกันนะ

บางคำคล้ายกัน บางคำเหมือนกันแต่คนละความหมายเลย

คล้ายๆภาษาฝรั่งเศส+ภาษาจีนเลย ฮ่าๆๆๆๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
โม อุดร 21 เม.ย. 52 20:24 น. 20
เราสอบได้ AFS เยอรมณี น่ะ แต่ไม่ได้ไป

เพราะที่บ้าน เปนห่วงเรายังเดกอยู่อ้ะ

ทำไรไม่เปน

เสียดายโอกาส

คนที่ได้สำรองเลยไปแทนเราเลย 55+

ถ้าเราได้ไปนะ ป่านนี้เราก็คงอยู่เยอรมันอยู่อ้ะแหล่ะ

แงๆๆ ตอนแรกทำใจไม่ได้ที่ไม่ให้เราไป แอบร้องไห้ตั้งหลายครั้ง

ก้อเรยคิดว่าปตอนจบ ป.ตรี ดีกว่า ไปต่อป.โท ที่USAเล้ยยยย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด