ต้องรู้! ประเภทการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในต่างแดน

Admissions ธรรมดา หรือ Regular Admissions

     แบบนี้จะใช้เยอะที่สุด คือการรับสมัครแบบปกติค่ะ นั่นคือถ้ามหาวิทยาลัยบอกว่ารับสมัครนักศึกษาใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิยายน - 31 มกราคม แปลว่าเราจะส่งเอกสารสมัครทั้งหมดไปวันไหนก็ได้ก่อนหมดเขต แต่คณะกรรมการจะนำใบสมัครของทุกคนมาตรวจพร้อมกันหลังหมดเขตรับสมัครแล้ว และจะแจ้งว่าใครผ่านและไม่ผ่านในวันเดียวกันหมด การสมัครแบบนี้คือจะส่งใบสมัครช้าหรือเร็วก็มีค่าเท่ากัน เพราะจะนำมาพิจารณาพร้อมกัน แค่อย่าส่งช้าเกินวันปิดรับสมัครก็พอ

Rolling Admissions

     การสมัครแบบนี้ ใครส่งมาก่อนก็จะได้พิจารณาก่อนค่ะ เช่นประกาศว่าสมัครได้ตั้งแต่ 1 พฤศจิยายน - 31 มกราคม คนที่ส่งใบสมัครและเอกสารทั้งหมดมาครบวันที่ 1 ธันวาคม ก็จะได้รับการตรวจพิจารณารับเข้าเรียนก่อนคนที่ส่งมาวันที่ 31 มกราคมค่ะ แบบนี้ไม่ได้แปลว่าสมัครก่อนได้เข้าเรียนก่อนนะคะ เพราะถึงสมัครเร็วแต่ถ้าคุณสมบัติไม่ครบก็ไม่ได้รับเข้าเรียนอยู่ดี ส่วนระยะเวลาติดต่อกลับของแต่ละมหาวิทยาลัยจะแตกต่างกันไปค่ะ มีตั้งแต่ภายใน 2 สัปดาห์จนถึงภายใน 2 เดือน นับจากวันที่ทางนั้นแจ้งว่าได้รับใบสมัครเราเรียบร้อยแล้ว

     แม้จะไม่ได้การันตีว่าส่งก่อนได้เรียนก่อน แต่ส่งก่อนก็ได้สิทธิรับไปพิจารณาก่อนอยู่ดี ฉะนั้นถ้าต้องการสมัครมหาวิทยาลัยที่มีระบบแอดมิชชั่นแบบนี้ก็รีบสมัครแต่เนิ่นๆ เลยค่ะ

     นอกจากนี้ยังมีแบบกึ่ง regular กึ่ง rolling ด้วยนะคะ เช่นรับสมัครตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน - 31 มกราคม แต่มหาวิทยาลัยจะประกาศรอบพิจารณาย่อยๆ ด้วยเช่น รอบแรก 15 พฤศจิกายน, รอบสอง 1 ธันวาคม, รอบสาม 16 ธันวาคมเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แบบนี้คือรับสมัครแบบ Rolling แต่กำหนดวันตรวจทีละรอบให้ ใครสมัครก่อน 15 พ.ย. ก็จะได้รับการพิจารณาในรอบแรกเลย ใครไม่ผ่านก็จะถูกคัดใบสมัครออกทันที แล้วค่อยเริ่มพิจารณาคนที่สมัคร 16 พ.ย. เป็นต้นไปจนถึง 1 ธ.ค. ถ้ามหาวิทยาลัยที่น้องๆ ต้องการสมัครมีการรับเป็นรอบย่อยๆ แบบนี้ ควรส่งไปในวันแรกๆ ของรอบใดรอบหนึ่ง เพื่อจะได้รับพิจารณาเป็นคนแรกๆ ของรอบนั้นค่ะ

Open Admissions

     เป็นการรับสมัครที่เหมือนกับมหาวิทยาลัยเปิดค่ะ ส่วนมากจะใช้กันในกลุ่มวิทยาลัยชุมชน วิทยาลัยออนไลน์หรือการเรียนผ่านทางไกล แบบนี้ก็มีกำหนดรับสมัครนะคะ ไม่ใช่ว่าเปิดให้สมัครได้ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าเกณฑ์การรับสมัครไม่ละเอียดแบบมหาวิทยาลัยทั่วไปค่ะ ส่วนมากจะดูแค่ว่าเรียนจบม.ปลายมาก็สมัครได้เลย ไม่ดูเกรด และไม่ดูระดับภาษา หรือถ้ามีเกณฑ์จริงๆ ก็ไม่สูงเลยค่ะ

     จบเรื่องการสมัครแบบมาตรฐานแล้ว ไปดูการรับสมัครแบบมีเงื่อนไขพิเศษกันดีกว่าหลายมหาวิทยาลัยเพิ่มช่องทางการสมัครขึ้นมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้คนที่อยากเข้าเรียนที่นั่นจริงจังค่ะ เรียกว่าการรับสมัครแบบ Early Admissions ค่ะ ซึ่งก็แบ่งเป็นได้หลายประเภทอีกค่อยๆ ดูกันทีละอันเนอะ

Early Decision

     ช่องทางการสมัครแบบนี้มีไว้สำหรับคนที่อยากเข้ามหาวิทยาลัยนี้จริงๆ ถ้ามหาวิทยาลัยตอบรับแล้วจะปฏิเสธไม่ไปเรียนไม่ได้ และจะไปสมัครที่อื่นอีกไม่ได้ด้วยเช่นกัน หากสมัครที่อื่นๆ ไว้ก่อนแล้ว เมื่อได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่สมัครแบบ Early Decision ไป จะต้องขอถอนการสมัครจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ ให้หมด การสมัครแบบนี้มีข้อตกลงชัดเจนแล้วว่าต้องเข้าเรียนที่นี่แน่ๆ ฉะนั้นต้องตัดสินใจให้ถี่ถ้วนก่อนสมัครนะคะ แต่ถ้าเราต้องการเรียนที่นี่อยู่แล้วก็สมัครได้เลย เพราะการสมัครแบบนี้จะทำให้กรรมการเห็นความตั้งใจจริงของเรามาก และมีโอกาสได้เข้าเรียนสูงกว่าปกติค่ะ (แต่ก็ต้องมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ด้วยนะ)

Early Action

 
     การสมัครแบบนี้จะคล้ายกับ Early Decision ค่ะ คือเป็นการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยที่เราต้องการนั่นแหละ แต่ยังไม่มีข้อผูกมัดว่าถ้ามหาวิทยาลัยตอบรับแล้วเราต้องเข้าเท่านั้น นั่นคือถ้าได้รับการตอบรับแล้ว เราจะโอเคเข้าเรียนด้วยหรือไม่ก็ได้ วิธีนี้เหมาะกับคนที่สนใจเข้าเรียนอยู่ 2-3 ที่และยังตัดสินใจไม่ได้ ประมาณว่าชอบเท่าๆ กันหมด ก็สามารถสมัครแบบ Early Action ได้กับทั้ง 3 มหาวิทยาลัยเลย และเมื่อได้รับการตอบรับมา แต่ละที่ก็จะให้รายละเอียดทั้งค่าใช้จ่าย ค่าหอ หรือรายละเอียดอื่นๆ มา เราค่อยพิจารณาอีกทีว่าตัวเลือกของที่ไหนเหมาะกับเรามากกว่า แล้วค่อยเลือกเรียนมหาวิทยาลัยนั้นๆ

     แต่สำหรับใครที่อยากสมัครเรียนตอนนี้เลย แต่ยังไม่พร้อมจะเริ่มในปีการศึกษาที่จะถึงนี้ (อาจจะอยากเรียนภาษาเพิ่ม หรือหาประสบการณ์อื่นเพิ่ม) บางมหาวิทยาลัยจะมีตัวเลือกการรับสมัครเพิ่มมาให้อีกอันคือการสมัครล่วงหน้า 1 ปีค่ะ นั่นคือการรับแบบ Deferred Admissions โดยเราจะสมัครเข้าเรียนในปีนี้ พร้อมกับเพื่อนๆ ร่วมรุ่น แต่ปีที่เราจะเข้าเรียนจริงคืออีกปีนึง เราจะเรียนพร้อมรุ่นน้องที่เด็กกว่า 1 ปี ข้อดีของการสมัครแบบนี้คือคู่แข่งของเราจะมีแค่คนรุ่นเดียวกัน ถ้าเราไปเรียนภาษาก่อน 1 ปีแล้วค่อยสมัครเรียนมหาวิทยาลัย คู่แข่งที่สมัครรอบเดียวกับเราก็จะมีทั้งรุ่นน้อง หรือรุ่นเพื่อนที่ตัดสินใจซิ่วค่ะ

     แต่ละมหาวิทยาลัยมีระเบียบการการรับสมัครต่างกันออกไป บางที่รับสมัครแบบธรรมดาอย่างเดียว บางที่เปิดรับสมัครหลายแบบ ต้องศึกษาให้ดีก่อนนะคะว่ามหาวิทยาลัยที่เราหวังไว้รับสมัครแบบไหน และอย่าลืมตรวจสอบช่วงเวลารับสมัครให้ดี เพราะแต่ละที่มีกำหนดการต่างกันค่ะ