60 เรื่องจริงชีวิต "คนญี่ปุ่น " กับหลายข้อที่คุณอาจไม่รู้

7 ที่สุดการประดับไฟคริสต์มาสที่โตเกียว ใครจะไปญี่ปุ่นห้ามพลาด! (สวยมาก)

                       
                       
        สวัสดีครับน้องๆ ชาว  Dek-D.com... กลับมาเจอเจอกับ พี่โช และคอลัมน์ JaPON JaPAN(เจปง เจแปน) อีกแล้ว สำหรับวันนี้มาดูกันว่า มีอะไรบ้างที่น่ารู้เกี่ยวกับญี่ปุ่นตั้ง 60 ข้อ ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ รับรองว่ามันส์ โดยเขียนจากประสบการณ์ 5 ปีในญี่ปุ่นที่พี่โชเจอมา ถ้าพร้อมแล้วไปตะลุยกันเลย
                      


1. ร้านถ่ายรูปสติกเกอร์ที่ญี่ปุ่น ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็เข้าไปถ่ายได้นะครับ เพราะจริงๆ แล้วมักจะมีป้ายห้ามผู้ชายเข้าไปพร้อมกันเป็นกลุ่ม ถ้ากลุ่มไหนไม่มีผู้หญิงไปด้วยนี่เข้าไปถ่ายยากสุดๆ  ที่ต้องห้ามก็เป็นเพราะเรื่องความปลอดภัยของสาวๆ เผื่อโดนลวนลามหรือแอบถ่าย

2. เวลาขึ้นรถไฟเบียดๆ ทุกคนจะเอาหลังเข้า และยืนหันหน้าออกไปทางประตู ที่ต้องทำแบบนี้เพราะว่าเวลาทุกคนหันหน้าไปทางนอกหน้าต่างรถเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องประจันหน้าหรือจ้องตากันเวลายืนเบียด 

3. คนญี่ปุ่นต่างกับคนจีนและเกาหลีที่ไม่ค่อยต่อราคาสินค้า พูดง่ายๆ คือส่วนมากราคาสินค้าจะตายตัว อาจจะมีการต่อราคาบ้างทางแถบโอซาก้า ดังนั้น ถ้ามาญี่ปุ่นแล้วอยากต่อราคา ลองเปลี่ยนเป็นถามว่า “มีของแถมอะไรไหม” บางทีอาจจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาก็ได้


4. การขึ้นบันไดเลื่อนที่ญี่ปุ่น โตเกียวยืนชิดซ้าย โอซาก้าและแถบคันไซชิดขวา แต่ไม่ว่าจะที่ไหน ส่วนมากก็จะเปิดทางไว้ฝั่งหนึ่งให้คนเดินแซงได้เสมอ 
 
5. ชาวต่างชาติรวมถึงชาวไทยที่มาโตเกียว มักจะคาดหวังจะเจอวัยรุ่นญี่ปุ่นแต่งตัวประหลาดๆ ออกมายืนแถวฮาราจุกุ หรือพวกคอสเพลย์ ซึ่งบางคนหาไม่เจอ หรือเจอน้อยมาก ขอบอกว่าแฟชั่นแบบนั้นมีมากในช่วงยุค 1990-2000 เดี๋ยวนี้มีไม่มากเท่าเมื่อก่อนแล้ว

6. มีหลายเหตุผลที่ผู้ชายญี่ปุ่นต้องกันคิ้ว บ้างก็ว่าเหมือนกับการโกนหนวด ถ้าคิ้วรุงรังก็เหมือนกับเราไม่ดูแลตัวเอง บ้างก็ว่ามีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่บางคนก็ไม่โกนและมองว่าการกันคิ้วจนโก่งเกินสาวๆ เป็นแฟชั่นแสนเชย แต่ไม่มีใครมองว่าเป็นตุ๊ดแน่นอน

7. พ่อค้าแม่ค้าในตลาดที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยโกง หาแทบไม่เจอเลยก็ว่าได้ สมมติถ้าซื้อสตรอว์เบอรี่ รับรองว่าทุกลูกในกล่องทั้งด้านบนและด้านล่างสวยและไม่เน่า และไม่เอาใบไม้รากหญ้ามารองเพื่อโกงเราด้วย 


8. น้ำก๊อกที่ญี่ปุ่นดื่มได้ แต่หลายๆ คนก็ไม่ดื่ม เพราะบอกว่าไม่อร่อยหรือไม่ชอบกลิ่นคลอรีน 

9. ค่าดัดฟันที่ญี่ปุ่นแพงสุดๆ เป็นหลักแสนบาทเลยทีเดียว และประกันสุขภาพก็ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับการดัดฟันด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้คนญี่ปุ่นฟันเป็นแบบนี้รึเปล่า 

10. นอกจากที่ญี่ปุ่นจะไม่มี “ขนมโตเกียว” ที่ขายตามรถเข็นในไทยแล้ว  ขนมที่คนไทยเรียกกันว่า “ชิบูยาโทสต์” ก็ไม่ใช่ขนมที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยมากจะเจอในร้านคาราโอเกะเฉพาะทาง และก็มักเรียกกันว่าฮันนี่โทสต์มากกว่า

11. ในความคิดของคนญี่ปุ่น คนโตเกียวจะแต่งตัวสีดำๆ ขรึมๆ ออกแนวตะวันตก และคล้ายกันทั้งเมือง แต่ทางโอซาก้าจะสดใสลายทั่วตัว และค่อนข้างมีสีสันกว่า 


12. ถ้าจับคนโตเกียวมานั่งคุยเรื่องแฟชั่นกับคนโอซาก้า คนโตเกียวจะภูมิใจว่าฉันซื้อกระเป๋า
แบรนด์เนมมาแพงและเป็นรุ่นจำกัดที่หาไม่ได้อีกแล้ว ในขณะที่คนโอซาก้าจะมองว่า อุ๊ย ฉันซื้อมาถูกกว่า ฉันชนะจ้ะ ซื้อมาทำไมแพงๆ โง่นะเธอ ไรงี้

 
13. คนญี่ปุ่นจะเคาะประตูห้องน้ำก่อนเข้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครในนั้น ซึ่งบางทีเคาะกันรัวและแรงมากประหนึ่งว่านางถูกข้าศึกจู่โจมถล่มเละไปแล้ว

14. คนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายกันแทบจะทุกชั่วโมงด้วยการกระโดดลงรางรถไฟ แรกๆ อาจฟังดูน่ากลัว แต่พออยู่ไปนานๆ จะเริ่มชิน และเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดแทน เพราะการที่รถต้องหยุดวิ่งเพื่อเก็บชิ้นส่วนศพนั้น มักทำให้เราต้องรอพักใหญ่ๆ และไปไม่ทันตามนัด


15. การแต่งหน้าในรถไฟเป็นเรื่องไม่ควรอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง แค่หยิบกระจกขึ้นมาส่องๆ ก็ถูกมองแล้ว เพราะนอกจากความไม่ปลอดภัยเวลารถเบรคที่จะทำให้ลิปสติกเปื้อนปากแล้ว ผงแป้งที่ใช้ปัดหน้าอาจทำให้คนรอบข้างเปื้อนได้ แต่ที่สำคัญสุด คนญี่ปุ่นแต่โบราณมองว่า ผู้หญิงไม่ควรให้ใครมาเห็นกระบวนการตอนที่เรากำลังทำสวย ประมาณว่า เราต้องเป๊ะมาจากบ้านหรือสวยตั้งแต่เกิด ไม่ใช่มานั่งแต่งหน้าให้ผู้ชายดู ไม่งาม

16. คนญี่ปุ่นมักจะห่อปกหนังสือด้วยกระดาษจากร้านหนังสือที่ซื้อมา ข้อดีของการห่อปกหนังสือคือ บางคนไม่อยากประกาศให้โลกรู้ว่าฉันกำลังอ่านอะไร อีกเหตุผลคือ ร้านหนังสือได้โฆษณาชื่อร้านไปในตัวด้วย

17. คนไทยจะรู้สึกว่าช้อนกับส้อม เป็นอะไรที่ใช้รับประทานอาหารสะดวกที่สุดแล้ว แต่คนญี่ปุ่นมองว่าการใช้ช้อนกับส้อมกินพร้อมกันเป็นอะไรที่ลำบ๊ากลำบาก เพราะที่สะดวกที่สุดคือตะเกียบ รองลงมาคือส้อมอย่างเดียว พูดจริงๆ


18. คนญี่ปุ่นมองว่า “ตะเกียบญี่ปุ่น” ใช้ง่ายที่สุดกว่าตะเกียบชาติใดๆ ในโลก คีบง่ายกว่าตะเกียบจีนที่เป็นพลาสติกเหลี่ยมๆ (ให้นึกถึงเวลาไปกินโต๊ะจีน) และคีบง่ายกว่า “ตะเกียบเกาหลี” ซึ่งแบนและหนักเพราะเป็นโลหะ แต่ก็นะ นานาจิตตัง

19. มือถือที่ญี่ปุ่นก็เหมือนกับที่เกาหลี คือเวลาถ่ายรูป กล้องจะมีเสียง “แชะ” ดังที่สุดในสามโลก เป็นเพราะกฎหมายที่นี่เอาไว้กันแอบถ่าย จะทำยังไงก็ไม่สามารถปิดเสียงได้ หากไปโหลด application ปิดเสียงกล้องมาและทำการปิดเสียงเพื่อถ่าย application จะขึ้นเตือนว่า “ผิดกฎหมายถ่ายไม่ได้”

20. เวลาเดินทางไกล หรือไปไหนๆ เวลาปวดปัสสาวะคนไทยจะนึกถึงห้องน้ำปั๊ม แต่ที่ญี่ปุ่น ให้นึกถึงร้านสะดวกซื้อ ไม่ว่าจะในเมือง ในต่างจังหวัด ทุกที่จะมีห้องน้ำให้เราเข้าไปใช้ได้ฟรี แต่อาจไม่ค่อยสะอาด

21 .คนญี่ปุ่นจะปิดฝาส้วมเสมอเมื่อใช้เสร็จ และเมื่อเราเห็นฝาส้วมปิด ให้ตระหนักไว้ว่า “มันสะอาด” ไม่เหมือนบ้านเรา เปิดได้ไม่ต้องกลัว ฮ่าๆ


22. ที่ญี่ปุ่น เด็กๆ ชั้นประถมจะเดินกลับบ้านและขึ้นรถไฟเองเป็นเรื่องปกติ โดยมากแล้วการคมนาคมบนถนนของญี่ปุ่นค่อนข้างปลอดถัย แต่ก็มีบางครั้งก็มีข่าวว่ารถบรรทุกขับเสยเด็กๆ ที่เดินในตรอกแคบๆ  เหมือนกัน

23. ร้านอาหารญี่ปุ่นจะเสิร์ฟน้ำเปล่าเย็นฟรีทุกที่ แต่น้ำนั้นเป็นน้ำก๊อก บางร้านอาจหรูขึ้นหน่อยด้วยการฝานเลมอนทั้งเปลือกลงไป บางที่ก็ใส่ใบมินต์สด 2-3 ใบ

24.บางทีคนญี่ปุ่นเหมารวมอาหารไทย เวียดนาม อินเดีย มาเลเซีย รวมๆ กันเรียกว่า ethnic food คือนางเห็นว่าเราเป็นชนเผ่าอะไรหรือไง ไม่ไหวนะ ขอแบน

25. คนไทยคุ้นหูกับคำว่า “ออนเซน” ซึ่งเป็นที่แช่น้ำซึ่งเป็นน้ำแร่ร้อนจริงๆ ส่วนตามตัวเมืองที่มีบ่อให้แช่สาธารณะบางที่อาจไม่ใช่น้ำแร่จริงๆ แต่เอาน้ำประปามาต้มร้อน เรียกันว่า “เซนโต”


26. MUJI ที่ญี่ปุ่นเป็นร้านขายของกระจุกกระจิกในชีวิตประจำวัน มีอาหาร มีน้ำขายด้วย แต่พอไปไทยได้กลายเป็นร้านที่หรูหราและดูดีมีสไตล์มาก เก๋อ่ะ

27. นอกจากคำว่า “อะโน...” ที่คนญี่ปุ่นชอบพูดเวลานึกอะไรไม่ออก ซึ่งก็คล้ายๆ ภาษาไทยคำว่า “เอ่อ...” แล้ว ยังมีคำว่า “เอ...โต” ที่เราอาจได้ยินคนญี่ปุ่นพูดเวลากำลังใช้ความคิดด้วย

28. สาวประเภทสองที่ญี่ปุ่นจะมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า “นิวฮาล์ฟ (New Half)”

29. ชาที่ญี่ปุ่นโดยเฉพาะชาเขียว ไม่ว่าจะเป็นที่ร้านหรือในขวดจะไม่ใส่น้ำตาลโดยเด็ดขาด คนญี่ปุ่นมองกันว่า คนที่จะใส่น้ำตาลลงไปในชามีแค่ชาวต่างชาติเท่านั้น

30. ค่ากระเป๋านักเรียนใบนึงที่เด็กๆ ญี่ปุ่นสะพายหลังไปโรงเรียน (ให้นึกถึงโนบิตะ) ใบนึงตกราวๆ ใบละหมื่นบาท ไม่ใช่เล่นนะจ๊ะ


31. ญี่ปุ่นเป็นเกาะที่ล้อมไปด้วยทะเลทุกด้าน ทะเลด้านซ้ายที่ติดกับจีนและเกาหลี ญี่ปุ่นเรียกว่าฝั่ง “นิฮงไค” ในสายตาคนทั่วไปบริเวณนั้นดูหนาวเย็น เงียบเชียบ น่ากลัว ทะเลและลมถูกมองว่าได้รับความสกปรกมาจากจีน อาหารจากทะเลก็ใกล้ทะเลจีน คนอาศัยน้อย และมีคำเรียกทะเลฝั่งตะวันตกนี้ว่าเป็นเหมือนหลังบ้านของญี่ปุ่น แถมอยู่ติดเกาหลีเหนือด้วย อาจมีสปายหรือคนมาสอดแนมได้ เรื่องนี้รู้ไว้ใช่ว่า แต่อย่าไปพูดให้ใครที่ไหนฟังนะ เดี๋ยวโดนโกรธเอา

32. ที่ญี่ปุ่นโรงแรม(ม่านรูด) โดยมากไม่อนุญาตให้ชายสองคนเข้าไปพัก ดังนั้น หนุ่มๆ คนไหนที่อยากพาแฟน(ผู้ชาย) ไปนอนต้องระวังนิดนึง เพราะญี่ปุ่นค่อนข้างมีมาตรการเรื่องความปลอดภัยสูง

33. หากอยากดื่มกาแฟดีๆ เคี่ยวและบดใหม่ๆ ราคาถูกๆ ให้เดินเข้าร้านสะดวกซื้อเช่น 7-11 จะเห็นเครื่องทำกาแฟอย่างดีวางอยู่ตรงทางเข้าเลย ประมาณแก้วละ 30 บาทแต่ของเขาดีจริงๆ

34. คิทแคทรสชาเขียว และ โตเกียวบานาน่า แม้จะโด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย แต่คนญี่ปุ่นจำนวนมากไม่เคยกิน และไม่ค่อยสนใจมากมายเท่ากับที่เราตื่นเต้นกัน


35. คนญี่ปุ่นมักจะใส่หน้ากากเพราะป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายโดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางด้วยรถไฟ บางคนก็ใส่หน้ากากเพราะไม่อยากแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น บางคนก็ใส่เพราะเพิ่งไปทำศัลยกรรม (อันนี้เหมือนคนเกาหลี) บางคนใส่เพราะรู้สึกสบายใจ บางคนใส่เพราะดูเก๋ดี

36. บางทีร้านอาหารที่คนต่อแถวเยอะๆ ก็ไม่ได้อร่อยเสมอไป เพราะคนญี่ปุ่นเวลาเห็นร้านไหนคนเยอะ มักจะมาต่อตามๆ กัน พี่โชกับเพื่อนเคยลองไปทำเป็นยืนๆ หน้าร้านเครปซึ่งไม่มีคนเลย หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็มีคนญี่ปุ่นมาต่อแถวตามอย่างไม่ขาดสาย ฮ่าๆ

37. การไปเที่ยวต่างประเทศสำหรับคนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะอเมริกาหรือว่าจะเป็นยุโรป ไม่ใช่เรื่องแพงเกินเอื้อม เผลอๆ ถูกกว่าเที่ยวในประเทศด้วย โดยเฉพาะไปเกาหลี จีน ฮ่องกง หรือไต้หวัน รับประกันว่าเที่ยวในญี่ปุ่นแพงกว่าแน่นอน


38. ราเม็ง (เส้นเหลืองน้ำใส) สำหรับคนญี่ปุ่นคืออาหารจีน และโดยมากร้านราเม็งจะขายข้าวผัด ขายเกี๊ยวซ่า ขายหมี่ผัด โกยซีหมี่ ทั้งสิ้นล้วนเป็นอาหารจีนในสายตาคนญี่ปุ่น และผู้หญิงสาวๆ มักจะไม่เข้าไปทานอาหารร้านราเม็ง เพราะเป็นอาหารเน้นแป้ง และไขมัน ส่วนมากร้านพวกนี้จะสูบบุหรี่ได้และมีกับแกล้มเหล้าขายด้วย

39. คนญี่ปุ่นปรับแอร์ไว้ที่อุณหภูมิ 28 องศา หากใครมาลดเป็น 26 คนญี่ปุ่นจะรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที ดังนั้นอุณหภูมิ 23-25 องศาแบบที่คนไทยปรับกันไม่ต้องพูดถึง คนญี่ปุ่นไข้ขึ้นแน่นอน 

40. ไม่ว่าจะเป็นงานศพหรืองานรื่นเริง คนญี่ปุ่นก็แต่งชุดสีดำ ดำสนิท จริงๆ แล้วเหตุผลหนึ่งคือเพื่อไม่ให้โดดเด่นเกินเจ้าภาพและเพื่อให้สุภาพเรียบร้อย

41. ที่ไทย หมีรีลักคุมะ ค่อนข้างมาแรงและทั้งผู้หญิงผู้ชายไทยตื่นเต้นในความน่ารักกันหมด แต่ที่ญี่ปุ่น จริงๆ แล้วเป็นตัวการ์ตูนที่แอบฟรุ้งฟริ้งมาก และมีแค่สาวๆ เท่านั้นที่จะตื่นเต้นในความดิ๊งด่องของน้องหมีรีแลกซ์นี้


42. ค่าจ้างขั้นต่ำที่ญี่ปุ่นชั่วโมงละประมาณ 300 บาท ทำสิบชั่วโมงก็ประมาณ 3,000 บาทต่อวัน ในขณะที่ของไทยวันละ 300 บาท แม้จะดูเยอะ แต่เมื่อเทียบกับค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายแล้วก็ไม่ใช่เงินที่มากอะไรเลย

43. คนญี่ปุ่นมักจะทานอาหารจนหมดเกลี้ยง และแม้จะไม่หมดก็จะไม่ห่ออาหารกลับบ้านเด็ดขาด ทางร้านอาหารเองก็ไม่ค่อยยอมห่ออาหารที่เหลือกลับบ้านให้เราเพราะ 2 เหตุผลหลักๆ คือ กลัวเกิดการเน่าเสียปวดท้องแล้วมาโทษร้าน กับ ไม่มีภาชนะที่เอามาใส่อาหารเตรียมไว้ เพราะคนญี่ปุ่นจะไม่เอาอาหารใส่ถุงพลาสติกแบบบ้านเราแน่นอน

44. คนญี่ปุ่นไม่ได้มองว่าอาหารไทยคือต้มยำกุ้งเท่านั้น หลายๆ คนมองว่า “ผักชี” เป็นตัวแทนของความเป็นอาหารไทย ดังนั้น บางทีจะโรยผักชีทั้งใบทั้งก้านบึ้มเต็มชามประหนึ่งว่าเราเป็นเต่า และเราต้องกินมันดิบๆ เพราะถ้าโรยไม่เยอะนั่นไม่ใช่อาหารไทย 


45. ขอต่อเรื่อง “ผักชี” คนญี่ปุ่นไม่รู้ว่า รากผักชี เป็นสิ่งที่ไว้ใช้ทำอาหารได้และทำให้อาหารอร่อย ผักชีที่ขายที่ซูเปอร์มาร์เกตที่นี่จะหางด้วน (เห็นแล้วนึกถึงจิ้งจกยังไงชอบกล) เพราะถูกตัดรากทิ้ง เสียดายสุดๆ

46. ถ้าเปิดโทรทัศน์ที่ญี่ปุ่น จะต้องมีซักช่องที่กำลังฉายรายการอาหาร รายการท่องเที่ยว หรือจัดอันดับอะไรสักอย่าง ที่แน่ๆ คืออาหารต้องซูมเข้าไปใกล้ๆช้อน มีควัน ดูน่าทาน และดูขยับนิดๆ ให้เก๋ๆ

47. ความมีมารยาทของคนญี่ปุ่นอีกอย่างคือ หลีกทางให้กันเวลาถ่ายรูป พูดง่ายๆ คือ เมื่อคนญี่ปุ่นเห็นใครกำลังถ่ายรูป เขาจะหยุดรอเราให้ถ่ายเสร็จทันที ไม่มีทางเดินมาตัดหน้ากล้องอย่างแน่นอน

48. บนท้องถนนที่ญี่ปุ่นจะเห็นคนใส่ชุดกิโมโนอยู่บ่อยๆ ซึ่งคนไทยชอบถามว่าใส่ไปทำไม คำตอบก็มีหลากหลาย อาจเป็นเพราะอยากใส่เก๋ๆ อาจไปงานพิธีบางอย่าง อาจไปคลาสชงชา หรืออาจเพราะนัดกับเพื่อนไปเดินวัดชมดอกไม้ให้เข้าบรรยากาศ โอย สารพัด


49. ห้างที่ญี่ปุ่นโดยมากจะปิดเวลาสองทุ่ม แนะนำให้วางแผนเที่ยวดีๆ 
 
50. อย่าเอาวิธีการสังเกตเก้งกวางหรือผู้ชายที่เราอาจมองว่าเป็นเกย์แบบที่เราใช้ที่ไทยมาใช้กับคนญี่ปุ่น เพราะส่วนมากหนุ่มญี่ปุ่นที่หน้าหวาน มือไม้มีจริต แต่งตัวเนี้ยบ คิ้วโก่งสุดๆ จริงๆ แล้วพวกนี้แหละอาจจะเจ้าชู้จีบสาวไม่เบา ส่วนเกย์ที่นี่ต้องมองแบบไหนนั้น ขอบอกได้เลยว่าต้องใช้ประสบการณ์ 555  (ปล. ลองสังเกตผู้ชายผมสั้น ผิวแทน แมนสุดๆ ไว้ละกัน นั่นแหละน่าสงสัย)

51. ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ ATM ไม่เปิด 24 ชั่วโมง ถ้าอยากกดยามวิกาลก็ต้องเข้าร้านสะดวกซื้อ

 
52. ซากุระที่ปลูกที่ญี่ปุ่นโดยมากไม่ได้สีชมพู เพราะพันธุ์ที่นิยมปลูกจะเป็นพันธุ์ที่มีสีขาวและชมพูอ่อนมากๆ หลายคนจินตนาการว่าซากุระจะต้องเป็นสีชมพูแล้วพอมาเห็นของจริงอาจจะตกใจ


53. เมื่อซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เกตที่ญี่ปุ่น โดยมากต้องเอาของใส่ถุงพลาสติกด้วยตัวเอง นอกจากของจะน้อยจริงๆ พนักงานถึงจะทำให้

54. พริกตามร้านราเม็งหรือโซบะที่ญี่ปุ่น ใส่ยังไงก็จะไม่เผ็ด ซึ่งถึงจะรู้ว่าไม่เผ็ด แต่คนไทยก็จะตะบี้ตะบันใส่อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจว่าแซ่บแล้ว คือที่ไม่เผ็ดเพราะว่าพริกที่วางอยู่นั้น จริงๆ แล้วเป็นเครื่องเทศ 7 ชนิดที่ผสมกันไว้เพิ่มกลิ่นและรส พริกป่นก็เป็นหนึ่งในนั้น ใส่จนหมดขวดก็ไม่เผ็ดนะจ๊ะ (บางทีมีพริกอย่างเดียว แต่ก็ไม่เผ็ดอยู่ดี)

55. อาหารเช้าที่ญี่ปุ่นส่วนมากจะกินกันที่บ้าน คนญี่ปุ่นจะซื้ออาหารเช้าเตรียมไว้ตั้งแต่คืนก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นขนมปังหรืออาหารเช้าแบบเอเชีย ดังนั้น ถ้าใครจะมาหาร้านโจ๊ก ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ แบบไทย ฮ่องกง หรือจีนแล้ว รับรองว่าหาไม่เจอแน่ๆ อย่างมากก็จะเจอร้านข้าวหน้าเนื้อซึ่งเปิด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว


56. เครื่องเป่ามือให้แห้งในห้องน้ำที่ญี่ปุ่นลมแรงมาก เป่าแป๊บเดียวก็แห้ง ในขณะที่บ้านเราเอามาเช็ดกางเกงแห้งเร็วว่าเพราะลมนั้นช่างอ่อนระโหยโรงแรงเป็นอย่างยิ่ง

57. ในสถานีรถไฟญี่ปุ่นจะมีกระจกไว้ให้เราส่องอยู่ตามเสาหรือกำแพงเสมอๆ เพื่อให้เราได้แอบเช็คความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมให้เป๊ะเสมอๆ คือดีอะ

58. เทศกาลคริสต์มาสที่ญี่ปุ่นเป็นเทศกาลที่ดูโรแมนติกและฟินมากๆ ยิ่งกว่าวาเลนไทน์ เพราะมีอะไรให้ทำให้เที่ยวเต็มไปหมด ในขณะที่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์แทบจะไม่มีอะไรเลยนอกจากความหนาว


59. เวลากรอกเอกสารต่างๆ คนญี่ปุ่นจะใช้ปากกาสีดำ ซึ่งที่ไทยเราอาจใช้สีน้ำเงินด้วย ปากกาโดยทั่วไปที่นี่จะมีหมึกสีดำวางขายมากกว่า ในขณะที่ในโรงเรียน ไม่ว่าจะเด็กหรือโต มักจะตอบข้อสอบด้วยดินสอเป็นหลัก เวลาอาจารย์ให้คะแนน หากวงเครื่องหมาย 0 ไว้ที่คำตอบหมายถึงถูกต้องดีแล้ว
ในขณะที่ของไทยเรา 0 คือเอาไข่ไปกิน ใช่มะ

60. ภูเขาไฟฟูจิยังไม่ดับ และแผ่นดินไหวเกิดขึ้นแทบจะตลอดเวลา แค่ว่าเป็นแผ่นดินไหวที่แรงจนเรารู้สึกได้หรือไม่ได้เท่านั้นเอง ดังนั้น จงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ


 

       เป็นยังไงกันบ้างครับกับเรื่องอ่านเพลินๆ 60 เรื่องที่เราอาจรู้แล้วหรือยังไม่รู้เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีข้อเท็จจริงน่าสนุกอีกมากเกี่ยวกับญี่ปุ่นครับ ถ้าน้องๆ ชอบอ่านกัน วันหลังจะเอามาเขียนต่ออีกนะครับ ลองคอมเม้นต์กันมาได้ ส่วนครั้งต่อไปจะเป็นเรื่องอะไรก็ต้องติดตามกันต่อไปนะครับ



 
บทความนี้ถูกเขียนขึ้นโดยทีมงานเว็บไซต์ Dek-D.com เป็นที่แรก
ห้ามนำไปดัดแปลง ตัดต่อ เรียบเรียงใหม่ โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากต้องการนำไปเผยแพร่ต่อในเว็บไซต์อื่น กรุณาใส่เครดิตให้ครบถ้วน
พร้อมทำลิ้งค์เชื่อมโยงกลับมาหน้านี้เท่านั้น
พี่โช
พี่โช - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Lavazza Coffe Member 15 ธ.ค. 57 13:46 น. 1

พี่โชใช้สำนวนตลกมากอ้ะะะ ฮาสุดคือ ให้กินผักชีประหนึ่งว่าเราเป็นเต่า 5555555เย้

อ่านทีไรอยากไปทุกทีเลยง่ะะ พี่โชน่าจะเล่นทวิตเตอร์ด้วยน้าาารักเลย

1
กำลังโหลด
Asamask92 Member 15 ธ.ค. 57 13:48 น. 2

ขำเรื่องยืนต่อแถวหน้าร้าน เราน่าจะไปเปิดบริษัทรับจ้างเป็นหน้าม้าต่อแถวนะ

แบบทำเป็นซื้อเสร็จเดินเข้าห้องหน้าเปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนผม เดินไปต่อคิวใหม่ ร้านสามารถเลือกได้ว่าเอากี่คน

หึหึหึ

0
กำลังโหลด
Nazuma 15 ธ.ค. 57 22:47 น. 19
ข้อ 29 นี่เคยมองดูชาที่แช่ในตู้ คือมีรสเดียว คือดั้งเดิม(อาจจะมีผสมผลไม้พวกแอปเปิ้ลด้วย แต่ก็งั้นๆ ) เราก็เลยถามคนขายว่า มีรสชาติอื่นใหม่ที่หวานๆ คำตอบคือไม่มี เขาถามกลับมาทันที มาจากที่ไหน ที่ประเทศคุณมีหลายรสหรือ? (ผมนี่อายมาก ตอบไปว่าฟิลิปปินครับ กลัวไทยเสียหน้า ขอโทษด้วย 55555)
0
กำลังโหลด
0nyx 15 ธ.ค. 57 18:45 น. 13
พี่เขียนได้สนุกทีเดียว อ่านแล้วเพลินมาก อ่านจนจบโดยไม่รู้ตัวซะงั้น คราวหน้าก็ฝากด้วยครับ ^^ // อ่านเเล้วยิ่งอยากไปใหญ่เลย
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด

44 ความคิดเห็น

Lavazza Coffe Member 15 ธ.ค. 57 13:46 น. 1

พี่โชใช้สำนวนตลกมากอ้ะะะ ฮาสุดคือ ให้กินผักชีประหนึ่งว่าเราเป็นเต่า 5555555เย้

อ่านทีไรอยากไปทุกทีเลยง่ะะ พี่โชน่าจะเล่นทวิตเตอร์ด้วยน้าาารักเลย

1
กำลังโหลด
Asamask92 Member 15 ธ.ค. 57 13:48 น. 2

ขำเรื่องยืนต่อแถวหน้าร้าน เราน่าจะไปเปิดบริษัทรับจ้างเป็นหน้าม้าต่อแถวนะ

แบบทำเป็นซื้อเสร็จเดินเข้าห้องหน้าเปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนผม เดินไปต่อคิวใหม่ ร้านสามารถเลือกได้ว่าเอากี่คน

หึหึหึ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
SheepzGuard(แกะเบื่อๆ) Member 15 ธ.ค. 57 16:36 น. 5

นะ...น่ากลัวตรงที่เริ่มชินและเริ่มหงุดหงิด

เพราะยังงไงการฆ่าตัวตายก็ไม่ใช่สิ่งที่สังคมไหนควรจะมีกันบ่อยๆหวาา

0
กำลังโหลด
น.ส.น.(PBW) Member 15 ธ.ค. 57 16:46 น. 6

ชอบข้อ 19 อะ นี่ล่ะคือประเทศที่พัฒนาแล้ว(อาจจะไม่ทั้งหมด แต่ข้อนี้ล่ะ) มาตรการใช้ได้จริง(แต่เรื่องช่องทางสอดส่องนั่นเป็นอีกเรื่อง)

ข้อ 32 ที่ว่าความปลอดภัยนี่ หมายถึงมีโอกาสจะเป็นที่ซุกซ่อนอะไรผิดกฎหมายรึ? แบบว่าจับตัวใครไว้เรียกค่าไถ่อะไรงี้ แล้วต้องใช้ผู้ชายคุมมากกว่า 1 คน

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
บลูสกาย. Member 15 ธ.ค. 57 17:44 น. 10

เรื่องดัดฟันหนูไม่แน่ใจนะ แต่ปีที่แล้วหนูไปญี่ปุ่น คุยกับเพื่อนคนญี่ปุ่นอยู่ซึ่งเขาจัดฟันอ่ะ เพื่อนหนู(คนไทย)อยู่ดีๆเขาก็ถามหนูว่า

"ยางๆที่ติดกับเหล็กดัดฟันมันติดไว้ทำไมอ่ะ" (พูดภาษาไทยนะ)

แล้วคือเพื่อนหนูชี้ไปที่เพื่อนคนญี่ปุ่นที่ดัดฟันแล้วชี้ที่ฟันตัวเอง เพื่อนญี่ปุ่นคนนั้นคือแบบหน้าเสียไปเลย เหมือนอายๆ

ไม่รู้ว่าเคยอ่านที่ไหนเขาเคยบอกว่าตปท.เขามองว่าการดัดฟันดูเป็นปมด้อย ตรงข้ามกับไทยที่คิดว่าดูเก๋ ใครจัดแล้ว=สวย/น่ารัก เอ่อ..

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
0nyx 15 ธ.ค. 57 18:45 น. 13
พี่เขียนได้สนุกทีเดียว อ่านแล้วเพลินมาก อ่านจนจบโดยไม่รู้ตัวซะงั้น คราวหน้าก็ฝากด้วยครับ ^^ // อ่านเเล้วยิ่งอยากไปใหญ่เลย
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
punnz 15 ธ.ค. 57 21:51 น. 18
อยากจะกลับไปอีกครับเปนปรัเทศที่ผมเคยฝันไว้ตั้งแต่เดกจนทุกวันนี้ได้ไปและอยากจะกลัSuelen pintoบไปอีก
0
กำลังโหลด
Nazuma 15 ธ.ค. 57 22:47 น. 19
ข้อ 29 นี่เคยมองดูชาที่แช่ในตู้ คือมีรสเดียว คือดั้งเดิม(อาจจะมีผสมผลไม้พวกแอปเปิ้ลด้วย แต่ก็งั้นๆ ) เราก็เลยถามคนขายว่า มีรสชาติอื่นใหม่ที่หวานๆ คำตอบคือไม่มี เขาถามกลับมาทันที มาจากที่ไหน ที่ประเทศคุณมีหลายรสหรือ? (ผมนี่อายมาก ตอบไปว่าฟิลิปปินครับ กลัวไทยเสียหน้า ขอโทษด้วย 55555)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด