เมื่อเด็กไทยขอตามรอยพระราชสมภพในหลวงที่รัฐแมสซาชูเซตส์ อเมริกา

      สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... กลับมาเจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกอีกแล้วล่ะ....ถ้าถามน้องๆ ทุกคนว่า นอกจากครอบครัวแล้ว ใครกันที่เรารักมากที่สุด เชื่อว่าคำตอบของหลายคนคงเหมือนกันซึ่งก็คือ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" หรือในหลวงของพวกเราคนไทยนั่นเอง ซึ่งเรื่องประสบการณ์เด็กนอกวันนี้เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากค่ะ เพราะเป็นเรื่องของเด็กไทยคนนึงที่มีเลือดไทยเต็มตัวและได้มีโอกาสไปตามรอยพระราชสมภพของในหลวงถึงที่อเมริกา ซึ่งน้อยคนนักที่จะมีโอกาสอย่างนี้ เรื่องราวจะเป็นยังไงนั้น ไปอ่านกันได้เลยค่ะ
     
      สวัสดีค่ะทุกคน ชื่อ “เวิลด์” นะคะ เวิลด์อยู่ ม.6 โรงเรียน หาดใหญ่วิทยาลัย หาดใหญ่ สงขลาค่ะ ตอนที่พิมพ์อยู่นี่อยู่ อเมริกา (ฮา) เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ AFS ทุนเรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ค่ะ (น้องๆ คนไหนสนใจจะไปต่าง ประเทศด้วยทุนเต็มจำนวนก็สอบถามกันได้นะคะ) ตอนนี้อยู่มา ได้เกือบหกเดือนแล้ว เวิลด์อยู่ที่ Takoma Park รัฐแมรี่แลนด์ ไม่ไกลจากวอชิงตันดีซี
   
      มาเข้าเรื่องกันดีกว่า เวิลด์มีโอกาสได้ไปเที่ยวแกรนด์แคนยอน ณ รัฐแอริโซนาช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นเซอร์ไพรส์ นเกิดของโฮสท์แม่ที่จัดโดยโฮสท์พ่อค่ะ (แหม โรแมนติกเชียว ) โดยจับแม่ขึ้นเครื่องบินโดยไม่รู้ว่าตัวเองจะไปที่ไหน  พอใกล้จะถึงที่หมาย พ่อก็ให้ของขวัญวันเกิด เปิดออกมาเป็น
 หนังสือเรื่องแกรนด์แคนยอนค่ะ (แม่เป็นหนอนหนังสือ)  วินาทีแรกที่เห็นแกรนด์แคนยอน ตะลึงไปเลย.. เงียบมากได้ยิน แค่เสียงลมและนกเท่านั้น .. สวยมาก .. มันเหลือเชื่อมาก  เราเคยแต่ดูรูปผ่านทางอินเตอร์เน็ตหรือสารคดีใช่มั้ยคะ? แล้วจู่ๆ เราก็มายืนอยู่ที่นี่ ณ ที่นี่ วินาทีนั้นเกิดแรงบันดาลใจบาง
อย่างขึ้นมา เรียกว่า Bucket List ค่ะ เป็นลิสท์ความตั้งใจที่เราอยากจะทำค่ะ

   
      เวิลด์เริ่มเขียนสิ่งที่ต้องทำก่อนตายตอนอยู่ที่แกรนด์แคนยอนค่ะ นั่งเขียนกันทั้งครอบครัว คราวนี้พอเวลาผ่านไป..... ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เวิลด์เช็คเมลแล้วเจอฟอร์เวิร์ดเมลล์เกี่ยวกับพระราชประวัติของในหลวง.....ก็นึกขึ้นมาได้ว่า  ในหลวงของพวกเราชาวไทย ทรงพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมาท์ออเบิร์น รัฐแมสซาชูเซต ประเทศสหรัฐอเมริกา อ่านเจอพบว่าทรงเป็นกษัติย์พระองค์เดียวที่พระราชสมภพที่อเมริกาค่ะ  ตอนนั้นก็ ปิ๊งงงงง ได้ลิสต์ข้อใหม่ที่อยากทำขึ้นมาทันที 
 
      “ชีวิตนี้ก่อนตาย ต้องไปที่ที่ในหลวงในวันที่คล้ายวันพระราชสมภพ” ซึ่งนั่นก็คือวันพ่อปี 2552 ที่ผ่านมานี่เองค่ะ คิดแล้วก็เริ่มจัดแจงหาหนทางจะไปเสร็จสรรพ เป้หนึ่งใบ สมุดไดอารี่ที่รัก กล้องคู่ใจ พร้อมรึยัง? พร้อมแล้วไปกันเลยค่ะ 
     เวิล์ดนั่งรถไฟจากวอชิงตันดีซี ไปลงที่ Back Bay station, Boston, แมสซาชูเชต ใช้เวลานั่งไปกลับเที่ยวละเก้าชั่วโมงกว่าๆ อากาศที่นั่นหนาวมากค่ะ เวิลด์ทำแผนที่มาเองในสมุดไดอารี่ งงทิศทางอยู่นานสุดท้ายก็ตัดสินใจขึ้นรถบัสต่อไปจนได้ แล้วก็มาถึงที่โรงพยาบาลค่ะ

       
      ตอนนั้นเวลาประมาณแปดโมงเช้าของวันพ่อ ตอนยืนอ่านป้ายโรงพยาบาลเมาท์ออเบิร์น ความรู้สึกมันแปลกมาก ประมาณว่า  “เห้ยยย ถึงแล้วจริง ๆ เหรอ?”  เข้าไปข้างในไปห้องน้ำก่อนเลย ล้างหน้าแปรงฟัน (ค่ะ..ไม่อาบน้ำ ฮา) ออกมาจะเจอทางเดินยาวๆ ตรงผนังมีประวัติของโรงพยาบาล แล้วก็เจอพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงและพระราชินี ตกใจมากรีบเดินเข้าไปอ่าน ทางโรงพยาบาลเค้านำข่าวเกี่ยวกับในหลวงมาแปะติดไว้ค่ะ ในหลวงกับพระราชินีเคยเสด็จมาที่นี่เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2502  ทรงพระราชทานของขวัญให้แก่คุณหมอและเหล่าพยาบาลเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณด้วยค่ะ
               
     ขณะกำลังยืนอ่านอยู่เจอพนักงานทำความสะอาดเดินผ่านมา เลยขอช่วยให้เค้าถ่ายรูปให้ (มาคนเดียวก็ลำบากอย่างนี้เอง) เค้าก็บอกว่า “ยังมีอีกนะ อยู่ที่ชั้นห้า เดี๋ยวพาไป”  แล้วก็เดินขึ้นไปชั้นห้า ก็เจอพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมกับข้อความที่ทางโรงพยาบาลเมาท์ออเบิร์นประกาศไว้ ข้อความมีอยู่ว่า
 “Mount Auburn Hospital wishes to commemorate the birth oh the only King
to be born within the continental United States.
His Majesty King, Bhumibol Adulyadej, King of Thailand,
was born December 5th, 1927 with Dr. W. Stewart Whitemore in attendance.”

   
      ความรู้สึกตอนนั้นมันเริ่มตื้นตัน.... เวิลด์ยืนมองรูปในหลวงอยู่นานมาก เอามือจับกรอบรูป น้ำตาไหล..ตอนนั้นพูดกับรูปแค่ว่า  “สุขสันต์วันเกิดค่ะในหลวง”   ก้มลงกราบพระบรมฉายาลักษณ์ รู้สึกอยากให้ในหลวงอยู่กับพวกเราชาวไทยไปนาน ๆ ตลอดไป .. 
       นั่งเขียนไดอารี่อยู่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์เรื่อยเปื่อย จนกระทั่งตัดสินใจว่า ไปแล้วนะ.....วันนั้นเวิล์ดใส่เสื้อที่มีธงชาติประเทศไทยไปด้วย พอจะเดินออกมาก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังว่า  “คนไทยเหรอครับ?”  เวิลด์ก็หันกลับไปมอง เจอผู้ชายคนนึงยืนถือแก้วกาแฟ Starbucks อยู่ค่ะ ทำความรู้จักจึงได้รู้ว่า เค้าคือ “คุณลุงอุ่น”  คุณลุงอุ่นบอกว่ามาได้จังหวะพอดีเลย วันนี้เค้าจะมีการเปิดป้ายจารึกหน้าห้องที่ในหลวงประสูติตอนบ่ายโมง คุณลุงบอกว่าหิมะจะตกด้วยวันนี้ (นักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศไทยฝั่ง  East coast หลายๆ แห่งจะดีใจกันมากค่ะ เพราะหิมะแรกของพวกเราในปีนี้ตรงกับวันพ่อแห่งชาติพอดีเป๊ะ)

       
      เวิลด์ก็มีโอกาสได้เจอคนไทยที่มาร่วมงานเยอะมาก และได้รู้ว่าที่แมสซาชูเซตเค้ามีองค์กรชื่อว่า KTBF ซึ่งย่อมาจาก The King of Thailand Birthplace Foundation เป็นกลุ่มของคนไทยที่นี่ทำการค้นหาสถานที่ต่างๆ ที่ในหลวง สมเด็จย่า และสมเด็จพระบรมราชชนกเคยประทับในขณะที่สมเด็จพระบรมราชชนกทรงศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ดค่ะ (หรือที่เราคนไทยคุ้นเคยกันในพระนาม “กรมหลวงสงขลานครินทร์” หรือ “พระราชบิดา”)
               
      และการมาทำตาม Bucket list ของเวิลด์ครั้งนี้ ขอแนะนำให้รู้จักกับคุณลุงคนท่านนึงที่เวิลด์เจอในวันนั้นเช่นกันคือ “คุณลุงเฉลิมพล อินทะ” คุณลุงเป็นคนออกแบบ “จัตุรัสภูมิพล” หรือที่รู้จักกันว่า  King Bhumibol Adulyadej of Thailand Square” ที่แมสซาชูเซตนี่เองค่ะ  คุณลุงเรียนจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วมาต่อที่มหาวิทยาลัยที่นี่ค่ะ ย้ายมากนานมากแล้ว คุณลุงบอกว่า “คนรุ่นใหม่จำผมไม่ได้หรอก”  ที่ได้รู้จักคุณลุงก็เพราะว่าดันบังเอิญไปถามทางที่จะไปจัตุรัสภูมิพลค่ะ ถามถูกคนจริงๆ (ฮา)  ตอนนั้นเลยตัดสินใจจะเดินไปดูจัตุรัสก่อนค่ะ แล้วจะกลับมางานตอนบ่ายโมง  พร้อมมั้ยคะ? ไปกันอีกครั้งเลยค่ะ

     
       เวิล์ดไปถึงจัตุรัสก็ได้อ่านข้อความที่จารึกไว้ที่จัตุรัส ก็เจออะไรสนุก ๆ ให้ทำอีกค่ะ เพราะเค้าเขียนที่อยู่ของบ้านที่พระราชบิดาเคยประทับขณะกำลังทรงศึกษาอยู่ เวิลด์ก็เลยตัดสินใจตามรอยอดีตกันดีกว่า พอไปถึงก็พบว่า จริงๆ มีสามสี่หลัง แต่หาเจอแค่สองหลังเองค่ะ เนื่องจากแผนที่ทำมาเอง มีรายชื่อถนนไม่ครบ  บ้านที่เวิลด์ไปเจอเป็นบ้านเลขที่ 11 ทั้งสองหลังเลย อยู่ที่  Story street และ Hawthorn Street ค่ะ 

 
       ดูเวลาเกือบจะบ่ายโมงแล้ว เลยรีบเดินฝ่าฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ กลับไปที่โรงพยาบาล  ก็มีพิธีพระสวดนิดหน่อย แล้วก็เปิดป้ายค่ะ เพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจหนาวมากๆ  หลังจากเสร็จพิธีก็มีงานเล็กๆ ชั้นสองของโรงพยาบาล ร้องเพลงชาติไทยและอเมริกา มีอาหารและการแสดงนิทรรศการ เวิลด์อยู่ซักพักก็ลาผู้ใหญ่ทั้งหลายออกมาตามทางของตัวเองค่ะ  มาหลบฝนต่อที่ร้านอาหารไทยใกล้ๆ Havard Square เจ้าของร้านใจดีให้สาคูฟรีด้วย อร่อยมาก ตอนนั่งเขียนไดอารี่อยู่ หิมะแรกก็ตกลงมา ....เหมือนจะเหงาเลยเนอะ แต่ว่าอุ่นใจและมีความสุขมาก ๆ ค่ะ
     
      ขากลับตอนไปนั่งรอรถไฟจาก Harvard Station ก็ไปเจอผู้ชายคนนึงกำลังเปิดกระเป๋าเล่นกีตาร์อยู่ เค้ายิ้มให้ เวิลด์เลยเดิน ไปหา แล้วถามเค้าว่า  “Do you need friend?”  เค้าพยักหน้า เวิลด์ก็ขนสัมภาระมานั่งข้างเค้า คุยกันจึงได้รู้ว่า เค้าชื่อ “Peter” เป็นคนรัสเซียค่ะ แบ่งช็อกโกแลตกันกิน
 เวิลด์ร้องเพลงเป็นภาษาไทย ส่วนเค้าก็พยายามเล่นกีตาร์ตามค่ะ ฮามากๆ พอเวิลด์หยุดร้อง ปีเตอร์ก็บอกให้ร้องต่อสิ คนอื่นกำลังฟังอยู่เลย  เวิลด์ตกใจหันไปมองคนแถวนั้น เค้ากำลังมองมาทาง
 พวกเราอยู่จริงๆ ด้วย !! มีคู่รักคู่นึงยิ้มให้แล้วบอกว่า “ร้องต่อสิ”  เวิล์ดนี่อายบวกกับฮามาก 

   
      ระหว่างร้องเพลงอยู่ก็มีผู้ชายคนนึงเดินมานั่งฟัง พอเวิลด์แยกกับปีเตอร์ ผู้ชายคนนั้นเค้าก็เดินขึ้นรถไฟมากับเวิลด์ เค้าชื่อ “แดนเนียล” ค่ะ ทุกวันนี้ยังติดต่อกันทางเมลอยู่ เป็นความรู้สึกดี ๆ แปลก ๆ เวลาได้คุยกับคนแปลกหน้า ยิ่งต่างชาติต่างภาษาด้วย ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก 
   
       แล้วตอนนั่งรอรถไฟจะกลับก็มีคนเมามาขอเงินค่ะ มาขอรอบแรก เวิล์ดก็ให้ไป เค้าบอกว่าจะกลับบ้าน แล้วซักพักก็มาขออีกรอบ เวิล์ดก็ไม่ให้แล้ว เราก็บอกเค้าว่า ” เมื่อกี้ถามแล้วนะว่าต้องการแค่นี้ใช่มั้ย  คุณก็บอกว่าใช่ คราวนี้คุณจะเอาอะไรอีก”  เค้าก็มานั่งข้างเรา (ตกใจมากกก) นั่งหน้าสลดแล้วก็พูดขึ้นมาว่า 

 “คุณพูดถูก... ผมโกหกคุณ ผมต้องการเงินไปซื้อเหล้า...
 ผมนอนข้างถนน.... ใช่ คุณพูดถูก... แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะ ขอบคุณมาก ขอบคุณ”  
     
      แล้วเค้าก็เดินจากไป ....ผู้ชายทั้งสามคนนี้ถือเป็นโบนัสของทริปนี้สำหรับเวิลด์นะคะ ปีเตอร์สอนเวิลด์ว่า จริงๆ แล้วความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง แค่ทำในสิ่งที่เรารัก ส่วนแดนเนียลสอนเวิลด์ว่า คนเราทั้งโลกเป็นเพื่อนกันได้ และคนเมาคนสุดท้ายทำให้เวิลด์ถามตัวเองว่า ทำไมพวกเราไม่ช่วยกันทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น  ที่เล่ามาทั้งหมด อยากจะเล่าสู่กันฟัง เพื่อนๆ คนไทยที่อยู่อเมริกาก็จะได้รู้ว่ายังมีสถานที่สำคัญที่ควรจะไป เพื่อนๆ ที่ตอนนี้ที่อยู่ที่ไทย ถ้ามีโอกาสไปอเมริกาก็อย่าลืมแวะไปตามรอยพระยุคคลบาทที่แมสซาชูเซตนะคะ  สุดท้ายก็อยากฝากไว้ว่า ขอแค่เราลงมือทำ มันจะกลายเป็นความจริงค่ะ  เริ่มเขียน Bucket List กันได้แล้วนะคะ :)
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

+วิ๑ิโoxวาuLe็u+ Member 25 ก.พ. 53 15:04 น. 1

อิจฉาโฮกกกก

ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้ทุนเต็มจำนวนกับเค้าบ้างมั้ย? T^T
เคยได้แต่ทุนสมทบ
แงๆๆ

พี่เวิลด์ยอดเยี่ยมมากอ่ะ
เป็นบุญตาของพี่เวิลด์

ส่วนเราก็ไม่มีบุญต่อไป...
เฮ้อๆ

0
กำลังโหลด

140 ความคิดเห็น

+วิ๑ิโoxวาuLe็u+ Member 25 ก.พ. 53 15:04 น. 1

อิจฉาโฮกกกก

ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้ทุนเต็มจำนวนกับเค้าบ้างมั้ย? T^T
เคยได้แต่ทุนสมทบ
แงๆๆ

พี่เวิลด์ยอดเยี่ยมมากอ่ะ
เป็นบุญตาของพี่เวิลด์

ส่วนเราก็ไม่มีบุญต่อไป...
เฮ้อๆ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
l3luevalentine~ Member 25 ก.พ. 53 15:49 น. 5
พี่เวิลล์ สุดยอดมากกค่ะ
อิดฉา จัง อยากได้ทุน อยากเรียนต่างประเทศบ้าง แต่ภาษา นี่ยังไม่ถึงไหนเลย
ปลื้มแทน จะมีสักกี่คน ที่ได้ เจอบุคคลสำคัญ แล้วก็ ได้ร้องเพลง กับคนต่างชาติที่เป็นมิตร

ว้าาา อยากเป็นพี่ เวิลล์จังงง


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2553 / 15:52
0
กำลังโหลด
sq-square Member 25 ก.พ. 53 16:28 น. 6
การเจอโฮสที่ดี เราว่ายากแร้วน่ะ
แต่ที่ยากกว่าคือ การเจอประสบการณ์ดี  ๆ  ด้วยตัวเราเอง 
:)
 
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
love always 25 ก.พ. 53 17:33 น. 9
ขอบคุณนะค่ะที่เอาบทความดีๆแบบนี้มาลง
เรารู้สึกได้ถึงความรู้สึกของเจ้าของบทความ ซึ่งมีความคิดที่ดีมาก
รู้สึกเป็นกำลังใจให้กับใครหลายคนรวมทั้งเราด้วย
เรามีสิ่งที่อยากทำก่อนตายเยอะแยะ อนาคตไม่แน่นอน
อืมมม..เราคงต้องไปนั่งเขียน Bucket List บ้างแล้วล่ะ :)
ขอแค่เราลงมือทำ มันจะกลายเป็นความจริง (ถูกต้องที่สุดเลยค่ะ)
0
กำลังโหลด
love always 25 ก.พ. 53 17:36 น. 10
อิจฉา จขบค.มากด้วย
ได้ไปตามรอยพระยุคลบาท ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก
น้อยคนที่จะได้ไปแบบ จขบค.
0
กำลังโหลด
jujum 25 ก.พ. 53 17:55 น. 11
รู้สึกดีจัง อิอิ เด็กหาดใหญ่เรานี่เอง ไงเราก็จะพยายามตั้งเป้าหมายบ้าง และต้องทำให้ได้ (ถึงแม้ไม่ได้ไปที่นั่นก็ตาม แต่จะทำตามฝันที่คิดไว้จ้า)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
คนอ่าน 25 ก.พ. 53 18:14 น. 13
คิดว่าตั้งแต่อ่านมาหลายๆ อัน ที่ไปประเทศนั้น ประเทศนี้ เราว่านี่ดีสุด อยากไปมั่งจังไปสัมผัสว่าพ่อของเราเคยไป แค่เอาเท้าแตะโรงพยาบาลก็ดีแล้ว
0
กำลังโหลด
สุดยอดดด 25 ก.พ. 53 18:15 น. 14
เวิลด์..เธอต้องเป็นเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งที่เรากำลังตามหา


ผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดี คิดและตระหนักถึงส่วนรวมอยู่เสมอๆ
ชอบจังเลย เวลาเห็นคนที่คิดอะไรดีดีแบบนี้
เธอเป็นคนที่ได้อะไรมากกว่าการไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์/วัฒนธรรมนะเนี่ยย
เราว่า เธอได้ใช้ชีวิตของตัวเองจริงๆแล้วแหละ
รู้สึกคุ้มค่าแทนเธอจริงๆ

ชอบเธอวุ้ย

^____________________^

ปล. ม.6 ที่นี่ กำลังจะตายเพราะโอเนต
อัพเดตข่าวมั่งป่าว ฮ่าๆๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ชิกกี้ ชิกกี้มีล Member 25 ก.พ. 53 18:28 น. 16
 นั่งอ่านน้ำตาซึม ตอนที่พี่นั่งเขียนไดอารี่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์

: ) คิดถึงประเทศไทยมากกก

รักในหลวงค่ะ


0
กำลังโหลด
Stupid' Member 25 ก.พ. 53 18:45 น. 17
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า
ในอเมริกาจะมีสถานที่แบบนี้ด้วย

แสดงให้เรารู้ว่า
ไม่ว่าจะที่ไหน เมื่อไหร่


คนไทยก็รักในหลวง
0
กำลังโหลด
world 25 ก.พ. 53 19:19 น. 18
ชื่อเหมือนเราเลย
เราก็เปนเด็ก afs #46

เรายุสระแก้ว
เราไปอเมริกาเหมือนเธอเลย
แต่เราได้โฮสท์ ที่ KANSAS
0
กำลังโหลด
FeiyaLin Member 25 ก.พ. 53 19:24 น. 19

ขอบคุณคะพี่เวิลด์ ซึ้งมากๆเลยคะ ชอบคำนี้จัง "สุขสันต์วันเกิดค่ะในหลวง" แสดงถึงความรักที่เรามีต่อในหลวได้ซึ้งมากๆ พี่เวิลด์เป็นคนที่เฟรนลี่ มากๆเลยคะ สุดยอด......

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด