สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com...เจอกับ พี่เป้ และ KoreanKori ตอนพิเศษ ที่เราบุกไปถ่ายที่เกาหลีกันเช่นเคย ^^ โอ๊ย ช่วงนี้ร้อนมากกกกก ร้อนแบบไม่ไหวแล้ว แอบคิดถึงอากาศหนาวๆ ที่เกาหลี แต่คิดอีกที ร้อนก็ยังเปิดแอร์ได้ แต่หนาวนี่สิ ทำยังไงก็ไม่ค่อยหายหนาว สรุปว่ารักอากาศเมืองไทยมากกว่าเยอะเลย
ถ้าพูดถึงเกาหลี หลายคนคงนึกถึง "ศัลยกรรม" ครั้งนึง พี่เคยมีโอกาสได้เข้า ไปเยี่ยมชมคลินิกศัลยกรรมแห่งหนึ่งในกรุงโซล เกาหลีใต้ ชื่อว่า "디자이너 성형외과" หรือ Designer Plastic Surgery ที่ตั้งอยู่ในย่านคังนัม ซึ่งถือเป็นย่านที่รวยที่สุดในกรุงโซล เพราะค่าที่ดินค่าอพาร์ทเมนท์แถวนี้แพงมหาโหดมาก แต่แถวนี้ถือเป็นแหล่งรวมคลินิกศัลยกรรม หาเจอง่ายเหมือนร้านสะดวกซื้อ คือเยอะจริงๆ อะ
คลินิกแห่งนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2007 ปัจจุบันมี หมอเฉพาะทาง(ศัลยแพทย์) ทั้งหมด 2 คน วิสัญญีแพทย์ 1 คน และพยาบาล 3 คน พอเข้ามาถึง ก็จะมีพนักงาน ตรงประชาสัมพันธ์ อยากจะมาเสริมความงามอะไรก็แจ้งเบื้องต้นได้เลย
ย้ายมานั่งตรงโซฟาของคลินิกเพื่อรอปรึกษาคุณหมอ ก็เจอแฟ้มที่มีรูปภาพการศัลยกรรมให้ดูด้วย หลักๆ จะเป็นแฟ้มทำจมูกกับทำตา อยากได้ทรงไหนแบบไหนก็เลือกเลย
สักพักได้คิวแล้ว ก็ขอเข้าไปคุยกับคุณหมอซักหน่อย อ้อ มาขอสัมภาษณ์นะคะ ไม่ได้มาทำหน้า ไม่มีเงินอะ 5555 เราได้เจอกับ "คุณหมอ ซออินซู" แล้วก็มีโอกาสได้ถามเรื่องราวน่าสนใจมากมายเกี่ยวกับการศัลยกรรมในเกาหลีใต้ค่ะ
ตัวคุณหมอเองตัดสินใจเรียนหมอ เพราะคุณพ่อเป็นหมอ คุณหมอเลย สอบเข้าเรียนที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคเรีย ซึ่งเป็น 1 ใน 3 มหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดของ เกาหลีใต้ ใช้เวลาศึกษา 6 ปีเหมือน บ้านเรา พอเรียนจบแล้วก็ไปฝึกงาน เรียนต่อเฉพาะทางอีก 5 ปี สอบใบ ประกอบวิชาชีพทางด้านศัลยศาสตร์ จากนั้นจึงมาทำงานเป็นศัลยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตกแต่งจนถึงทุกวันนี้
สำหรับอายุในการทำศัลยกรรม เด็กมัธยมต้นสามารถทำตาได้ ถ้าจะทำจมูก ต้องรอมัธยมปลาย แต่ถ้าจะแอดวานซ์กว่านั้น พวกเหลากราม ทุบโหนก ต้องอายุ 20 ปีขึ้นไป สำหรับราคานั้นก็บอกเลยว่าแพงกว่าไทยมว๊ากกกกกกกกก แต่คนไทยกับคนจีนก็มาทำที่นี่เยอะมากเหมือนกัน เช่น
ทำจมูก เริ่มต้นที่ 5.5 ล้านวอน หรือ เกือบ 2 แสนบาท (บ้านเราหมื่นนึงก็ทำได้แล้วนะ)
ทำตา เริ่มต้นที่ 3.5 ล้าน หรือ เกือบ 1 แสนบาท
เติมไขมันทั่วหน้า 4.5 ล้านวอน หรือ ประมาณ 130,000 บาท
เหลากราม 7.7 ล้านวอน หรือประมาณ 2 แสนกว่าบาท
อ้อ หลังผ่าตัดแล้ว ก็ต้องพักฟื้นด้วยนะคะ หลักๆ คือพอออกจากห้องผ่าตัด จะต้องเข้าไปพักในห้องของคลินิกก่อน หลังจากนั้นก็กลับไปพักที่บ้าน(หากเป็นชาวต่างชาติก็ต้องจองที่พักเอาไว้) อย่างถ้าทำตา 3-5 วันหลังจากทำก็ต้องมาตัดไหมที่ตาออก ถ้าทุบโหนกทุบกราม ก็นานหน่อย 7-10 วัน กลับมาตัดไหม
สำหรับช่วงที่คิวคุณหมอแน่น จะเป็นช่วงฤดูหนาว พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อย่างพฤศจิกายนเนี่ยเป็นช่วงที่เด็กสอบเข้ามหาวิทยาลัย บางคนสอบเสร็จ ก็มาทำศัลยกรรมต่อเลย จะได้สวยทันเข้าเป็นเฟรชชี่มหาวิทยาลัย หรืออย่างช่วงปีใหม่ก็เป็นช่วงคิวทอง เพราะคนเกาหลีหลายคนถือว่าปีใหม่ก็ต้องทำอะไรใหม่ๆ จะได้มีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต แล้วพอทำศัลยกรรมในหน้าหนาว เราก็สามารถเอามาส์กมาปิดปากปิดจมูกเหมือนปิดแก้หนาว แต่จริงๆ ปิดเพราะไปทำศัลยกรรมมา คนอื่นดูไม่ออกหรอก (มีเหตุผล)
และด้วยความสงสัยมากกกกกกกกก(เป็นการส่วนตัว)เลยขอถามคำถามตรงๆ แบบที่หลายคนน่าจะอยากรู้
เป็นเพราะพื้นฐานเชื้อสายชาติพันธุ์บรรพบุรุษ คนไทยนั้นมีทั้งหลายเชื้อสายผสมกัน บางคนมีจีนปน บางคนหน้าเหมือนผู้คนทางเกาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ออกคมๆ(อินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์) บางคนมีเชื้อแขก เลยทำให้คนไทยมีหน้าตาที่หลากหลายมาก แต่คนเกาหลีนั้นสืบเชื้อสายต้นกำเนิดมาเหมือนกันหมดแทบ 100% คือเชื่อว่าสืบเชื้อสายมาจากชาวมองโกลนั่นเอง (มีเหตุผลดีนะ)
น่าจะเพราะคนเกาหลีส่วนมากถนัดงานที่ละเอียดและต้องใช้ความประณีต รวมถึงศัลยแพทย์เกาหลีชอบคิดค้นหาเทคนิค อะไรใหม่ๆ ริเริ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับวงการศัลยกรรมโลก ทุกๆ ปีมีศัลยแพทย์ทั่วโลกเดินทางมาเรียนเทคนิคใหม่ๆ ที่เกาหลีเป็นจำนวนมาก
ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร ต้องยอมรับว่าในสังคม ปัจจุบันการมีรูปร่างหน้าตาที่ดูดี ถือเป็นใบเบิกทางได้หลายๆ อย่าง หลายคนที่เคยขาดความมั่นใจ พอทำศัลยกรรม ก็มีความมั่นใจและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้มากขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยกับคนที่เสพติดศัลยกรรมหรือทำศัลยกรรมมากเกินไป ทำเท่าไรก็ไม่พอ ในภาษาเกาหลีจะมีคำว่า ซองกเว(성괴) มาจากคำว่า ซองฮยอง-กเวมูล (ซองฮยอง แปลว่า ศัลยกรรม , กเวมูล แปลว่า สัตว์ประหลาด) ซองกเว จึงเป็นคำใช้เรียกคนที่ทำศัลยกรรมมากไปจนดูประหลาดนั่นเอง
ส่วนใครสนใจไปทำหน้าที่เกาหลี ทางคลินิกบอกว่ายินดีให้คำปรึกษาผ่านทางอีเมล์ jnkkt@naver.com จะพิมพ์มาเป็นภาษาอังกฤษหรือไทยก็ได้ มีล่ามคอยตอบให้จ้า แต่ก็อย่าลืมศึกษาข้อมูลกันดีๆ นะคะ หน้าเรามีหน้าเดียวเท่านั้นนะ สุดท้ายนี้ก็ต้อง ขอบคุณคุณหมอซออินซูและคลินิก Designer Plastic Surgery ที่ให้ทีมงาน Dek-D เข้าไปถ่ายทำได้ สำหรับตอนหน้าจะนำเรื่องอะไรจากเกาหลีมาฝาก ก็รอติดตามได้เลย สนุกไม่แพ้ตอนนี้แน่นอน
19 ความคิดเห็น
คิดว่าที่เกาหลีคนนิยมทำเยอะ เพราะ1.ปลอดภัย 2.เท่าที่อ่านมากว่าจะเป็นศัลยแพทย์ได้ มันต้องฝึกมาจากที่เรียนแพทย์ปกติอีกตั้งห้าปี รวมสิบห้าปี ของเขาค่อนข้างเป็นแพทย์เฉพาะทางมากกว่าค่ะ แถมยังมีวิสัญญีแพทย์เฉพาะอีกต่างหาก อย่างไทยเรานี่ความปลอดภัยในด้านพวกนี้หายากนะคะ อาจจะเป็นศัลยแพทย์จริง แต่ก็ไม่ได้มีวิสัญญีแพทย์ และพวกยาในบางครั้งก็ไม่ได้มาตรฐาน หรือบางคนหนักกว่าคือเป็นแค่ผู้ช่วยแพทย์ แต่แอบมาทำให้ลูกค้าเองอีก ความเสี่ยงมันมีมากกว่าเยอะ ยอมเสียเงินมาก แต่ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า
บางทีบ้านเราก็อคติกับเขามากไปน้า เราว่ามุมดีๆมันก็มีเหมือนกัน ก็เหมือนๆกับบ้านเราที่มีทั้งดีและไม่ดี อยากให้เปิดใจยอมรักเพื่อนบ้านกันมากขึ้น คนไทยเป็นคนใจดีอยู่แล้ว แค่ลองเปิดใจยอมรับดูบ้างก็ไม่แปลกอะไร บางทีมันก็ช่วยสร้างความมั่นใจหรือเป็นใบเบิกทางบางอย่างเหมือนมี่หมอเขาพูด ถ้าทำแล้วชีวิตดีขึ้นไม่เดือดร้อนใคร ก็ไม่แปลก ทำแล้วดีขึ้นก็ดีเหมือนกันนะ ชีวิตดีหน้าดีอะไรก็ดี อิ้ง5555
"ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร ต้องยอมรับว่าในสังคม ปัจจุบันการมีรูปร่างหน้าตาที่ดูดี ถือเป็นใบเบิกทางได้หลายๆ อย่าง หลายคนที่เคยขาดความมั่นใจ พอทำศัลยกรรม ก็มีความมั่นใจและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้มากขึ้น" เราก็คิดเหมือนที่หมอพูดนะทุกวันนี้เราก็ไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไหร่เกี่ยวกับจมูก ถ้าโตขึ้นก็อยากทำเหมือนกันจะได้มีความมั่นใจมากขึ้น 55555555555555555555555
ที่แพงเพราะประเทศเขาปลอดภัยกว่าเชี่ยวชาญกว่า ไม่ใช้ซิลิโคนด้วยค่ะดึดได้ บิด ได้ ย่นจมูกได้ เพราะใช้กระดูกอ่อนจากร่างกายของเราส่วนนึงจะเป็นที่หูเป็นส่วนมาก ไม่คค่อยได้เห็นข่าวสาวเกาหลีตายเพราะศัลยกรรมเหมือนประเทศเราเท่าไหร่
มันก็จริงอย่างที่หมอพูด ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการงาน การพบปะผู้คนมากมาย คนส่วนใหญ่อาจจะมองแค่ภาพลักษณืภายนอก และมันก็เป็นใบเบิกทางที่ดีอีกอย่าง จะว่าคนศัลยกรรมทุกคนไม่ได้หรอก บางคนมันต้องเอาหน้าตาไม่ใช้จริงๆ ราคาที่ต่างกันมันก็บอกถึงคุณภาพ ไม่ใช่ว่าที่ไทยไม่ดี แต่ของต่างประเทศอาจจะลดความเสี่ยงได้มากกว่า
หมอได้ทำไหมค่ะ
ถ้าทำที่ไทยต้องเลือกทำที่โรงพยาบาล จะปลอดภัยสุดค่ะ ราคาจะแพงกว่าคลินิก แต่ มีวิญญรแพทย์เป็นผู้วางยาโดยตรงค่ะ ดังนั้นปลอดภัยกับคนไข้แน่นอน แต่ถ้า อยากทำกับคลินิก เดี๋ยวนี้ทางคลินิกก็มีให้คนไข้เลือกว่าต้องการผ่าตัดที่ ไหน รพ.หรือคลินิก แต่ราคาถ้าเลือกทำรพ.จะราคาสูงกว่าคลินิกแต่รับรองความปลอดภัยค่ะ เพราะ รพ.ที่ทำงานอยู่ก็มีแพทย์มาใฝช้บริการห้องผ่าตัดหมอดมยาห้องพักของ รพ.ที่ทำงานเยอะค่ะ รพ.กรุงสยามเซนต์คาร์ลอส