สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... วันนี้ พี่เป้ กับ พี่พิซซ่า มาพร้อมกันเป็นดูโอเลย แน่นอนว่ามีบทความสนุกๆ มาฝากอีกแล้ว ^^ วันก่อนพวกพี่มีโอกาสได้ดูรายการของช่อง BBC อังกฤษ ที่ไปถ่ายชีวิตของ 3 หนุ่มน้อยวัยมัธยมในรั้วโรงเรียน Eton College!!!
ใครที่รู้จัก Eton College น่าจะรู้ถึงความอลังการที่นี่ แต่ถ้าใครยังไม่รู้จัก ขอบอกเลยว่าโรงเรียนมัธยมชายล้วนแบบอยู่ประจำแห่งนี้ ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก(ย้ำว่าของโลก) ดังมากกกก ประมาณว่าถ้าบ้านใครมีคนจบจากอีตันคือแบบ โหววววววววว แม่เจ้า เพราะแม้แต่บุคคลสำคัญของอังกฤษอย่างเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮรี่ ก็เป็นศิษย์เก่าจากที่นี่เหมือนกันค่ะ
เอาล่ะ วันนี้ขออาสาพาน้องๆ ไปชมชีวิตในรั้ว Eton College ผ่านชีวิต 3 หนุ่มน้อย ได้แก่ ฟาร่า เจมส์ และ ธีโอ
ฟาร่า เจมส์ ธีโอ ได้รับทุนให้เข้าเรียนที่ Eton College ในระดับ Year 9
หากเทียบกับระบบการศึกษาบ้านเราก็น่าจะประมาณ ม.3 ได้ค่ะ
"ฟาร่า" เล่าว่า การได้เข้าเรียนที่อีตันคือความใฝ่ฝันของแม่ของเขา
เพราะแม่หวังมาตลอดว่า อยากให้ฟาร่าได้เข้าโรงเรียนที่ดีที่สุดของประเทศ
สุดท้ายฟาร่าเลยสมัครสอบชิงทุนจนได้ตามที่แม่หวังเอาไว้
ส่วน "เจมส์" เป็นเด็กชาวจีนที่พ่อแม่ย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ โดยพ่อแม่เปิดร้านอาหารที่เมืองลีห์
วันหนึ่งเจมส์เกิดเบื่อๆ เลยลองสมัครทุนนี้ดู ปรากฎว่าเขากลับสอบผ่านได้ทุน
เจมส์บอกว่า ถ้าไม่ได้ทุนนี้ เขาไม่มีทางได้เรียนที่อีตันแน่ๆ เพราะค่าเทอมแพงมากๆ
ส่วน "ธีโอ" ก็เคยเป็นแชมป์ว่ายน้ำ 3 สมัยซ้อนของเมืองโดยมีคุณพ่อเป็นคนผลักดัน
ดังนั้นพ่อจึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้เขาสอบเข้าอีตันได้นั่นเอง
ธีโอก็คิดเหมือนเจมส์คือ หากไม่ได้ทุนนี้ บ้านเขาคงไม่สามารถส่งเสียให้เรียนที่นี่ได้
เนื่องจากค่าเทอมเรียนที่อีตันนั้น ปีละ 33,000 ปอนด์ หรือประมาณ 1,650,000 บาท!
และเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนย้ายเข้าไปอยู่ประจำที่อีตัน พวกเขาต้องไปตัดชุดนักเรียน
ดูชุดนักเรียนของหนุ่มๆ อีตันซะก่อน เดินมาพร้อมกันคือเท่สุดๆ กรี๊ดดดดด
ในที่สุด ก็ถึงวันที่พวกเขาต้องย้ายเข้ามาที่อีตัน....
Welcome to Eton College!
Eton College เปิดสอนมาตั้งแต่ปี 1440 จนถึงปัจจุบันก็เกือบ 600 ปีแล้ว!!
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแง่ของความเก่าแก่ของโรงเรียน ความเข้มข้นของวิชาการ กฎระเบียบ
Eton College คือโรงเรียนชั้นนำของอังกฤษและของโลก มีนักเรียนจากทั่วโลกมาเรียนที่นี่
ภายในโรงเรียนก็กว้างใหญ่มากเหมือนเป็นอีกเมืองย่อมๆ จนต้องมีป้ายบอกทางวางอยู่ทั่วไป
ปัจจุบันมีนักเรียนชายทั้งหมดเกือบ 1,400 คน แถมบุคคลสำคัญก็เป็นศิษย์เก่าเพียบ
ลองมาดูรูป Eton College แบบชัดๆ ดีกว่า อื้อหือออออออ
ในที่สุด 3 หนุ่มน้อยก็พร้อมจะเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของอีตันแล้ว
พวกเขาเข้าเรียนใน Year 9 ตามระบบการศึกษาของอังกฤษ
แต่ที่นี่จะไม่เรียกระดับชั้นว่า Year แบบที่อื่น เพราะอีตันมีภาษา Etonian เป็นของตัวเอง
โดย Year 9 จะถูกเรียกว่า Block F , Year 10 = Block E ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง Year 13
เมื่อมาถึง ก็ต้องเจอกับครูใหญ่กันสักหน่อย
ครูใหญ่กล่าวว่า 3 สิ่งสำคัญที่นักเรียนอีตันจะต้องมีคือ
การมีมาตรฐานที่สูง ความใส่ใจในการศึกษา
และการยินดีในความเป็นตัวของตัวเองแต่ก็เคารพความแตกต่างของผู้อื่นด้วย
นี่คือแผนที่ของอีตัน แม้ทั้ง 3 คนจะเรียนระดับ Block F เหมือนกัน แต่เขาอยู่กันคนละ "บ้าน"
โรงเรียนในต่างประเทศจะใช้ระบบบ้าน นักเรียนจะถูกสุ่มไปอยู่บ้านต่างๆ
โดยจะได้อาศัยและร่วมกิจกรรมกับเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้าน ที่นี่มี 25 บ้านเลยทีเดียว
อย่างที่บอกไปว่า สิ่งหนึ่งที่อีตันไม่เหมือนใครคือ
ที่นี่มีศัพท์ในการเรียกสิ่งต่างๆ เป็นของตัวเองหรือภาษา Etonian
ซึ่งนักเรียนทุกคนต้องจำให้ได้ว่าแต่ละคำมีความหมายอะไรบ้าง
เช้าวันแรกของการเปิดเทอมใหม่
ทุกเช้า จะมีครูผู้ดูแลหรือในภาษาอีตันที่เรียกว่า Dame มาคอยตรวจเช็คว่าเด็กๆ ตื่นหรือยัง
ธีโอตื่นแล้ว ห้องของเขาดูรกเพราะคงยังจัดของไม่เสร็จ
ส่วนเจมส์ก็มีหน้าที่ต้องเป็นเวรทำหน้าที่เป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์
ได้เวลาอาหารเช้า แน่นอนว่าก็ต้องกินในบ้านของตัวเอง
อาหารที่อีตันหลากหลายมาก แต่ละวันเมนูจะไม่ซ้ำและส่วนมากเป็นอาหารนานาชาติ
แน่นอนว่า Dame ก็มาร่วมโต๊ะด้วยเพื่อคอยดูว่าเด็กๆ กินข้าวเรียบร้อยมั้ย
บอกแล้วว่าอีตันต้องเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว!!
หลังจากนั้น กิจกรรมที่เด็กอีตันต้องทำคือเข้าโบสถ์ของโรงเรียน
ก่อนเข้าโบสถ์ก็จะต้องวางสิ่งของทุกอย่างทิ้งไว้ด้านหน้า ที่เห็นอยู่ที่พื้นคือ "แฟ้ม"
จะเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของนักเรียนอีตันก็คงไม่ผิด นักเรียนที่นี่ถือแฟ้มงานไปไหนมาไหนเสมอ
และต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยนะ ไม่งั้นล่ะก็
จะเจอฝ่ายปกครองเล่นงานเอาเหมือนธีโอที่ลืมใส่ปกคอเสื้อ หึหึหึ
หลังออกจากโบสถ์ ก็ได้เวลาเรียนแล้ว
สำหรับนักเรียน Block F พวกเขาต้องลงเรียนวิชาบังคับ ได้แก่
ภาษาอังกฤษ คณิต ภาษาละติน วิทย์ เทววิทยา ภูมิศาสตร์ และประวัติศาสตร์
นอกจากนั้นจะต้องเลือกเรียนอีก 2 ภาษา ซึ่งวิชาที่มีให้เลือก ได้แก่
ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน ภาษาเยอรมัน ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น และภาษารัสเซีย
โดยเรียนวันละ 7 คาบต่อวัน คาบละ 40 นาที
คาบแรกของวันเริ่มด้วยวิชาประวัติศาสตร์
ต่อมาก็เป็นชั่วโมงภาษารัสเซียที่ธีโอเลือกเรียน
พอเวลาพักกลางวัน เด็กๆ ก็จะแยกย้ายไปกินข้าว โดยการพักกลางวันของที่อีตันมี 2 แบบคือ
การกลับไปกินข้าวที่บ้านของตัวเองพร้อมกับสมาชิกในบ้าน
หรือถ้าวันไหนได้กินที่โรงอาหารใหญ่ของโรงเรียน ก็ต้องรอกินพร้อมครูที่มาร่วมโต๊ะด้วย
กลับมาเรียนกันตอนบ่ายกับวิชาเทววิทยา
ส่วนนี่เป็นวิชาภาษาละตินซึ่งเป็นวิชาบังคับของอีตัน
มาที่ชั่วโมงกีฬาบ้าง ที่นี่มีกีฬาให้เลือกเรียนและเล่นมากมาย
ธีโอและเจมส์เลือกไฟฟ์ เป็นกีฬาที่คล้ายๆ สควอซแต่ไม่มีไม้ไว้ใช้ตี
ส่วนฟาร่าเลือกไปเล่นฟุตบอล
พอหมดวัน พวกเขาก็ต้องกลับมาบ้านของตัวเองเพื่อทำการบ้าน
ชั่วโมงทำการบ้านของอีตันเรียกว่า Quiet Hour (ฟังดูน่าหลับมาก)
ใครมีปัญหาไม่เข้าใจอะไร ก็สามารถเข้าไปปรึกษาครูผู้ชายที่ดูแลบ้านหรือ Housemaster ได้
พอทำการบ้านเสร็จ ก็มีเวลาให้พักผ่อนหย่อนใจบ้าง เดี๋ยวจะเครียดเอาเปล่าๆ
ยังไม่หมดแค่นั้น หนุ่มๆ แต่ละบ้านจะต้องมารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมอย่างหนึ่งก่อนนอน
นั่นคือ House Shout เป็นการแข่งขันร้องเพลงของบ้านต่างๆ ว้าววว
หลังเรียนไปได้ระยะหนึ่ง เด็กทั้ง 3 คนก็ต้องเข้าไปพบครูใหญ่
เนื่องจากพวกเขาเป็นนักเรียนทุน ครูใหญ่ก็อยากพบปะเพื่อถามถึงชีวิตในโรงเรียนกันหน่อย
ทั้งสามคนดูมีความสุขกับที่นี่ ฟาร่าบอกว่าเขามีความสุขในบ้านที่ได้อยู่มาก
ส่วนธีโอบอกว่า เขาชอบอาหารของที่นี่ ส่วนเจมส์แอบบ่นว่า เขาเบื่อการเดินมาก
เพราะโรงเรียนใหญ่มาก จะเดินไปไหนมาไหนทีคือเมื่อยสุดๆ
วันสำคัญอีกวันหนึ่งของอีตันที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ MUFTI DAY คือวันที่เด็กๆ ไม่ต้องใส่ชุดนักเรียน
หลายคนอาจคิดว่า เมื่อไม่ใส่ชุดนักเรียน ก็คงใส่ชุดไปรเวทหรือชุดนอนขำๆ
แต่คิดผิดแล้ว!! หนุ่มๆ อีตันเค้าล้ำกว่านั้นมากกกกกกกก 555555555
ถือเป็นการปลดปล่อยที่ไม่เลวเลยทีเดียว เรื่องเรียนก็เต็มที่ พอปลดปล่อยก็ต้องเต็มที่สิเนาะ
เวลาผ่านไป การเรียนยิ่งเข้มข้น ทั้งหมดก็เพื่อการสอบ หรือที่อีตันเรียกว่า TRIAL
(เพื่อนของฟาร่าคือน่ารักมากกกกกกกกกกกกก)
อยากติวเข้มวิชาไหนเพิ่ม ที่นี่ก็มี DIVS หรือการติวหลังเลิกเรียนให้
และในที่สุด วันแห่ง TRIALS ก็มาถึง
ข้อสอบที่ทำเสร็จถูกส่งไปตรวจ
หลังผลคะแนนออก นักเรียนทุกคนจะต้องมาคุยกับครูที่ดูแลบ้าน
ครูจะใส่ใจอย่างใกล้ชิดว่าเด็กๆ ยังต้องพัฒนาส่วนไหนบ้าง
TRIAL ผ่านไปแล้ว ทั้ง 3 หนุ่มพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาเพิ่งใช้ชีวิตที่นี่ไม่กี่เดือน
แต่มันให้อะไรมาก ทั้งทักษะการพูด ความกล้าแสดงออก การพึ่งคนอื่นน้อยลง
สิ่งเหล่านี้ยิ่งช่วยกระตุ้นให้พวกเขาอยากทำฝันของตัวเองให้เป็นจริง
"ธีโอ" อยากเป็นทูตอังกฤษที่ไปประจำที่ฝรั่งเศส
"ฟาร่า" อยากเป็นนายกรัฐมนตรี
"เจมส์" อยากเป็นหัวหน้าภาควิชาภาษาละติน มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
ไม่ว่าเส้นทางชีวิตของทั้ง 3 หนุ่มน้อยจะเป็นยังไง จะประสบความสำเร็จอย่างที่หวังมั้ย
แต่ที่แน่ๆ ประสบการณ์การเป็นนักเรียนทุนที่ Eton College คงให้ข้อคิดกับพวกเขาไม่น้อย
Credit : BBC : My life in Eton College
146 ความคิดเห็น
น่าสนใจมากเลยครับ อ่านแล้วทำให้รู้สึกว่าสมกับเป็นโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดจริงๆ โดยเฉพาะวันไม่ใส่ชุดนักเรียนนี่ โดนมากขอบอก
เสียอย่างคือเรื่องค่าเทอมนี่แหละ นี่จะเรียนเป็นเจ้าชายหรือไงครับ
อันนี้เด็ดจริง 55555555555555555555555555555555555
เป็นอะไรที่!!!! "เลอค่ามาก"
โรงเรียนในฝัน 555555
เหมือนรีวิวอีตั้นเลยยยยยย ชอบบบบบ
ดาราคนที่เราชอบคนนึงจบมาจากอีตั้น
ที่นี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีสง่าราศรีสุดๆ
ก็โรงเรียนเลิศซะขนาดนี้...
จะว่าไประบบของโรงเรียนวชิราวุธที่ไทยก็คล้ายที่นี่นะครับ
อยากอยู่ชายล้วนบ้าง >
อยากอยู่ชายล้วนบ้าง >
อยากอยู่ชายล้วนบ้าง >
ชอบวันที่ไม่ต้องใส่ชุดนักเรียนอะ ท่าทางจะเก็บกดกันมาก 55555+
มีผมคนเดียวไหมที่เห็นแวบแรกแล้วนึกถึง
ฮ็อกว็อตส์ ????
ป๊าดดดด ค่าเทอม