มาอีกแล้ว! 13 ทริกทาง "จิตวิทยา" ที่นำไปใช้ได้ในชีวิตจริง น่าลองสุดๆ (ภาค 2)

        สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และเรื่องสนุกน่ารู้จากรอบโลกเช่นเคย ^^ ครั้งก่อนนู้น เคยนำเรื่องราวทริกสนุกๆ จากจิตวิทยามาฝาก มีน้องๆ หลายคนชอบมากและบอกว่าอยากอ่านอีก วันนี้ลองรวบรวมและแปลมาให้อ่านกันสนุกๆ อีกแล้ว ใครยังไม่อ่านตอนแรก ก็จิ้มลิ้งค์ข้างล่างเลย



   13 ทริกทาง "จิตวิทยา" ที่นำไปใช้ได้ในชีวิตจริง(เห็นผลแน่นอน)   


      
        Reverse Psychology เป็นหนึ่งในทริกจิตวิทยาที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย คอนเซ็ปต์ง่ายๆ คือการเสนอให้อีกฝ่ายลองรู้จักหรือทำอะไรที่เขาไม่ชอบ แล้วลองพูด(ท้าทาย)ว่า เธอทำไม่ได้หรอก! อีกฝ่ายจะรู้สึกว่า เฮ้ย เหมือนดูถูกเลย เดี๋ยวต้องทำให้ได้!  เช่น หากจะพูดโน้มน้าวให้แฟนทานอาหารคลีน ก็ต้องพูดแนะนำให้แฟนรู้จักอาหารคลีนก่อน จากนั้นอาจจะพูดประมาณว่า แต่เธอคงกินไม่ได้หรอกมั้ง รับรองว่าคำพูดนี้จะทำให้อีกฝ่ายฮึดและอยากลองพิสูจน์ว่าเขาน่าจะทานอาหารคลีนได้



       ถ้ามีใครคนหนึ่งกำลังนับจำนวนสิ่งของอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ 1 2 3 4.....56 57 58 แล้วเรารู้สึกอยากกวนประสาท อยากขัดอีกฝ่ายโดยการนับเลขมั่วๆ เช่น 7 19 4 9 34 .... อะไรทำนองนี้ ทางที่ได้ผลที่สุดคือให้ขัดโดยการนับเรียงจำนวนไปแทน เช่น 9 10 11 12 13 รับรองอีกฝ่ายล่มไม่เป็นท่าแน่ๆ (แต่อาจโดนเพื่อนฟาดซักที 5555 )



        ถ้าจะชวนใครทำอะไรหรือไปไหน อย่าถามเขาว่า พรุ่งนี้ไปไหนกันดี? เพราะเขาอาจจะใช้เวลาคิดนานและลงเอยด้วยการปฏิเสธว่าไม่ไป ให้เสนอทางเลือกให้เลยไป เช่น แทนที่จะถามพรุ่งนี้ไปไหนดี? ให้ถามว่า พรุ่งนี้ไปกินข้าวที่สยามหรือเอ็มโพเรียมดี? หรือให้ถามว่า เธอจะมาเจอเราตอนบ่ายหรือตอนเย็น? แทนการถามว่า เธอจะมาเจอเราหรือเปล่า?



        ถ้านั่งคุยข้างๆ ใครแล้วสงสัยว่า เขาสนใจในสิ่งที่เราพูดหรือเปล่า ให้แอบมองเท้าของเขา ถ้าเท้าของเขาเหมือนจะเยื้องมาทางเรา แปลว่าเขาสนใจในสิ่งที่กำลังพูดคุย แต่หากเท้าของเขาเบี่ยงไปทางอื่น แสดงว่าเขาไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นะ



        ถ้าอยากให้ใครชอบหรือรู้สึกดีกับเรา ไม่ใช่แค่เราที่ทำสิ่งดีๆ ให้เขาเท่านั้น แต่ลองขอให้เขาทำอะไรให้เราบ้าง เช่น ลองฝากเขาซื้อของ หรือ เห็นเขาทำขนมมากิน ก็ลองบอกเขาว่า ทำมาเผื่อฉันหน่อยสิ เพราะมันจะทำให้เขาคิดว่า เอ๊ะ นี่เรายอมทำตามคำขอ สงสัยเราคงจะรู้สึกดีต่ออีกฝ่ายอยู่บ้างนะ



        ถ้ามีใครโกรธคุณในเรื่องที่คุณไม่ได้ทำผิด วิธีที่ดีที่สุดคือการอยู่เฉยๆ และไม่ตอบโต้อะไร ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร การนิ่งเฉยของคุณนั้นมักจะทำให้อีกฝ่ายโกรธมากขึ้นในตอนแรก และจะค่อยๆ รู้สึกละอายใจ และยอมเป็นฝ่ายขอโทษก่อน



        การประจบสอพลอในระดับที่พอดีไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ต้องรู้จักบุคลิกนิสัยของอีกฝ่ายให้ดีเสียก่อน การประจบสอพลอคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองนั้น มีโอกาสที่จะทำให้อีกฝ่ายชอบคุณมากขึ้น เพราะเท่ากับว่า คุณมองเห็นค่าของเขาในระดับเดียวกับที่เขาเห็นค่าและมั่นใจในตัวเอง แต่การประจบสอพลอคนที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเองนั้น ถือว่าไร้ประโยชน์ เพราะอีกฝ่ายจะมองว่าคุณไม่จริงใจเสียมากกว่า



       เมื่อต้องพบปะกับใครเป็นครั้งแรกแล้วต้องจับมือทักทาย(เชคแฺฮนด์) ควรแน่ใจว่ามือของเรานั้นค่อนข้างอุ่น การจับมือที่อุ่น จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีมากกว่าการจับมือที่เย็น ดังนั้นใครไปเข้าห้องน้ำมา ก็อย่าลืมผึ่งมือจากเครื่องเป่ามือให้แห้งก่อนนะ



        หากมีการประชุมและคุณรู้ว่าใครกำลังจะวิจารณ์หรือเล่นงานคุณกลางที่ประชุมนี้ล่ะก็ ให้เลือกนั่งที่นั่งใกล้ๆ เค้าซะ นั่งติดกันเลยยิ่งดี คนส่วนมากมักไม่ค่อยกล้าพูดถึงคนที่นั่งใกล้ๆ ในทางไม่ดีแน่นอน (อันนี้จริงนะ คอนเฟิร์ม)



       หากคุณตั้งใจว่าจะเริ่มต้นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ตั้งใจเลิกสูบบุหรี่ ตั้งใจลดน้ำหนัก ไม่จำเป็นต้องรอปีใหม่หรือเดือนใหม่ การเริ่มต้นที่ "วันจันทร์" ถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว มีผลการทดลองว่า ปีใหม่ เดือนใหม่ ก็ไม่เวิร์คเท่า "วันจันทร์ของสัปดาห์ใหม่"



         การมีแผนสำรองไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะการมีแผนสำรองนั้นทำให้เราไม่โฟกัสกับเป้าหมายหลักอย่างเต็มที่ เพราะคิดว่า ไม่เป็นไร ยังไงก็มีแผนสำรองแล้ว มีผลการศึกษาพบว่า หากแบ่งคนเป็นสองกลุ่ม กลุ่มนึงให้โฟกัสแต่เป้าหมายหลัก ส่วนอีกกลุ่มนั้นได้รับอนุญาตให้คิดแผนสำรองไว้ด้วย ผลออกมาว่า คนกลุ่มแรกนั้นมีแนวโน้มที่จะทำเป้าหมายหลักสำเร็จมากกว่าคนอีกกลุ่ม



       หากคุณอยากตั้งใจอ่านหนังสือ แต่ไม่ชอบบรรยากาศเงียบๆ เพลงที่จะช่วยให้คุณมีสมาธิกับหนังสือข้างหน้าได้ดีที่สุดคือ ดนตรีแบบไม่มีเสียงร้อง โดยเฉพาะจำพวกเสียงเปียโนและไวโอลินนั้นถือว่าดีมาก มันเป็นการยากที่สมองของเราจะโฟกัสกับอะไรตรงหน้าได้หากมีเสียงพูดของคนอื่นดังก้องอยู่ในหัว 



        และสำหรับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการอ่านหนังสือหรือการมีสมาธิจดจ่อกับอะไรสักอย่าง "ห้องสีฟ้า" ดูจะมีผลมากที่สุด สีฟ้าจะช่วยลดความสับสนกระวนกระวายและช่วยให้ผ่อนคลาย ถือว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการอ่านหนังสือทีเดียว

       
        

        คิดว่ามีหลายข้อที่น้องๆ น่าจะนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้นะ แต่ขอคอนเฟิร์มอีกทีว่าข้อเลือกที่นั่งในห้องประชุมนั้นจริงแท้แน่นอน ฮ่าๆๆ    

 
ข้อมูลประกอบ
ภาพประกอบ : pixabay.com
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
กำลังโหลด
คิตตี้ 30 มิ.ย. 58 21:06 น. 7
เรียนจิตวิทยาอยู่ รู้สึกว่าไม่ตรงหลายข้อ ยกเว้น ข้อสุดท้ายที่ใช่- - ต้องอย่าลืมว่า บุคลิกภาพของแต่ละคนต่างกัน คิคิ
0
กำลังโหลด
แพนโดร่า ~fay102~ Member 30 มิ.ย. 58 17:10 น. 2

เป็นจริงหลายข้อเลยค่ะ ดดยเฉพาะเรื่องการอยู่เฉยๆ ไม่ตอบโต้อะไร เมื่อก่อนเราอารมณ์ร้อนมากใครว่าเราทำผิดทั้งๆ ที่ถูกเราเถียงคอเป็นเอ็นเลย แต่พอพักหลังมานี้เริ่มเงียบๆ รู้สึกว่าได้ผลค่ะ คนเชื่อเรามากกว่าตอนเถียงตาตั้งอีก

0
กำลังโหลด

16 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
แพนโดร่า ~fay102~ Member 30 มิ.ย. 58 17:10 น. 2

เป็นจริงหลายข้อเลยค่ะ ดดยเฉพาะเรื่องการอยู่เฉยๆ ไม่ตอบโต้อะไร เมื่อก่อนเราอารมณ์ร้อนมากใครว่าเราทำผิดทั้งๆ ที่ถูกเราเถียงคอเป็นเอ็นเลย แต่พอพักหลังมานี้เริ่มเงียบๆ รู้สึกว่าได้ผลค่ะ คนเชื่อเรามากกว่าตอนเถียงตาตั้งอีก

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
คิตตี้ 30 มิ.ย. 58 21:06 น. 7
เรียนจิตวิทยาอยู่ รู้สึกว่าไม่ตรงหลายข้อ ยกเว้น ข้อสุดท้ายที่ใช่- - ต้องอย่าลืมว่า บุคลิกภาพของแต่ละคนต่างกัน คิคิ
0
กำลังโหลด
ก็นะ 30 มิ.ย. 58 22:42 น. 8
เกือบทุกข้อในบทความนี้สรุปมาหนังสือจาก ดร.เดวิด เจ ไลท์เบอร์แมน นักจิตวิทยาชื่อก้องโลก หนังสือแกแปลไทยก็มรหลายเล่ม มีข้อสองข้อมาจากหนังสืออ่านภาษากายของFBI มีฉบับแปลไทยเหมือนกัน ส่วนภาคแรก มั่วเยอะมากกก
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
สัตว์ประหลาดใส่หูฟัง Member 1 ก.ค. 58 00:20 น. 10

เคยลองใช้จิตวิทยากับเพื่อนสนิทของเรานะ บางครั้งเราไม่รู้ว่าเพื่อนอารมณ์เสียอยู่รึป่าว เลยลองถามอะไรก็ได้ ถ้าเพื่อนขึ้นเสียงใส่เรา เราก็จะถามต่อไปอีกว่า โกรธเรื่องอะไร โกรธเค้าหรอ เค้าทำอะไรให้โกรธ เล่าให้ฟังสิ กลายเป็นว่าเราช่วยเพื่อน 

ปล.ถึงแม้การพูแบบนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับคนบางคนแต่ลองใช้กับเพื่อนที่อกหัหมาแล้วคนหนึ่ง ถึงผลจะไม่ดีที่สุดแต่มันช่วยให้เพื่อนรู้สึกดีขึ้นเมื่อเราเป็นคนฟังเหตุผลของคนอื่น

ยิ้มยิ้มยิ้ม

0
กำลังโหลด
*Maddy || Madeline Member 1 ก.ค. 58 14:48 น. 11

อันแรกนี่ไม่จริงอย่างแรงเลยค่ะ

โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวกับการออกกำลังกายหรือลดน้ำหนักนี่

Maddy ไม่สนเลย อยากพูดอะไรพูดไปเถอะ จะท้าทายเท่าไหร่ก็ได้

ถ้าจะทำก็ 2-3 ครั้งเท่านั้น :P

ไม่ค่อยสนคำพูดคนอื่นเท่าไหร่เลยค่ะ ตราบใดที่. Maddy happy

ก็ไม่เห็นเหตุผลที่ต้องเดือดร้อน :))

0
กำลังโหลด
pinno_tea Member 1 ก.ค. 58 17:16 น. 12

ข้อเวลามีใครโมโหเราให้อยู่เฉยๆอันนี้จริง แม่เราก็เคยสอนว่าเวลาใครว่าเราให้เราอยู่เฉยๆอย่าตอบโต้ เพราะความนิ่งและความเงียบคือการตอบโต้ที่ดีที่สุด ถ้าเราโต้กลับมันจะเป็นเหมือนการเติมน้ำมันใส่กองไฟ และถ้าเรานิ่งไว้เดี๋ยวเขาจะรู้สึกเหมือนเป็นคนบ้าพูดคนเดียว ก็จะหยุดไปเอง ปล.แต่แอบไม่เห็นด้วยเรื่องละอายใจสำนึกผิด เพราะสำหรับบางคนหน้ามันก็หนาเกิน

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด