ชุดนักเรียนญี่ปุ่นสุดคาวาอี้ แต่ราคาแพงหูฉี่เหยียบหมื่น !!!


                สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... กลับมาเจอกับ พี่เป้ และคอลัมน์เล่าประสบการณ์เด็กนอกทุกๆ วันพฤหัสเช่นเคยนะคะ สำหรับวันนี้ พี่เป้ ภูมิใจเสนอเรื่องราวชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศญี่ปุ่น อีกหนึ่งประเทศในฝันที่น้องๆ หลายคนอยากไปมากกกก เพราะอย่างที่เรารู้ๆ กันว่าชุดนักเรียนประเทศนี้เนี่ย จะน่ารักไปไหน คิกขุไม่ไหวแล้วอะ 5555 แต่รู้มั้ยคะว่าราคาไม่ใช่เล่นๆ เลย !! ถ้าอยากรู้ว่าราคาเท่าไหร่ ลองอ่านประสบการณ์เด็กนอกเรื่องนี้ได้เลยค่ะ

          สวัสดีค่ะ "มิลค์-พุธิตา สุรวิชัย" ปัจจุบันศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ร.ร.สาธิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ EF ไปโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นค่ะ

       ก่อนอื่นเลย ต้องขอบอกว่า ที่ตัดสินใจไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นนี้ เป็นเพราะตัวมิลค์เองมีความสนใจในประเทศญี่ปุ่นและเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้วตั้งแต่ม.2 ก็เลยเลือกที่จะไปฝึกภาษาที่นี่ค่ะ

       มิลค์ได้ไปเรียนที่ โรงเรียน Asuka High School เป็นโรงเรียนรัฐบาลแถวๆ Oji โดยมิลค์เดินทางไปช่วงปลายเดือนสิงหาคม 52 ค่ะ แล้วก็เข้าเรียนต้นเดือนกันยายนซึ่งถือเป็นภาคการเรียนที่ 2 หลังการปิดเทอมฤดูร้อนของที่ญี่ปุ่น (ร.ร.ในญี่ปุ่นมี 3 ภาคเรียน) มิลค์เรียนในระดับชั้นมัธยมปลายปี 1 ห้อง 4 หรือ ม.4/4 นั่นเอง ถือว่ามิลค์ค่อนข้างโชคดีมากๆ เพราะที่โรงเรียนมีคนไทยเรียนอยู่ 1 คน ก็เลยได้เพื่อนร่วมสุขร่วมทุกข์ คอยช่วยเหลือในยามที่มีปัญหาค่ะ

               ที่ญี่ปุ่นเค้าจะแยกแผนการเรียนกันตอนม.5 ค่ะ ที่โรงเรียนที่มิลค์เรียนจะเป็นการเดินเรียนค่ะ ต้องเปลี่ยนห้องไปเรื่อยๆ แต่จะมีห้องเรียนสำหรับโฮมรูมตอนก่อนเข้าเรียนและเลิกเรียน โดยโรงเรียนจะเข้าเวลา 8.30 น. (ถ้าออดดังแล้วยังไม่ถึงห้องเรียนถือว่าเข้าสายเลยค่ะ) และเลิกเวลา 15.05 น. หลังจากนี้ก็จะมีโฮมรูม ทำเวรทำความสะอาดโรงเรียน แล้วก็เข้าชมรมต่อจนถึงประมาณ 5 โมงถึง 6 โมงเย็นค่ะ มิลค์เรียนวันละ 6 คาบ คาบละ 50 นาที และจะมีเวลาระหว่างคาบ 10 นาทีไว้พัก และเดินเปลี่ยนห้องค่ะ ซึ่งที่ญี่ปุ่นจะตรงต่อเวลามากๆๆๆ พอออดดังปุ๊บจะเลิกทันทีเลยค่ะ ถ้ายังไม่เลิกก็ไม่มีใครสนใจจะฟังครูแล้วค่ะ

                ส่วนใหญ่มิลค์ก็ได้เรียนร่วมกับเพื่อนคนไทยค่ะ โดยทางอาจารย์ผู้ดูแลนักเรียนแลกเปลี่ยนจะเป็นคนจัดตารางสอนให้ บางวิชาก็ไปเรียนกับรุ่นพี่ปี 2 และ ปี3 ซึ่งการเรียนโดยทั่วไป คิดว่าค่อนข้างง่ายค่ะ จะยากก็ตรงที่เราไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง เนื้อหาวิชาที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ ที่ไทยค่ะ เลยเหมือนเป็นการเรียนซ้ำทบทวนอีกรอบ 555

               หลังจากนั้นเรียนจนจบเทอม มิลค์ก็ได้ปิดเทอมฤดูหนาวช่วงประมาณปีใหม่ 1-2 สัปดาห์ค่ะ และเปิดอีกทีเดือนมกราคมเป็นภาคเรียนที่ 3 และในช่วงปลายเดือนมีนาคมก็จะปิดเทอมอีกรอบถือเป็นจบการศึกษา 1 ปี จะได้ปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วเปิดเรียนปีการศึกษาใหม่ในต้นเดือนเมษาค่ะ ซึ่งมิลค์ก็ได้เลื่อนชั้นไปกับเค้าด้วยเป็นม.5 แล้ว แต่ก็ยังคงได้อยู่ห้อง 4 เหมือนเดิมค่ะ ซึ่งในม.5 นี้ มิลค์ได้อิสระในการลงวิชาเรียนเพิ่มขึ้นค่ะ ได้ลงทำอาหาร ทำสวนปลูกผัก ภาษาฝรั่งเศส การจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น เพื่อนที่สนิทส่วนใหญ่เป็นเพื่อนที่อยู่ชมรมเดียวกันค่ะ มิลค์ได้เข้าชมรมภาษาอังกฤษ มีทั้งคนญี่ปุ่น และต่างชาติ เช่น คนเกาหลี คนฟิลิปปินส์ และด้วยความโชคดีอีกแล้ว เพื่อนแต่ละคนชอบนักร้องเกาหลีเหมือนกันค่ะ 555 (มิลค์ชอบดงบัง) เราก็เลยมีเรื่องคุยกันได้ง่ายขึ้น วันๆ ก็นั่งคุยกันแต่เรื่องดาราเกาหลี ในเวลาชมรมยังแอบเปิด mv ดู เลยค่ะ เพื่อนคนเกาหลีเค้าจะข่าวเร็วมาก บางทีเราก็ยังไม่รู้เรื่องเลย

                ทั้งเพื่อนๆ รุ่นพี่ และอาจารย์ ก็น่ารักมากค่ะ เวลาเราไม่เข้าใจอะไร ก็ถามได้เลย เค้ายินดีจะอธิบายใหม่ค่ะ หรือไม่ก็ช่วยเราทำงานให้เลย เพียงแต่เราต้องกล้าถามหน่อย และก็ยิ้มกว้างๆ เข้าไว้ เพราะเพื่อนคนญี่ปุ่นบางคน เค้าจะไม่กล้าเข้าหาเราก่อนค่ะ เวลามีปัญหาก็ไปถามหาอาจารย์ได้ค่ะ โดยจะมีห้องพักรวม ซึ่งอาจารย์ทุกคนอยู่ที่นั่น  แต่ในช่วงก่อนสอบกลางภาคและปลายภาค 1 สัปดาห์ เค้าจะห้ามนักเรียนเข้าห้องพักรวมนะ เพราะอาจารย์กำลังออกข้อสอบอยู่ค่ะ

                และอย่างที่เพื่อนๆ รู้กันว่าชุดนักเรียนญี่ปุ่นเนี่ยมันน่ารักมากๆๆๆ มิลค์คิดว่าเพื่อนๆ ที่อยากจะมาเรียนที่ญี่ปุ่น สาเหตุหนึ่งต้องเป็นเพราะว่าอยากใส่ชุดนักเรียนของที่นี่แน่นอน เพราะมิลค์ก็เคยคิดอย่างนี้ค่ะ 5555 แต่ชุดนักเรียนที่ใครๆ หลายคนชื่นชอบในความน่ารักและเท่ ใครจะรู้ว่ากว่าจะได้มันมาครอบครองต้องเสียเงินแพงมากๆ O_O มิลค์ล้มเลิกที่จะซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกทันทีที่เห็นจำนวนเงินที่ต้องจ่ายทั้งหมด เพราะหากซื้อครบชุด มิลค์ต้องจ่าย 7 หมื่นเยน O_O ก็แค่ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แค่สองหมื่นกว่าบาทเอ๊งงงงงงง ก็เลยเปลี่ยนเป็นยืมโรงเรียนแทนดีกว่า 555

                โดยชุดนักเรียนที่ญี่ปุ่นจะแบ่งเป็นชุดหน้าร้อนกับชุดหน้าหนาว (ชุดทางการ) โรงเรียนมิลค์ชุดนักเรียนเป็นสีเขียวค่ะ ไม่เหมือนใคร แต่จะเปลี่ยนแล้วในอีกสองปีข้างหน้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม เพราะได้ข่าวแว่วมาว่าไม่มีใครอยากเข้าร.ร.นี้เพราะเค้าชอบว่ากันว่าชุดนักเรียนสีไม่สวยค่ะ 555 เห็นมั้ยคะว่าสีชุดนักเรียนเนี่ยมีผลต่อการเลือกว่าจะเรียนที่ไหนด้วย


ชุดหน้าหนาว                                 ชุดหน้าร้อน

                 ชุดหน้าหนาว จะประกอบด้วย เสื้อเชิ้ตแขนยาว (ของโรงเรียนมิลค์ให้ใช้เฉพาะสีขาวค่ะ) กระโปรงหน้าหนาวซึ่งจะเป็นสีเขียวเข้มๆ ผ้าหนาๆ ลายสก็อตค่ะ แล้วก็จะมีเสื้อสเวตเตอร์แขนยาวสีเขียวเข้ม โบว์สีเขียว (บางร.ร.จะเป็นเนคไท) ส่วนข้างนอกสุดก็จะเป็นเสื้อนอกสีเขียว (คล้ายๆ สูท) ...... ส่วนชุดหน้าร้อน จะมีแค่เสื้อเชิ้ต (ถ้าหนาวก็ใส่แขนยาว ถ้าร้อนก็ใส่แขนสั้นมา) กระโปรงหน้าร้อนจะเป็นสีฟ้าขาวลายสก็อต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีอ่อนๆ ผ้าก็จะบางๆ (บางมากค่ะ ใส่แล้วเหมือนไม่ได้ใส่ 55) แล้วก็โบว์สีแดงค่ะ

                 ส่วนที่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นชุดหน้าร้อนหรือหน้าหนาว ก็จะมีถุงเท้ายาว (ร.ร.มิลค์ให้ใส่สีกรมท่า) เวลาใส่ห้ามย่นลงไปที่ข้อเท้า แล้วก็ห้ามพับด้วย ส่วนรองเท้านักเรียนจะเป็นรองเท้าหนังค่ะ สำหรับกระเป๋านักเรียนร.ร.มิลค์จะเป็นสีน้ำเงิน มีตราร.ร.สีเขียวอยู่ตรงมุมค่ะ ส่วนผม จะปล่อย จะเกล้า จะมัด จะทำดังโงะ ก็ได้ทั้งนั้นค่ะ ซอยสั้นก็ได้ เพื่อนผู้หญิงที่อยู่ชมรมกีฬานี่ ตัดสั้นเหมือนผู้ชายเลยค่ะ 5555 จริงๆ ร.ร.ที่ญี่ปุ่นก็จะมีการตรวจระเบียบนักเรียนเหมือนกันค่ะ โดยกฎทั่วๆ ไปสำหรับทุกโรงเรียนก็จะมี ห้ามทำสีผม ห้ามใส่เครื่องประดับทุกอย่าง รวมถึงต่างหูด้วยค่ะ ห้ามแต่งหน้า เป็นต้น ส่วนเรื่องกระโปรง เด็กผู้หญิงญี่ปุ่นก็ชอบพับกระโปรงเหมือนกันค่ะ เพื่อนบางคนนี่พับ 4-5 ทบกันเลยทีเดียว ร.ร.มิลค์ไม่ค่อยเคร่งเรื่องกระโปรงสั้นค่ะ แต่บางโรงเรียนก็โดนเหมือนกัน


                  สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นยังไม่หมดแค่นี้ ใครอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ก็ติดต่อมาได้ค่ะที่ http://my.dek-d.com/Milky_Milk ส่วนใครที่อยากไปเรียนที่ญี่ปุ่น และมีโอกาส แนะนำว่าอย่าพลาดเด็ดขาดค่ะ เพราะสิ่งที่เราจะได้นั้น ไม่ใช่แค่ภาษาตามที่หลายๆ คนเข้าใจ แต่มันเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากที่สุดเลยค่ะ
 

                  โอ้โห ใครบังอาจมาเม้าท์ว่าชุดนักเรียนโรงเรียนนี้ไม่สวยอะ พี่เป้ ว่าสีเขียวแบบนี้ดูคลาสสิคดีออกเนาะ น่ารักไปอีกแบบ แต่ราคาไม่น่ารักเลย 5555 T^T แพงได้ใจ .... ส่วนน้องๆ คนไหนมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากเอามาแบ่งปันกับเพื่อนๆ แบบนี้ ก็ส่งมาให้ พี่เป้ ได้ที่ pay@dek-d.com เหมือนเดิมเลยนะ

เด็กดีดอทคอม :: ใครอยากไปเรียนต่อเกาหลี ... ต้องอ่าน !!
แฟนเพจ facebook ของคอลัมน์เรียนต่อนอก
Facebook.com/studyabroadfan

เด็กดีดอทคอม :: 3 ประเทศที่มีสงกรานต์เหมือนเมืองไทย; tags: holi, tomatina, สี, อินเดีย, โปแลนด์, สเปน, เทศกาล, ประเพณี, สงกรานต์

หากต้องการนำบทความไปเผยแพร่ยังเว็บไซต์อื่นกรุณาอ้างอิงถึงแหล่งที่มา
หรือหากต้องการนำไปใช้อย่างเป็นทางการ กรุณาติดต่อทีมงานเจ้าของบทความ

  

 

ผู้หญิงสมัยนี้ "สวย" อย่างเดียวไม่พอ

แต่ต้อง "เก่ง" และ "ใจเด็ด" แบบนี้ !!
 

ไป Work&Travel คนเดียว

แบบไม่ง้อใครทั้งนั้น !!!

 

Available on Dek-D,com ,
Study Abroad Column
Thursday 30 Sep 2010

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
Sareena Fairris [LadyVampire] Member 23 ก.ย. 53 08:36 น. 6
=[]=! แอบช็อกกับราคาชุด
นัทเองก็เรียนภาษาญี่ปุ่น แอบคิดอยู่ว่าจะได้ไปเรียนที่นั่นบ้างรึเปล่า = =
ท่าทางจะไม่รอดแฮะ ราคาแพงหูฉี่มากเลยค่ะ _ _;;
ที่ไทยนี่แหละ สะดวกสุดแล้ว
แล้วเรื่องเรียน ที่ญี่ปุ่นตรงต่อเวลามากจริงๆ =O=
แต่ที่ไทย... อย่างที่ คห.5 ว่า ออดดังยังนั่งเรียนเลย =w=

อยู่ไทยนี่แหละ สบายสุดแล้ว :) 55+

0
กำลังโหลด

61 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
shan-san Member 23 ก.ย. 53 08:22 น. 5

โห ขอบเรื่องที่เค้าตรงต่อเวลามากๆเลยค่ะ ^^
พี่ไทย ออดดังยังนั่งเรียน T_T

และชุดน่ารักมากกกก อยากเห็นเป็นสีแดง ชมพู หรือฟ้าบ้าง (เปิดเน็ตหาเอาก็ได้)
ดีเนอะ มีชุดหน้าร้อนกับหน้าหนาว

และ...นอกเรื่อง ชอบดงบังเหมือนกัน คึคึ

0
กำลังโหลด
Sareena Fairris [LadyVampire] Member 23 ก.ย. 53 08:36 น. 6
=[]=! แอบช็อกกับราคาชุด
นัทเองก็เรียนภาษาญี่ปุ่น แอบคิดอยู่ว่าจะได้ไปเรียนที่นั่นบ้างรึเปล่า = =
ท่าทางจะไม่รอดแฮะ ราคาแพงหูฉี่มากเลยค่ะ _ _;;
ที่ไทยนี่แหละ สะดวกสุดแล้ว
แล้วเรื่องเรียน ที่ญี่ปุ่นตรงต่อเวลามากจริงๆ =O=
แต่ที่ไทย... อย่างที่ คห.5 ว่า ออดดังยังนั่งเรียนเลย =w=

อยู่ไทยนี่แหละ สบายสุดแล้ว :) 55+

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Tsukiyo Member 23 ก.ย. 53 09:19 น. 10
โฮกกกก อยากไปญี่ปุ่น T[ ]T !!!

เคยคิดว่าถ้าได้ไปเรียนแล้วอยากซื้อชุดเก็บไว้ แต่เจอราคาแล้วไม่เอาดีกว่า (ฮือ T_T)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เกิร์ล-ออร์-เกิร์ล Member 23 ก.ย. 53 10:28 น. 12
ถ้าอยากได้ชุดราคาถูกก็ไม่ยาก เอาเเบบชุดที่โรงเรียนเขาต้องการเเล้วมาตัดเองดิหรือสั่งตัดที่ไทยก็ได้

อย่างมากไม่เกินพันหรือสองพันหรอก (คิดเเบบคนงกๆ)

เเต่อาจจะสองพันกว่าก็ได้ เดี๋ยวเนี่ย ร้านที่เขารับตัดคอสเพลย์จะตีราคาค่าชุดสูงเกินจริง

(สมมติเอาง่ายๆ เสื้อเอาผ้ามาซัก1-1.30เมตร ส่วนกระโปรงเอามาซัก1เมตรก็พอ รวมเบ็ดเสร็จ500-1,000 เเล้ว2,500เนี่ยค่าอะไร? ช่างตัดบอกว่า เป็นค่าเอาผ้ามาเย็บกัน-_-...บวกไป1,500บาท ระวังด้วยล่ะ ช่างอาร์ตๆเดี๋ยวนี้เยอะ)

555+
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
@.@Mindpain*-* Member 23 ก.ย. 53 14:30 น. 17
โอ้วววว ญี่ปุ่นเค้าก็พับกระโปรงกันด้วย 0.o

แบบว่า เหตุผลหนึ่งที่อยากไปญี่ปุ่นก็เพราะ ชุดนักเรียนนี่แหละ เหอๆ - -
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ame_thyst Member 23 ก.ย. 53 17:44 น. 20

เหอะ ๆๆ ราคาไม่น่าคบแบบนี้ใส่แบบของไทยดีกว่า แค่ชุดเครือเซนต์ปอลก็ว่าแพงแล้วนะ เจอของญี่ปุ่นนี่ถูกไปเลย

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด