ชีวิตดีๆ ณ ไฮสคูลที่ "ฮ่องกง" กับ 1 ในโรงเรียนที่น่าเรียนที่สุดในโลก

      
       สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกเช่นเคย^^.... หลายคนถามมาเยอะมากเกี่ยวกับทุนเรียนระดับมัธยมซึ่งหายากมากกก แต่วันนี้มีประสบการณ์จากน้องที่ได้ทุน UWC แล้วได้ไปเรียนมัธยมที่ฮ่องกงามาฝากค่ะ เรื่องค่อนข้างยาวแต่บอกเลยว่า อ่านแล้วต้องอยากไปเรียนที่นี่มากๆๆๆ


     
       สวัสดีค่ะทุกคน! เราชื่อ "พลอย"  จบชั้นม.4 จากโรงเรียนสุรนารีวิทยา นครราชสีมา แล้วก็ได้รับทุน United World Colleges[UWC] มาเรียนต่อหลักสูตร IB ที่ฮ่องกงเป็นเวลา 2 ปีค่ะ มีหลายคนที่ยังไม่รู้จักทุนนี้ เลยอยากจะมาขอเล่าประสบการณ์เรื่องทุนนี้ดูค่ะ 

       สำหรับจุดเริ่มต้นของ United World College เกิดจากการที่นักศึกษาท่านหนึ่งได้เห็นการทำงานร่วมกันของเหล่าทหารที่มาจากคนละประเทศในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่มีจุดหมายเหมือนกัน เลยมีความคิดว่าถ้าเราเอาเยาวชนจากหลายๆ ประเทศมาเรียนด้วยกัน โดยมีจุดหมายคือการสร้างสันติภาพ ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ เลยทำให้เกิด UWC ที่แรกขึ้นมาคือที่ Wales, Atlantic college หลังจากนั้นก็เพิ่มมาเรื่อยๆ เป็นเวลากว่า 50 ปี จนปัจจุบันมี 13 ที่ ตั้งอยู่ทุกทวีปทั่วโลก (อังกฤษ, แคนาดา, นอร์เวย์, อิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์, สิงคโปร์, ฮ่องกง, อินเดีย, บอสเนีย, อเมริกา, คอสตาริก้า, สวาซิแลนด์, อาร์เมเนีย, เยอรมนี , UWC ที่จีนเพิ่งเปิดปีนี้ และจะเป็นหลักสูตร 3 ปีค่ะ) แต่ภาษาที่ใช้ในโรงเรียนคือภาษาอังกฤษค่ะ ซึ่งการคัดเลือกของที่นี่คือวิทยาลัยแต่ละที่จะประชุมกันว่าปีนี้จะให้ทุนจำนวนเท่าไหร่ และ ประเทศไหนบ้าง หลังจากนั้นทางโรงเรียนก็จะแจ้งไปยังคณะกรรมการระดับชาติของแต่ละประเทศ ทั่วโลก (ของประเทศไทยคือ สำนักงาน ก.พ.) จำนวนทุนก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละปีค่ะ 


 
      โรงเรียนที่เราได้รับทุนมาเรียนนั้นชื่อว่า Li Po Chun United World College of Hong Kong ประมาณช่วงเดือนเมษาที่ส่วนใหญ่การคัดเลือกในแต่ละประเทศก็จะเสร็จกันแล้ว พอถึงวันเดินทาง เราก็เดินทางคนเดียวออกจากประเทศครั้งแรก เมื่อเราไปถึงที่สนามบิน ก็มีปีสอง(รุ่นพี่คนไทยที่ได้รับทุนปีที่แล้ว)  มารอรับที่สนามบิน แต่เดี๋ยวความเอ๋อก็เลยทำให้ออกมาช้าไปนิดนึง ขอบคุณที่ยืนรอด้วยนะคะ T-T 

       พูดถึงเรื่องที่อยู่ก่อน โรงเรียน UWC ทุกที่จะมีหอพักค่ะ เด็กทุกคนจะพักในโรงเรียนทั้งหมด อาจจะแบ่งเป็นบ้านบ้างแตกต่างกันไปแต่ละประเทศค่ะ ที่ฮ่องกงโรงเรียนแบ่งเป็น Block ค่ะ มี 4 Block ไล่ไปเป็น Block 1, Block 2, Block 3, Block 4 มีสัตว์ประจำบ้าน มีครูประจำบ้าน ฮ่าๆ ก็จะมีกันประมาณ 60 คนในแต่ละบล็อก ปีหนึ่งปีสองแบ่งเท่าๆ กันค่ะ ผู้ชายผู้หญิงแยกคนละชั้นแต่วิ่งหากันได้ตลอด ฮ่า! ในหนึ่งห้องมี 4 คน จะแบ่งเป็นปีสอง 2 คนและปีหนึ่ง 2 คน แต่จะเป็นจากฮ่องกง 2 คนและต่างชาติอีก 2 คนค่ะ ในปีแรกของเรามีรูมเมทเป็นคนฮ่องกง 2 คนอีกคนก็มาจากเยอรมนี! เราสนิทกับรูมเมทเรามากกกถึงมากที่สุด กระโดดหาบนเตียง เสียงดังกันโดนห้องข้างๆ ว่าตลอด(แป่ว)  ส่วนในปีที่สองรูมเมทเรามาจาก จีน กับ เซียร์ราลีโอน ส่วนเราอยู่กับเมทที่มาจากเยอรมัน รูมเมทเราที่มาจากเซียราลีโอน นี่สอนอะไรเราเยอะแยะมาก หลายครั้งที่เขามาคุยกับเราว่าคนไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับประเทศเขาเลยนอกจากอีโบล่า นั่นก็ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะแยะ แล้วห้องก็จัดแต่งอะไรได้ตามสบาย เราได้รางวัลห้องที่น่าอยู่เหมือนบ้านที่สุดด้วยค่ะ 555 


       แล้วก็จะมี Tutor Group ค่ะ อารมณ์คล้ายๆ ครูที่ปรึกษา ครูทุกคนที่นี่จะอยู่ในโรงเรียนกับครอบครัวของตัวเองค่ะ ก็จะมีเหมือนกันเจอกันทุกอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ครูที่อยู่บล็อกเดียวกับเราก็จะมีนักเรียนใน Group ประมาณ 10 คน Tutor เราชื่อ Steve ค่ะ เป็นครูสอนการละคร ใจดีมากกก เราจะเจอกันในคืนวันพุธทุกสามอาทิตย์ มีดินเนอร์บ้าง มีกินของหวานบ้าง

       แล้วในเทอมนึงก็จะมี Block Activity ประมาณ 2 ครั้งค่ะ คือแต่ละบล็อกเค้าก็จะออกไปทำกิจกรรมกัน ครั้งแรกของเรานั้นไปเดินทางไกล ขึ้นเขาไปค่ะ เหนื่อยมากกก แต่ก็สนุกมากๆ เหมือนกัน จุดหมายปลายทางอยู่ที่ชายหาด เราไม่รู้เดินยังไงไปถึงคนสุดท้ายค่ะ -*- แต่ระหว่างทางก็มีเรื่องประทับใจเหมือนกัน คือด้วยความที่ตอนแรกภาษาเราไม่ค่อยดีเลย มีครูผู้ชายคนนึงเดินมาหาเราแล้วถามว่า พลอย เหนื่อยมั้ย เราบอกว่าไม่เหนื่อย เค้าก็บอกว่า เนี่ยถ้าเหนื่อยหรือรู้สึกอยากนั่งพักสักครู่ก็บอกนะ ยินดีจะนั่งเป็นเพื่อน แล้วเค้าก็เดินไปกับเราค่ะ เค้าคงเห็นว่าเราไม่ค่อยจะพูดเท่าไหร่ เค้าเลยถามเราว่า ไหนเล่าเรื่องของเราให้เขาฟังหน่อย เหมือนเค้าอยากให้เราพูดมากกว่าเดิม เราก็เล่าไป ครูเค้าก็ตั้งใจฟัง ชวนเราคุย เราจะล้มแกก็ช่วยเราไว้ ฮ่า ถ้าเราเดินมาคนเดียวคงตกเขาร่วงไปแล้ว เราเลยประทับใจครูคนนี้มากๆ ถึงเค้าจะไม่ได้สอนเราก็ตาม


       ที่โรงเรียนนั้นจะมีกิจกรรมเยอะมากกก กิจกรรมที่ต้องทำของโรงเรียนก็จะมี 4 ตัว มี Creative, Action, Campus Service, Community Service ค่ะ! แต่ที่เด่นๆ และทุกคนจะจริงจังเป็นพิเศษคือตัวของ Community Service ค่ะ เป็นกิจกรรมเพื่อสังคม เค้าทำกันอย่างจริงจังมากๆ มีกิจกรรมน่าสนใจเยอะแยะไปหมดเลย แต่เราเลือก Beach Clean Up ไปค่ะ เพราะข้างรร.เป็นชายหาด แต่! สกปรกมากกกก แล้วในกิจกรรมเรามีคนอยู่แค่ 5 คนเท่านั้น มาจากเปรู อินโดนีเซีย มองโกเลีย ไทยแลนด์ และ ฮ่องกง อย่างละคนเลยค่ะ ก็เก็บขยะกัน แล้วก็เก็บข้อมูลว่ามีขยะประเภทไหนบ้าง บางที่เดินๆ เก็บไปก็เจอปลาดาว เจอแมงกะพรุน แล้วอาทิตย์ถัดไปเราก็จะมาคุยกันว่าอาทิตย์ที่แล้วเป็นยังไง เราต้องการอุปกรณ์อะไรบ้าง แล้วก็ต้องเตรียมข้อมูลเพื่อนำไปเผยแพร่ยังโรงเรียนอื่นๆ 


       มีอยู่ครั้งนึงเรานั่งคุยกันว่าจะทำยังไง เก็บเท่าไหร่ก็ไม่หมด เลยคิดว่าเราต้องมีถังขยะ! เลยตัดสินใจโทรไปหารัฐบาลฮ่องกง บอกเค้าว่าเราต้องการถังขยะนะเพราะมันสกปรกมาก อาทิตย์หน้าเราเตรียมอุปกรณ์เตรียมไปลุยอีก ปรากฏว่า.. สะอาดเนี้ยบบบเลยค่ะ! สะอาดมาก สะอาดแบบว่าเหมือนยกชายหาดออกแล้วเอาไปสะบัดๆ พวกเราแบบว่า .. so what should we do now? :o ไม่มีงานทำค่ะ ฮ่า สรุปรัฐบาลเค้าคงมาทำความสะอาด แต่ก็ไม่มีถังขยะอยู่ดี ตอนแรกๆ ก็สะอาด สุดท้ายก็เริ่มสกปรก กลับไปเก็บเหมือนเดิม กิจกรรมมีเลือกให้เยอะมากจริงๆ เลือกได้ตามความสนใจเราเลย นี่คือสิ่งนึงที่ทำให้รู้สึกได้เลยว่าแตกต่างจากที่ไทย ทุกอย่างที่ทำ กิจกรรมชมรมหรืออะไรก็ตาม ที่นี่ทำกันจริงจังและเรียนรู้ไปถึงแก่นลึกจริงๆ ค่ะ รู้อะไรที่ไม่เคยรู้เลยหลายอย่างเลย


      แล้วก็จะมีวันพิเศษให้ได้สนุกบ้าง เช่น Suits Day วันที่ให้แต่งชุดสูทมาโรงเรียน แต่วันที่ฮาที่สุด เราไม่เคยขำใครหนักขนาดนี้มาก่อน คือวัน Gender swap ค่ะ เจอใครก็ขำ ทุกนางแต่งกันจัดเต็มสุดชีวิต เราแบบโอ๊ยย บางคนน่ารักๆหล่อๆ แต่งหญิงซะเต็มที่ ผู้หญิงก็แต่งเป็นผู้ชาย(อันนี้พอรับได้) วันอื่นๆก็อย่างเช่น คริสต์มาสดินเนอร์ก่อนจะปิดเทอม มีต้นคริสมาสต์ อาหารจัดหรูๆ เราก็แต่งตัวถ่ายรูปกับเพื่อนก่อนที่จะแยกกันไปสำหรับ winter break 


      ในช่วงของปีหนึ่งเทอมหนึ่งนั้นจะมีกิจกรรมที่เรียกว่า China Week ค่ะ เป็นคล้ายๆ ว่าเราไปทำกิจกรรมเพื่อสังคมในประเทศจีนกัน ก็แบ่งกันไป 8 โปรเจคท์ เราได้ไปที่เมืองนานกิงกับเพื่อนๆ อีก 14 คน ไปสอนหนังสือนักเรียนหญิงม.ปลายค่ะ เราชอบมากๆ แค่อาทิตย์เดียวแต่เราแฮปปี้มากๆ เราชอบมากเลย แล้วได้รู้จักจีนแบบจริงๆ เจอมาหมดแล้วทุกอย่างที่โน้ตอุดมบอก(?)  ได้นั่งรถไฟแบบค้างคืนด้วย แล้วเราก็สนิทกับเพื่อนๆ มากขึ้นด้วยทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เราไม่แทบไม่เคยคุยกันเลย ก่อนเราจะกลับเด็กๆ ก็เอาสมุดมาให้เราเขียนชื่อเรา เขียนอีเมล์ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดารา เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมากจริงๆ 

     
      นอกจากนี้ นักเรียนทุกคนในโรงเรียนจะต้องจัด Cultural Evening อย่างน้อยคนละครั้งค่ะ อันนี้เป็นไฮไลท์ของ UWC เลยก็ว่าได้ คือนักเรียนที่มาจากทวีปเดียวกันจะมารวมกันจัดงานนี้ แล้วก็นำเสนอความเป็นทวีปนั้นๆ ค่ะ อย่างเทอมที่แล้วมี African Cultural Evening ค่ะ ก็จะมีตั้งแต่ Dinner ด้วยอาหารแบบแอฟริกันๆ ที่เด็กนักเรียนจากแอฟริกาทำกันเอง มีคอนเซปต์ให้เราแต่งตัว สนุกสนาน แล้วเค้าก็จะมี Pre-events มากมายก่อนถึงวันจริง มีแต่งหน้าแบบแอฟริกันตอนเบรคบ้าง หรือบางทีกินๆ ข้าวอยู่ในโรงอาหาร เค้าก็ลุกออกมาเต้นกัน เพื่อเป็นการโปรโมท หลังจากนั้นก็มี European Cultural Evening ก็จะเป็นอีกแนวนึงเลย แต่งชุดเป็นทางการไปดินเนอร์ อย่างเราอยู่ไทยก็จะจัดอยู่ใน APEC! (Asia Pacific) มีกิจกรรมที่แบบว่าจัดเพื่อสร้างความสัมพันธ์กันบ้าง อย่าง APEC ของเราก็มีมาทำกับข้าวกันกัน มีจัด APEC massage ให้เพื่อนๆ ในโรงเรียนด้วยนะ! พอตอนถึงงานของพวกเราจริงๆ ก็เพิ่งผ่านไปเมื่อเดือนพฤษจิกายนที่ผ่านมา เป็นอะไรที่ประทับใจมากค่ะ อ้อ เราเอาลอยกระทงไปนำเสนอด้วย ลอยกันสระว่ายน้ำในโรงเรียนนั่นแหละค่ะ แต่สวยมาก เพื่อนทุกคนชอบทั้งนั้นเลย 


      เราอยากพูดเรื่องเพื่อนมากๆ .. จะบอกว่าเพื่อนที่นี่ดีมากเลยค่ะ เป็นอะไรที่เราชอบมาก ทุกคนน่ารักกันมาก ในตอนแรกเรากลัวมากๆ เพราะกลัวว่าเพื่อนจะไม่คุยด้วย แต่ไม่ใช่เลย ทุกคนเข้ามาทักทายกัน ชวนคุย มีอยู่วันนึงที่เราแบบเพิ่งรู้ตัวว่าเรามาเรียนอยู่ในโรงเรียนที่ไม่มีที่ไหนเหมือนอีกแล้ว คือวันนั้นเรานั่งเล่นอยู่ข้างสระน้ำค่ะ นั่งๆ คุยกับเพื่อนสักสิบคนได้ ไม่ได้เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันนะคะ แบบใครเดินไปเดินมา ว่างไม่มีอะไรทำก็มานั่งคุยกัน คุยกันไปคุยกันมา เพิ่งสังเกตว่าเรามาจากคนละประเทศกันหมดเลย! เราเลยเริ่มเกม...นับเลขกันค่ะ! นับเลขเป็นภาษาตัวเอง แล้วให้เพื่อนนับตาม วันนั้นเราแบบตลกมาก ทั้งตลกทั้งรู้สึกว่าเราโชคดีขนาดไหนได้มีโอกาสอยู่ ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ กับคนเจ๋งๆ อย่างพวกเขา ทุกคนก็จากบ้านตัวเองมากันหมด ทุกคนมากันคนเดียว มาเริ่มทุกอย่างที่นี่ มันเป็นการตัดสินใจที่ไม่เล็กเลย 


       การมาเรียนที่ UWC นี่เราต้องเปิดใจที่จะเรียนรู้ความแตกต่างตรงนั้น และเราต้องเคารพทุกคนด้วย อย่างภาษาอังกฤษนั้น ทุกคนมีพื้นฐานที่ต่างกันไป แต่ก็ไม่มีปัญหามากมายในการใช้ชีวิตที่นี่ ทุกคนฟังเรา คอยช่วยเราเวลาเราใช้ผิด และจริงๆ เราคิดอยู่ตลอดว่าเราไม่ได้มาแค่ตัวเรา เพราะทุกคนที่นี่ตอนแรกเค้าไม่ได้จำชื่อเราหรอก เค้าจำประเทศเราก่อนเค้าจะจำว่าคนที่มาจากประเทศนี้ชื่อนี้นะ ประเทศมาก่อนชื่อเสมอ แล้วเวลาเดินไปไหนมาไหนในโรงเรียนทุกคนเค้าจะทักกันค่ะ ทักกันทุกเช้า เที่ยง เย็น ตื่นนอนมาไปเข้าห้องน้ำก็ทักกันละ เราชอบมากๆ มันทำให้เรารู้สึกสนิทกัน ตัดความกลัวเรื่องเหยียดผิวไปได้เลยถึงแม้ว่าโรงเรียนเราจะมีฝรั่งเยอะมากๆ 


       ทุก UWC จะจัดการเรียนการสอนแบบ IB ค่ะ  ส่วนคลาสโปรดของเรานั้นคือ English B ค่ะ! เราขอบอกก่อนเลยว่าตอนแรกที่เราไปนั้น ภาษาไม่ได้เลย .. คือตอนอยู่ไทยก็พอไปได้นะคะ  แต่พอเอาไปใช้จริงๆ แล้วมันไม่ได้เลย  คือนักเรียนในคลาสนี้ก็จะเป็นคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก และภาษาอังกฤษก็ไม่ดีพอที่จะลงเป็นในหมวดแรก เพื่อนๆ ในคลาสนี้เลยฮากันกระจาย เป็นคลาสที่เราชอบมากๆ เพราะทุกคนภาษายังไม่แข็ง เราเลยพยามจะคุยกันในคลาสให้รู้เรื่อง ไม่อายที่จะพูด เพราะภาษาเราก็เหมือนๆ กัน รู้สึกไม่อึดอัดเวลาอยู่ในคลาส แล้วคลาสนี้ทางโรงเรียนก็ไม่อนุญาตให้นักเรียนที่มาจากฮ่องกงลงด้วย เพราะภาษาพวกเค้าดีกันในระดับหนึ่งแล้ว คลาสนี้เลยหลากหลายมากๆ มาจากคนละประเทศกันหมด มีทุกทวีป แล้วหลังจากเรียนจบแล้วนักเรียนส่วนใหญ่ไปเรียนต่อกันที่อเมริกาค่ะ เพราะว่าเด็กที่จบจาก UWC นั้น ส่วนใหญ่จะได้รับทุนเรียนต่อที่นั่นเลย แต่ที่อื่นก็มีเหมือนกันนะคะ ยุโรปงี้ เด็กฮ่องกงบางส่วนก็เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในฮ่องกงค่ะ 


       ตอนนี้พลอยก็เหลืออีกเทอมเดียวก็จะเรียนจบจากที่นี่ แอบใจหาย เราเคยคิดว่าจะมีเพื่อนสนิท ที่เราไว้ใจจริงๆ ได้ยังไงถ้าเราไม่ได้ใช้ภาษาเดียวกัน เราจะเข้าใจกันจริงๆ ได้ไหม แต่หลังจากมาเรียนที่นี่แล้วก็รู้เลยค่ะว่าเป็นไปได้ เพื่อนหลายคนตอนนี้เราก็สนิทกันมากๆ UWC ย่อโลกให้เหลือเล็กนิดเดียว เป็นระบบการศึกษาเพื่อสันติภาพ เราได้เห็นเพื่อนจากอิสลาเอลกับปาเลสไตน์เป็นเพื่อนสนิทกัน เราได้ฟังเพื่อนที่มาจากรวันดาเล่าให้ฟังเรื่องของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อีกเรื่องนึงที่อยากเล่าคือ เราได้มีโอกาสเจอ John Boyde ค่ะ!!!! เค้าเป็นคนเขียนเรื่อง เด็กชายในชุดนอนลายทางที่ถูกเอาไปทำเป็นภาพยนตร์อันโด่งดังนั่นเอง เค้ามาเป็นวิทยากรให้ที่โรงเรียนเกี่ยวกับเรื่องของชาวยิวค่ะ เราประทับใจ ดีใจจนแทบจะลุกไปเต้น ได้คุยได้ถามคำถามที่สงสัยมาตั้งนาน

    
      มีอะไรอยากเล่าอีกเยอะแยะเลย เรื่องเรียน เรื่องกิจกรรมต่างๆ แต่เหมือนจะไม่มีที่พอ T T สุดท้ายอยากฝากถึงน้องๆ ว่าอยากให้ลองศึกษาว่า UWC คืออะไร อะไรคือจุดประสงค์จริงๆ ขององค์การนี้ เราพร้อมจะเปิดใจหรือเปล่า การอยู่ด้วยกันกับเพื่อนๆที่มาจากทั่วโลกไม่ใช่เรื่องง่าย เพื่อนทุกคนพร้อมที่จะรับฟังสิ่งที่เราอยากจะพูดอยากจะคุย UWC ทำให้ความคิดเราเปลี่ยนไปเยอะเลย เพื่อนๆ ทุกคนตัดสินใจที่จะมาที่นี่ มาอยู่ที่นี่ มาเรียนรู้กันและกันที่นี่ เราช่วยให้กำลังใจกันตลอด ยิ่งในตอนแรกที่ภาษายังไม่ดียิ่งไปใหญ่ มีบางคนที่เราไม่กล้าคุยกับเค้า แต่พอได้ลองคุย เค้ากลับน่ารักและเป็นกันเองมากๆ ตอนนี้ทุนประจำปีนี้ก็ได้เปิดรับสมัครแล้ว อยากให้น้องๆที่สนใจได้ลองศึกษาดูว่าชอบไหม ถ้าชอบก็ลองสมัครดู เราอยากขอบคุณคณะกรรมการมากๆที่ให้โอกาสเราได้มาอยู่ตรงนี้ เพราะเราไม่ได้เก่งอะไรเลย เพื่อนที่มาสัมภาษณ์ก็มีแต่เก่งๆทั้งนั้น ทุนนี้ทำให้เรารู้ว่าเค้าให้โอกาสเราจริงๆ อยากให้รุ่นน้องหรือเพื่อนๆที่สนใจลองสมัครดูค่ะ อย่างน้อยเราก็ได้ลอง สำหรับน้องๆ ที่สงสัยหรือมีคำถามนั้นสามารถเข้าไปถามได้ที่แฟนเพจของ UWC Thailand นะคะ



      ขอชมเลยค่ะว่าน้องพลอยเขียนดีมากกกก เขียนทำให้เห็นภาพได้เลยว่า โครงการ UWC นี้ เค้าเกิดมาเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนอยู่ร่วมกันและเข้าใจกันได้แม้เราจะมาจากต่างที่กัน แถมบรรยากาศในโรงเรียนก็น่าเรียนสุดๆ กิจกรรมก็เยอะมากกก สำหรับปีนี้ โครงการนี้กำลังจะปิดรับสมัครในวันที่ 13 มกราคมแล้ว ใครอยากสมัครก็ต้องรีบกันเลยค่ะ ตามลิ้งค์นี้ไปเลย http://www.dek-d.com/studyabroad/35974/
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

9 ความคิดเห็น

UWC Alumni 10 ม.ค. 58 11:03 น. 1
เป็นทุนที่ดีที่สุดเลยค่ะ ประสบการณ์ที่ได้มานั้นเป็นอะไรที่เทียบไม่ได้จริงๆ อยากแนะนำให้น้องๆสมัครกันเยอะๆนะคะ และเป็นกำลังใจให้น้องๆทุกคนที่สมัครค่ะ จาก รุ่นพี่UWC
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Farlina Member 10 ม.ค. 58 14:42 น. 3

เป็นทุนที่ดีมากๆค่ะ ทุกคนต่างเชื้อชาติต่างศาสนาแต่สิ่งหนึ่งที่นักเรียนUWCมีเหมือนกันก็คือความคิดเห็นคล้ายๆกันเป้าหมายเดียวกัน ยังมีคนอีกมากหมายที่รอความช่วยเหลือจากบุคคลเหล่านี้อยู่ค่ะ อีกอย่างหลักสูตรการเรียนการสอนดีมากๆเลยค่ะ มันไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าเราเรียนหลักสูตรไหน แต่มันขึ้นอยู่ที่ว่าเราได้รับอะไรและนำไปใช้ยังไงให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

อยากเรียนจังรักเลย

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด