1 ปีชีวิตนักเรียนในอเมริกา คุ้มค่ากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

       สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกเช่นเคย^^ สำหรับเรื่องที่นำมาฝากวันนี้เป็นประสบการณ์นักเรียนแลกเปลี่ยนในอเมริกาค่ะ คุ้มค่ามากๆๆ ที่จะอ่าน เพราะน้องเจ้าของเรื่องเค้าทำกิจกรรมนู่นนี่เยอะมาก เรียกว่าใช้ชีวิตได้คุ้มจริงๆ เลย!


 
   สวัสดีครับ ผมชื่อ "ปลื้ม พงษ์พิศาล" เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ AFS รุ่นที่ 52 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้ทุน100% จากบริษัท Chevron ครับ คือทุนของลูกบุคลากรในบริษัท Chevron Thailand ครับ ก็จะสอบพร้อมเด็กเอเอฟเอสธรรมดาเลย แต่เวลาสัมภาษณ์จะมีแยกห้องไปสัมภาษณ์ครับ

   เชื่อว่าอเมริกาคงเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่เด็กไทยเลือกกัน แต่ที่จริงแล้วผมอยากไปประเทศสเปนครับ 555 แต่เพราะว่าได้ทุน แล้วก็ทำให้รู้ว่าตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ที่มาอเมริกา สิ่งที่จะเล่าให้ฟังนี่คือเหตุการณ์แบบคร่าวๆ ถ้าให้เล่าละเอียดคงจะรวบรวมเป็นหนังสือได้หลายๆ เล่มเลยครับ555 
      
       สำหรับเมืองที่ได้ไปอยู่ชื่อว่า Mundelein และอยู่ในแอเรียทีมของชิคาโก้ เลยได้ไปชิคาโก้บ่อยมาก เช่นหลังเลิกเรียน ยิ่งช่วงก่อนกลับคือไปทุกวัน  หรือพูดว่าได้มาอยู่ชิคาโก้เลยก็ได้ครับ ที่นี่มีอะไรให้ทำหลายอย่างเลย ส่วนตัวเป็นคนชอบศิลปะ และชิคาโก้ก็เป็นเมืองแห่งศิลปะ เลยถือว่าตัวเองโชคดีครับ และทาง AFS เองก็จัดมีตติ้งอยู่เสมอๆ อาสาสมัครที่นี่ก็ดูแลดีมากๆ เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่ 3 ต่อจากครอบครัวจริงๆ และโฮสท์แฟมิลี่ได้เลย เคยแอบถามเจ้าหน้าที่ที่นี่ว่าทำไมถึงได้มาอยู่ชิคาโก้หรือเมืองใหญ่ๆ ก็ได้คำตอบว่าเค้าเลือกจากคะแนนภาษาอังกฤษ และจดหมายแนะนำตัวที่เราส่งให้ทางเอเอฟเอสครับ เพราะฉะนั้นเวลาสอบต้องตั้งใจดีๆ นะ 

     
     สำหรับโฮสท์แฟมิลี่ ตอนได้ข้อมูลนี่คือตื่นเต้นมากๆ โฮสท์พ่อเป็นนักบิน โฮสท์แม่เป็นครูและเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ที่ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อตอนปี 1976 ด้วย มีน้องฝาแฝดชายหญิงอายุ 10 ขวบ แมว 3 ตัว หมา 1 ตัว กระต่าย 1 ตัว แล้วก็ม้าอีก 1 ตัว ตอนได้รับข้อมูลก่อนไปก็คิดว่าบ้านนี้เพอร์เฟ็คท์ แต่เรื่องจริงก็ไม่เหมือนที่คิดไว้ซะทีเดียวครับ..

      
     คือในช่วงแรกๆ ที่ไปค่อนข้างครียดนิดหน่อย เพราะโฮสท์พ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน แล้วแม่จะยุ่งต้องดูแลน้อง และบ้านจะไม่เป็นระเบียบ(มากๆ) ไม่ตรงต่อเวลาเลย และเค้าเพิ่งย้ายบ้านมาจากบ้านหลังใหญ่มากๆ มาเป็นบ้านหลังธรรมดา ทำให้ของกองเต็มทุกห้อง เหลือแค่ห้องครัว 555 ช่วงนั้นหงุดหงิดมาก อยากเปลี่ยนโฮสท์เลย แต่สิ่งที่ทำให้ผมมีกำลังใจอยู่ต่อคือโรงเรียน เพราะถ้าเปลี่ยนโฮสท์อาจจะต้องย้ายโรงเรียนด้วย สุดท้ายผมก็มองข้ามข้อเสียของโฮสท์และอยู่ด้วยกันได้ เพราะจริงๆ แล้วเขาก็รับเรามาดูแลด้วยความบริสุทธิ์ใจและปรารถนาดีต่อเราจริงๆ โฮสท์แม่ก็คอยให้คำปรึกษาและแนะนำเพราะเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาก่อน


      ที่สำคัญครอบครัวนี้ชอบศิลปะเหมือนกัน เลยได้ไปดูงานแสดงศิลปะ และโชว์ต่างๆ อยู่เสมอๆ และถือว่าโชคดีที่ได้มาอยู่กับครอบครัวนี้ เพราะถึงแม้โฮสท์ไม่ค่อยมีเวลาพาไปไหนๆ แต่เค้าก็ให้อิสระกับเราที่จะเดินทางเอง เพียงแต่ต้องอยู่ในขอบเขต เรื่องแบบนี้ต้องแสดงให้เค้าเห็นว่าเรามีความรับผิดชอบและจะไม่ออกนอกลู่นอกทาง 

              
       โรงเรียนที่ผมไปอยู่ชื่อ Mundelein High School มีนักเรียนประมาณ 2,000 คน วันแรกที่ไปโรงเรียนคือน่ากลัวและทำอะไรไม่ค่อยถูกเลย  คือภายนอกคนอเมริกันอาจจะดูจริงจังหรือหยิ่งๆ แต่ถ้าเกิดได้รู้จักก็ะรู้ว่าเกือบทุกคนนิสัยน่ารักมากๆ โชคดีที่ทุกคนเป็นมิตรสุดๆ วิชาที่ลงก็มี 

1.) ทำอาหาร 
2.) US History วิชาที่หลายๆ คนบ่นไม่ชอบ แต่สำหรับผมคิดว่ามีประโยขน์ ทำให้เราเข้าใจสังคมอเมริกันมากขึ้น ได้เข้าใจว่าทำไมเค้าถึงคิดถึงทำแบบนี้ 
3.) Speech วิชาโปรดของผมเลยครับ เพราะคุณครูใจดีและเก่งมากๆ 
4.) AP Physics วิชาขาโหด รวมความรู้ฟิสิกส์ม.ปลายเมืองไทยทั้งหมดไว้ในเทอมเดียว ถ้าไม่พยายามจริงๆ อาจจะได้ D แบบผม 
5.) AP studio art บอกเลยว่าเหนื่อยมาก ต้องวาดรูปส่งทั้งหมด 24 รูป แต่ละรูปให้เวลาหนึ่งอาทิตย์ ต้องอึดและถึกทนจริงๆ แต่ก็ได้มี art show ของตัวเองครับ 
 6.) Track Gym คาบพละของนักกรีฑา ได้เพื่อนเยอะมากๆ

     
     ส่วนวิชาอื่นๆที่ลงก็มี ภาษาฝรั่งเศส, Honor Precalculus, Mythology ครับ ถึงที่ไทยจะอยู่ ม.5 แต่ก็ได้มาเป็นรุ่นพี่ที่นี่ครับ ได้เข้าร่วมพิธีเรียนจบด้วย แต่ได้แค่ honored diploma ไม่ใช่ใบจบม.6 ซึ่งใช้อะไรไม่ได้ :P แต่ควรค่าแก่การจดจำครับ ส่วนกิจกรรมที่ได้ทำ สำหรับที่โรงเรียนก็มีตั้งแต่ 

1. เข้าทีมอเมริกันฟุตบอล ซึ่งเหนื่อยสุดๆ แต่ก็สนุกสุดๆ เช่นกันครับ ต้องตื่นแต่ตีห้าครึ่งไปซ้อมที่โรงเรียนทุกวัน ตกเย็นมีซ้อมอีก แต่ทำให้เราได้เพื่อนที่สนิทเยอะมาก เพราะระหว่างซีซันทุกคนจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา 
2. มวยปล้ำ เป็นอะไรที่ไกลตัวมาก แต่อยากลอง 
3. เป็น tech team ของละครเวทีให้โรงเรียน พวกทำฉาก ควบคุมแผงวงจรอะไรอย่างงี้ครับ จริงๆ ไปออดิชั่นด้วย แต่ไม่ติด เพราะต้องขาดซ้อม 1 อาทิตย์เพื่อไปฮาวาย 

       
     สำหรับกิจกรรมที่ทำกับทางเอเอฟเอสจะเป็นพวกงานการกุศล เช่นไปแพ็คอาหารเก็บที่ Greater Chicago Food Depositiry เพื่อเตรียมให้คนยากไร้ หรือจะเป็นงานสังสรรค์ประจำเทศกาล และได้ไปเป็นสต๊าฟเวลาเด็กอเมริกันมาสอบสัมภาษณ์เพื่อจะไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศอื่น มีคนเลือกมาประเทศไทยด้วย 
     
       สำหรับเรื่องเที่ยวนี่ไม่มีพลาด นอกจากชิคาโก้ที่ไปบ่อยจนจะไม่รู้จะบ่อยยังไงแล้ว ช่วงหยุดคริสต์มาสโฮสท์ก็พาไปแอลเอ ตื่นเต้นมากเพราะโฮสท์พ่อไม่ได้ไป แถมโฮสท์แม่ก็หลงๆ ลืมๆ ไม่ค่อยรู้ทิศรู้ทาง ไอ้เราไม่รู้ก็ต้องมาช่วยลุ้นๆ หาทางกันไป ไฮไลต์ของทริปแอลเอคือการเดินทางช่วงขากลับ คือครอบครัวนี้เป็นครอบครัวนักบิน เลยได้ตั๋วเครื่องบินในราคาถูก แต่จะได้ตั๋วประเภท standby หรือก็คือจะได้ที่นั่งที่เหลือหรือว่างหลังจากโหลดผู้โดยสารจริงๆ เต็มเครื่องแล้ว แล้วคือช่วงนั้น(วันสิ้นปีพอดี) อยู่ระหว่างฤดูหนาวที่หนาวที่สุดในรอบหลายสิบปีของอเมริกา แล้วเผอิญว่าที่ชิคาโก้มีพายุหิมะ ทางสายการบินเลยแคลเซิลทุกไฟลท์ที่ไปชิคาโก้ในวันนั้น ซึ่งถ้าจะรอให้ได้ตั๋วแสตนบายจริงๆ คือต้องรอประมานสามวัน ตอนนั้นทุกคนแบบ ไปต่อไม่เป็นเลย 555 ไม่รู้จะทำยังไง


       สิ่งที่สายการบินแนะนำคือ ให้นั่งเครื่องไปลง St.Louis รัฐ Missouri แล้วหารถขับขึ้นมาชิคาโก้ ถ้าเวลาปกติจะขับรถมาชิกาโก้ใช้เวลา 4 ชั่วโมง แต่ถ้าให้ขับในคืนปีใหม่ภายใต้พายุหิมะ คงจะไม่ถึง 555 ระหว่างช่วงเวลาอันตึงเครียดนั้นเอง พอดีมีโทรศัพท์เข้าเครื่องโฮสท์แม่ ซึ่งปรากฏว่าโฮสท์พ่อมีไฟลท์มาแอลเอพอดี และอยู่ในสนามบินด้วย ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกว่าอะไรดี ประมาณว่ารอดตายแล้ว 555 สรุปก็คือโฮสท์พ่อช่วยจองตั๋วให้ กลับถึงบ้านในวันปีใหม่ด้วยชุดสุดบาง มาเดินลุยหิมะเป็นเมตรเข้าบ้านเพราะว่าไม่มีคนกวาดอีกกกก แต่พอมานึกย้อนดูก็ถือว่าเป็นอะไรที่ตลกดี เพราะในชีวิตนี้คงไม่ได้มีประสบการณ์แบบนี้อีกแล้ว555        

      นอกจากนี้ ช่วงก่อนกลับไทยก็ได้นั่งรถไฟ(คนเดียว)ไปหาเพื่อนคนไทยที่ Milwaukee แต่ทริปที่ประทับใจที่สุดก็คือ"ฮาวาย" เพราะนอกจากวิวบนเกาะจะสวยมากๆ แล้ว ยังได้อยู่กับเพื่อนร่วมทริปจากทั่วโลกอีกประมาน 50 คนได้ทำให้หนึ่งอาทิตย์ที่นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในปีนี้เลย 

       
      หลายคนถามว่ามาแลกเปลี่ยน ได้เพื่อนเยอะมั้ย? ตอบเลยว่ามาก 555 มีเพื่อนทุกเชื้อชาติ คนที่นี่เฟรนด์ลี่กว่าที่คิดมาก บางคนก็จะเข้ามาก่อนเพราะสนใจเรา ส่วนใหญ่เริ่มสนใจเราเพราะเค้าบอกว่าชื่อผมมัน cool ดี 5555 (ปลื้ม ออกเสียงภาษาอังกฤษจะเป็น พลูมๆ ก็ไม่รู้เค้าชอบได้ยังไง) บางคนสนิทกันเพราะเรียนด้วยกัน อยู่ที่นี่โรงเรียนค่อนข้างใหญ่ แต่ผมก็อยู่กับเพื่อนแทบทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักกีฬาฮอตๆ สาวป๊อบ เด็กวงโย เนิร์ด นักแสดง เด็กติดเกม เด็กอาร์ท ติสต์แตก จนถึงเด็กธรรมดา บางคนอาจจะบอกว่าชีวิตดี แต่จริงๆ ชีวิตที่นี่ก็มีขึ้นมีลงเป็นธรรมดา อยู่ที่ตัวเราเองว่าจะแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร เพราะบางช่วงบทจะว่างก็ว่างมาก ว่างจนเครียด 555 แต่ส่วนตัวผมไม่เคยเครียดเรื่องการปรับตัว เพราะเป็นคนเข้ากับคนง่าย เรื่องแบบนี้ต้องเป็นตัวเราเองที่เปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ มองข้ามข้อเสียแทนที่จะจับผิด พยายามเป็นคนร่าเริง มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ เท่านี้ก็สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ๆ ได้อย่างสบายๆ แล้วครับ 

     
      แต่การที่ได้รู้จักคนมากๆ ก็ทำให้ผมได้สัมผัสการดำเนินชีวิตหลายแบบไปด้วย ตั้งแต่เด็กในเมืองเล็กๆ จนถึงชีวิตเด็กในเมืองใหญ่ๆ อย่างชิคาโก้ เพื่อนรวยมากๆ เพื่อนธรรมดา จนถึงเพื่อนจนๆ หรืออยู่คนเดียว หรืออย่างเช่นโรงเรียนหลายๆ ที่ในชิคาโก้จะมีเครื่องตรวจจับระเบิดและเครื่องสแกนกระเป๋าหน้าประตูโรงเรียนเลย หรืออย่างเช่นปาร์ตี้ ที่มีตั้งแต่ปาร์ตี้เรียบร้อยไปจนถึง "ปาร์ตี้" ที่มีอบายมุขทุกอย่างเท่าที่จะหาได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ตัวเราเองว่าจะยับยั้งชั่งใจได้หรือไม่เมื่ออยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ มีเด็กหลายคนมากๆที่ โดนส่งกลับด้วยเรื่องพวกนี้
 
     พูดถึงการใช้เงิน อยู่ชิคาโก้นี่แน่นอนว่าค่าครองชีพต้องสูง รวมถึงภาษีที่ตามมา(9.25% แพงมากกก) สำหรับผมช่วงที่ไป โฮสท์กำลังมีปัญหาด้านการเงินเลยจะไม่รบกวนอะไรเค้ามาก อาศัยแค่กินฟรีอยู่ฟรี ที่เหลือเราจ่ายเอง

     โดยสามเดือนแรกจะพกเงินสดไป $1000 ช่วงที่ไปใหม่ๆ สิ่งที่ต้องซื้อก็มีพวกอุปกรณ์การเรียน หรือถ้าใครเล่นกีฬาก็จะต้องจ่ายค่ากิจกรรม อย่างโรงเรียนผมนักเรียนต้องจ่าย $200 แต่สำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนไม่ต้องจ่าย แล้วก็เสื้อผ้าอีกนิดหน่อย สำหรับอาหารกลางวันมื้อละประมาน 2-5 ดอลล่าร์ หรือบางวันออกไปกินข้างนอกก็ ประมาณ $10 ก็ว่ากันไป 
     
      แล้วก็ต้องจ่ายค่าโทรศัพท์รายเดือน มีให้เลือกตั้งแต่ $10-$90 แล้วก็ค่าบัตรรถไฟฟ้า หลังจากสามเดือนแรก เหมือนคุณแม่จะเดาทางถูกว่าใช้เงินเก่ง เลยส่งเงินเข้าบัญชีให้เดือนละ $200 หากไม่พอให้ขอเพิ่ม ซึ่งสำหรับผมถือว่าพออยู่ได้แบบประหยัด(มากๆ) แถมมีเหลือช้อปปิ้งด้วย แต่ก็ขอเพิ่มทุกเดือน 555


      ส่วนสิ่งหลักๆ ที่ส่วนใหญ่ต้องจ่ายกันระหว่างปีก็มี ค่ากิจกรรมต่างๆ ค่าเที่ยว(สำคัญ) อย่างเช่น ทริปฮาวายซึ่งต้องจ่ายเอง ล่อไปหลายหมื่น(แต่คุ้มมากกกกกก) แล้วก็ถ้าจะสอบอย่างเช่น SAT หรือ AP test ที่นี่จะถูกกว่าที่ไทย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจำนวนเงินที่จะใช้นี่ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง บางคนหมดไปหลายแสนเลยก็มี สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ผมใช้ตลอดปี ตกราวๆ 150,000 บาท แต่ได้ใช้ชีวิตที่นี่อย่างสะดวกสะบายเลยครับ***สำหรับผู้ชาย ตัดสูท/ทักซิโด้จากเมืองไทยไปจะดีกว่า เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเงินเช่าหลายรอบ เบ็ดเสร็จราคาเช่าชุดไปสั่งตัดดีๆ ได้ตัวนึงเลย

       
      ว่าด้วยเรื่องข้อดีของ AFS จริงๆ แต่ละโครงการก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมาก แต่ AFS เป็นโครงการที่มีมานาน และมีประสบการณ์ อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานเพราะใจรัก จึงดูแลเอาใจใส่พวกเราเป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่โยนเราให้โฮสท์แฟมิลี่แล้วจบ และที่สำคัญ ได้รู้จักและสนิทกับนักเรียนแลกเปลี่ยนจากทั่วโลกที่อยู่ในเขตเดียวกัน หรือทำกิจกรรมร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ได้รับรู้ว่าส่วนต่างๆ ของโลกมีความเป็นไปอย่างไร เป็นการเปิดโลกทัศน์ของตัวเอง ทำให้เราไม่ได้อยู่แค่ในสังคมอเมริกันอย่างเดียว แต่เป็นสังคมโลกก็ว่าได้(ฟังดูยิ่งใหญ่มาก 555) 
     
      พอมองย้อนกลับไปตั้งแต่ก่อนมาแลกเปลี่ยน พบว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก ที่เห็นได้ชัดเลยคือตัวใหญ่ขึ้น เพราะกินเยอะ(ฮา) อยู่ที่นี่ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง อดทน ได้พบผู้คนหลากหลาย เรียนรู้ และยอมรับความแตกต่าง ทำให้วิธีการคิดแตกต่างไปจากเดิม ได้มองโลกในหลายๆ มุมมองครับ ชีวิตที่นี่มีขึ้นมีลง แต่เคล็ดลับที่ทำให้ผมใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข ก็คือ 


      1.ไม่เปรียบเทียบ คือไปอยู่ที่นู่น สภาพบ้านเราอาจจะมีไม่เท่าเพื่อนที่โชคดีได้อยู่บ้านรวยๆ หรืออยากได้นู่นอยากได้นี่ ก็อย่าได้น้อยใจครับ ทุกครอบครัวมีความรักให้กันหมด 
 
      2. ปล่อยวาง ลดทิฐิมานะลง มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ ยอมรับความแตกต่างและพยายามทำความเข้าใจ เพราะคนเราอยู่กันคนละซีกโล ก็ต้องมีการใช้ชีวิตที่ต่างกันอยู่แล้วซึ่งบางทีเราอาจจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ต้องพยายามถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไป อยากจะบอกว่าไม่สำคัญที่เราจะได้ไปอยู่ที่ไหน กับใคร แต่สำคัญที่การดำเนินชีวิตของเราว่าเราจะสามารถตักตวงประสบการณ์และมิตรภาพจากผู้คนรอบข้างได้มากแค่ไหน เพราะสิ่งเหล่านี้จะติดตัวเราตลอดไป แต่เอาจริง ๆจะเล่าให้ละเอียดแค่ไหนก็ไม่สามารถถ่ายทอดทุกความรู้สึกได้อยู่ดี ต้องมาสัมผัสเอง 
     
      อยากฝากถึงทุกๆ คนที่สนใจมาแลกเปลี่ยน หนึ่งปีที่ไม่ได้อยู่เมืองไทยอาจจะทำให้เราเรียนตามเพื่อนไม่ทันบ้าง แต่ประสบการณ์ที่เราจะได้รับมานั้นมีค่ามากจนเปลี่ยนชีวิตของใครหลายๆ คนได้เลย :))

 

       บอกแล้วว่าใช้ชีวิตได้คุ้มมาก!! ทำกิจกรรมเยอะมากและเที่ยวเยอะมาก นี่แหละชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนที่หลายคนใฝ่ฝัน^^ ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากเล่าให้เพื่อนๆ ฟังบ้าง ก็เขียนส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com เดี๋ยวเอามาลงให้แน่นอนจ้า
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Panana Member 4 ต.ค. 57 08:46 น. 1

ทุน จำนวนเต็ม *O*

อยากได้บางอ่าาา

อีกเรื่องที่พึ่งรู้คือ การจะได้ไปเมืองหลวงหรือเมืองที่เจริญต้องทำคะแนนให้ดีๆ

เอาละสู้ตายยยย!!!

1
AFSUSA53yoloswaggerchicchickaboo 3 ม.ค. 58 10:46 น. 1-1
Depends on how the host family pick you too Lol My host family lives in a tiny town on Michigan-Indiana border and they said they traded me from Chicago Area Team(It's where AFS firstly sent my profile to ,that kinda sucks haha) PS. Sorry I cant type Thai ,my keyboard is in English *cries*
0
กำลังโหลด
Jennyior Member 7 ต.ค. 57 15:21 น. 11

คือดีอ่ะทุนจำนวนเต็มโอกาสมีน้อยมาก หนึ่งก็พวกลูกหลานในเครือบริษัทกับทุนอลิสลาม สงสัยมากทำไมไม่มีทุนเต็มให้คนนับถือพุทธ U_U อิจฉามากจุดนี้ เพราะอยากไปแต่ไม่มีเงินจ้า ประเด็นคือสอบติดทุกอย่างแล้วไม่มีเงิน55555555

ขอนอกเรื่องนะ มีพี่แนทด้วย (ผู้หญิงใส่แว่น) เราติ่งพี่เขาอ่ะติดตามชีวิตที่เขา ณ อเมริกา พี่เขาอยู่เตรียมด้วย เรายังเคยไปขอคำปรึกษาเรื่องสอบเตรียมเลย5555555 #แต่ไม่ติด

0
กำลังโหลด
AFSUSA53 5 ต.ค. 57 01:32 น. 2
เราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนAFS ที่ USA รุ่น 53 อ่ะ เคยถามอาสาสมัครในแอเรียทีมนะ เค้าบอกว่าใช้การสุ่ม random ว่าใครจะได้อยู่ทีมไหน แล้วก็เราจะได้อยู่ที่ไหน ในเมือง ชานเมือง ชนบท ขึ้นอยู่กับที่อยู่ของ host family ที่ตอบรับ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

16 ความคิดเห็น

Panana Member 4 ต.ค. 57 08:46 น. 1

ทุน จำนวนเต็ม *O*

อยากได้บางอ่าาา

อีกเรื่องที่พึ่งรู้คือ การจะได้ไปเมืองหลวงหรือเมืองที่เจริญต้องทำคะแนนให้ดีๆ

เอาละสู้ตายยยย!!!

1
AFSUSA53yoloswaggerchicchickaboo 3 ม.ค. 58 10:46 น. 1-1
Depends on how the host family pick you too Lol My host family lives in a tiny town on Michigan-Indiana border and they said they traded me from Chicago Area Team(It's where AFS firstly sent my profile to ,that kinda sucks haha) PS. Sorry I cant type Thai ,my keyboard is in English *cries*
0
กำลังโหลด
AFSUSA53 5 ต.ค. 57 01:32 น. 2
เราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนAFS ที่ USA รุ่น 53 อ่ะ เคยถามอาสาสมัครในแอเรียทีมนะ เค้าบอกว่าใช้การสุ่ม random ว่าใครจะได้อยู่ทีมไหน แล้วก็เราจะได้อยู่ที่ไหน ในเมือง ชานเมือง ชนบท ขึ้นอยู่กับที่อยู่ของ host family ที่ตอบรับ
0
กำลังโหลด
เจ้าแห่งสายทอง Member 5 ต.ค. 57 01:40 น. 3

ได้อ่านเรื่องราวของเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนแล้วอิจฉาจางงงงง พ่อกับแม่เราไม่ค่อยอยากให้ไปเมืองนอกตอนที่ยังอยู่มัธยมปลายเพราะเห็นว่ายังเด็ก บอกมหา'ลัยค่อยไป เฮ้อออออ

เศร้าจัง

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
BOTH KAB Member 5 ต.ค. 57 14:31 น. 5

52 แล้ว รู้สึกแก่... เด็กทุนสมัยนี้คุ้มเลยสิ เมกาค่าครองชีพสูงขึ้นแยะ ตอนนั้นไปกับทุนของธนาคารกสิกรฯ 260k เอง 

เยี่ยม

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด
ดรีมม 6 ต.ค. 57 23:07 น. 8
ขอถามหน่อยมอเรามีทุนไปเรียนตปทไม่ต้องสอบไม่ต้องอะไรแค่เกรดถึงแต่จ่ายค่าเทอมเท่ากับที่ไทยแต่ค่าที่พักค่ากินค่าเครื่องบินเราออกเองแบบนี้ถือว่าดีไหม แล้วกลับมาเรียนไทยก็ไม่ต้องเรียนใหม่ ดีหรือไม่ดีแบบนี้
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Jennyior Member 7 ต.ค. 57 15:21 น. 11

คือดีอ่ะทุนจำนวนเต็มโอกาสมีน้อยมาก หนึ่งก็พวกลูกหลานในเครือบริษัทกับทุนอลิสลาม สงสัยมากทำไมไม่มีทุนเต็มให้คนนับถือพุทธ U_U อิจฉามากจุดนี้ เพราะอยากไปแต่ไม่มีเงินจ้า ประเด็นคือสอบติดทุกอย่างแล้วไม่มีเงิน55555555

ขอนอกเรื่องนะ มีพี่แนทด้วย (ผู้หญิงใส่แว่น) เราติ่งพี่เขาอ่ะติดตามชีวิตที่เขา ณ อเมริกา พี่เขาอยู่เตรียมด้วย เรายังเคยไปขอคำปรึกษาเรื่องสอบเตรียมเลย5555555 #แต่ไม่ติด

0
กำลังโหลด
Mild ' Mëlõw Member 7 ต.ค. 57 17:06 น. 12

ถือว่าเป็นการไปที่คุ้มค่าค่ะ เพราะจากที่อ่านดูแล้วเค้าเป็นคนที่เอาทุกอย่างเลย ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยเราว่าเค้าเหมาะสมกับทุนมากอ่ะ เยี่ยม

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
Annarissa 2 พ.ย. 57 22:53 น. 15
แนะนำเลยน่ะ ฮาวาดีมากก สวยด้วยอ่ะ ตอนนั้นไปฮาวายกับแคนาดาอ่ะแต่พูดภาษอังกฤษได้ไม่เยอะ แต่ก็พอได้เพราะช่วงนั้นอายุแค่ 12 ปีเอง -3- แต่ดีหน่อยไปกับครอบครัว คุณพ่อเลยจ้างลูกน้องที่อยู่นั้นมาเป็นไกด์แทน เยไม่ต้องพูดภาษามาก แต่ไปที่นั้นพูดภาษาเหมือนถูกมองเป็นคนต่างด้าวเลยค่ะ 55555 แต่ก็ดีคุ้มด้วยค่ะ ว่าจะองไปอีกอยู่ถามีทริปโรงเรียนไป เพราะตอนนี้พึ่ง 14 ปีเอง TT แต่คำศัพเริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ
0
กำลังโหลด
badieee Member 9 ส.ค. 58 00:06 น. 16

ต่างจากแนทอ่าา แนทไม่ชอบทำกิจกรรมเลยพี่ปลื้ม ไม่รู้ทำไม ตอนแนทมาแนทอายุแค่12เองอ่ะ ตอนนี้14ล้ะ ก็ยังไม่ชอบอยู่ดี บางครั้งก็อยากนะ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด