สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com...เจอกับ พี่เป้ และ KoreanKori ตอนพิเศษที่ที่บินไปถ่ายถึงเกาหลีอีกแล้ว สำหรับตอนนี้ก็เป็นตอนที่ 10 แล้ว ช่างยาว
นานมากๆ ไม่จบซักที 55555555 แล้วก็มีเรื่องน่าสนใจมาฝากเช่นเคยค่ะ
ตอนที่ไป พี่มีโอกาสได้เจอกับน้องๆ นักเรียนไทยหลายคน และพอถามทุกคน ว่า ชอบอะไรที่เกาหลี? ทุกคนแทบจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ระบบการขนส่ง" เพราะมันสะดวกสบายเวอร์ๆ และนั่นก็หมายถึง "รถไฟใต้ดิน" นั่นเองค่ะ ใครเคยมีโอกาสไปกรุงโซลและได้ลองใช้ น่าจะรู้สึกคล้ายๆ กันว่า เฮ้ย มันเริดอะ มันสะดวกมากๆ วันนี้เลยจะขอมาเม้าท์ข้อดี+ข้อเสียของรถไฟใต้ดิน ในกรุงโซล เกาหลีใต้ ซักหน่อย น่าจะมีประโยชน์กับคนที่วางแผนจะไปเที่ยวเร็วๆ นี้
**ทั้งหมด เป็นข้อเท็จจริงผสมกับความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนที่เคยเดินทางไป
เกาหลีใต้ 7 ครั้ง + สอบถามความเห็นจากผู้ที่เคยใช้ชีวิตในเกาหลีใต้เป็นระยะเวลานาน**
ระบบรถไฟใต้ดินในกรุงโซล เกาหลีใต้ (Seoul Metropolitan Subway) ได้ชื่อว่าเป็นระบบขนส่งใต้ดินระบบหนึ่งที่มีเส้นทางยาวมากที่สุดในโลก เพราะ ครอบคลุมแทบทุกจุดของเมืองหลวง ยาวออกไปยังเขตปริมณฑล สำนักข่าว CNN ยังเคยยกย่องว่าเป็นหนึ่งในระบบรถไฟใต้ดินที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย โดยเริ่มเปิดใช้บริการครั้งแรกในปี 1974 หรือ 40 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีทั้งหมดด้วยกัน 18 สาย รวมกว่า 600 สถานี เช่น สาย 1(สีน้ำเงิน) สาย 2(สีเขียวเข้ม) สาย 3(สีส้ม) สาย 4(สีฟ้า) สาย 5(สีม่วง) สาย 6(สีส้มกึ่งน้ำตาล) สาย 7(สีเขียว) สาย 8 (สีชมพู) สาย 9(สีน้ำตาล) สาย AREX สายบุนตัง สายอินชอน เป็นต้น สำหรับ นักท่องเที่ยวจะนิยมเลือกที่พักใกล้กับสาย 2(สีเขียวเข้ม)
เส้นทางยาวมาก ครอบคลุมแทบทุกเขตของกรุงโซลและเมืองโดยรอบ เรียกว่า จะไปไหนก็รถไฟใต้ดินเลย เอาเป็นว่ายาวแค่ไหน ก็ดูจากแผนที่ที่อยู่ข้างบนเลย
ตามสถานีใหญ่ๆ จะมี 지하상가(ชีฮาซังกา) หรือพื้นที่ขนาดใหญ่ในสถานี ซึ่งทำเป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ เหมือนเดินในห้างเลยค่ะ แถมราคามักถูกกว่าในร้านค้าทั่วไปอีกต่างหาก แนะนำเลยว่าถ้ามีโอกาสต้องลองไปช้อปค่ะ โดยสถานีรถใต้ดินที่มีแหล่งช้อปใหญ่ๆ เลยที่ขอแนะนำคือ สถานี Jonggak สาย 1 , สถานี Express Bus Terminal สาย 3 , สถานี Yeongdeungpeo สาย 1 , สถานี Gangnam สาย 2 รับรองเดินเพลินจนหมดตัวแน่ๆ มันดีมากกกกกจริงๆ
ค่าโดยสารถูกมาก ค่าโดยสารส่วนมากอยู่ที่ 1,050 วอนต่อเที่ยว หรือตก ประมาณ 30 บาทเท่านั้น นั่งยาวไกลอาจจะแพงขึ้นนิดหน่อย แต่ก็นับว่าถูกมากๆ ถ้าเทียบกับค่าครองชีพของคนที่นั่น (แต่ก็มีบางสายพิเศษที่ราคาแพงกว่านี้ค่ะ) โดยผู้คนจะนิยมใช้บัตร T-Moneyเป็นบัตรที่ใช้กับขนส่งสาธารณะของเกาหลีได้ทั้งหมด แถมยังใช้จ่ายแทนเงินสดในการซื้อของตามร้านสะดวกซื้อได้อีกด้วย ถ้าเงินในบัตรหมด ก็เติมได้ตามตู้อัตโนมัติที่ตั้งอยู่ในสถานี นอกจากนั้น ยังมีในรูปแบบที่ห้อยโทรศัพท์มือถือด้วยค่ะ แทนที่จะใช้บัตรตื๊ด ก็ใช้ที่ห้อยมือถือเนี่ยตื๊ดแทน
ต่อรถบัสได้ฟรีภายใน 30 นาที สมมติว่าบ้านเราอาจไม่ได้อยู่ติดกับสถานี รถไฟใต้ดิน จึงต้องต่อรถบัส หากน้องๆ ขึ้นมาต่อรถบัส(และตื๊ดบัตรขึ้นรถบัส) ภายใน 30 นาทีหลังจากตื๊ดบัตรออกมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน จะไม่เสียค่ารถบัสค่ะ เรียกง่ายๆ ว่าขึ้นฟรีกันไปเลย
แอพพลิเคชั่นบอกตารางเวลารถไฟ ใต้ดิน แนะนำเส้นทางที่เร็วที่สุด อย่างที่บอกว่ารถไฟใต้ดินในกรุงโซลเนี่ย สายยาวมากกกกกก คนเกาหลีบางคนก็จำไม่ได้หรอกค่ะว่า สถานีนี้อยู่สายไหน ถ้าจะไปสถานีนี้ต้องไปยังไง เพราะมันยาวมากๆ จนจำไม่หมด ดังนั้นแทบทุกคนจึงมีแอพพลิเคชั่นรถไฟใต้ดินอยู่ในมือถือ หลักๆ คือจะใช้ดูว่า อีกกี่นาทีขบวนนี้ถึงจะมา หรือเช็คว่าเส้นทางที่เร็วที่สุดจากสถานี A ไปสถานี B ควรไปยังไง เพราะบางทีต้องเปลี่ยนสายรถไฟใต้ดินแล้วอาจไปได้หลายเส้นทาง แต่ละเส้นทางก็ใช้เวลาไม่เท่ากัน เลยต้องใช้แอพนี้ในการเช็คค่ะ
มีที่นั่งสำหรับคนชรา คนพิการ และคนท้อง แบ่งอย่างชัดเจน ตามภาพเลยค่ะ ต่อให้ที่นั่งตรงนั้นว่าง ก็จะไม่มีใครไปนั่ง เคยหน้าแตกเพราะคิดว่าไม่เป็นไร เลยนั่งลงไปเต็มก้น ปรากฎคนมองตรึมเลย อายสุดๆ
ดื่มน้ำหรือกาแฟได้ อันนี้ไม่รู้จะเรียกว่าข้อดีมั้ย แต่บางทีก็แอบอยากจิบน้ำ หรือจิบกาแฟบ้าง ก็สามารถทำได้ค่ะ ไม่ต้องแอบ แต่ของกินหนักๆ นี่ไม่ควรนะ แต่ก็เคยเห็นคนกินไอศกรีมหรือพวกข้าวปั้นเหมือนกัน
มีห้องน้ำแทบทุกสถานี ใครปวดหนักปวดเบาเชิญได้เลย สภาพส่วนมากโอเค บางสถานีอาจไม่ได้สะอาดมาก แต่ก็พอถูไถค่ะ
มีทางขึ้นลงเยอะ สถานีส่วนมากจะมีทางขึ้นลงประมาณ 8 ทาง หากเป็นสถานี ใหญ่ๆ จะมีทางขึ้นลงถึง 14-15 ทางออกเลยทีเดียวค่ะ
กลิ่นเหม็นอับในหน้าหนาว จริงๆ ข้อนี้ไม่ใช่ความผิดของตัวขบวนรถ สรุปสั้นๆ เลยคือ ในหน้าหนาวเนี่ย บางคนก็ไม่อาบน้ำในตอนเช้า แล้วพอมาอยู่รวมกันบนรถไฟใต้ดินที่แสนจะแออัดในตอนเช้าๆ ล่ะก็ ทำเอาเราเป็นลมได้เลยนะ นอกจากนี้ ยังมีหลายคนที่กินเหล้าจนเมาแล้วตกรถไฟรอบสุดท้าย ต้องรอจนเช้าแล้วกลับรถไฟรอบเช้า กลิ่นก็...นั่นแหละค่ะคุณผู้ชม
เดินเปลี่ยนสถานีไกลมากกกก เวลาเราจะต้องเปลี่ยนสถานีนั้น บอกเลยว่าเดินไกลมากกกกกกกกกก ไม่ใช่แค่ขึ้นลงบันไดเลื่อนเหมือนเปลี่ยนจากสยามไปอ่อนนุช คือไกลมากจนแบบไม่ไหวแล้ว อาจใช้เวลาเดินเปลี่ยนสายเกือบ 20 นาทีก็เป็นได้ เวลารีบๆ นี่คือเหนื่อยมากอะค่ะ เป็นสิ่งที่หลายคนบ่น บางสถานีต้องเดินไกลกว่าจากสยามไปเซ็นทรัลชิดลมอีก
คนไม่ค่อยลุกให้ผู้หญิง เด็ก หรือคนท้องนั่ง หลายคนอาจจะมองว่า สมัยนี้ทุกคนมีสิทธิเท่ากันทางชายหญิง แต่บางทีก็แอบรู้สึกแปลกๆ นิดนึง เช่น ผู้ชายบางคนแย่งที่นั่งเด็กแบบต่อหน้าต่อตา อะไรแบบนี้
เอามาฝากเป็นเรื่องน่ารู้สำหรับคนที่สนใจจะไปเที่ยวเกาหลีใต้นะคะ หรือ ใครเคยไปแล้วเจอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนข้างต้น ก็มาเขียนเล่าได้เลย
ป.ล. สำหรับใครอยากอ่านของญี่ปุ่น ก็มีเขียนไว้เหมือนกันค่ะ เชิญอ่านได้ที่นี่ >> เห็นกันชัดๆ!! 8 สิ่งที่ "รถไฟญี่ปุ่น" ไม่เหมือนรถไฟไทย!
12 ความคิดเห็น
ดีง่ะ!
อะไรนะ ทางออกสถานีมี 15 ทางงงงงง
ขนาด bts mrta บ้านเรายังออกไม่ถูกเลยคู๊ณณณณณ
ยิ่งใต้ดินนะ ไม่รู้ทิศนะ ว่าจะโผล่ไปออกไหนดี 55555
แต่ตอนเราไปเที่ยวคนเกาหลีเค้าลุกให้น้องเรานั่งน่า มีผู้ชายบ้างป้าบ้าง พ่อเราบอกไม่เป็นไรฯแต่เขาก็ไม่ยอมนั่งอยู่ดี เราว่าอันนี้ขึ้นกับบางคนนะ
เราพึ่งไปกับพี่มาค่ะ งงมากตอนซื้อตั๋ว เพราะต้องดูสายว่าจะไปสายไหน ต้องต่อสายอื่นสถานีไหนตอนซื้อก็ต้องกดเครื่อง ต้องเลือกนู่นนี่นั่น แล้วพอเลือกเสร็จจะใส่เงิน เงินบ้านเค้าตัวเลขมันเยอะก็ต้องยืนนับเงินว่าใส่อันไหน ใส่ช้าระบบตัดก็ต้องกดใหม่อีก 555 ทางออกก็มีเยอะ ถามคนเกาหลีบางคนก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ถามไปประมาณ 3 คนถึงจะเจอคนพูดอังกฤษได้ แต่เค้าก็พยายามช่วยนะ ถึงแม้สำเนียงเค้าจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตาม คือเราก็ถามเค้าว่าถ้าไปที่นี่จะต้องออกทางไหน เค้าก็พูดอะไรไม่รู้ แต่ชู 2 นิ้ว เราก็นึกว่า อ๋อ ทางออก 2 แต่พอเงยหน้าไปดูป้าย เอ้า ไม่มีทางออก 2 เราก็เลยเดินกลับไปถามเค้าใหม่ คราวนี้เค้าก็เลยออกเสียงช้าๆ สรุปคือ 12 ไม่ใช่ 2 เรากับพี่นี่ เงิบเลย 555 คือเค้าพูดควบ ก็เลยฟังไม่รู้เรื่อง ตอนเปลี่ยนสถานีนี่เหนื่อยมากกก คือเรากับพี่ก็นึกว่าใกล้ๆเหมือนบ้านเราแหละค่ะ สรุป เดินจนขาลาก เราถามพี่ตลอดเลยนะว่า เมื่อไหร่เราจะเดินเจอทางออก 555 คือความรู้สึกตอนนั้นมันเหนื่อยมาก ประกอบกับเราต้องวิ่งด้วย เพราะเรากับพี่ขอทัวร์มาซื้อของที่ไม่ได้อยู่ในทริป ทัวร์ก็นัดเจออีกที่นึง เรากับพี่ก็เลยต้องรีบวิ่ง แล้วพอมาถึงในรถไฟ คนก็เยอะทำให้ไม่มีที่นั่ง เราก็เหนื่อยใช่มะ วิ่งมา เห็นที่นั่งคนชราว่าง เราก็คิดเหมือนจขท.นะว่า เออ เรานั่งก็ไม่เป็นไรมั้ง เดี๋ยวพอคนแก่มาก็ลุกให้ เราก็เลยนั่งกับพี่ แล้วที่นั่งมันมี 3 ที่ เรานั่งกับพี่อยู่ เหลืออีกที่ก็มีคุณตามานั่ง เราก็คุยกับพี่ปกติ เค้าก็คงรู้ว่าเป็นคนต่างชาติ ก็เลยสะกิดเราแล้วชี้ป้าย เรากับพี่นี่ลุกขึ้นเลย อายมากๆ 555 แล้วพอจะออก เราแตะบัตรแล้วมันก็ไม่เปิดทางให้ เราก็เลยถามคุณลุงคนนึง เค้าก็บอกว่าให้มุดไปเลย 555
เดี๋ยว ๆ อันนั้น 18 สาย ที่ไทยนี่เด็กน้อยไปเลย ;w;