60 เรื่องจริงคนเกาหลี เล่าจากปากนักเรียนไทย(ในเกาหลี)

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com...เจอกับ พี่เป้ และ KoreanKori ตอนพิเศษ ที่เราบุกไปถ่ายกันถึงเกาหลีใต้อีกแล้ว สิ่งหนึ่งที่หลายคนชอบอ่าน ก็คือเรื่องจำพวกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเกาหลี จะให้ดีก็ต้องได้ฟังจากปากของ คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีมานานแล้วใช่มั้ยคะ แน่นอนว่าวันนี้เรากำลังจะไปเจอ กับพวกเค้า! เพราะเรามีนัดกันกับ 3 สาวนักเรียนไทย ที่ทั้งน่ารักและอารมณ์ดี แต่ละคนต่างเป็นนักเรียนที่ได้ทุนและมาเรียนต่อที่นี่

(สิริกร ทรงลิลิตชูวงศ์)
ทุนรัฐบาลเกาหลี ระดับปริญญาตรี Sogang University (ม.ซอกัง) คณะบริหาร

(พนาวรรณ ถนอมมงคล)
ทุนรัฐบาลเกาหลี ระดับ ปริญญาโท Hankuk Universtiy of Foreign Studies (ม.ฮันกุ๊กภาษา และกิจการต่างประเทศ) สาขาเกาหลีศึกษา

(พชรพร ชอบธรรม)
ทุน EGPP ระดับปริญญาตรี Ewha Womans University (ม.สตรีอีฮวา) สาขาภาษา และวรรณคดีเกาหลี และ บริหารระหว่างประเทศ

จัดแจงหาที่นั่งพักกันเรียบร้อย ก็เกริ่นไปว่า "อยากให้เล่าอะไรก็ได้เกี่ยวกับ ชีวิตที่นี่" เท่านั้นแหละ 3 สาวของเราก็พรั่งพรูออกมากันไม่หยุด 55555 บางข้อ ฟังไปก็ฮาไป บางข้อฟังแล้วก็ร้องโหวววว จะมีอะไร ต้องลองอ่านดูเลย

มนุษย์ป้าเกาหลี จะมีลักษณะนิสัยประมาณว่า ชอบผลัก ชอบดัน ถ้าเราเดินช้า ไม่ทันใจแก แกก็จะผลักจะดัน ไม่รู้จะรีบไปไหนตลอดเวลา โดยเฉพาะในสถานี รถไฟใต้ดิน จะต้องโดนป้าแกผลักบ่อยมากกก

แต่ป้าแก่ๆ บางคนก็ใจดีนะ บางทีเห็นเราเรียนมาเหนื่อยๆ ก็ลุกให้เรานั่งด้วย หรือบางทีจะลุกให้ป้าแกนั่งบนรถ แกก็จะบอกว่า ไม่เป็นไร เรียนมาเหนื่อยๆ
แล้ว นั่งเถอะ จะได้พักผ่อน(น้ำตาแทบไหล)

คนเกาหลีเวลามีเทรนด์อะไรมา ก็จะทำเหมือนกันทั้งประเทศ เช่น หน้าร้อน
ก็จะชอบทำผมสีทองสีส้มเหมือนๆ กัน ส่วนตอนนี้หน้าหนาว ก็ผมดำกันทั้ง
ประเทศ

ในเกาหลี ผู้ชายปูซานขึ้นชื่อว่าหล่อมากกกกกกกกกกกที่สุดในประเทศ เพราะจะดูนิ่งๆ เข้มๆ เท่ๆ ไปเที่ยวปูซานคือเดินเจอคนหล่อตลอดทาง เพราะฉะนั้นสังเกตพวกดาราไอดอลจากปูซาน จะค่อนข้างหล่อเข้ม เช่น แทกยอน 2PM , ยงฮวา CN Blue , โฮย่า Infinite

ส่วนผู้ชายโซลจะขึ้นชื่อเรื่องสวีทหวานแหวว โรแมนติก

การเมาแล้วขับในเกาหลีนั้นถือเป็นเรื่องร้ายแรงมากกกก ดังนั้นหากดารา
ถูกจับด้วยข้อหานี้ คือต้องหายไปจากวงการพักใหญ่เลย ถือเป็นเรื่องใหญ่
มากจริงๆ

คนเกาหลีมีทักษะในการยุ่งเรื่องชาวบ้าน(เผือก)ที่ต่ำมาก คือเวลาอยากมองใคร อยากจ้องใคร ก็จะหันไปมองตรงๆ เลย ถ้าเป็นคนไทยจะแกล้งทำเป็นเหลือบๆ มอง หรือแกล้งทำมองไปทางอื่นใช่มะ แต่คนเกาหลีจะจ้องตรงๆ เลย บางทีนั่ง แชทกับเพื่อนเป็นภาษาไทย เจ๊คนข้างๆ หันมาถามเลยว่า เอ่า นี่ไม่ใช่ภาษา เกาหลีนี่ พิมพ์ภาษาอะไรอะ

หากเราบอกคนเกาหลีว่าเราขี่มอเตอร์ไซค์เป็น ส่วนมากจะมองเหมือนเราเป็น เด็กแว้นซะส่วนมาก

คนแก่เกาหลีแข็งแรงมาก ชอบจับกลุ่มกันไปเดินเขา แต่งตัวสีสดๆ กันทั้งแก๊ง พร้อมใส่หมวกปีกกว้างๆ นี่รู้เลยว่าลุงป้าแกจะไปปีนเขาแน่นอน

เด็กเกาหลีน่ารักมากกกกกกกกก ขาวๆ แก้มแดงๆ น่ารักสุดๆ จะน่ารักแบบนี้
ไปจนถึงมัธยมต้น แต่พอมัธยมปลาย หลายคนจะเริ่มหน้าตาเปลี่ยนไป เหมือนไม่ใช่คนเดียวกับตอนมัธยมต้นเลย 

การกินเสียงดังเป็นเรื่องปกติเหมือนจีนและญี่ปุ่น ถ้าเรากินเบา เพื่อนอาจจะ
ถามว่า ไม่อร่อยเหรอ?

ส้วมที่มีฝาปิด เปิดได้นะจ๊ะ ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นแน่นอน 5555

ร้านอาหารที่เกาหลีทุกร้านคือจะมีน้ำให้กินฟรี ทั้งแบบตู้กดและเป็นขวดใหญ่ๆ
ให้หยิบดื่มได้ฟรี ส่วนพวกน้ำอัดลมก็จะกินเปล่าๆ ไม่ใส่น้ำแข็ง

ในร้านอาหาร จะวางช้อนส้อมตะเกียบไว้บนโต๊ะเลยแบบไม่มีอะไรมารอง คือแลดูสกปรกนะบางที ส่วนเวลากินข้าว คนเกาหลีจะไม่ถือทั้งสองมือ ถ้ามือขวาถือตะเกียบ อีกมือจะไม่ถือช้อน

ที่เกาหลีไม่ค่อยมีเกย์หรือตุ๊ด ถ้ามีคือจะต้องหลบๆ ซ่อนๆ สังคมเกาหลียังไม่ยอมรับ เคยมีดาราเกาหลีบางคนยอมรับว่าเป็นเกย์ พ่อแม่บางบ้านถึงกับปิดทีวีทันทีที่ดาราคนนี้โผล่มาบนจอทีวี

นอกจากนี้คนเกาหลียังดูไม่ออกว่าใครเป็นเกย์หรือตุ๊ด ถ้าผู้ชายตุ้งติ้งๆ จะเข้าใจว่าเป็นผู้ชายนิสัยเหมือนผู้หญิง แต่ไม่ใช่เกย์ อย่างโจควอน
2AM คนเกาหลีก็มั่นใจมากๆๆๆ ว่าแมน (แต่คนชาติอื่นมั่นใจมากว่าไม่ใช่)

ผู้ชายเกาหลีทาบีบีคือเรื่องปกติ บางทีจะเข้าคลับก็มีการยืมอายไลเนอร์
ของผู้หญิงแล้วกรีดซะเป๊ะเลย

ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยแล้วยังไม่มีแฟน คนเกาหลีจะเริ่มรู้สึกเดือดร้อน ถึงกับ
มีศัพท์เรียกว่า โมแทซลโล(모태솔로) แปลว่า คนที่ไม่มีแฟนตั้งแต่เกิด

ในหน้าหนาว คนเกาหลีจะนิยมใส่สีผ้าเสื้อเบสิกโดยเฉพาะสีดำ เสื้อผ้า
สีสดใสนี่ถือว่าหายาก

ที่เกาหลีก็มีสำเนียงการพูดต่างจังหวัดซึ่งจะฟังยาก ที่ยากที่สุดว่ากันว่าคือ สำเนียงของคนที่เกาะเชจู

มือถือที่เกาหลีปิดเสียงชัตเตอร์ถ่ายรูปไม่ได้เพื่อป้องกันการแอบถ่าย ต้อง
โหลดแอพถ่ายรูปอื่นๆ มาลงแล้วใช้แอพถ่าย

รถไฟใต้ดินที่น่าปวดหัวที่สุดคือสาย 1 เพราะเป็นสายที่ยาวมากและวิ่งออก
ต่างจังหวัดรอบนอกโซล จึงมีลุงๆ ป้าๆ ขึ้นมาเยอะสุดๆ

คู่รักหลายคู่ชอบแสดงความรักในที่สาธารณะ การจูจุ๊บถือเป็นเรื่อง(เกือบ)
ปกติ
แต่หลายคนก็มองว่าไม่เหมาะสม แต่ที่เห็นบ่อยคือ ฝ่ายชายจะเอามือฝ่ายหญิงซุกกระเป๋าเสื้อโค้ทของตัวเองในหน้าหนาว

คนเกาหลีตามร้านเสื้อผ้าหรือรองเท้าจะบริการดีมากกกกกก แทบจะจับเท้า
เราบรรจงใส่รองเท้าให้อย่างดี แผนกต่างๆ เสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้า พนักงาน
จะยืนกันนิ่งๆ แล้วผายมือเพื่อเรียกลูกค้าให้เข้ามาชม

งานแต่งงานนิยมจัดใน Wedding Hall คือเป็นที่ที่ให้จัดงานแต่งโดยเฉพาะ
พิธีก็สั้นมากไม่ถึงชั่วโมง เพราะมีรายอื่นรอจัดต่อ

ของที่นิยมนำไปให้ในงานขึ้นบ้านใหม่ของคนเกาหลีคือสบู่และทิชชู่

ผู้ชายเกาหลีทุกคนต้องไปเกณฑ์ทหาร จะมี 4 กองทัพหลักคือ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และทหารม้า คล้ายๆ ของไทย แต่คนที่สุขภาพไม่ดี ก็จะได้ฝึกทหารแบบไปเช้าเย็นกลับ ฝึกเบาๆ หรือทำงานในสำนักงานเขต ซึ่งหลายคนจะไม่บอกใครเพราะแอบน่าอายเบาๆ ที่ไม่ได้ฝึกหนักเป็นชายชาติทหาร ส่วนค่ายที่ฝึกหนักที่สุดคือค่ายที่ฝึกทั้งบนบกและในน้ำ ถ้าผู้ชายคนไหนเคยผ่านค่ายนี้ จะแบบว่าภูมิใจสุดๆ คุยโอ่ได้ตลอดปีตลอดชาติ

คนเกาหลีจะมองว่าผู้ชายที่ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วคือผู้ชายเต็มตัว แมนสุดๆ ดังนั้นหากไปกินข้าวกันกลุ่มใหญ่ แล้วส่วนมากมีแต่คนที่เกณฑ์ทหารแล้ว คนที่ยังไม่ได้เกณฑ์ทหารจะรู้สึกว่าตัวเองด้อยลงโดยอัตโนมัติ

แม้จะเกณฑ์ทหารเสร็จแล้ว แต่ทุกๆ ปีหลังจากนั้นทั้งหมด 7 ปี จะต้องกลับไป ฝึกปีละ 3-5 วันแบบไปเช้าเย็นกลับ เรียกว่า เยบีกุน(예비군)

ร้านค้าต่างๆ ไม่ค่อยมีถุงพลาสติกให้ ดังนั้นเวลาซื้อของเยอะๆ ในซุปเปอร์ มาร์เก็ต ต้องแพ็คใส่กล่องกลับบ้านนะ

คนเกาหลีบางคนก็ไม่คิดว่าเท้าหยาบคาย การโดนป้าคนแก่ๆ เดินมาแล้วใช้เท้าเตะเท้าเราเบาๆ เหมือนเป็นการสะกิดเพื่อจะถามอะไรเป็นเรื่องที่เจอได้

บัตร T-Money คือสิ่งดีงามของการเดินทางในเกาหลี ใช้ขึ้นรถไฟใต้ดิน รถบัส จ่ายค่าแท็กซี่ได้หมด สะดวกมากในบัตรเดียว

เกาหลีไม่ค่อยมีของหาย ถ้าลืมอะไรไว้ ส่วนมากมันจะยังอยู่ที่เดิม และมัก
ตามหาเจอที่แผนก Lost&Found

คนเกาหลีเวลานั่งบนเก้าอี้ ชอบนั่งแบบชันเข่าขึ้นมาข้างหนึ่ง หนุ่มสาว
ยันคนแก่เป็นแบบนี้เหมือนกันหมด

ถ้าเจอผู้หญิงเกาหลีใส่หมวกแก๊ป แปลว่านางไม่ได้แต่งหน้าหรือไม่ได้
สระผมมานะ

ตามหน้าร้านเครื่องสำอางต่างๆ จะมีพนักงานออกมาตะโกนเรียกลูกค้าทั้งภาษา เกาหลีและภาษาต่างชาติ หลายร้านมีพนักงานไทยไว้คอยบริการด้วย ไม่แค่ร้าน เครื่องสำอาง แม้แต่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตหรูๆ แผนกต่างๆ ก็ตะโกนเรียกลูกค้า เสียงดัง มองดีๆ เหมือนเต็มใจให้บริการสุดๆ มองอีกทีแบบเค้าจะตบกันมั้ย แข่งกันขายสุดๆ

และหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกที่จะมีพนักงานที่ยืนเฉยๆ ตรงทางเข้า ทำหน้าที่ เดียวคือยืนโค้งต้อนรับลูกค้า

โรงพยาบาลที่เกาหลีดูแลไม่ดีเท่าที่ไทย บางทีแขนใส่เฝือกก็ยังต้องเข็น วีลแชร์เอง เพราะฉะนั้นที่เห็นในซีรีส์เกาหลีนั้นคือดูดีเวอร์ไปนิด

เวลาตามดาราเกาหลี แฟนคลับส่วนมากจะไม่กรี๊ดกัน แต่ทุกคนจะถือกล้อง แล้วเดินตาม ปล่อยให้โอป้าเดินผ่านเงียบๆ

ติ่งเกาหลีส่วนมากจะพยายามทำตัวให้ว่างวันศุกร์ ถ้ามีเรียนก็จะรีบออกจาก โรงเรียน ถ้าเป็นเด็กมหา'ลัยก็จะพยายามไม่ลงวิชาของวันศุกร์ เพราะอยากไปดูถ่ายรายการเพลงมิวสิคแบงค์ ไม่ต้องไฟท์มาก เพราะติ่งรุ่นใหญ่ไปทำงาน ลางานมาแย่งเราดูไม่ได้

แท็กซี่ที่เกาหลี เปิดประตูแล้วขึ้นได้เลย ไม่ต้องถามก่อนว่าจะไปมั้ย ไปทุกคันจ้า และทุกคันมีบิลให้

ในหน้าหนาว คนเกาหลีหลายคนจะนิยมใส่ mask ที่ครอบทั้งปากและจมูก เพราะกันไม่ให้จมูกแห้งและแสบ แต่บางคนก็อาจใส่เพราะไปทำจมูกมา

เวลาออกไปพรีเซนต์หน้าชั้นเรียน การอ่านโพยแล้วพูดคือเรื่องปกติ ใครๆ
ก็ทำกัน

คนเกาหลีส่วนมากเรียนหนังสือเอาทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่ ปฏิบัติจะไม่ค่อยเก่งกัน นั่นคือสาเหตุที่ทำให้คนเกาหลีสอบโทอิกกันได้ 800-900 คะแนนกัน แต่ส่วนมากก็ยังพูดอังกฤษไม่คล่อง

ถึงจะอยู่เกาหลีนาน แต่เมื่อคุยกับเพื่อนเกาหลี ก็จะยังรู้สึกว่ามีกำแพงกั้นตลอดเวลา ดังนั้นถ้าเค้าพยายามมาสนิทกับเรา เราก็แอบกลัวลึกๆ นะว่าเค้าหวังอะไรหรือเปล่า เพราะคนเกาหลีเป็นชาติที่ยึดถือความเป็นหนึ่งและผูกพันกับชาติตัวเองมาก จึงไม่ค่อยสุงสิงกับชาติอื่นนัก

Hankuk University of Foreign Studies เป็นมหาวิทยาลัยที่เด่นด้านภาษา มีเอกภาษาไทยด้วย คนดังที่เรียนอยู่คือ รองอันดับ 2 Miss Korea พูดไทยเก่งด้วย

Seoul National University เป็นมหาวิทยาลัยที่ดังที่สุดของประเทศ ใครเข้าได้จะเหมือนเข้าฮาร์วาร์ดของอเมริกา แถมมหาวิทยาลัยก็ใหญ่มากๆๆๆ จน
เหมือนเมืองๆ หนึ่ง

Ewha Womans University เป็นมหาวิทยาลัยหญิงล้วนที่ดังมากจนเหมือน ที่ท่องเที่ยว เพราะตั้งอยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมือง นักท่องเที่ยวนิยม เข้าไปถ่ายรูปกันวันละหลายร้อยคนโดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง จนมหาวิทยาลัยต้องมีป้ายเตือนว่าห้ามเสียงดัง ให้เกรงใจนักศึกษาบ้างอะไรบ้าง

การรับน้องของเกาหลีเรียกว่า MT ย่อมาจาก Membership Training คล้ายๆ การไปทริปต่างจังหวัดพร้อมกันทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง

ช่วงก่อนสอบเข้า พ่อแม่มักจะให้ลูกกินอะไรเหนียวๆ เช่น ขนมต๊อก(แป้งเป็นชิ้นๆ) หรือโฮบักย็อต(ลูกอมเหนียวๆ ทำจากฟักทอง) เพราะมันจะเหนียวๆ ติดๆ จะได้สอบติด

คนเกาหลีไม่ซีเรียสว่าต้องเรียนจบปริญญาตรีภายใน 4 ปี คนส่วนมากคิดว่า ถ้ายังไม่อยากจบก็ไม่ต้องจบก็ได้ บางคนเรียนจบทุกวิชาแล้วแต่ไม่ไปทำเรื่องจบ เพราะเชื่อว่าหากยังหางานดีๆ ทำไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งเรียนจบดีกว่า ใช้ชีวิตนักศึกษาไปเรื่อยๆ บางคนจบปี 3 ก็ดร็อปไปเรียนภาษา แล้วค่อยกลับมาเรียนปี 4 ต่อ

นักศึกษาเกาหลีหลายคนชอบทำงานเดี่ยวมากกว่างานกลุ่ม เพราะกลัวคนอื่นจะมาดึงคะแนนตัวเองต่ำลง ยิ่งเราเป็นคนต่างชาติ เวลาทำงานกลุ่ม เพื่อนเกาหลีจะไม่ค่อยให้เราทำอะไรมากเพราะกลัวทำผิด บางทีเราก็แอบนอยด์นะ 

ในช่วงที่ผลไม้ออกผล จะชอบมีป้าเอาตะกร้อมาสอยผลไม้ในมหาวิทยาลัย ประดุจเหมือนสวนของตัวเอง ยามก็ไม่ว่าด้วยนะเออ 5555

งานรับปริญญาที่เกาหลีคือไม่มีอะไรเลย ส่วนมากแค่ถ่ายรูปกันด้านนอก บัณฑิตบางคนไม่เข้าหอประชุมด้วยซ้ำ บางคณะคือให้แค่ตัวแทนของคณะขึ้นไปรับใบปริญญา ส่วนที่เหลือเอามาแจกที่ตึกคณะ

ส่วนชุดรับปริญญาก็เช่าเอา แทบไม่มีใครสั่งตัด ค่าเช่าก็ถูกมาก บาง มหาวิทยาลัยให้ยืมฟรี ไม่ก็คิดค่าเช่าแค่ 10,000 วอนหรือ 300 บาทเอง

เวลาอาจารย์สั่งงาน ถ้าเดดไลน์วันพฤหัส ควรส่งซักวันพุธดึกๆ เพราะถ้าส่งไวเกินไป คนอื่นจะมองว่าเราทำลวกๆ ถ้าส่งแบบกระชั้นชิดจะดูเหมือนตั้งใจทำจนวินาทีสุดท้าย

นักศึกษาต่างชาติในเกาหลีเยอะมากกก ฝรั่งมาแลกเปลี่ยนกันเยอะ คนญี่ปุ่นก็เยอะแต่จะอยู่กันเป็นกลุ่ม ส่วนคนจีนจะขยันมาก

ห้องสมุดจะมีระบบจองที่นั่ง ช่วง 1 เดือนก่อนสอบจะเต็ม และห้องสมุดที่เกาหลีจะเงียบมาก หากทำอะไรเสียงดังนิดหน่อยจะถูกมอง บางทีเปิดเพลงใส่หูฟังเบาๆ ยังถูกคนข้างๆ สะกิดให้ปิดเพลง และ ห้องสมุดที่เกาหลีจะมีห้องนอนเรียกว่า 열람실(ยอลรัมชิล) เพราะบางคนก็อ่านจนไม่ได้กลับบ้าน 

ค่าหนังสือเรียนที่นี่แพงมากกกกกก เล่มนึงส่วนมาก 4-5 หมื่นวอน คือไม่ต่ำกว่าพันบาท

3 สิ่งสำคัญในการเข้าทำงานของบริษัทเกาหลีคือ โทอิก 900 คะแนนขึ้นไป ประสบการณ์การฝึกงาน และใบประกาศนียบัตรการเรียนภาษา ยิ่งหากเคยไปเมืองนอกมายิ่งดี

เป็นยังไงกันบ้างเอ่ยกับทั้ง 60 ข้อ น้องๆ ชอบหรือแปลกใจข้อไหนกันบ้าง พี่ชอบข้อที่ป้าเข้ามาสอยผลไม้ในมหาวิทยาลัย 55555 ^^ สำหรับ Episode นี้ ก็ต้องขอบคุณทั้ง 3 สาวที่สละเวลามาให้สัมภาษณ์กับ Dek-D.com มากๆ เลยจ้า ส่วนตอนหน้าจะเป็นอะไร ต้องรอติดตามนะ^^

 
บทความนี้ถูกเขียนหรือแปลโดยทีมงานเว็บไซต์ Dek-D.com เป็นที่แรก
ห้ามนำไปดัดแปลง ตัดต่อ เรียบเรียงใหม่ โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากต้องการนำไปเผยแพร่ต่อในเว็บไซต์อื่น กรุณาใส่เครดิตให้ครบถ้วน
พร้อมทำลิ้งค์เชื่อมโยงกลับมาหน้านี้เท่านั้น
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

กระทู้นี้ถูกปิดการแสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

-((`คิมทงเฮ.รอ๑๓ Member 28 พ.ย. 57 00:06 น. 7-1
จริงค่ะ ของพี่ไทยนี่ถ้าส่งเร็วแปลว่าทำดี แต่ส่งช้าแบบนั้นเรียกว่าไฟลนตูด 5555
0
กำลังโหลด
Down A-Pink Member 27 พ.ย. 57 18:24 น. 18

เฮ้ยยยยย! ห้องสมุดมีห้องนอนด้วยยอ่ะ

คือชอบน่ะ ยิ่งถ้ามีอาหารมาเสิร์ฟฟรีด้วยนี่ ยิ่งดีเลยน่ะก่ะะะ คิ้กคิ้ก เย้

2
คุณอลิสของกระต่ายขาว Member 30 พ.ย. 57 13:53 น. 18-1
ห้องสมุดของมหาลัยที่เกาหลีมักจะมีคาเฟ่เปิดอยู่แล้วค่ะ ข้างในมีตู้กดพวกเครื่องดื่มด้วย ส่วนขนมแจกฟรีเราเคยอ่านบล็อกของคนที่ไปเรียนยอนเซ มีแจกให้นะตอนสอบ แต่มหาลัยอื่นเราไม่แน่ใจว่าแจกมั้ย
0
กำลังโหลด
Pounjang 27 พ.ย. 57 15:43 น. 4
พี่เป้คะ อยากให้มีบทสัมภาษณ์ที่มาที่ไปของพี่ๆนักเรียนทุนทั้ง3คนจังเลยค่ะ ทำยังไงถึงได้ทุน เตรียมตัวอย่างไรบ้าง การเรียนที่มหาวิทยาลัยต่างจากไทยอย่างไร .. โดยเฉพาะพี่ปูเป้ที่ได้ทุน EGPPน่ะค่ะ คือหนูสนใจทุนนี้อยู่ รบกวนพี่เป้ด้วยนะค่ะ :D ขอบคุณบทความดีๆนี้ด้วยค่ะ ได้ความรู้เยอะขึ้นเลย ^^
2
กำลังโหลด
หน่อไม้เรนเจอร์กู้โลกสีเขียวปี๋ยกกำลังแปดสิบสี่ Member 27 พ.ย. 57 14:08 น. 1

โอ๊ยยย แต่เอาเท้าเขี่ยเพื่อทักทายนี่ก็ไม่ไหวป่ะค้า
555555555555555555555555555555

0
กำลังโหลด
Yesung-IT Member 27 พ.ย. 57 16:32 น. 9

ชอบทุกข้อเลย นอกจากที่เค้าประมาณไม่สุงสิงกับคนต่างชาตินะ  นอกจากนั้นแบบเป๊ะมาก 

-ห้องสมุดเงียบนี่ชอบเพราะไทยบางที่ไม่ต่างอะไรกับข้างนอกเลยอ่ะ อยู่บ้านยังเงียบกว่าอีก

-ส่งงานกระชั้นชิดนี่ เป๊ะเลย

-ปู้จายโซลก็โรแมนติกแบบนั้นชอบๆๆๆๆ

-ซื้อของแพ็คใส่กล่องก็ชอบ เรารักโลก

-พนักงานร้านขายของยืนเฉยๆ ไม่มาเซาะแซะน่ารำคาญเหมือนที่ไทย

(โทอิค900นี่ไม่ไหวนะเออ)

-แท็กซี่นี่ยิ่งชอบเพราะเราโดนปฏิเสธบ่อยมาก บ่อยไปไหน55

-เราเป็นติ่งไง ตามโอปป้าได้สบาย รักเลยเยี่ยม

0
กำลังโหลด

84 ความคิดเห็น

หน่อไม้เรนเจอร์กู้โลกสีเขียวปี๋ยกกำลังแปดสิบสี่ Member 27 พ.ย. 57 14:08 น. 1

โอ๊ยยย แต่เอาเท้าเขี่ยเพื่อทักทายนี่ก็ไม่ไหวป่ะค้า
555555555555555555555555555555

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Pounjang 27 พ.ย. 57 15:43 น. 4
พี่เป้คะ อยากให้มีบทสัมภาษณ์ที่มาที่ไปของพี่ๆนักเรียนทุนทั้ง3คนจังเลยค่ะ ทำยังไงถึงได้ทุน เตรียมตัวอย่างไรบ้าง การเรียนที่มหาวิทยาลัยต่างจากไทยอย่างไร .. โดยเฉพาะพี่ปูเป้ที่ได้ทุน EGPPน่ะค่ะ คือหนูสนใจทุนนี้อยู่ รบกวนพี่เป้ด้วยนะค่ะ :D ขอบคุณบทความดีๆนี้ด้วยค่ะ ได้ความรู้เยอะขึ้นเลย ^^
2
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
-((`คิมทงเฮ.รอ๑๓ Member 28 พ.ย. 57 00:06 น. 7-1
จริงค่ะ ของพี่ไทยนี่ถ้าส่งเร็วแปลว่าทำดี แต่ส่งช้าแบบนั้นเรียกว่าไฟลนตูด 5555
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Yesung-IT Member 27 พ.ย. 57 16:32 น. 9

ชอบทุกข้อเลย นอกจากที่เค้าประมาณไม่สุงสิงกับคนต่างชาตินะ  นอกจากนั้นแบบเป๊ะมาก 

-ห้องสมุดเงียบนี่ชอบเพราะไทยบางที่ไม่ต่างอะไรกับข้างนอกเลยอ่ะ อยู่บ้านยังเงียบกว่าอีก

-ส่งงานกระชั้นชิดนี่ เป๊ะเลย

-ปู้จายโซลก็โรแมนติกแบบนั้นชอบๆๆๆๆ

-ซื้อของแพ็คใส่กล่องก็ชอบ เรารักโลก

-พนักงานร้านขายของยืนเฉยๆ ไม่มาเซาะแซะน่ารำคาญเหมือนที่ไทย

(โทอิค900นี่ไม่ไหวนะเออ)

-แท็กซี่นี่ยิ่งชอบเพราะเราโดนปฏิเสธบ่อยมาก บ่อยไปไหน55

-เราเป็นติ่งไง ตามโอปป้าได้สบาย รักเลยเยี่ยม

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Jingle Bell Member 27 พ.ย. 57 17:11 น. 11

เวลาอาจารย์สั่งงาน ถ้าเดดไลน์วันพฤหัส ควรส่งซักวันพุธดึกๆ เพราะถ้าส่งไวเกินไป คนอื่นจะมองว่าเราทำลวกๆ ถ้าส่งแบบกระชั้นชิดจะดูเหมือนตั้งใจทำจนวินาทีสุดท้าย

ไปอยู่เกาหลีได้สินะ ไม่ได้ทำจนวินาทีสุดท้ายหรอกนะ แบบว่าดองไว้ เพิ่งเริ่มทำเย็นวันพุธ 555555555555

เย้เย้เย้เย้

0
กำลังโหลด
록씨 유이 27 พ.ย. 57 17:32 น. 12
"ถึงจะอยู่เกาหลีนาน แต่เมื่อคุยกับเพื่อนเกาหลี ก็จะยังรู้สึกว่ามีกำแพงกั้นตลอดเวลา ดังนั้นถ้าเค้าพยายามมาสนิทกับเรา เราก็แอบกลัวลึกๆ นะว่าเค้าหวังอะไรหรือเปล่า เพราะคนเกาหลีเป็นชาติที่ยึดถือความเป็นหนึ่งและผูกพันกับชาติตัวเองมาก จึงไม่ค่อยสุงสิงกับชาติอื่นนัก" มีเพื่อนเป็นคนเกาหลีมากพอสมควร แต่ที่สนิท และเพิ่งพาได้จิงๆมีไม่กี่คน แต่ถ้าได้สนิทแล้ว เค้าจะทุ่มเทกับเรามาก เป็นห่วงเป็นใยเรา ให้ได้ทุกอย่างจิงๆ ฝากซื้อของบางทีพันกว่าบาทสองพันไม่เก็บเงินเราเลย เวลาไปเกาหลีก็ไปนอนที่บ้านเค้าได้ทุกครั้ง สงสัยคงแล้วแต่คน? แต่ที่คบแค่เฉพาะประโยชน์ก็มี คือ ถ้าไม่มีอะไรให้เราช่วยเหลือ ก็จะไม่ติดต่อมา แต่ถ้ามาปุ๊ป จะมามุ้งมิ้งๆคุยก่อนซัก 2-3 วัน แล้วถึงเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ ฮ่าๆๆๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
m_m2 Member 27 พ.ย. 57 17:41 น. 14

อยากทราบอะค่ะ  ว่าที่เกาหลี เรียนยากกว่าของไทยมากมั๊ยคะ 

เพราะได้ยินมาว่า ที่เกาหลีเรียนกันหนักมาก แล้วนักเรียนไทยสามารถสู้ได้มั๊ยคะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ข้าน้อยเองเมนยอล Member 27 พ.ย. 57 18:07 น. 16

ไม่ค่อยมีเกย์อ่ะ เศร้า เราชอบเกย์เกาหลี ข้อ17 นึกว่ากรีดอายไลน์เนอร์แปลกนะ เห็นแบคทำก็สงสัย ลาก่อยเกย์เกาหลี

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Down A-Pink Member 27 พ.ย. 57 18:24 น. 18

เฮ้ยยยยย! ห้องสมุดมีห้องนอนด้วยยอ่ะ

คือชอบน่ะ ยิ่งถ้ามีอาหารมาเสิร์ฟฟรีด้วยนี่ ยิ่งดีเลยน่ะก่ะะะ คิ้กคิ้ก เย้

2
คุณอลิสของกระต่ายขาว Member 30 พ.ย. 57 13:53 น. 18-1
ห้องสมุดของมหาลัยที่เกาหลีมักจะมีคาเฟ่เปิดอยู่แล้วค่ะ ข้างในมีตู้กดพวกเครื่องดื่มด้วย ส่วนขนมแจกฟรีเราเคยอ่านบล็อกของคนที่ไปเรียนยอนเซ มีแจกให้นะตอนสอบ แต่มหาลัยอื่นเราไม่แน่ใจว่าแจกมั้ย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
dewvincipc 27 พ.ย. 57 20:13 น. 20-1
อูยองปูซานค่ะ ถึงหน้าตาน่ารักแต่ปัจจุลันกลายเป็นเดอะแมนไปแล้ว แต่แทคยอนก็ปูซานเหมือนกันจ้าาา.
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด