10 กฎแปลกๆ ในโรงเรียนที่อาจไม่เคยได้ยิน

                    สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... เจอกับ พี่เป้ และคอลัมน์เรียนต่อนอกแบบ special เพราะทุกๆ วันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน พี่เป้ จะนำเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับเลข 10 มาฝากกัน เพื่อฉลองที่เว็บเด็กดีของพวกเรามีอายุครบ 10 ขวบ ~ ~ YEAH !

                    ครั้งก่อน พี่เป้ เอาเรื่อง '10 กิจกรรมที่หวาดเสียวที่สุดในโลก' มาฝากกันไป ส่วนคราวนี้ก็มีอีกเรื่องที่น่าหวาดเสียวแต่แอบปนโหดเล็กๆ มาฝาก นั่นก็คือเรื่องเกี่ยวกับกฎระเบียบในโรงเรียนในต่างแดนแห่งหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อว่าโหดมากกกก จะโหดจะแปลกแค่ไหนนั้นไปดูกันเลย 

สวัสดีค่าเพื่อนๆ ทุกคน ชื่อณัจปภัสร์ ศิริธัญอนันต์ ชื่อ  เล่นชื่อ 'ผึ้ง' ปัจจุบันเรียนอยู่ที่มหิดลอินเตอร์ แต่ว่าก่อนที่  จะสมบุกสมบั่นกลับมาไทยได้นั้น ต้องไปร่วมชะตาชีวิตใน  อินเดียมาเกือบ 4 ปีเต็ม!! (ฟังดูโหดป่ะ?) โรงเรียนที่ผึ้งไป  อยู่อยู่ในเมืองชื่อว่าอูตตี้ อยู่บนเขา โรงเรียนชื่อ  Good Shepherd International School หรือ GSIS  เค้าว่ากันว่า ... โรงเรียนผึ้งเด็กไทยเยอะที่สุด และ  กฏโหดที่สุด!       ตอนที่ผึ้งไปเรียนใหม่ๆ  เนื่องจากภาษาอังกฤษยังดีไม่ถึง  ขั้น เลยโดนลดชั้นไปโดยปริยาย อ๋อ...เมื่อก่อนผึ้งเรียนที่  เซนต์โยเซฟคอนเวนต์ ลาออกตอนม.2 ค่ะ พอไปถึงที่  อินเดียก็โดนลดชั้นกลับไป ม.1 หรือ FM-1 นั่นเอง      การเรียนนั้นเรียนทุกวันตั้งแต่วันจันทร์-เสาร์ เริ่มเรียน  ตั้งแต่ 8 โมงครึ่ง ถึง 4 โมงครึ่ง ก่อนที่จะเริ่มเรียนนั้นถ้าใคร  เป็นเด็กกิจกรรมจะซวยมากกก (ย้ำว่ามาก)เพราะว่าต้องตื่นตี  ห้าเพื่อไปซ้อมวิ่ง หกโมงต้องรีบวิ่งขึ้นมาซ้อมดนตรี (เป็นปี่  สก็อตต์) หลังจากนั้นมีเวลาให้ไม่ถึงสิบห้านาทีในการอาบน้ำ  แต่งตัวเพื่อไป Prep (Prep ก็คือการทำการบ้าน การเตรียม  ตัวก่อนเรียนหรือก่อนสอบ)

                      ส่วนวันอาทิตย์ก็จะเป็นคลาสศาสนา เด็กไทยก็จะมี Buddhism Class ค่ะ ส่วนคนอื่นก็อาจไปโบสถ์ ไปคลาสศาสนาฮินดูอะไรก็ว่าไป วันอาทิตย์จะสบายหน่อย ช่วงบ่ายก็นอนอยู่หอ เล่นเกมส์ หรือดูทีวีก็ว่ากันไป จะมีแค่คืนวันเสาร์กับบ่ายวันอาทิตย์เท่านั้นแหละค่ะที่จะโชคดีหน่อยเพราะได้ดูทีวีกัน แต่ก็จะมีการรบเกิดขึ้นเสมอ เช่น วันนี้หนังอังกฤษ วันนี้หนังฮินดี โฮกกกก!

                     อ้อ ...สำหรับเด็กกิจกรรม วันอาทิตย์ช่วงก่อนกินข้าวกลางวันมักจะมีการซ้อมวิ่งหรือการซ้อมดนตรีค่ะ ผึ้งอยู่ทั้งสองอย่าง เป็นทั้งนักกีฬาประจำบ้าน เป็นทั้งสมาชิกวงแบนด์ เหนื่อยสะเด็ดจริงๆ ให้ตายเถอะ แล้วเนื่องจากโรงเรียนอยู่บนเขา ทางเดินก็เหมือนขึ้นเขาอยู่ตลอด ลำบากค่ะ :'(

                     และที่โรงเรียนผึ้งขึ้นชื่อมากๆ ก็คือเรื่อง "กฎ"นั่นเอง มาฟังกันดีกว่า ว่ามันโหดจริงหรือไม่จริงยังไง หึหึหึหึหึ (หัวเราะให้ฟังดูหลอนที่สุด!)

                     กฎข้อแรก นักเรียนทุกคนต้องอยู่ที่โรงเรียนค่ะ! อ้ะๆ แค่นี้มันฟังเบาๆ ใช่รึเปล่าล่ะ? แต่อยู่โรงเรียนในที่นี้คือ อยู่แล้วออกไม่ได้เลยนะ ห้ามไปไหนเด็ดขาดจนกว่าจะมิดเทอมเบรก หรือว่าปิดเทอมนั่นเอง555 แล้วมิดเทอมเบรกก็ใช่ว่าจะออกกันได้ง่ายๆ ต้องมีผู้ปกครองมารับ ผู้ปกครองในที่นี้คือบิดากับมารดาเท่านั้นค่ะ!
ถ้าจะให้เอเจนซี่หรือคนอื่นๆ มารับ ต้องมีจดหมายมาแจ้งก่อน แล้วออกทีนี่คือให้เวลาแค่ 3 วันเท่านั้น!  ย้ำว่า 3-4 วันค่ะ!

                     กฎข้อที่สอง ห้ามพกของมีค่าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเงิน ทอง มือถือ Ipod Laptop ห้ามเอาโทรศัพท์มือถือเข้ามาในโรงเรียนด้วย การติดต่อที่ง่ายที่สุดคือการรอรับอีเมล์ จดหมาย หรือโทรศัพท์จากผู้ปกครองแต่ยังโชคดีหน่อย อาทิตย์นึงเค้าจะให้นักเรียนส่งอีเมล์หรือจดหมายหาผู้ปกครองได้ แต่ต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษนะคะ และก่อนส่งเค้าจะมีคนตรวจด้วย ฮ่าๆๆ เวรกรรมมั้ยล่ะ นาฬิกาแพงๆ ก็ห้าม เอาง่ายๆ ของๆ คุณห้ามมีอะไรที่
แบรนด์เนมค่ะ ห้ามมี LV, Chanel, Hermes หลุดมาเด็ดขาดถ้าจับได้โดนยึดค่ะ แล้วเอาไปบริจาค 

                     ก่อนเข้าหอก็จะมี Matron (คนคุมหอ) กับ จีจี้ (แปลว่าพี่เลี้ยง เป็นภาษาทามิลค่ะ) ตรวจกระเป๋าของนักเรียนทุกคน ซึ่งของที่เค้ากำหนดให้เอามาได้ก็มีพวกของใช้ในชีวิตประจำวัน ของใช้ในการอาบน้ำแต่งตัว ชุด
ไปรเวท (เสื้อยืดคอปก และกางเกงขายาวเท่านั้น!) และก็รองเท้า 4 คู่

{pic-desc}

                    กฎข้อที่สาม ห้ามพกของกินเข้ามาในโรงเรียน หลายคนคงสงสัยว่าอยู่ได้ยังไง เงินก็ห้ามพก ขนมก็ห้ามเอาเข้า คือว่าทุกวันพุธกับวันเสาร์จะมีการแจกช็อคโกแลต แต่ต้องกินให้หมดใน Dining Hall ส่วนวันอาทิตย์ก็จะมีการแจกน้ำขวดค่ะ (ดูแร้นแค้นมาก มีน้ำขวดมาแจก 555) แต่ไม่มีน้ำแข็งนะคะ เพราะอากาศเย็นมากกกกกก แต่เด็กไทยก็แสบค่ะ มีสิทธิพิเศษเยอะแยะมากมาย แอบมีขนม มีโทรศัพท์ มีเงิน ได้เปรียบเด็กอินเดียค่ะ เพราะว่า...เอาไปฝากกับครูไทย 555 ดังนั้นเด็กไทยเลยสบายจ๋อมต๋อยกันไปเลยทีเดียว :DD

                    กฎข้อที่สี่ ผู้ชายผู้หญิง ห้ามคุยกันค่ะ! จับได้มีสิทธิ์โดนไล่ออกกันได้ง่ายๆ ขนาดในห้องเรียนยังแบ่งแยกชายหญิงคนละฝั่งเลยนะ แต่ถ้าคุยกันต่อหน้าครูอันนี้เป็นข้อยกเว้นค่ะ เพื่อนผึ้งเคยโดนจับได้ว่าแอบไปจูบกับผู้ชาย โดนไล่ออกภายใน 3 วันค่ะ! ซวยมากๆ โดนบัญชีดำไปเลย ที่โรงอาหารก็เหมือนกันค่ะ ก็ต้องแยกชายหญิงเหมือนกัน อย่าเผลอมองไปทางอีกฝั่งเชียว มีสิทธิ์โดนตะโกนด่าให้ได้อายเล่นๆ แน่ๆ

แต่แอบมาถ่ายรูปด้วยกันจนได้ 5555

                    กฎข้อที่ห้า กฏนี้โดนไล่ออกมาหลายต่อหลายคนแล้วก็คืออบายมุขทุกชนิดห้ามค่ะ! บุหรี่ แอลกอฮอลล์ อะไรพวกนี้ห้าม แค่ไฟแช็คก็สามารถทำคุณโดนไล่ออกได้แล้วนะคะ ถ้าเค้าจับได้ โดนไล่ออกภายใน 24 ชั่วโมงทันที แต่บางคนเส้นใหญ่หน่อยก็ไม่ได้ไล่ออก แต่เปลี่ยนเป็นการโดนประจานแทน แต่ก็รู้สึกมันแย่ไม่แตกต่างกันเลย

                    กฎข้อที่หก กฎการแต่งกาย ห้ามใส่กางเกงยาวเกินไป ห้ามใส่เสื้อคอลึก ห้ามใส่กางเกงเอวต่ำ อย่างเช่นขากางเกงถ้ายาวไปก็ต้องพับให้เรียบร้อย ถ้ายาวลากพื้นเมื่อไหร่จะโดนเอากรรไกรตัดเลยค่ะ ส่วนพวกผู้ชายห้ามใส่กางเกงเอวต่ำจนเห็นบอกเซอร์ ไม่งั้นโดนแน่ๆ แล้วก็เรื่องทรงผม ถ้าเป็นผู้หญิงห้ามโกรกสีผม ถ้าเป็นผู้ชายห้ามไว้ผมยาว ต้องตัดเกรียนทุกคน แต่เด็กไทยแอบแสบใส่หมวกไหมพรมปิดผม 555 แล้วที่โรงเรียนจะมีร้านรับเสริมสวยด้วยนะ คือพอไปตัดผมสระผมอะไรเสร็จแล้ว เค้าก็จะจดเอาไว้ แล้วจะส่งบิลไปเก็บที่บ้านกับพ่อแม่เรา

                    กฎข้อที่เจ็ด ห้ามพูดภาษาตัวเองค่ะ พูดได้แต่ภาษาอังกฤษเท่านั้น ถ้าอาจารย์ได้ยินหรือรู้ว่าพวกเราแอบพูดภาษาไทยกันนี่ก็โดนเรียกไปคุยเลยค่ะ แต่พวกเราก็แอบพูดกันประจำ แหม ก็มันอดไม่ได้นี่จริงมั้ยคะ

                   กฎข้อที่แปด ต้องตื่นตี 5 นอน 4 ทุ่ม ถ้าตี 5 แล้วยังไม่ตื่น ก็จะมีพี่เลี้ยงหรือ "จีจี้" นั่นแหละค่ะมากระตุกผ้าห่มแล้วเปิดเพลงดังๆ ถ้ายังไม่ตื่นอีกก็จะลากลงจากเตียงเลยค่ะ ส่วนถ้า 4 ทุ่มใครยังไม่ง่วง ก็จะออกไปนั่งอ่านหนังสืออะไรอย่างนี้ได้ค่ะ บางคนอาจนั่งคุยโทรศัพท์กับพ่อแม่ที่โทรมาหา ก็ต้องอย่าพูดอะไรที่ให้ร้ายโรงเรียนหรือแอบด่าอาจารย์เลยนะคะ เพราะเค้ามีคนแอบฟังค่ะ แล้วก็คุยได้ถึง 4 ทุ่มครึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นจะตัดสาย

                    กฏข้อที่เก้า คือกฏในวันเกิด ในวันเกิดของเรา เค้าจะอนุญาตให้ใส่ชุดไปรเวตได้ อนุญาตให้แต่งหน้าได้ แต่ห้ามแต่งตัวโป๊  แล้วช่วงตอนเย็นๆ จะมีการจัดงานวันเกิดให้ ซึ่งชวนได้แค่เพื่อนร่วมห้องเรียนแล้วก็พี่น้องมาร่วมงานได้ คนอื่นหมดสิทธิ์ค่ะ มีเค้กให้ด้วยนะ

{pic-desc}

                    กฎข้อที่สิบ กฏต้อง prep วันละ 3 รอบ ผึ้งก็เกริ่นไปตอนแรกแล้วว่า prep ก็คือการทำการบ้าน ทบทวนบทเรียน แต่วันนึงไม่ได้ prep แค่หนเดียวนะคะ ต้องทำวันละ 3 รอบ ! คือรอบเช้า 7 โมง 15 ถึง 8 โมงเช้า แล้วก็ตอนประมาณทุ่มนึงจนถึงสองทุ่ม จากนั้นก็ไปทานข้าว พอทานข้าวเสร็จก็ต้องกลับมา prep ต่ออีกรอบถึงสามทุ่มครึ่ง

                   เรื่องราวสนุกสนานยังมีเยอะค่ะ และประสบการณ์กับข้อคิดก็เยอะมากเช่นกัน สิ่งที่ผึ้งได้ตลอดเวลาเกือบสี่ปี ได้เพื่อน ได้มิตรภาพ และได้ประสบการณ์อันยากจะลืมเลือน คนเรากินอยู่ด้วยกัน เจอหน้ากันทุกวี่ทุกวัน มันผูกพันนะคะ ตอนแรกๆ เบื่อ อยากกลับบ้าน แต่เชื่อรึเปล่า? ศิษย์เก่าทุกคนคิดถึงโรงเรียนมากค่ะ เพราะเพื่อนดีมากกกกก และคุณครูหลายๆท่านก็ดีกับนักเรียนมากๆ ถึงกฎจะโหดไปหน่อยก็ตาม

                   และอีกข้อนึงก็คือความพยายามและความอดทนค่ะ เราไปอยู่ต่างประเทศที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนเรา่ ภาษาที่พูดก็ไม่ใช่ภาษาเรา เราต้องดิ้นรนพูดกับเค้าหรือพยายามสื่อสารกับเค้าให้รู้เรื่อง และเราก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดให้ได้ เพราะในเมื่อมันคืออินเดียบ้านเค้า ยังไงเค้าก็ต้องเข้าข้างคนของเค้า เราต้องหาทางอยู่รอดให้ได้ แต่ดีมากนะคะ เพราะเนื่องจากความดิ้นรนนี้ ทำให้ภายในเวลาแค่ 3 เดือนเท่านั้น ผึ้งก็สามารถ ฟัง พูด อ่าน เีขียนรู้เรื่อง (แต่ยังไม่ถึงขั้นดีมากนะคะ) เหตุนี้ก็เพราะว่าผึ้งพยายามไม่อยู่กับคนไทยค่ะ อยู่กับคนต่างชาติให้มากที่สุด สุดท้ายนี้ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ทุกคนที่จะไปต่อนอกนะคะ ความพยายามและความอดทนสำคัญมาก!

                     โอ้โห กฎยุบยิบเยอะแยะมากมาย ถ้า พี่เป้ ไปเรียนต้องอกแตกตายแน่ๆ เพราะไม่มีขนมให้กินเลย ฮ่าๆๆ ว่าแต่โรงเรียนของใครมีกฎแปลกๆ ที่ไม่ซ้ำที่ไหนก็ลองมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านบ้างนะคะ อยากรู้จังว่าที่โรงเรียนไหนมีกฎอะไรยังไง :P ส่วนใครอยากส่งประสบการณ์เด็กนอกมาลงอย่างน้องผึ้งบ้าง ก็ส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com เดี๋ยว พี่เป้ จัดมาลงให้แน่นอน

  NEXT  EPISODE >> 

จากจำนวนผู้สมัครหลายพัน
"เขา" คือเด็กผู้ชายคนเดียว
ที่สอบได้ทุนนักเรียนแลกเปลี่ยน EF จำนวนเต็ม 100%
ได้ไปเมกา ไม่ต้องจ่ายสักบาท !

ห้ามพลาด ! เคล็ดลับการสอบชิงทุน
และเรื่องราวชีวิตสนุกๆ จากอเมริกา

Available on DEK-D.Com ,
Study Abroad Column
Thursday 25 Mar