มารู้จัก "สีหน้า" ในภาษาอังกฤษ

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com กลับมาพบกับ English Issues และ พี่พิซซ่า กันอีกแล้วนะคะ วันนี้เรามาพูดเรื่องสีหน้ากันดีกว่า เพราะเป็นที่ถกเถียงกันเยอะมากเลยว่าทำไม "ฟกช้ำดำเขียว" ของเรา ถึงกลายเป็น black and blue ในภาษาอังกฤษ น่าคิดเนอะ พี่ก็เลยไปหา "สีหน้า" อื่นๆ มาให้รู้จักกันค่ะว่าในภาษาอังกฤษเขามีสีอะไรกันบ้าง



สีหน้าบอกอารมณ์ Facial Expression


 


blue in the face [ADJ] โกรธจนตาเขียวปั๊ด

     The boss was blue in the face because his employees were late. 
     บอสโกรธจนหน้าเขียวเพราะลูกน้องมาสาย


     คล้ายกับฟกช้ำดำเขียวเลย ดูท่าว่าเขียวของเราจะกลายเป็น blue บ้านเขานะคะ ต่อไปลองไปดู green ของเขากันดีกว่า

 






green in the face [ADJ] หน้าซีดเพราะรู้สึกคลื่นเหียนอยากอาเจียน, หน้าถอดสีหลังพบว่าคนอื่นมีดีกว่าและอิจฉาเขา 

     He was green in the face before he vomited. 
     เขาหน้าซีดลงถนัดตาก่อนจะอาเจียน (จะดูเขียวซีดๆ แบบพะอืดพะอมค่ะ)

     Bill was green in the face when he saw my new car. 
     บิลหน้าถอดสีเมื่อเห็นรถใหม่ของฉัน (ประมาณว่าบิลดูถูกฉันมาตลอดว่าไม่มีปัญญามีรถหรอก แต่พอเห็นว่าฉันขับมินิคูเปอร์ก็เงิบซะซีดไปเลย 555)




     ทีนี้ต้องระวังซะแล้วแหละ เพราะถ้าเราจำผิดจะบอกว่าเมื่อวานไปช่วยนางเอกจากกลุ่มผู้ร้ายจนผิวช้ำ แต่ดันพูดว่าเรา "หน้าเขียว" ก็จะฟังดูเหมือนว่าจะไปช่วยนางเอก แต่กลุ่มผู้ร้ายน่ากลัวมาก และพวกนั้นก็รุมเราจะจนอ้วกเลย เอิ่มมม... หมดกันภาพลักษณ์พระเอกในดวงใจสาว


 





purple in the face [ADJ] หน้าแดงก่ำเพราะเจ็บหรือโกรธ 

     I went purple in the face when he tripped me. 
     ฉันหน้าแดงก่ำเพราะเจ็บที่เขามาสะดุดฉัน


     ปกติรอยช้ำเราจะเขียวๆ ม่วงๆ แต่ถ้าเรื่องโกรธควันออกหูเนี่ย เราจะโกรธจนหน้าแดงก่ำ แต่ในภาษาอังกฤษใช้สีม่วงแทนค่ะ ก็ไม่ได้โกรธแค้นมากถึงขนาดต้องทำร้ายกันหรอกนะคะ แต่ว่ามันเป็นสีหน้าที่ใช้สื่ออารมณ์ทั้งเจ็บทั้งโกรธ เจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้พยายามไม่ระเบิดอารมณ์ใส่คนที่มาชนเรา เป็นความรู้สึกที่พี่จะเข้าใจดีมากเวลาเดินเตะขาโต๊ะหรือขาเก้าอี้ที่บ้านค่ะ เจ็บโคตรๆ แต่ได้แค่โมโหตัวเองในใจ T___T






red in the face [ADJ] หน้าแดงเพราะเขินอาย, อับอาย, เสียฟอร์ม 

     He said the wrong name and went red in the face. 
     เขาพูดชื่อผิดเลยอายจนหน้าแดง


     อันนี้จะคล้ายกับของเราค่ะ ถ้าอยู่ๆ หนุ่มที่เราแอบปิ๊งมานานเดินมาคุกเข่าแล้วมอบกุหลาบช่อโตให้เราหน้าเสาธงโรงเรียนหลังเคารพธงชาติเสร็จเนี่ย เราคงจะหน้าแดงแจ๋แบบไม่ต้องพึ่งบลัชออนกันเลยทีเดียว ความรู้สึกเขินอายแบบนั้นก็ใช้ red ได้ค่ะ >_<




     ส่วนกรณีของอับอายนั้น ก็เอาเป็นว่าเหตุการณ์เหมือนเมื่อกี้ แต่คนมอบดอกไม้ดันเป็นคนที่เราไม่ชอบเลยซักนิด แล้วไม่ได้แค่มอบช่อดอกไม้ แต่ดันร้องเพลงบอกรักเมดเล่ย์รวด 5 เพลงต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน ความรู้สึกอายจนอยากต่อยคนนั้นให้สลบคาไมโครโฟนโรงเรียนก็คือความรู้สึกที่ส่งผ่านมาทางสีหน้าเป็นสี red ค่ะ

     สำหรับเรื่องเสียฟอร์มนั้น คิดซะว่าเป็นความรู้สึกของคนที่เราต่อยสลบคาไมโครโฟนโรงเรียน เพราะเมื่อวานเขาดันโม้ไปทั่วว่าถ้าบอกรักแบบนี้ต้องโอเคชัวร์ แต่ดันมาสลบซะงั้น ลองนึกภาพว่าพอเขาฟื้นแล้วเดินไปไหนมาไหน คนทั้งโรงเรียนคงแอบหัวเราะคิกคักใส่แน่ๆ ทั้งอายทั้งเสียฟอร์มเลย

     หรือจะเป็นสถานการณ์ที่เป็นตัวแทนนักเรียนกล่าวรายงานบนเวที แต่ดันอ่านชื่อผู้อำนวยการโรงเรียนผิดจาก "นาย" เป็น "นาง" แค่คิดก็น้ำตาไหลแทนแล้ว 




     นอกจากนี้ยังใช้ได้ในกรณีโดนจับไต๋ได้ด้วยนะคะ เช่นอยากจะแกล้งจ๊ะเอ๋ให้เพื่อนตกใจ เลยไปแอบหลังประตู แต่เพื่อนดันรู้ทันโผล่มาด้านหลังเราแทน หรือว่าอยากจะแอบจิ๊กลูกอมเพื่อนไปกินอีกอัน แต่เพื่อนรู้ทันโดยการเอาเปลือกลูกอมที่กินแล้วไปห่อยางลบแล้วใส่ไว้ให้เราหยิบ ที่เราทำได้คงแค่หัวเราะแหะๆ และหน้าแดง อายที่โดนรู้ทัน แบบนี้ก็ใช้สี red สื่อได้เหมือนกันค่ะ 




ทวนกันอีกครั้งกันลืมนะคะ


blue คือ โกรธจนหน้าเขียว (จะตาเขียวปั๊ดด้วยก็ได้)

green คือ หน้าซีดจะเป็นลม พะอืดพะอมอยากอาเจียน
หรือหน้าเงิบๆ แบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

purple คือ ทั้งเจ็บทั้งโมโหจนหน้าแดงก่ำน้ำตาเล็ดนิดๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

red คือ หน้าแดงด้วยความเขินอายอย่างมีความสุข อับอายอย่างมีความทุกข์
เสียฟอร์มจนเดินแทบสะดุด หรือเวลาโดนคนรู้ทันจับไต๋ได้จนต้องหัวเราะแห้งๆ




     จากทั้ง 4 สีนี้พี่ขอให้ You all go red in the face because of your happiness and success. น้องๆ ทุกคนเขินจนหน้าแดงเพราะมีแต่ความสุขและความสำเร็จนะคะ ^_^ แต่ก่อนจากกันวกมาที่เรื่องของ "ฟกช้ำดำเขียว/black and blue" กันอีกครั้งว่าทำไมถึงต่างกัน เท่านี้ค้นคว้ามามีอยู่ 2 ทฤษฎีค่ะ นั่นคือชาวยุโรปมีผิวขาวซีดกว่าเรา เมื่อเกิดรอยช้ำจึงเห็นเป็นสีที่ค่อนไปทางสีครามซะมากกว่า ส่วนไทยเราจะดูค่อนมาทางเฉดสีเขียวซะมากกว่า (ต้องทดลองตีกับเพื่อนต่างชาติดู)

     และอีกทฤษฎีคือมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะหาคำอธิบายได้ เพราะมันก็เหมือนกรณีที่เป็ดไทยร้องก๊าบๆ แต่เป็ดฝรั่งร้องแคว่กๆ เพราะเราไม่รู้ว่าเป็ดมันพูดกันคนละภาษา หรือว่าหูคนเราได้ยินแล้วถอดเป็นตัวหนังสือที่ต่างกันก็ไม่รู้ ??? ใครมีทฤษฎีอื่นก็แชร์กันได้นะคะ วันนึงอาจจะมีคนพิสูจน์ได้ว่าทฤษฎีเรามีแนวโน้มที่จะเป็นจริง


ภาพประกอบจาก
angrybirdsfanon.wikia.com, designyoutrust.com
pixar.wikia.com, www.redorbit.com
cambioazul.blogspot.com, www.quotev.com
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
กำลังโหลด

15 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เSจัง 21 ม.ค. 57 03:34 น. 10
จะจำไว้ให้ขึ้นใจเลยค่ะ เหมือนภาษาเยอรมันก็คล้ายๆ กันเนี่ยแหล่ะ แต่แอบมีสีดำ สีเหลืองอะไรแทรกมาด้วย คนละอย่างกับบ้านเราเลย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
¦ MITUИΛ`★ Member 21 พ.ค. 57 17:51 น. 14

อันนี้ใช้ I went เหรอคะ? 
แอบงง ใครทราบรบกวนอธิบายใ้ห้ทีนะคะ 

งงว่าทำไมไม่ใช่ I was 55555
#ถ้าถูกแล้วก็ขอโทษด้วยค่า

3
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด