เมื่อติ่ง "ไต้หวัน" ไปใช้ชีวิตในไต้หวัน การกิน เรียน เที่ยว และตามดารา ก็เกิดขึ้น!

         สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณเด็กนอกเช่นเคย^^ หลายครั้งที่มีประสบการณ์จากน้องๆ ที่ไปญี่ปุ่นหรือเกาหลี แล้วมีโอกาสไปแอบติ่งแอบตามศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ วันนี้ก็มีมาอีกแล้วแต่มาจากไต้หวันจ้า มาดูดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
 

   
         หนีห่าว ทักทายขึ้นต้นกันมาอย่างนี้ ก็คงพอเดากันได้ใช่มั้ยคะว่าประสบการณ์ที่จะมาเล่าเกิดขึ้นที่ไหน ก่อนอื่นก็ขอแนะนำตัวก่อนล่ะกัน เราชื่อ ญาณิศา ประจุศิลป หรือเรียกว่า แสตมป์/แตม ก็ได้ค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นปีที่สาม สาขาความสัมพันธ์และการพัฒนาระหว่างประเทศ สถาบันการทูตและการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต จะมาเล่าประสบการณ์การไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ไต้หวันหนึ่งเทอมค่ะ 

       ด้วยความที่เป็นติ่งไต้หวันมาร่วมแปดปี พอได้ยินว่าที่มหาลัยที่เรียนมีความร่วมมือกับที่ไต้หวัน ประกอบกับเพื่อนสนิทก็จะไปแลกเปลี่ยนเทอมเดียวกัน (แต่คนละประเทศ) ก็เลยตัดสินใจไม่ยากที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนกับที่มหาลัยค่ะ อย่างที่ม.รังสิตจะมี International Service Center คอยดูแลและช่วยประสานงานกับมหาลัยที่นู่นให้ค่ะ หลังจากเตรียมเอกสารต่างๆ ส่งไปที่ไต้หวันเรียบร้อยแล้ว ทางมหาลัยที่นู่นก็จะส่งใบตอบรับมา แล้วเราก็เอาใบตอบรับไปขอวีซ่าค่ะ การขอวีซ่าเข้าไต้หวันก็ไม่ยากค่ะ แค่เตรียมเอกสารให้ครบก็เรียบร้อย

     
       ขอเม้าท์ก่อนนิดนึง สำหรับแตมเองสาเหตุที่เลือกไปแลกเปลี่ยนที่ไต้หวัน ไม่ใช่แค่เพราะว่าติ่งเท่านั้นนะคะ (แม้ว่ามันจะเป็นเหตุผลหลักและแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่ก็ตาม 555) แต่เป็นเพราะว่าอยากที่จะพัฒนาและรื้อฟื้นภาษาจีนที่สั่งสมมานานจนส่งคืนเหล่าซือไปเกือบหมด แล้วก็เคยวางแผนอนาคตว่าอยากเรียนต่อโทที่ไต้หวัน ก็เลยลองไปอยู่แบบไม่นานมากก่อนว่าโอเคมั้ย แค่นั้นไม่พอ ไต้หวันยังเป็นประเทศที่ค่าครองชีพไม่ต่างจากไทยมากนัก ข้าวของอาหารการกินก็เลยไม่แพงเท่าไหร่ แถมค่าเงินไม่ต่างจากไทยมาก ใช้วิธีคิดคร่าวๆ ง่ายๆว่า 1 บาทเท่ากับ 1 เหรียญเลย ทำให้เวลาใช้จ่ายนี่ไม่ต้องคำนวณเยอะ ใช้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลย

        มหาลัยที่แตมไปแลกเปลี่ยนชื่อว่า มหาวิทยาลัยหมิงฉวน เป็นมหาลัยที่มีหลายวิทยาเขตในไต้หวัน แล้วก็มีวิทยาเขตที่อเมริกาด้วย แตมอยู่หอและเรียนที่เถาหยวนเป็นหลัก แล้วก็มีอีกหนึ่งวิชาที่ต้องไปเรียนที่ไทเปค่ะ ลักษณะเด่นของที่นี่คืออยู่บนเขาค่ะ ทั้งสองแคมปัสเลย ณ จุดนี้ ขอเม้าท์เลยว่าเขาสูงล้ำค้ำฟ้าตระหง่านสุด แบบที่ว่าเดินขึ้นไปกลางทางก็อยากจะเปิดคอนเสิร์ตเพลงพี่เบิร์ดร้องดังๆ ว่า กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เลยทีเดียวค่ะ จะก้าวแต่ละทีนี่สูดหายใจลึกๆ เปิดเพลงเสียบหูฟังให้สบายใจ คนไต้หวันเค้าเดินมาทีหลังนี่ขึ้นไปถึงข้างบนละ เหลือแต่หญิงไทยที่ท่าเยอะยืนถอนหายใจเฮือกๆ นี่หล่ะ 

       
       วันแรกที่ไปตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน คิดไว้ว่าทันทีที่เหยียบแผ่นดินไต้หวัน อิชั้นต้องฟินเวอร์สุดๆ เป็นแน่แท้ แต่พอไปถึงวันแรกนี่กลับโฮมซิกสุดๆ เลยค่ะ เพราะว่ายังไม่ได้ซื้อซิมมา เน็ตก็ยังใช้ไม่ค่อยได้ (จริงๆ ก็เพราะว่าต่อไม่เป็นแหละค่ะ อนาถแท้) แล้วรูมเมทก็ยังไม่ได้ซื้อชั่วโมงแอร์ ตอนนั้นนี่นอยด์มากแบบคิดว่าชั้นมาที่นี่ทำไม ชั้นคิดอะไรถึงมา แถมตอนแรกกลัวว่าพ่อเป็นห่วงก็พยายามหาวิธีติดต่อ เพราะมาถึงแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะบอกที่บ้านยังไง นี่ซื้อบัตรโทรศัพท์มากดโทรหาพ่อที่ตู้ข้างล่างหอ น้ำตาก็รื้นๆ
     
       หอพักที่เราไปพักเป็นหออินเตอร์อยู่ใน ม.เลยค่ะ พักสี่คน มีห้องน้ำในห้อง แบ่งสัดส่วนชัดเจนมีโต๊ะเขียนหนังสือ ตู้เสื้อผ้า ส่วนเตียงนอนจะอยู่ข้างบนต้องปีนบันไดขึ้นไปค่ะ (ใครนึกไม่ออกลองดูตามหนังวัยรุ่นไต้หวันได้ค่ะ ไม่ก็ซีรีส์เรื่อง One and a Half Summer ที่พี่นิชคุณเล่น หออารมณ์งั้นเลยค่ะ กรี๊ดดดนี่เขินพี่คุณ) ส่วนตู้เย็น เครื่องซักผ้าอบผ้าหยอดเหรียญ ก็มีให้ใช้รวมกันในแต่ละชั้น สำหรับแตมก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกสบายค่ะ ยิ่งเมื่อเทียบกับค่าหอที่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ตลอดหนึ่งเทอม จ่ายแค่ 11,000 เหรียญ (ประมาณไม่ถึงหมื่นสองบาทไทย) ก็ถือว่าคุ้มสุดๆ เลยค่ะ

 
   
       รูมเมทในห้องนี่นานาชาติมากค่ะ เกาหลี, ญี่ปุ่น และไต้หวัน เวลาคุยกันก็จะใช้ภาษาจีนผสมอังกฤษค่ะ แถมภาษามือด้วย ตอนแรกๆ ก็ใช้ภาษาอังกฤษมากหน่อย รูมเมทก็น่ารักค่ะ แม้ว่าไม่ได้คุยกันบ่อยมากเพราะว่าทุกคนส่วนใหญ่ก็แยกกันอยู่หน้าคอม ใส่หูฟังทำการบ้านงี้ แต่ก็แบ่งขนมกันตลอด ใครมีอะไรก็เอามาแบ่งกันค่ะ ก็สบายๆ เหมือนอยู่บ้าน แต่ก็มีที่เราต้องปรับตัวเหมือนกัน อย่างเวลาใช้ห้องน้ำที่ต้องแชร์กันใช้และช่วยทำความสะอาด หรืออย่างเวลานอนที่บางทีเมทนั่งดูรันนิ่งแมนแล้วขำดังมาก แต่เราก็ต้องหาวิธีนอนให้หลับ (พยายามปิดตา แม้ในใจอยากรู้ว่าดูอีพีอะไรทำไมฮาเยี่ยงนั้น)
     
        เรื่องน่ารักๆ กับรูมเมทก็มีค่ะ อย่างรวมตัวกันเซอร์ไพรส์วันเกิดเมทคนไต้หวัน หรือช่วงเอเชียนเกมส์นี่แตมก็นั่งเชียร์ผ่านลิงค์ดูออนไลน์ค่ะ (ตรงกับสโลแกนบอลนอกแค่สะใจ บอลไทยลิงค์อยู่ไหนครัชจริงๆ) แถมแมตช์ฟุตบอลไทยแข่งกับเกาหลีนี่ชวนเพื่อนเกาหลีดูเลยนะคะ แบบเฮ้ยวันนี้เกาหลีมีแข่งนะ ก็นั่งดูกันคนละเครื่องหันหลังชนกัน แล้วอารมณ์จะสับสนกันมาก ตอนเค้าเฮเราก็เงียบ ไม่ก็แอบตบโต๊ะ คือนี่เสียดายแต่เพื่อนเกานางดีใจไง แม้ว่าตอนจบเราจะไม่ชนะ แต่แตมถือว่าเราชนะด้านหน้าตาค่ะ ชัปปุย สารัช เรางานดี หล่อกว่า ชนาธิปเราก็เตี้ยกว่า เอ๊ะยังไง ถถถถถ เห็นทั้งทีมเล่นแบบเต็มที่แล้วเราก็แฮปปี้และให้กำลังใจต่อค่ะ    

   
        กลับมาไต้หวันกันต่อ เรื่องอาหารการกินของไต้หวัน แตมขอเตือนไว้เลยค่ะ จริงจังมากๆ ใครจะไปไต้หวันต้องระวังไว้เลยว่า กลับมาน้ำหนักจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป... ที่ขอเตือนไว้ก่อนเพราะว่าตอนแรกแตมก็ไม่เชื่อค่ะ มีพี่ที่มหาลัยคนนึงไปเทอมก่อนหน้ากลับมาแล้วน้ำหนักขึ้น แตมก็คิดว่า ”เชอะ! ไม่ได้กินชั้นหร๊อก” คือมั่นใจว่าน้ำหนักจะไม่ขึ้นชัวร์ๆ เพราะว่าอยู่ไทยกินแค่ไหนน้ำหนักก็ไม่ขึ้น แต่พอไปแล้วรู้ซึ้งเลยค่ะ กลับมาพร้อมกับน้ำหนักเพิ่มขึ้นห้าโล ช็อคมากกก แต่อยู่ที่นู่นก็กินไม่หยุดจริงๆ ทุกวันต้องมีชานมไข่มุกหรือชานมใส่ไอติมอย่างน้อยหนึ่งแก้ว, ไก่ทอดไต้หวันอันโด่งดังที่เค้าไปเข้าคิวกัน อย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้งล่ะ แต่ส่วนใหญ่แตมกินยี่ห้ออื่นนะ (ของทอดอย่างอื่นก็เด็ดมากค่ะ), หม้อไฟ(อันนี้คุ้มสุด เติมข้าว,น้ำชา,ไอติม ไม่อั้น ไม่จำกัดเวลา) แถมราคาก็ร้อยเหรียญเอง นี่ขนาดไม่ค่อยได้กินอาหารไต้หวันแท้ๆ เท่าไหร่ หนักไปทางแซลมอนทุกอาทิตย์เพราะอาหารญี่ปุ่นที่ไต้หวันก็ถูกและดีจริงๆ แถมหาก็ง่ายมาก 

         
       ส่วนตอนเช้าๆ รีบไปเรียนที่ไทเป กลัวเรียนไม่ทันก็ได้อาหารฟาสต์ฟู้ดช่วยชีวิตไว้ค่ะ เซ็ทอาหารเช้าของแต่ละที่ราคาไม่แพงแถมอร่อยด้วย อย่างแมคก็แฮมเบอร์เกอร์กับโกโก้ร้อน (เคยไปซื้อสองสาขาเรียกไม่เหมือนกันอี๊ก สาขานึงเรียกเคอเคอ-โกโก้ อีกสาขาเรียก เฉาเค่อลี่-ช็อกโกแลต น้องปวดหัว) ก็ตกราคาไม่เกินห้าสิบเหรียญ แม็คชุดอาหารเช้ามีแพนเค้กด้วย อร่อยฟินมาก ยี่ห้ออื่นแตมก็ชอบกินเป็นเซ็ทแซนด์วิซกับชาแก้วโตๆ ส่วนเพื่อนตายยามหิวอย่างร้านสะดวกซื้อนี่มีทุกอย่างให้เลือกสรร มันเผาเอย ไข่ต้มชา ไอติมซอฟท์ครีม ข้าวกล่องต่างๆ โอเด้ง ขนาดเค้กทิรามิสุยังอร่อย เวลาเข้าร้านเหล่านี้ทีไรหยิบล้นมือตลอด แบบกินได้ไม่หยุดเลยค่ะ ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจกันน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมานะคะ (เอียงหน้าสี่สิบห้าองศา ซับน้ำตาที่ยังไม่ไหลเบาๆ)

       
         เรื่องกินไปแล้ว มาเรื่องการเดินทางกันบ้าง การเดินทางที่ไต้หวันสะดวกสบายสุดๆ ค่ะ ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟ รถบัส ตื่นสายหน่อยก็ไปเรียนไทเปทันค่ะ อันนี้นี่มีประสบการณ์มาแล้ว นาฬิกาไม่ปลุกครั้งเดียวรู้เลย! 555 ที่ไต้หวันเค้าใช้รถไฟในการเดินทางกันเป็นเรื่องปกติมากๆ ไปทำงานไปเรียนกันก็ใช้รถไฟ เป็นรถไฟแอร์ที่นานๆ ทีเราจะโชคดีได้นั่ง เพราะว่าคนเยอะม๊ากก ประสบการณ์ที่ผ่านมาได้นั่งนับครั้งได้ค่ะ ที่เหลือนี่ยืนขาแข็งยาวๆ สี่สิบนาทีรวด รถไฟฟ้าก็สะดวกสบายค่ะ สถานีเชื่อมต่อกับรถไฟเลย แม้ว่าจะมีคนใช้บริการเยอะมากๆ แต่ว่าก็มีรถพอกับความต้องการค่ะ ไม่ต้องรอนานขบวนใหม่ก็มาแล้วแถมมีเวลาบอกด้วยว่าขบวนถัดไปต้องรอกี่นาที 

   
        มาดูเรื่องเรียนกันบ้าง ที่นี่จะเรียนวิชาละสามชั่วโมงค่ะ แล้วก็จะมีเวลาพักระหว่างชั่วโมงประมาณสิบนาที ซึ่งจะปล่อยตามเสียงออดค่ะ ได้อารมณ์เหมือนตอนอยู่มอปลายเลย ตอนพักทุกๆ ห้องที่มีเรียนก็จะออกมาพักพร้อมกันค่ะ บางคนก็นั่งอยู่ในห้องเม้าท์มอยกัน หรือเอาข้าวกล่องที่ซื้อมามานั่งกินค่ะ แตมลงเรียนไปทั้งหมดสามตัวซึ่งก็ถือว่าไม่หนักมาก ส่วนใหญ่วิชาที่ลงเป็นวิชาพื้นฐาน ก็เลยได้เรียนกับเด็กปีหนึ่งที่นี่ค่ะ แอบรู้สึกถึงความชราเบาๆ 
     
         นอกจากคลาสเรียนปกติที่แตมลงทะเบียนเรียนแล้ว แตมก็ลงเรียนจีนเพิ่มที่ Language Centerค่ะ ในห้องมีอยู่ 6 คนเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี และไทยจำนวนหนึ่งหน่อค่ะ (โดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเลมากจริงๆ) แต่พอกลางเทอมก็มีคนมาเพิ่มค่ะ เป็นหนุ่มเกาหลีอีกหนึ่งคน ฉะนั้นเวลาพักเนี่ยก็จะเป็นช่วงหนังซาวน์แทร็คค่ะ มากันอย่างรัวทั้งเกาหลีและญี่ปุ่น บางทีก็เลยแอบแกล้งเพื่อนๆ โดยการหันไปบอกเหล่าซือว่า “เค้าไม่พูดจีนกันอ่ะเหล่าซือ” อย่างเกาหลีจริงๆ พอเดาความหมายคร่าวๆ ได้เพราะว่าดูรายการเกาหลีบ่อย พอมโนว่าเข้าใจได้บ้าง ส่วนญี่ปุ่นนี่ไม่มีในหัวเลย ได้แต่ชื่อสินค้าจำพวกฮอนด้า โตโยต้า โออิชิ ซึ่งใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงได้น้อยนิดมาก เอาตรงๆ คือฟังไม่ออกเลย 555 แต่เวลาจะคุยด้วยกันจริงๆ นี่ภาษาจีนเป็นภาษากลางในการพูดคุยเม้าท์มอยค่ะ 

   
        ภาษาจีนในคลาสก็ไม่ได้เรียนแบบหน้าดำคร่ำเครียดแต่อย่างใด แต่เรียนเชิงเอาไปใช้ได้จริง แล้วเหล่าซือก็หาวิธีต่างๆ มาสอน ทำให้ไม่น่าเบื่อ แบบเรียนซื้อของสั่งของก็มีรูปถุง สินค้าของกิน และเงิน ให้เล่นแลกเปลี่ยนซื้อขายกันจริงๆ อารมณ์เหมือนเล่นซื้อขายของตอนเด็กแต่ต้องพูดภาษาจีนแล้วต้องทำและพูดเร็วๆ แข่งกัน สนุกดี เล่นแอ็คติ้งต่อราคาของกันงี้ ตอนแรกๆ ทุกคนดูเงียบๆ เรียบร้อย แต่พอเรียนๆ ไปก็เริ่มกวนและแกล้งกัน ต่อราคาก็แกล้งบอกแพงๆ เกินจริงแล้วไม่ลดราคางี้ แล้วก็แหย่เหล่าซือเล่นบ้าง ช่วงพักเหล่าซือก็เปิดเพลงไม่ก็รายการไต้หวันที่ฮิตๆ ให้ดู  นี่ก็แอบหลุดกรี๊ดบ้างในบางที แอร๊ยยย!ฟินจริง

        ในเมื่อได้เอื้อนเอ่ยกล่าวอ้างในความติ่งของตัวเองแล้ว ไปไต้หวันทั้งที หากแสตมป์ไม่ได้ไปติ่งก็คงจะเหมือนว่าไปไม่ถึง ฉะนั้นเรามาเจาะลึกความติ่งกันเถอะค่ะ (มีใครจะอยากรู้มั้ยเนี่ย? 555) เนื่องจากชอบนักร้องไต้หวันมากก็เลยได้ไปหลายๆ อีเว้นท์ ทั้งไปบุกสถานีโทรทัศน์ เข้าไปดูบอยแบนด์ไต้หวันอย่าง JPM อัดรายการในสตูอิโอ งานประกาศรางวัลละครประจำปีของช่องซานลี่ก็ไปดูมาด้วยค่ะ ต้องไปแต่เช้าต่อแถวรอบัตรเข้างาน แล้วก็ได้เข้าไปดูสตูดิโอที่เค้าใช้ถ่ายทำจริงๆ เจอดาราที่เล่นซีรีส์ดังๆ เพียบเลย แถมตอนจบงานได้ยืนรอส่งดาราขึ้นรถแบบใกล้ๆ ด้วย

       
        งานแจกลายเซ็นก็ไป งานมีตติ้งก็มีค่ะ แตมไปงานของ หวังต้าเหวิน(Dawen-王大文) ซึ่งเป็นนักร้องคนโปรดของเรา ถือว่าเป็นมหาเมนขึ้นหิ้งเลย ในงานจะมีผู้โชคดีจากการตอบคำถามห้าสิบคน ได้ไปดินเนอร์สุดพิเศษกับพี่ต้าเหวิน แถมยังได้กินอาหารฝีมือนักร้องคนนี้ และแน่นอนได้ฟังเพลงเพราะๆ อีก เป็นงานฟรีที่คุ้มและฟินมาก ติ่งฟินแรงสุดจริงๆ ยิ้มไม่หุบหน้าบานมากกกก ได้ขอลายเซ็นแล้วก็ให้เขียนชื่อเราเป็นภาษาไทยด้วย แค่นั้นไม่พอแตมยังได้เอาของขวัญไปให้พี่ต้าเหวินด้วยเป็นหมวกกับขนม แล้วหลังจากนั้นพี่เค้าก็สวมหมวกถ่ายรูปลงไอจี แถมยังสวมไปร้องเพลงตามงานอีเว้นท์และจัดรายการอีก คือเข้าใจแฟนคลับเกาหลีสุดๆ กับโมเม้นท์นี้ น้ำตาจะไหล

         งานติ่งเบาๆก็มี เริ่มจากไปดูคอนเสิร์ตที่ยอดดอยของศิลปินที่เราชอบผลงานเพลงของเค้า อย่าง Magic Power(魔幻力量), io Band (io樂團) ตอนแรกก็เคยฟังแล้วก็ชอบแค่บางเพลง แต่พอกลับมานี่อินกับเพลงมากเลยฟังแล้วฟังอีกไล่ฟังหมดอัลบั้มเลย ได้เสพการแสดงดนตรีแบบสดๆ กับเพลงที่เราชอบเป็นอะไรที่เจ๋งมากจริงๆ ความประทับใจในการติ่งของเราก็มีอีกอีเว้นท์ถือว่าเป็นอีเว้นท์จับพลัดจับผลูของเรา คือมีวงบอยแบนด์ไต้หวันวง Gentleman เพิ่งเดบิ้วท์ ซึ่งเราก็เริ่มสนใจตั้งแต่เห็นทีเซอร์โปรโมตครั้งแรก แล้วพอดีมีอีเว้นท์ฉลองยอดวิวเอ็มวีในยูทูปพอดี เราก็เลยลองไปส่องดู เป็นงานเปิดจัดที่สวนสาธารณะงานที่ทำเอาสาวไทยใจงามแอบเขินเบาๆ เพราะมันคืองาน Hug Event นั่นก็คืองานกอดเนี่ยแหละค่ะ

     
          เหล่าบอยแบนด์ก็จะยืนเรียงแถวรอคอยการไล่กอดจากอิสตรีมากมาย ตอนเจอแต่ละคนเราก็พูดภาษาอังกฤษบอกว่าเราชอบเพลงที่โคฟเวอร์มากเลย คุยนู่นนี่ได้แค่คนละประโยค พอเสร็จแล้วเราก็เห็นว่าบางคนเริ่มเดินไปวนรอบสองแล้วเอามือถือไปถ่ายเซลฟี่ค่ะ นี่ก็กะจะเนียนไปทำบ้าง แต่ไปๆ มาๆ คุณพี่ผู้จัดการห้ามซะงั้น เราก็เลยลองไปสะกิดขอพี่ผู้จัดการว่าเนี่ยเป็นคนไทย เดี๋ยวจะกลับประเทศไทยแล้วค่ะ ขอถ่ายได้มั้ยคะ ผู้จัดการก็ใจดี๊ใจดีค่ะเป็นคนถ่ายให้เองเลย แล้วมีการแนะนำให้ทั้งวงรู้จักด้วยว่านี่แฟนคลับคนไทยนะ แล้วเมมเบอร์แต่ละคนก็พยายามพูดภาษาไทยกันใหญ่เลย สวัสดีครับ ขอบคุณครับ มากันเต็ม เป็นอะไรที่ไม่คาดคิดและรู้สึกดีใจจริงๆ

    
         เห็นแตมกรี๊ดไต้หวันหนักขนาดนี้แต่ไม่ต้องกังวลไป นี่ไม่เสียดุลทางการติ่งแน่นอนค่ะ ไหนๆก็ไปติ่งบ้านเค้าแล้ว เราก็เลยลากเค้าให้เค้ามาติ่งบ้านเราบ้าง เริ่มจากคนใกล้ๆ ตัวก่อน อย่างรูมเมทเค้ากลับบ้านวันหยุดแล้วก็มาเล่าให้ฟังว่าที่บ้านเค้าเปิดดูหนังผีไทยกันแหละ แล้วก็ชื่นชมความน่ากลัวของหนังผีไทยงี้ ด้วยความที่แตมกลัวผีเลยไม่ค่อยดู ก็เลยแนะนำไปว่า เฮ้ยย หนังไทยก็มีแนวอื่นนะ หนังรักโรแมนติกคอมเมดี้อย่างนี้ก็มี ก็เลยแนะนำกวนมึนโฮไป นางก็เลยไปเปิดคอมนั่งดูนั่งเสียบหูฟังขำเลย แค่นั้นยังไม่พอ ด้วยความที่นี่ชอบเม้าท์กับเหล่าซือหลังเลิกเรียน เม้าท์ไปมา เหล่าซือก็พูดถึงละครไทยที่เคยดูน่าจะเป็นเรื่องเลือดขัตติยาที่ช่องไต้หวันเอาไปฉาย แล้วเหล่าซือก็กรี๊ดพี่ติ๊กมาก เราเลยบอกว่าพี่ติ๊กอายุเยอะแล้วนะ ตอนแรกเหล่าซือไม่เชื่อค่ะว่าพี่ติ๊กอายุเท่านี้จริงๆ พอรู้เหล่าซือก็แอบช็อก
  
         การไปไต้หวันครั้งนี้ประทับใจมากๆ นอกจากความฟินของติ่งที่ได้รับจากเหล่านักร้องแล้ว แตมก็ยังได้มิตรภาพดีๆ จากเพื่อนใหม่มากมาย ความช่วยเหลือจากบัดดี้ที่คอยดูแลเราตลอดตั้งแต่วันแรกที่มาถึงไต้หวันจนวันสุดท้ายก่อนจะกลับไทย บัดดี้เราน่ารักมากๆ เลย ชอบพาไปลองกินของอร่อยๆ แถมยังเลี้ยงเราอีก สำหรับแตมบัดดี้เหมือนเป็นแม่อีกคนเลยเพราะว่าเวลาจะซื้อเสื้อกันหนาวซื้อของอะไรอย่างงี้ เค้าก็คอยช่วยเลือกหรือไม่ก็ช่วยสั่งซื้อออนไลน์ให้ แล้วก็ยังพยายามเบรคเวลาเราเผลอจะช้อปแหลก เค้าจะคอยบอกแบบอันนี้มันแพงไปนะ ไปซื้ออีกร้านดีกว่า คนไต้หวันเองก็จิตใจดีแล้วก็น่ารักมากๆ สัมผัสได้ถึงความเป็นมิตร 

   
         การไปแลกเปลี่ยนเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เลยค่ะ อย่างน้อยๆ ก็เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศในการเรียน ให้เราเจอกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ หรือสไตล์การสอนที่ไม่เหมือนเดิม รวมทั้งวัฒนธรรมและภาษาที่เราอาจจะไม่คุ้นเคย สำหรับแตมที่เห็นได้ชัดคือทำให้ตัวเองขยันขึ้นค่ะ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าอ.เค้าจะสอนแบบไหน ให้คะแนนประมาณไหน ข้อสอบเป็นยังไง ต้องเตรียมตัวมากขนาดไหน เราก็เลยต้องเตรียมตัวค่อนข้างหนัก เหมือนได้รับแรงกระตุ้นใหม่ๆ ให้เราพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นแล้วก็มองโลกให้กว้างขึ้น ถ้าใครมีโอกาสก็อยากให้ลองออกไปสัมผัสสิ่งใหม่ๆ รับรองว่าจะได้อะไรดีๆกลับมาเยอะเลยค่ะ 
      
     

       
 อ่านจบแล้วอยากไปไต้หวันเลยนะเนี่ย อยากไปตะลุยชิมทุกอย่างที่ว่ามาเลย อิอิ ขอบคุณน้องแตมมากๆ ที่มาเล่าเรื่องสนุกๆ ให้ได้อ่านกัน ส่วนใครอยากแบ่งปันเรื่องเล่าประสบการณ์เด็กนอกแบบนี้ ก็ส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com เลยจ้า
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
PinkGirl Member 29 มิ.ย. 58 22:25 น. 9

อิจฉาอ่ะ เราก็ติ่งไต้หวันนะ แต่ชอบพวกวงเก่าๆอ่ะ อยากไปเจอบ้างจัง ชอบคนไต้หวันอ่ะน่ารักดี เขิลลล><

0
กำลังโหลด

12 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
CassaNicha Member 29 มิ.ย. 58 09:20 น. 8

เรื่องน้ำหนักขึ้น ยืนยันได้ค่ะ ไปมา 9 วัน นน.ขึ้น 3 กิโล 

กินชาไข่มุกทุกวัน ไอติมชาเขียวที่ Family mart อร่อยกว่าเซเว่นค่ะ เห็นเสียวหลงเปา แล้วอยากกิน ซูชิที่สถานีรถไฟใต้ดินก็ดีงาม ราคาถูก อร่อย

เราชอบระบบสาธารณะที่ไต้หวันมากอ่ะ บัตร Easy card ใช่ได้กับทุกที่ ซื้อของเซเว่น ขึ้นรถเมล์ ขึ้นรถไฟใต้ดิน สะดวกสำหรับคนเริ่มเดินทางเที่ยวเองมากๆอ่ะ

0
กำลังโหลด
PinkGirl Member 29 มิ.ย. 58 22:25 น. 9

อิจฉาอ่ะ เราก็ติ่งไต้หวันนะ แต่ชอบพวกวงเก่าๆอ่ะ อยากไปเจอบ้างจัง ชอบคนไต้หวันอ่ะน่ารักดี เขิลลล><

0
กำลังโหลด
ป๋องแป้ง 30 มิ.ย. 58 21:50 น. 10
เรารู้จักวงgentleman กับ magic power คือชอบมากอ่ะ เรานี่ติ่งเหมือนกัน ติดตามอยู่จ้า เราฟังเพลงของพวกเขาทุกวันเลย อยากไปบ้างจัง
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด