ตามติด 1 วันชีวิตการทำงาน "นักการทูต" ในมุมที่คุณไม่เคยเห็น

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ อีกแล้ว วันนี้มาพร้อมกับสกู๊ปพิเศษที่ตั้งใจทำมากๆ กับสกู๊ป A day in life. หรือ 1 วันในชีวิตของอาชีพต่างๆ ที่น่าสนใจ ที่จะทำให้น้องๆ เห็นภาพว่า อาชีพเนี้ย วันๆ นึงเค้าทำอะไรบ้างตั้งแต่เช้าจรดเย็น

สำหรับอาชีพแรกที่นำมาฝากนั้น ... ขอเล่าก่อนว่า นานมาแล้ว พี่เคยทำคอลัมน์คณะในฝัน สัมภาษณ์รุ่นพี่คณะต่างๆ อาชีพต่างๆ และจากที่ทำมาเป็นสิบๆ คณะ อาชีพที่มีคนคลิกเข้าไปอ่านสูงสุดนั่นก็คือ "นักการทูต" เพราะนอกจากจะเป็นอาชีพในฝันของหลายๆ คน ยังเป็นอาชีพที่หลายคนไม่กล้าฝัน เพราะช่างดูสูงส่ง มีเกียรติ ฉลาด ดูดี (อะไรจะปานนั้น) แล้วคนธรรมดาอย่างเราจะเอื้อมถึงเหรอ?? เอื้อมถึงแน่นอนค่ะ เพราะวันนี้เว็บ Dek-D จะพาน้องๆ ไปบุกถึงห้องทำงานนักการทูตที่กระทรวงการต่างประเทศ พาไปให้เห็นเป็นช็อตๆ เลยว่า พวกพี่ๆ นักการทูตทั้งหลายเค้าทำอะไรเพื่อประเทศของเราบ้าง


     วันนี้เรามีนัดกันกับ "พี่ตาล" นักการทูตที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถ (ชูป้ายไฟ) ตลอดหนึ่งวันเต็มๆ เราจะไปตามติดชีวิตกันว่า นักการทูตเค้าทำอะไรกันบ้าง?

อรวิจิตร์ ชูเพชร (ตาล)

มัธยมศึกษา : โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
ปริญญาตรี : คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชา
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาฯ
ปริญญาโท : ทุนรัฐบาลฝรั่งเศส สถาบัน
Sciences Po Paris สาขาความมั่นคง
ระหว่างประเทศ
ปัจจุบัน : นักการทูตปฏิบัติการ กองยุโรป 2
กรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ

ถ้าให้นิยาม พี่ตาลขอนิยามว่า นักการทูตคือผู้ประสานงานหรือผู้แทนเจรจาระหว่างรัฐกับรัฐ หรือรัฐกับองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศเรา โดยเส้นทางสู่นักการทูตนั้นสามารถเข้ามาได้ 2 ทางคือ สอบชิงทุนของกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะให้ทุนเรียนฟรีแก่นักเรียนที่จบมัธยมปลายไปเรียนต่อระดับปริญญาตรี-โทในต่างประเทศ เมื่อเรียนจบแล้วก็กลับมารับราชการเป็นนักการทูต (รับสมัครสอบช่วงเดือนสิงหาคม) หรือ สอบเข้ารับราชการเป็นนักการทูตหลังเรียนจบปริญญาตรี ซึ่งไม่จำเป็นต้องจบรัฐศาสตร์เท่านั้น จบคณะอื่นๆ ก็มาสมัครสอบได้

ย้อนไปตอนที่พี่ตาลสอบเข้ามา การสอบ นักการทูตต้องผ่าน 3 ด่าน ด่านแรกคือ

การสอบภาค ก. เป็นข้อสอบกากบาท ความรู้ ทั่วไป สำหรับทุกๆ คนที่สอบเข้าราชการ

การสอบภาค ข. เป็นข้อสอบวัดความสามารถ เฉพาะตำแหน่ง ปีที่พี่ตาลสอบมีทั้งให้ย่อสุนทรพจน์ของนายกฯ จากยาว 4 หน้าให้เหลือแค่ครึ่งหน้า และมีให้เขียนตอบคำถามที่ว่า การต่างประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 เป็นอย่างไร โดยคำถามที่ใช้มักเป็นคำถามกว้างๆ ไม่มีถูกผิด เน้นให้แสดงความคิดเห็นของเรา

และเมื่อผ่านสองด่านแรกแล้ว ก็มาถึงด่าน สุดท้ายสุดหินที่จะคัด "นักการทูต" ที่จะได้เข้า รับราชการ นั่นก็คือ

การสอบภาค ค. ในปีนั้น มีคนเข้ามาถึงด่านนี้ 50 คน และถูกคัดเหลือ 22 คนที่ได้เป็น นักการทูตตัวจริง โดยทั้ง 50 คนจะได้ไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัดพร้อมกับผู้ใหญ่ของทาง กระทรวง งานนี้ผู้ใหญ่จะไม่รู้จักชื่อนามสกุลของเรา เพราะจะมีติดแค่หมายเลขเอาไว้ ให้รู้ว่าคนนี้เบอร์อะไร เพื่อให้มั่นใจว่า การคัดเลือกนักการทูตนั้นโปร่งใสจริงๆ ไม่ได้ดูจากนามสกุล(ใครที่คิดว่าเส้นเข้ามา ก็เลิกคิดไปได้เลย) ในแต่ละวันที่เข้าค่ายก็มีกิจกรรม เช่น Group Discussion , Public Speaking , การสัมภาษณ์ โดยมีกรรมการจากหลายแขนงมาร่วมดู ทั้งผู้ใหญ่ทางกระทรวง นักจิตวิทยา อาจารย์จากมหาวิทยาลัย เป็นต้น

เมื่อสอบผ่านเข้ามาเป็นนักการทูตแล้ว สิ่งที่นักการทูตต้องทำเป็นอย่างแรกคือ เข้าอบรมหลักสูตรนักการทูตแรกเข้า เพื่อเรียนรู้ในทุกๆ สิ่งที่ควรต้องรู้ เช่น การร่างหนังสือ ราชการ แม้กระทั่งหลักสูตรมารยาทบนโต๊ะอาหาร การจัดที่นั่งเพื่อเลี้ยงต้อนรับบุคคลสำคัญ พิธีการทูตต่างๆ ก็ต้องเรียนรู้หมดเลย และหลังจากจบหลักสูตรที่ว่าแล้ว(เรียน 1 เดือน) ก็ได้เวลาเริ่มทำงานจริงๆ ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ในกระทรวงต่างประเทศมีหลายกรมหลายกองมากๆ ได้แก่

หน่วยงานที่ดูแลความสัมพันธ์ทวิภาคี คือ กรมภูมิภาคต่างๆ ก็จะมีหลายกรม เช่น กรมยุโรป กรมเอเชียตะวันออก กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา

หน่วยงานที่ดูแลความสัมพันธ์พหุภาคี เช่น กรมองค์การระหว่างประเทศ กรมอาเซียน

หน่วยงานที่ดูแลภารกิจต่างๆ เช่น กรมการกงสุล(เช่น ทำพาสปอร์ต) กรมสารนิเทศ (เช่น เผยแพร่ข่าวสาร)

หน่วยงานที่บริหารงาน เช่น สำนักคลัง สำนักบุคคล

ซึ่งทางผู้ใหญ่จะดูว่าเราเหมาะสมกับกองไหน แต่ไม่ได้หมายความว่า เรียนจบจาก ประเทศจีน จะได้ไปอยู่กองเอเชียตะวันออกเพื่อดูแลจีนเสมอไป การทำงานที่นี่จะเน้นว่า นักการทูตต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา ดังนั้นนักการทูตจะถูกย้ายเปลี่ยนกองทุกๆ 2 ปี เพื่อให้ได้เรียนรู้อะไรรอบด้านและเติมเต็มความรู้นั่นเอง เป็นอะไรที่ดีงามจริงๆ เลย

สำหรับการออกไปประจำการต่างประเทศ (ออกโพสท์) เมื่อทำงานในไทยครบ 4 ปี นักการทูตจะต้องออกไปประจำการที่สถานทูตไทยในต่างประเทศ โดยในรอบแรกที่ออกไปจะต้องไป ประเทศกำลังพัฒนา" ก็จะมีลิสท์ประเทศมาให้เราเลือก เราสามารถเลือกได้ จากนั้นจะมีทางผู้ใหญ่คัดเลือกอีกทีซึ่งจะพิจารณาจากความเหมาะสมว่าจะได้ไปประเทศไหน สำหรับคิวของพี่ตาลนั้นจะออกโพสท์ปีหน้า โดยต้องไปอยู่ที่นั่น 4 ปี แล้วกลับมาทำงานที่ไทย 2 ปี แล้วถึงค่อยได้ออกโพสท์รอบต่อไปซึ่งก็จะได้ไปประเทศที่เจริญแล้ว

ตอนเข้ามาทำงานเป็นนักการทูตใหม่ๆ พี่ตาลถูกส่งไปประจำที่ "กรมสารนิเทศ" ซึ่งในกรมสารนิเทศจะมีกองวัฒนธรรมที่มีหน้าที่ เผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปยังประเทศอื่นๆ พี่ตาลก็ดูแลตรงนี้ เช่น อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายยังประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น


     ส่วนตอนนี้ ย้ายมาประจำที่ กองยุโรป โดยได้ดูแลประเทศในยุโรปเหนือ มีนอร์เวย์ เดนมาร์ก สวีเดน ไอซ์แลนด์ และฟินแลนด์ อย่างปีที่แล้วได้เดินทางไปต่างประเทศ 2 ครั้ง

ช่วงเดือนกุมภา ไปสวีเดน เข้าร่วมการประชุม เอกอัครราชทูตในกลุ่มยุโรปเหนือ

ส่วนเดือนตุลา ได้ไปนอร์เวย์ โดยเดินทางไปพร้อมกับกลุ่มนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยไปยัง บริเวณขั้วโลกเหนือ เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการ การจัดเก็บพืชพันธุ์ไว้ที่ขั้วโลกเหนือตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพฯ

ในการทำงานทุกๆ วัน ตามปกติจะเข้างานประมาณ 9 โมงเช้า พอมาถึงสิ่งแรกที่ต้องทำ ในทุกวันคือเช็คงานผ่านระบบ Intranet ซึ่งเป็นระบบภายในว่าวันนี้มีงานอะไรเข้ามาบ้าง งานส่วนมากที่ต้องทำคือ เตรียมข้อมูล เตรียมแฟ้มต่างๆ เช่น จะมีบุคคลสำคัญจาก นอร์เวย์เดินทางมาที่ไทยและขอเข้าพบผู้ใหญ่ของกระทรวง ก็ต้องหาข้อมูลว่า บุคคลนั้นเป็นใคร มีที่มายังไง ซึ่งแฟ้มนี้จะถูกส่งไปยังผู้ใหญ่ทางฝ่ายไทยนั่นเอง

พอตกเที่ยงก็ได้เวลาทานข้าวที่สโมสร ในบางวันอาจมี Working Lunch ซึ่งก็คือการกินข้าวไปด้วยคุยงานไปด้วย(โอ้ววว) อาจจะเป็นคนจากหน่วยงานอื่นๆ ที่มาขอเข้าพบคุยธุระและทานข้าวนั่นเอง

ส่วนตอนบ่ายของวันนี้ แวะมาที่กรมสารนิเทศ(ที่เคยทำงาน) เพื่อเข้าอัดเสียง ของคลื่นวิทยุสราญรมย์ ซึ่งเป็นคลื่นวิทยุของกระทรวงต่างประเทศ ออกอากาศทาง AM1575 เพื่อเผยแพร่ข่าวสารของกระทรวงต่างประเทศให้ประชาชนได้รับทราบ ถ้ามีข่าวอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับยุโรปเหนือ ก็จะแวะมาขออัดเสียงที่นี่บ่อยๆ

ส่วนตอนเย็น หากวันไหนงานไม่เยอะ ประมาณ 6 โมงกว่าก็จะกลับบ้าน(ที่นี่ไม่ได้บ่าย 3 แล้วกลับบ้านนะจ๊ะ) แต่ในวันนี้ได้รับเชิญให้ไปงานเลี้ยงที่ทำเนียบของเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย โดยพี่ตาลบอกว่า เวลาถูกรับเชิญให้ไปงานทำนองนี้ ถ้ามีเวลา ไม่ติดอะไรจริงๆ ก็จะไปทุกครั้ง เราควรไปเพื่อไปทำความรู้จักกับอีกฝ่ายในบรรยกาศสบายๆ เป็นกันเอง หากในอนาคตต้องติดต่อเรื่องงาน ก็จะได้รู้จักมักจี่เอาไว้และคุยได้ง่ายขึ้น เริดอะ!

เรียนจบด้านบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ แต่ตอนเด็กๆ ได้มีโอกาสย้ายตามคุณพ่อที่ ออกโพสท์ไปอยู่ต่างประเทศหลายครั้ง ทำให้ มีความสนใจในงานการทูตตั้งแต่เด็ก ปัจจุบัน ประจำอยู่ที่กรมยุโรป ดูแลประเทศตุรกี

ก่อนหน้านี้ พี่เอเคยออกไปประจำการอยู่ที่สถานกงสุลใหญ่ประจำฮ่องกง หน้าที่ตอนอยู่ที่ฮ่องกงคือต้องดูแลงานในหลายประเด็น ทั้งเศรษฐกิจการค้า ธุรกิจการ ลงทุน การเมือง ชุมชนชาวไทยในฮ่องกง อย่างช่วงที่ผ่านมาที่ฮ่องกงมีประท้วงใหญ่ นักการทูตก็ต้องมีหน้าที่คอยติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา เพื่อประมวลออกมาเป็นคำเตือนให้คนไทยได้ติดตามว่าอันตรายมากน้อยแค่ไหน จุดใดไม่ควรไป ซ้อมแผนอพยพหากมีสถานการณ์รุนแรง

**ขวามือคือ พี่ก้อย นักการทูตชำนาญการ กองยุโรป 2 กรมยุโรป

เรียนจบรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศ ปัจจุบันประจำอยู่ที่กรมอาเซียน ตำแหน่งเลขานุการอธิบดีกรมอาเซียน สำหรับหน้าที่ใน 1 วันของพี่นัตตี้ก็จะเป็นการนัดหมายต่างๆ อ่านแฟ้มกรองงานก่อนส่งให้ท่านอธิบดีอ่านต่อ เป็นงานเลขาที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ท่านอธิบดีนั่นเอง

เป็นนักเรียนทุนของกระทรวงต่างประเทศ ปริญญาตรี โท เอก โดยจบปริญญาตรีด้าน ปรัชญาเศรษฐกิจการเมือง และปริญญาโท- เอกด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


    พี่อ๊อฟเคยออกไปประจำการที่สถานทูตไทยในประเทศมาเลเซียเป็นเวลา 4 ปี หน้าที่ที่ทำตอนอยู่มาเลเซียก็เช่น ติดตามข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับไทยและมาเลเซีย พบเจอพูดคุยกับคนหลากหลายวงการ ไม่ว่านักธุรกิจหรือนักวิชาการ หากจะมีคณะจากไทยมาเยือน ก็ต้องจัดการต้อนรับ รวมถึงต้องดูแลประชาชนคนไทยในมาเลเซีย ให้ความช่วยเหลือเวลาเขาตกทุกข์ได้ยาก 


     หากใครจำได้เมื่อหลายปีก่อนที่มีรถทัวร์นักท่องเที่ยวไทยคว่ำที่ทางลงเขาคาเมรอนไฮแลนด์ที่มาเลเซีย แล้วมีคนไทยเสียชีวิตหลายราย พี่อ๊อฟก็ต้องดำเนินการเตรียมเอกสาร เตรียมส่งศพกลับไทย ประสานงานกับสื่อมวลชนที่ขอข้อมูลไปลงข่าว

ปัจจุบันพี่อ๊อฟกลับมาประจำที่กรมอาเซียนจนถึงทุกวันนี้ หน้าที่ใน 1 วันก็จะเน้นดูงานภาพรวมทั้งหมด เช็คว่ามีงานอะไรเข้ามา กระจายงาน จัดลำดับความสำคัญของงานว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง หากผู้ใหญ่จะมีการหารือหรือประชุม ก็ต้องเตรียมแฟ้มข้อมูลไว้ให้ นอกจากนี้ อาจต้องจัดประชุมหรือเข้าร่วมในการประชุมต่างๆ เพราะการประชุมหรือสัมมนาที่เกี่ยวกับอาเซียนนั้นมีบ่อยมาก เฉลี่ยแล้วได้เดินทางไปต่างประเทศทุกเดือน 

จบปริญญาตรีศิลปศาสตร์ ปริญญาโท-เอก รัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปัจจุบัน ประจำอยู่ที่กรมสารนิเทศ ซึ่งกรมนี้มีหน้าที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารกระทรวงต่างประเทศให้ประชาชนได้ทราบ


     หน้าที่วันนี้ของพี่อ้อ ตั้งแต่เช้าก็เริ่มตั้งแต่ ประสานงานติดต่อท่านเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ออกรายการวิทยุ / รอการตอบรับจากบุคคลที่ติดต่อไปเพื่อจะขอสัมภาษณ์ว่าสะดวกมามั้ย / ช่วงบ่ายมีประชุมกับทีมออแกไนเซอร์ที่จะจัดงาน / มีอัดรายการวิทยุของกระทรวง / รอโรงพิมพ์มารับต้นฉนับของหนังสือสราญรมย์ ที่เป็นวารสารแจกฟรีของกระทรวงต่างประเทศ (สามารถหาอ่านย้อนหลังได้ที่นี่ คลิก)

เรื่องเงินเดือนคงเป็นอีกเรื่องที่หลายคนสงสัย ณ ปัจจุบันนี้ (ปี 2558) นักการทูตที่จบ ปริญญาตรีและสอบเข้ามาใหม่ จะอยู่ในระดับ C3 หรือ ผู้ช่วยเลขานุการ ได้รับเงินเดือนที่ 15,000 บาท พอทำงานไป 2 ปีจะได้เลื่อนเป็น C4 หรือ เลขานุการตรี , ทำไปอีก 2 ปีเลื่อนเป็น C5 หรือ เลขานุการโท , ทำไปอีก 2 ปีเป็น C6 หรือ เลขานุการเอก ซึ่งฐานเงินเดือนก็จะถูกปรับในระดับหลักร้อย-พันบาท แต่หากเป็นช่วงออกโพสท์ไปประจำอยู่ต่างประเทศ จะมี เงิน พ.ข.ต. (เงินเพิ่มพิเศษสำหรับข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ) ให้ด้วย ซึ่งรวมๆ แล้วก็ถือว่ามากพอสมควรเลยทีเดียว สาเหตุก็เพราะว่า นักการทูตถือเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ก็ควรจะมีภาพลักษณ์ความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ให้ประเทศอื่นมาดูแคลนได้ว่า นักการทูตประเทศนี้ดูไม่ดีนั่นเอง


     และจากระดับ C7 ขึ้นไปถึง C10 (C10 คือ เอกอัครราชทูต/อธิบดี) ก็จะอยู่ที่ผลงาน ความสามารถ อายุราชการ และปัจจัยอีกหลายอย่าง ดังนั้น ไม่ได้แปลว่านักการทูตทุกคนจะได้เป็นเอกอัครราชทูต(หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า ทูต)นะ

สำหรับน้องๆ ที่อยากเป็นนักการทูต พี่ๆ นักการทูตก็ฝากมาตามนี้เลยจ้า

ภาษาดี แน่นอนว่าภาษาอังกฤษสำคัญมาก หลักๆ คือฟังเข้าใจแล้วสื่อสารต่อไม่ผิด น้องๆ อาจจะลองทดสอบตัวเองโดยการเปิดดูสารคดีภาษาต่างประเทศ ดูจบแล้วลองเล่าให้เพื่อนฟังว่าเค้าเข้าใจสิ่งที่เราเล่ามั้ย

ปรับตัวได้ดีและพร้อมที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทั้งการถูกย้ายไปประจำกองที่เราอาจไม่มีความรู้เกี่ยวกับประเทศนั้นมาก่อน เราต้องผ่านช่วงเรียนรู้งานที่แสนยากไปให้ได้ (พี่ๆ บอกว่าช่วงนี้แหละเครียดมาก) รวมถึงเวลาไปออกโพสท์ประจำต่างประเทศ อาจต้องไปอยู่ประเทศที่ลำบากกว่าไทยก็ได้นะ 

มีทักษะการสื่อสารที่ดี อย่าลืมว่านักการทูตมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของชาติ ต้องสื่อสารโน้มน้าวให้อีกฝ่ายคิดไปทางเดียวกับเรา

รอบรู้ ขวนขวายหาความรู้ วิเคราะห์สถานการณ์เป็น จับประเด็นได้ มีความรู้รอบตัวดีเยี่ยม

เป็นยังไงบ้างคะ A day in life of DIPLOMAT ยาวเนาะ แต่คือน่าสนใจหมด ไม่รู้จะตัดตรงไหนออกเลย 5555 คงทำให้น้องๆ ได้เห็นภาพการทำงานของนักการทูตมากขึ้นว่ามีความหลากหลายจริงๆ และตอบคำถามคาใจหลายๆ ข้อ ที่สำคัญได้เห็นหน้าที่การงานของพวกพี่ๆ ว่าเค้าทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติไทยมากแค่ไหน

 และสำหรับการรับสมัครนักการทูต ประจำปี 2558 จะเริ่มรับสมัครแล้วตั้งแต่วันที่ 5-30 มีนาคม 2558 อ่านระเบียบการได้ที่นี่เลยค่ะ คลิก

     ทางเว็บไซต์ Dek-D.com ต้องขอขอบพระคุณกระทรวงต่างประเทศและเจ้าหน้าที่นักการทูตทุกท่านที่ให้เกียรติมาสัมภาษณ์ในวันนั้นด้วยค่ะ เป็นเกียรติมากจริงๆ ค่ะ ส่วน
A day in life ตอนต่อไป จะพาไปตามติด 1 วันของอาชีพอะไร ก็ต้องติดตามหรือ
รีเควสท์มาได้เลย

ตอนแวะไปกรมอาเซียน เจอหนังสืออาเซียนน่าสนใจ แอบอยากได้เบาๆ แต่ท่านอธิบดีกรมอาเซียนใจดีสุดๆ บอกว่าเอาไปเยอะๆ เลย
เผื่อแจกน้องๆ ในเว็บ Dek-D.com ด้วย! จัดไปเลยค่ะ
หนังสือ Asean in Brief + หนังสือ 58 คำตอบสู่ประชาคมอาเซียน
(ประกาศผล 20 กุมภาพันธ์ 2558)

ภาพประกอบ ; news.asiaone.com,thetimes.co.uk,cnn.com
ประกาศผล
suwapeep6@gmail.com , meenvrzo@hotmail.com , I_L_G_M_m@hotmail.com
จะติดต่อไปทางอีเมล์นะคะ
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
LittleRedCap Member 19 ก.พ. 58 20:37 น. 74

ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน A day in life of DIPLOMAT 'อาชีพนักการฑูต' . . .

ขอบอกก่อนเลยว่าอาชีพที่หนูใฝ่ฝัน คือ 'นักการฑูต' หลังจากที่ได้อ่าน รู้สึกได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอาชีพนี้มากขึ้น 'อย่างเเรก' คือ 'เพิ่งรู้ว่าไม่จำเป็นต้องจบคณะรัฐศาสตร์ก็สามารถสมัครสอบได้' และมีทางเลือกอีกทาง คือ สอบชิงทุนของกระทรวงการต่างประเทศ 'อย่างที่สอง' คือ 'ช่วยเปลี่ยนความคิดเดิมๆ' ที่ว่า คนที่เป็นเด็กเส้นมีโอกาสได้เข้าทำงานสูงกว่า ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาก และจากการที่ได้ดูการทำงานในแต่ละวันของพี่ตาล และพี่คนอื่นๆ 'ยิ่งทำให้หนูมีกำลังใจในการเดินตามความฝันมากขึ้นค่ะ' 

. . . สุดท้าย 'ขอบคุณที่ทำบทความดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ' มีประโยชน์มากค่า . . .

E-mail: mackking407@outlook.com

ของขวัญ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Untiwa Inpor Member 16 ก.พ. 58 20:26 น. 29

พอได้อ่านแล้วก็ทำให้รู้ว่านักการทูตในวันๆหนึ่งต้องทำอะไรมาก ด้วยควาที่อยากเป็นนักการทูตอยู่แล้วยิ่งอยากเป็นมากกว่าเดิมอีกค่ะ นักการทูตเป็นอาชีพที่หนูหาข้อมูลไม่ค่อยเจอสักเท่าไหร่ ก็ต้องขอขอบคุณพี่ๆเด็กดีมาก ที่หาความรู้มาให้อ่านจุดไฟในตัวให้เพิ่มขึ้นไปอีก อยากจะฝากบอกพี่ๆว่า ไว้เจอกันในกระทรงการต่างประเทศน่ะค่ะ :) untiwainpor@gmail.com

0
กำลังโหลด
Daoww Member 16 ก.พ. 58 18:17 น. 3

จากการอ่านเรื่องราวนี้ทำให้หนูได้ความรู้เพิ่มมาก็คือไม่จำเป็นต้องเรียนจบรัฐศาสตร์ก็สามารถเป็นนักการทูตได้  ความรู้สึกที่เคยอยากเป็นนักการทูตของหนูก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง หนูเคยอยากเป็นนักการทูตอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ปัจจุบันนี้หนูอยากเรียนเกี่ยวกับวิทย์สุขภาพมากกว่า แต่พออ่านแล้วก็สามารถเป็นแนวทางให้หนูในอนาคตได้ดีมากๆเลยค่ะ ^___^

สู้สู้

e-mail: daow_a_best@hotmail.com

0
กำลังโหลด

115 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
Daoww Member 16 ก.พ. 58 18:17 น. 3

จากการอ่านเรื่องราวนี้ทำให้หนูได้ความรู้เพิ่มมาก็คือไม่จำเป็นต้องเรียนจบรัฐศาสตร์ก็สามารถเป็นนักการทูตได้  ความรู้สึกที่เคยอยากเป็นนักการทูตของหนูก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง หนูเคยอยากเป็นนักการทูตอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ปัจจุบันนี้หนูอยากเรียนเกี่ยวกับวิทย์สุขภาพมากกว่า แต่พออ่านแล้วก็สามารถเป็นแนวทางให้หนูในอนาคตได้ดีมากๆเลยค่ะ ^___^

สู้สู้

e-mail: daow_a_best@hotmail.com

0
กำลังโหลด
dek_เรียนดี Member 16 ก.พ. 58 18:18 น. 4

รู้สึกว่าเราจะต้องทำให้ฝันเป็นจริงค่ะ เพราะว่าอยากเป็นทูตตั้งแต่เด็กๆแล้ว และก็ชอบงานที่ต้องติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศด้วยค่ะ

0
กำลังโหลด
Pawaris Chanprem 16 ก.พ. 58 18:23 น. 5
ความรู้สึกที่อ่านจบก็ :') รู้สึกได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนักการทูตเยอะมาก กว่าจะได้เข้าไปยากเเค่ไหน (ตอนนี้เราอยู่ ม1 ก็ต้องเตรียมตัวเเล้วใช่ไหมง้า555555 ) ชัวิตในการทำงานเหนือยเเค่ไหน เพราะทุกอาชีพก็ต้องเหนื่อยอยู่เเล้วว ก็โตไปก็จะพยายามสอบเข้าให้ได้เลย จะได้เป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย ให้ชาวต่างชาติชื่นชมประเทศของเรา ☺️
0
กำลังโหลด
สวย 16 ก.พ. 58 18:24 น. 6
อยากให้พี่ๆ เด็กดีทำออกมาอีกหลายๆ อาชีพค่ะ เป็นกำลังใจให้ ป.ล.อยากรู้ของแอร์กับสจ๊วตอ่ะค่ะ เยี่ยม
0
กำลังโหลด
Zeem_BMM Member 16 ก.พ. 58 18:25 น. 7

พี่เค้าสุดยอดมากเลยคะ 

ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบภาษาและการพูดอยู่แล้ว อีกอย่างอยากเป็นนักการฑูต ก้อไม่จำเป็นที่จะต้องจบรัฐศาสตร์อย่างเดียว จบคณะอื่นก้อเป็นได้ 

พี่รู้มั๊ย? พี่ทำให้หนูรู้สึกมีกำลังใจและมีความหวังมากขึ้น

ฉันต้องเก่งเหมือนพี่เค้าให้ได้

รักเลย

siti25497@gmail.com

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กล่องของขวัญสีเขียว Member 16 ก.พ. 58 18:26 น. 9

พี่ๆทุกคนเก่งมากเลยยยยยยย รักเลย

ตอนเด็กๆเคยใฝ่ฝันว่าอยากเป็นฑูต แต่พอไปศึกษาดีๆแล้ว โอ้ พระเจ้าาาา มันไม่ง่ายเลยยย

ขอชื่นชมพี่ๆทุกคนเลยค่ะ เก่งมากจริงๆ ปิ้งปิ้ง

ว้าย  gift.crazygirl@gmail.com 

0
กำลังโหลด
So Hyun Nyeo Member 16 ก.พ. 58 18:30 น. 10

รู้สึกประทับใจมากๆค่ะ การเป็นนักการทูตต้องเหนื่อยมากๆ แต่ถึงเหนื่อยแค่ไหนก็แลดูมีความสุขค่ะ เพราะตารางงานยุ่งมากแต่ก็ยังเสียสละเวลา มาเพื่อให้สัมภาษณ์ ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข มีความสุขกับงานที่พวกเขารัก เห็นแล้วทำให้มีกำลังใจในการอ่านหนังสือขึ้นเยอะเลยค่ะ !!

0
กำลังโหลด
kkoii 16 ก.พ. 58 18:39 น. 11
อยากอ่านเรืองสายงานกฎหมายบ้างค่ะ ผู้พิพากษา อัยการ ไรงี้ แต่ท่าทางจะดูเข้าถึงตัวยากเกินไปมั้ยนะ TwT
0
กำลังโหลด
Ceecy KTMRN Member 16 ก.พ. 58 18:47 น. 12

คือแบบโหเคยอ่านของพี่ตาลตอนที่พี่เขาบอกว่าได้ไปฝึกงานที่อินโดนีเซีย และอ่านจนถึงตอนนี้คือพี่เป็นทูตปฏิบัติการกรมยุโรปแล้ว รู้สึกยิ่งศรัทธาในอาชีพนี้มากทำให้เข้าใจในอาชีพนี้มากขึ้นเยอะเลยค่ะ มันไม่ง่ายเลย พี่ตาลนี่ไอดอลเลยอยากเก่งแบบพี่เขาบ้าง มีแรงฮึดอ่านหนังสือมากกกก   เย้

wisakhalovely@gmail.com

0
กำลังโหลด
เด็กช่างฝัน 16 ก.พ. 58 18:49 น. 13
อยากเป็นนักการทูตมากๆ เลย เริ่มสนใจเมื่อปีที่แล้ว จู่ๆ ครูถามว่าโตขึ้นอยากไปอะไร นักการทูตแว๊บเข้าในหัวเลย แต่ไม่ค่อยรู้อะไรหรอก TT ดีจังที่ทำแบบนี้มาอ่าน ยิ่งสนใจมากขึ้นไปอีก จะต้องเป็นให้ได้เลยอาชีพนี้ จะตามฝัน ให้พี่ๆ เด็กดีทำแบบนี้มาเยอะๆ เลยนะคะ
0
กำลังโหลด
gressiie Member 16 ก.พ. 58 18:55 น. 14

ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่านบทความนี้ก็รู้สึกมีความหวังกับอาชีพนี้ขึ้นมาบ้างค่ะ เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าการจะเป็นนักการทูตได้จะต้องมีเส้นสาย เพราะว่าสำหรีบตัวหนูเองก็ไม่ได้เรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอะไรมากมาย และหนูก็ไม่ได้เรียนเก่งอะไร แต่พอได้อ่านบทความก็รู้สึกมีกำลังใจกับอาชีพนี้มากขึ้นค่ะ พยายามให้ถึงที่สุดแน่นอนค่ะ

0
กำลังโหลด
ลูกพีช 16 ก.พ. 58 19:07 น. 15
ยิ่งเห็นคุณค่าของอาชีพนี้เคยค่ะ ตอนนี้อยู่ปี1 อักษร เอกเอเชียศึกษา โทเกาหลีค่ะ มีความฝันว่าอยากเป็นนักการทูต แต่เราไม่เก่งขนาดนั้น เลยเลือกสายที่พอจะนำไปใช้ได้ พออ่านบทความนี้เสร็จเราต้องพยามเต็มที่เลย ถ้าได้หนังสือมาจะช่วยเรื่องเรียนหนูด้วยยยยย
0
กำลังโหลด
BowWu Member 16 ก.พ. 58 19:12 น. 16

มีความหวังเพิ่มขึ้นมาอีก จุดประกายความฝันทำให้หนูมีแรงผลักดันขึ้นมาอีก

ตอนม.2 เคยฝันอยากเป็นทูตตอนนี้ม.4 อยากเรียนเกี่ยวกับธุรกิจระหว่างระเทศมาก แต่พออ่านบทความแล้วหึกเหิมเลยค่ะ อยากเป็นทูต แต่ภาษาอิงลิชค่อนข้างอ่อนแอมากมาย เสียใจ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
สแปรชๆ 16 ก.พ. 58 19:14 น. 18
จากการอ่านกระทู้นี้ ทำให้หนูเริ่มเล็งเห็นว่างานนักการทูตไม่ใช่อย่างที่คิด (เคยคิดว่า เข้าได้ต้องมีเส้นใหญ่ๆ แล้วพอได้เป็น เงินเดือนก็จะฟู่ฟ่า อยุ่ต่างประเทศชิวๆ เวลามีเเขกคนไทยที่สำคัญไปก็ค่อยต้อนรับ) พออ่านจบ รู้สึกว่า งานนักการทูตนั้นสนุก และ ต้องวางตัว เพราะเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ และที่สำคัญ ไม่ต้องมีเส้นก็เป็นทูตได้ ping_lovelovena@hotmail.com
0
กำลังโหลด
Fishy_DongHae Member 16 ก.พ. 58 19:19 น. 19

ความรู้สึกที่ได้จากบทความนึ้ "มั่นใจและมีความหวังมากขึ้น" อย่างที่พี่เป้บอกเลย อาชีพนี้มันดูไกลตัวเรามาก ได้เห็นแต่ในทีวี ดูแล้วก็มาคิด เอ๊ะ ทำไมตัวแทนประเทศต้องเป็นเขานะ? มีเขาคนเดียวหรอ

บอกตามตรงว่าที่เคยเข้าใจมา คิดว่า ฑูต มีประจำประเทศละ 2 คน 5555 จริงนะๆ คิดว่ามีอแต่ท่านฑูตกับท่านรองไรงี้ เพิ่งมารู้ว่าอ่าว มันก็เยอะกว่าที่คิดนะ ถ้าแบบนี้ก็เริ่มมีหวังมานิดนึง อะไรๆที่คิดว่าอยู่ได้แต่ในฝันก็ใกล้เข้ามาอีกนิด อยากขอบคุณพี่เป้มากๆจริง ที่ผ่านมามันเป็นเพราะความไม่รู้ของตัวเอง และเราก็มองว่ามันไกลตัวเกินไป ที่จะไปนั่งหาข้อมูลว่าเค้าทำอะไรยังไงกันบ้าง พอมาเจอแบบนี้เลยลองอ่าน สรุปที่คิดเอาไว้มันไม่ใช่เลย  มันอาจจะไม่ยากขนาดนั้นก็ได้ โอกาสมีเยอะกว่าที่คิดนะ 

แถมยังเป็นแรงจูงใจ ให้เริ่มอ่านภาษาอังกฤษจริงจังสักที เพราะที่ผ่านมาจะสื่อสารได้(คิดเอาเอง)ว่าดี  แต่ยังไม่เคยลองดูสารคดีแล้วมาเล่าให้เพื่อนฟัง  ยังไม่เคยใช้ภาษาที่พอจะรูอยู่ ไปจูงใจใครสักที คราวนี้จะลองดูบ้าง ฝึกบ่อยๆน่าจะคล่องขึ้น 555

จะเก็ยบทความนี้ไว้อ่านอีกทีตัวจบป.ตรีเลย คือมีค่ามากนะ จะพยายามทำตามฝัน ขอบคุณพี่เป้ พี่ตาล และพี่ๆทุกคนด้วยค่ะ

suwapeep6@gmail.com (อยากได้หนังสือบ้างแต่ เราคอมเม้นดูไร้สาระอ่ะ 555)

0
กำลังโหลด
UangKAWAII Member 16 ก.พ. 58 19:24 น. 20

ชอบมากๆสำหรับสกู๊ปพิเศษครั้งนี้ มันทำให้เราได้รู้อะไรหลายๆอย่างทางด้านอาชีพของนักการฑูต ซึ่งมันมีประโยชน์มากกกกกกก จะรอดูว่าครั้งต่อไปจะเป็นอาชีพอะไรเย้

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด