สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com เวลาพูดถึงปราสาทแบบเทพนิยายน้องๆ คงนึกถึงประเทศแถบยุโรปหรือประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขใช่ไหมคะ แต่สำหรับชาว Work & Travel ที่จะไปอเมริกาก็ไม่ต้องกังวล เพราะประเทศเกิดใหม่ที่ไม่ได้ปกครองโดยพระราชาแห่งนี้ก็มีปราสาทงามๆ ให้ไปชมได้เช่นกัน และที่ พี่พิซซ่า จะพาไปชมนี้ก็เป็นปราสาทที่อยู่อาศัยจริงๆ ไม่ใช่ปราสาทในดิสนีย์แลนด์ด้วยนะ


1. The Biltmore รัฐนอร์ธแคโรไลนา




     ปัจจุบัน The Biltmore เป็นบ้านพักอาศัยที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา โดยเป็นปราสาทสไตล์ชาโต สร้างโดยจอร์จ แวนเดอร์บิลท์ที่ 2 ช่วงปี 1889 - 1895 มีทั้งหมด 250 ห้องพัก รวมไปถึงห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีหนังสือกว่าหมื่นเล่ม ห้องอาหารใหญ่ขนาดจัดงานแต่งอลังการได้ สระว่ายน้ำในร่ม และลานโบว์ลิงส่วนตัว แต่ละห้องพักมีดีไซน์ที่ไม่ซ้ำกัน


แต่ละห้องพักมีสไตล์เป็นของตัวเอง


     ราคาต่อคืนมีตั้งแต่ $199 - 499 ขึ้นกับช่วงเวลาที่เข้าพักและประเภทห้อง นอกจากนี้ก็มีกระท่อมส่วนตัวในสวนให้เลือกพักได้ด้วยเช่นกัน หรือจะแค่แวะไปเยี่ยมชม ถ่ายภาพ ซื้อของที่ระลึก หรือทานอาหารอย่างเดียวก็ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ



2. Boldt Castle รัฐนิวยอร์ก




     จอร์จ โบลท์ ผู้จัดการของโรงแรมชื่อดังในยุคนั้นอย่าง Waldorf-Astoria และ Bellevue-Stratford มักพาครอบครัวมาพักผ่อนที่เกาะฮาร์ทอยู่เป็นประจำ จนวันหนึ่งก็คิดจะสร้างบ้านส่วนตัวบนเกาะนี้เพื่อเป็นของขวัญแก่ภรรยาสุดที่รักของเขา จอร์จจ้างแรงงานกว่า 300 คนมาสร้างปราสาท 6 ชั้น 120 ห้อง พร้อมอาคารข้างเคียงอย่างอาคารปั่นไฟ สวนแบบอิตาเลียน อุโมงค์ใต้ดิน สะพานแบบเปิดให้เรือผ่านได้ รวมไปถึงอาคารเด็กเล่นสำหรับลูกๆ


ภาพขวาคือ Alster Tower หอคอยสำหรับให้เด็กๆ มาเล่น


อาคารปั่นไฟ

     แต่ในปี 1904 ภรรยาของจอร์จก็เสียชีวิตลง จอร์จจึงสั่งให้คนงานทั้งหมดหยุดงานและทิ้งการก่อสร้างในทันที จอร์จเองก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย เพราะเขาทนเห็นบ้านในฝันที่ไม่มีภรรยาเขาอยู่ด้วยแล้วไม่ได้
     หลังจากนั้นทางการของ Thousand Islands ก็ซื้อสิ่งก่อสร้างทั้งหมดนี้ต่อจากตระกูลโบลท์ในราคาเพียง 1 ดอลลาร์ ภายใต้ข้อตกลงว่าจะสร้างต่อยังไงก็ได้แต่ห้ามทุบสิ่งที่สร้างแล้วทิ้ง ซึ่งทางการต้องซ่อมแซมและต่อเติมบูรณะทั้งหมดไป 15 ล้านเหรียญเลยทีเดียว ปัจจุบันนี้ปราสาทนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้คนทั่วไปเข้าชมได้โดยต้องนั่งเรือเฟอร์รี่เข้ามาที่เกาะฮาร์ท



3. Winterthur รัฐเดลาแวร์






     เมื่อ 60 กว่าปีก่อน เฮนรี่ ฟรานซิส ดูปองต์ เปิดบ้านสมัยเด็กของเขาเองให้ทุกเข้าเข้าชมได้ จนตอนนี้คฤหาสน์วินเทอร์ทัวร์กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา วินเทอร์ทัวร์มีห้องพักทั้งหมด 175 ห้อง ล้อมรอบตัวบ้านด้วยทุ่งหญ้าและป่าไม้ นอกจากนี้ยังมีสวนสวยติดอันดับที่มีพันธุ์ไม้หายากเหมาะแก่การศึกษาด้วย




     แถมตอนนี้ยังมีนิทรรศการ Downton Abbey มาเอาใจแฟนๆ ละครชุดนี้โดยเฉพาะ เพราะสถาปัตยกรรมและการตกแต่งของคฤหาสน์นี้คล้ายคลึงกับในเรื่องมากๆ แถมยังมีคอสตูมจาก Downton Abbey มาให้ลองใส่ระหว่างเดินชมคฤหาสน์ให้บริการด้วย ราคาค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ $20 ค่ะ



4. The Breakers รัฐโรดไอแลนด์




     คอร์นีเลียส แวนเดอร์บิลท์ที่สอง พี่ชายของจอร์จผู้สร้าง The Biltmore เป็นผู้สร้างคฤหาสน์ 5 ชั้น 70 ห้องนอนแห่งนี้ คฤหาสน์นี้โดดเด่นตรงที่ตั้งเพราะตั้งอยู่ริมหน้าผาติดมหาสมุทรแอตแลนติกเลย




     ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ดูแลโดยสมาคมอนุรักษ์ของเมืองพอร์ตแลนด์ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมได้ทั่วยกเว้นเพียงบริเวณชั้น 3 ที่ยังเป็นที่พักของทายาทตระกูลแวนเดอร์บิลท์อยู่ (อยากแวะไปทำความรู้จักด้วยจัง)



5. Iolani Palace รัฐฮาวาย




     อันดับนี้เคยเป็นพระราชวังจริงๆ ของกษัตริย์ฮาวายในสมัยก่อนค่ะ ฉะนั้นมาเที่ยวที่นี่จะได้เห็นอะไรมากกว่าบ้านหลังอื่นๆ แน่ ไม่ว่าจะป้อมทหารหรือพลับพลาพระราชพิธีที่เคยใช้ประกอบพิธีในสมัยก่อน ถ้าอยากรู้สถาปัตยกรรมแบบฮาวายเป็นยังไงต้องมาดูที่นี่เลย





     ใครที่ชื่นชอบการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์น่าจะชอบคฤหาสน์พวกนี้ ส่วนใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ลองไปเที่ยวปราสาทสวยๆ ในอเมริกาดูนะคะ จะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของประเทศนี้ค่ะ


globalflare.com/top-10-most-majestic-castles-in-america/
en.wikipedia.org, www.biltmore.com
www.andrewcusack.com/2005/06/13/boldt-castle/
www.winterthur.org/?p=1048, www.explorationhawaii.com
footnotesfromhistory.blogspot.com/2011/04/breakers.html



พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

5 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด