"ลิทัวเนีย" ครั้งหนึ่งในชีวิตกับงานอาสาสมัครสุดคุ้ม

        สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกเช่นเคย สำหรับเรื่องที่นำมาฝากวันนี้ มาจากประเทศที่พอได้ยินชื่อแล้วคงต้องนั่งคิดกันนานนิดนึงค่ะว่า เอ๊ อยู่ตรงไหนบนแผนที่โลกนะ?? .... "ลิทัวเนีย" น้องๆ เคยได้ยินชื่อประเทศนี้มั้ยคะ ประเทศนี้อยู่ในยุโรป ถึงจะไม่ได้คุ้นหรือดังเหมือนฝรั่งเศส อังกฤษ หรืออิตาลี แต่ก็น่าสนใจมาก บอกเลย!
   

     
     สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคนนะครับ หลังจากที่เป็นผู้อ่านมานานวันนี้จะขอเป็นผู้เขียนบ้าง แนะนำตัวก่อนเลยนะครับ ชื่อนายพลกฤษณ์  คำภีร์  (แบงก์) อายุ 19 ปี  เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 กำลังจะขึ้นชั้นปีที่ 2 ศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยสหวิทยาการ สาชาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ (PPE) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 


      ปิดเทอมที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปเป็นอาสาสมัครฝึกงานต่างประเทศกับ AIESEC หรือ องค์กรนักศึกษานานาชาติที่มีเครือข่ายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก เหตุผลที่ผมเลือก AIESEC นั้น เพราะเอาจริงๆ คือผมงบน้อยครับ ไม่อยากใช้เงินแม่เยอะ และอยากไปเมืองนอกในฐานะอาสาสมัครแนวแบบทำค่าย สอนหนังสือ หรือทำอะไรที่มีประโยชน์ต่อคนที่นู่น และเนื่องด้วยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้นมีศูนย์ AIESEC อยู่ จึงทำให้การประสานงาน การเตรียมตัวทุกอย่าง และการสอบสัมภาษณ์ของผมง่ายมากครับ เพราะพี่ๆ ทีมงาน AIESEC Thammasat ดูแลดีมาก 



      ประเทศที่ผมไปนั้นคือประเทศลิทัวเนีย (Lithuania) หลายๆคนอาจจะไม่รู้จักประเทศนี้มาก่อน ผมก็เพิ่งรู้จักก่อนไปไม่นานครับ 5555  ลิทัวเนียเป็นประเทศในยุโรปแถบทะเลบอลติก มีอาณาเขตติดกับประเทศโปแลนด์ ลัตเวีย และรัสเซีย ผมไปอยู่ที่ลิทัวเนีย 7 อาทิตย์ครับ แต่ด้วยความที่ลิทัวเนียมีสถานีขนส่งรถโดยสารที่ไปประเทศอื่นได้ในราคาที่ถูกมาก วันว่างจากวันงานผมก็มีนั่งรถไปเอสโตเนียและโปแลนด์  นอกจากนั้นทางโปรเจคท์ยังมีพาไปทริปพักผ่อนที่ลัตเวียอีกด้วย เรียกว่าคุ้มมากไป 4 ประเทศเลย และค่าตั๋วรถที่ลิทัวเนียถูกมากๆ ครับ



 


   


    
เหตุผลที่ผมเลือกไปลิทัวเนียนั้น เพราะผมรู้สึกว่ามันใหม่ และน้อยคนจะมีโอกาสได้ไป เพราะไม่มีสถานทูตลิทัวเนียในไทยครับ แล้วคนไทยจะเข้าประเทศลิทัวเนียยากมาก แต่พอไปกับ AIESEC ทุกอย่างเลยง่ายมากครับทั้งวีซ่าและการเข้าเมือง ลิทัวเนียเป็นประเทศไม่ใหญ่และไม่เล็กครับ ติดกับทะเลบอลติกด้วย ผู้คนที่นู่นจะเป็นมิตรแค่เด็กกับวัยรุ่นครับ เขาจะเฟรนด์ลี่มากๆ แต่ถ้าผู้ใหญ่กับคนแก่เขาจะไม่ชอบคุยกับต่างชาติเท่าไรครับ เพราะลิทัวเนียเป็นประเทศที่ได้รับอิสรภาพไม่นาน ทัศนคติต่อคนต่างชาติของสงครามต่างๆ ก็ยังอยุ่ในใจพวกผู้ใหญ่ครับ แต่เขาก็ไม่เลวร้ายอะไรชนาดนั้นครับ แค่บางคนมากกว่า 

      สิ่งที่ผมชอบมากคือที่ลิทัวเนียไม่มีคนเอเชียครับ 555 คือปกติเราจะเห็นคนจีนไรงี้ทั่วทุกมุมโลก แต่ที่นี่ไม่มีคนเอเชียครับ ตอนอยู่ที่สนามบินพอลงเครื่องปุ๊บ คือคนเขาก็จ้องเลยครับ แบบจ้องจนเราเกร็ง 5555 พออยู่ไปอยู่มาก็เริ่มชิน เพราะเหมือนบางทีเราไปซูเปอร์มาร์เก็ตกับเพื่อนสิงคโปร์ 
คนก็จ้องกัน 555 บางคนก็ถามคำถามตลกๆ แบบ ที่ไทยมีถนนมั้ย ที่ไทยมีมันฝรั่งไหม ที่ไทยมีกวางไหม 55555 เราก็ขำดีครับตลกดี ส่วนอาหารที่นี่จะเน้นมันฝรั่งครับ แบบคนไทยกินข้าว คนลิทัวเนียกินมันฝรั่ง 
     

       ลิทัวเนียเป็นประเทศที่ท้องฟ้าสวยมากๆ ครับ แล้วฤดูร้อนคือพระอาทิตย์ตกดินตอนเที่ยงคืน และขึ้นตอนตี 3 ครับ 555555  คือบางทีผมกลับหอดึกกว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ตี 3 หัวยังไม่ทันจะถึงหมอน พระอาทิตย์ก็ขึ้นซะแล้ว แล้ว 3 อาทิตย์แรกที่ไปถึงคือฤดูร้อนที่นู่นอากาศ 8 – 15 องศาครับ คือหนาวมาก นี่ฤดูร้อนนะ 55555 แต่หลังจากนั้นก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ร้อนสุดของประเทศเขาก็ประมาณ 25 องศาเองครับ สบาย


     

      โปรเจคท์ที่ผมเข้าร่วมนั้นชื่อโปรเจคว่า Summer to Discover หรือการสร้างค่ายฤดูร้อนให้เด็กๆ อายุระหว่าง 8 – 15 ปีเป็นเวลา 3 อาทิตย์ครับ แต่ก่อนหน้าเราจะเริ่มโปรเจคท์แบบจริงจัง เราก็มีการอุ่นเครื่องด้วยการไปสอนหนังสือน้องๆ ที่ยากไร้ และมีไปเล่นกับน้องๆ ที่พิการทางสมอง เรียกได้ว่าได้ทั้งเที่ยว ทั้งทำบุญ ทั้งมิตรภาพจริงๆ เพื่อนร่วมโปรเจคท์ของผมนั้นมาจาก 10 ประเทศครับ คืออาเซอร์ไบจาน   ตุรกี   สิงคโปร์   ไต้หวัน  ฮ่องกง  สโลวาเกีย  อินเดีย  กรีซ  อินเดีย มาเลเซีย  และไทยก็คือผมเองนั่นเอง แต่ละประเทศจะมีตัวแทนมาประเทศละ 1 คนครับ แต่ตุรกีจะมี 2 คน เพราะ 2 คนนั้นได้คะแนนสัมภาษณ์เท่ากัน

 

       อาทิตย์แรกของการอยู่ที่นู่นเรียกได้ว่าเป็นอาทิตย์ของการปรับตัวเลย คือต่างคนต่างที่มา ภาษาอังกฤษนี่คนละสำเนียงเลยครับ 5555 แบบตอนแรกคุยกันไม่รู้เรื่องเลย  แต่โชคดีที่โปรเจคท์นี้คนเอเชียเยอะ สำเนียงและวัฒนธรรมเลยพอคล้ายๆ กันบ้างเลยพอมีเพื่อนคุยตอนแรก 555 ขนาดคุยในโปรเจคท์ยังดูยุ่งขนาดนี้ แต่บอกเลยว่ามียุ่งกว่านี้แน่นอน เพราะบางครั้งเราก็มีการนัดมีตติ้งกับอาสาสมัครต่างโปรเจคท์ ซึ่งบอกเลยได้เพื่อนเกือบจะครึ่งโลกเพราะต่างโปรเจคท์ที่เจอมาจากคาซัคสถาน  เติร์กเมนิสถาน  บราซิล  เซอร์เบีย  จีน  โปรตุเกส  เบลเยี่ยม  แม็กซิโก อิตาลี โปแลนด์ อียิปต์ ตรูนิเซีย และอังกฤษ คือตอนเจอกันครั้งแรกนี่เป็นอะไรที่ยุ่งเหยิงมากแต่เราก็สนิทกันมากครับ 
     

       ตอนทำโปรเจคท์ ตอนแรกคิดว่าจะสบายๆ ปรากฏว่าเราต้องวางแผนทุกอย่างเองหมดเลยทั้งกิจกรรม สปอนเซอร์ การโปรโมต สถานที่  คือแบบเป็นอะไรที่ยุ่งเหยิงมากเพราะอาสาสมัครในทีมนั้นทุกคนเป็นเด็กมหาวิทยาลัยหมดเลยครับ คืออายุไล่เลี่ยกันหมด บางทีมีกระทบกระทั่งกันบ้าง เพราะเวลาทำงานทุกคนก็อยากให้มันดีที่สุด ความคิดไม่ตรงกันก็มีปากเสียงบ้าง แต่ก็สุดท้ายก็รักกันเหมือนเดิม

       แต่ก็มีเพื่อนคนนึงในโปรเจคท์ที่ทนแรงกดดันและความต่างของวัฒนธรรมไม่ไหวจึงขอถอนตัวไปก่อนจะจบโปรเจคท์ อยากจะฝากถึงคนไทยเลยว่าเวลาไปต่างแดนอย่าเกรงใจ อย่าใจดีครับ คือนี่ไม่ได้ชมตัวเองนะ 5555 แต่เพื่อนต่างชาติบอกเหมือนกันว่าผมใจดีเกิน เกรงใจเกิน แต่คือคนอื่นเค้าไม่ครับ ถ้าไม่ชอบเขาพูดเลยว่าไม่ชอบ ไม่ทำคือไม่ทำ ไม่เอาคือไม่เอา ไม่มีมานั่งเกรงใจรักษาน้ำใจแบบคนไทย ผมก็ปรับตัวพอสมควรนะเพราะจริงๆ เป็นคนคิดมากครับ บางทีคำพูดตรงๆ ของเขาก็ทำเราเอามาคิดได้ แต่หลังๆ ก็ชินครับ ยิ้มและปรับตัวครับ 555 

   
     
      จำได้ว่าคืนก่อนวันค่ายนี่กดดันมาก นอนไม่หลับ กลัวเด็กๆ ไม่ชอบค่าย กลัวเขาไม่สนุกกับสิ่งที่เราเตรียมไว้ คือด้วยความที่คนที่นู่นไม่รู้จักประเทศไทยเลยครับ ย้ำว่าไม่รู้จักประเทศไทยเลย คือจำได้ว่าคนแรกที่มาคุยเรื่องประเทศไทยกับผมคือ the capital of Thailand is Hong Kong บางคนก็คิดว่า Thailand = Taiwan บางคนก็คิดว่าประเทศไทยนั่นอยู่ในอเมริกาเหนือ บางคนคิดว่าไทยอยู่แอฟริกา คือด้วยความที่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศไทย มันยิ่งทำให้ผมกดดันเพราะเหมือนผมเป็นตัวแทนประเทศที่จะมาเผยแพร่ความเป็นไทย


 
       นอกจากนี้ในค่ายยังมีช่วง Culture time หรือพูดง่ายๆ ก็คือเวลาเสนอประเทศของแต่ละคนต่อเด็กๆ ในค่ายนั่นเอง ตอนแรกกดดันมากเพราะทุกอย่างต้องเป็นภาษาอังกฤษ บางประเพณีของไทยนั้นยากที่จะอธิบายให้เด็กอายุ 8-15 ปีเข้าใจในภาษาอังกฤษ แต่ก็เต็มที่ครับ พอเสร็จคือโล่งมาก คือยิ้มแก้มปริเลยครับ คือน้องๆ และเพื่อนๆ บอกประมาณว่า “เนี่ยไม่เคยคิดเลยว่าประเทศไทยจะสวยขนาดนี้”, “จะเก็บเงินไปไทยให้ได้” คือมันรู้สึกดีมากจริงๆ ในตอนนั้น  ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ในค่ายก็ผ่านไปด้วยดีครับ มีปัญหาบ้างประปรายแต่เราก็พยายามแก้มันให้ดีที่สุด 

   
      
      ระหว่างโปรเจคท์คือบ่นบ่อยมาก คือขี้เกียจมาก คือนอนน้อยมาก แต่มันคือหน้าที่ครับ เราต้องรับผิดชอบเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องสู้ เราได้โอกาสมาแล้วต้องทำทุกวินาทีให้มีค่า วันค่ายจบร้องไห้เลยครับเหมือนงานทุกอย่างจบแล้ว เหมือนเราทำสิ่งที่หวังสำเร็จแล้ว แบบเหมือนเราเอาชนะตัวเองด้วยที่เข้มแข็งถึงขนาดอยู่จนจบ ตอนนั้นภูมิใจมากครับ อวยตัวเอง 555 คือรู้สึกคุ้มมากกับการเดินทางครั้งนี้ รู้สึกตัวเองได้ทำอะไรที่มีค่ามากๆ ให้เด็กๆ  รู้สึกตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นมากๆ รับผิดชอบขึ้นมากๆ      
   
      ตอนส่งเพื่อนแต่ละคนกลับนั้น ร้องไห้หนักมาก คือเราสนิทกันมากๆ เราพักด้วยกัน กินด้วยกัน ทำงานด้วยกัน หัวเราะ ร้องไห้ด้วยกัน คือเราผูกพันกันมาก แต่ระยะทางก็ไม่ใช่ปัญหาครับเพราะปัจจุบันเราก็ยังคุยกันเหมือนเดิมใน Facebook เราสนิทกันเหมือนเดิมครับแม้พวกเราต่างก็รู้ดีว่ามันยากมากกกกกกกกกกกกกก ที่พวกเราทั้งหมดจะกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง แต่พวกเราก็หวังกันว่าจะเจอกันอีก 5555

   
   
     
       สุดท้ายนี้ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการขอบคุณทุกคนที่ทำให้ผมได้มีโอกาสเจอสิ่งดีๆ แบบนี้ ขอบคุณคุณแม่ และน้องทั้ง 2 คน ที่อยู่ข้างๆ มาตลอด คอยสนับสนุนทุกอย่างที่ผมอยากทำ ขอบคุณญาติๆ ทุกคนที่สนับสนุนผมเช่นกัน ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านที่เคยสอนผมมา โดยเฉพาะอาจารย์โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ขอบคุณ AIESEC Thammasat โดยเฉพาะพี่วินเนอร์ที่คอยช่วยเหลือในทุกๆ เรื่อง ทำให้ปวดหัวเลยสิ 555 ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคน และขอบคุณ Dek-D ที่ให้ผมได้ใช้พื้นที่ตรงนี้ได้บอกต่อสิ่งดีๆครับผม ^_________________^  ชีวิตมันสั้นนะครับ อยากทำอะไรทำเลย ใครมีอะไรสงสัยหรือมีแผนจะไปเที่ยวลิทัวเนียสอบถามได้นะครับ FB : Bank-shy Berry

       

       อื้อหือ อ่านแล้วรู้สึกคุ้มแทนเลยค่ะ คุ้มที่ได้ลองไปประเทศที่ไม่ค่อยมีคนไทยไปมากนัก(แบบว่าไม่ซ้ำใคร) แถมยังคุ้มที่ได้ไปทำกิจกรรมดีๆ ได้ประสบการณ์อลังการที่นั่นด้วย สุดยอดเลยเนาะ ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกอยากแบ่งปันเพื่อนๆ แบบนี้บ้าง ก็เขียนแล้วส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com เลยค่ะ เดี๋ยวนำมาลงให้จ้า

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

6 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
Kanidta Chambers Member 11 ก.ย. 57 18:26 น. 3

เราชอบอ่านประวัติศาสตร์ค่ะ เราพอรู้จักลิทัวเนียอยู่บ้างค่ะ แรกๆเรารู้จัก แต่ไม่ได้สนใจ แต่ไปๆมาๆก็เริ่มสนใจ เพราะชอบประเทศในทวีปยุโรป ทางเหนือกับตะวันออกมากๆ เพราะอากาศเย็น วิวสวย ๕๕๕ อยากจะไปเที่ยวยุโรปสักครั้ง แต่คงอีกนาน ยังอยู่ในช่วงอายุที่ยังทำมาหากินไม่ได้เลย XD

โตไปจะเป็นแบบพี่ให้ได้เลยค่ะ แน่นอน

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Smooth As Silk Member 27 ก.ย. 57 00:33 น. 5

น้องๆคนไหนที่สนใจ โครงการ Aisec นะคะ รายละเอียดคราวๆจากที่รู้มานะคะ ค่าโครงการ 11,000 บาท จะไปช่วงปิดเทอม คือ เดือนมกราคา กับ หลังพฤษภาคม  ส่วนค่าตัว ค่าวีซ่า น้องต้องออกเองค่ะ สามารถไปได้ 124 ประเทศ

อายุไม่เกิน 30 ปี สามารถมา

สมัครสมาชิก Aisec ได้ค่ะ 

ปล. เอาข้อมูลมาจาก ศูนย์ Aisec ม.เกษตรศาสตร์ ค่าา
 

0
กำลังโหลด
I.P.P Member 3 พ.ย. 57 09:08 น. 6

เพิ่งอยู่ม.4 แต่น่าสนมากกกๆ *-* อยากเป็นมั่งแล้วสิ ยิ่งเด็ก 8-15 ปี กำลังดี55+ เล็กกว่านั้นกลัวเด็ก ><

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด